The Overlord of Blood and Iron – ตอนที่ 6: ฉันจะให้เงินแก 100 ล้านวอน!

ตอนที่ 6: ฉันจะให้เงินแก 100 ล้านวอน!

 

ที่ชั้นดาดฟ้าของอาคารแห่งหนึ่งย่านซอโช

 

บนดาดฟ้าที่มีลมแรง ร่างของนักเลงสามคนซึ่งรวมถึงผู้จัดการปาร์คกำลังคุกเข่าลงกับพื้นต่อหน้าชายคนหนึ่งขณะกลั้นเสียงสะอื้น

 

“ฮึก…ฮึก… มัน … มันเจ็บมากเหลือเกิน…”

 

“แม่จ๋า…”

 

กลุ่มนักเลงที่ได้รับ “การฝึกจิตใจ” จากคังชอลอินได้ละทิ้งความภาคภูมิใจและศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของตัวเองไปจนหมดสิ้น การกระทำของคังชอลอินที่เกิดขึ้นเต็มไปด้วยความน่ากลัวและไร้ความปราณีจนพวกเขาไม่อาจต้านทานได้

 

“หยุดร้องไห้กันสักที”

 

คังชอลอินกล่าวขณะนั่งอยู่บนขอบของอาคารด้วยท่าที่ดูเป็นอันตราย

 

“ก็มันเจ็บ เจ็บมาก….”

 

“พวกเรา …. คงต้องได้ไปโรงพยาบาล …”

 

พวกนักเลงยังคงพากันร้องโอดครวญ

 

“อยากฝึกกันมากกว่านี้อีกใช่ไหมถึงได้ไม่เงียบกันสักทีเนี่ยห๊ะ?!”

 

คังชอลอินถามด้วยความไม่พอใจ

 

“ไม่! ไม่เอาแล้ว! ไม่อยากเจ็บอีกแล้ว!”

 

พวกนักเลงพากันร้องประท้วงเสียงดัง

 

“อืม ดีมาก”

 

คังชอลอิมยิ้มพอใจ

 

“นี่ หัวหน้าแก๊ง”

 

“คะ ครับ!”

 

ผู้จัดการปาร์คตอบรับการเรียกหาของคังชอลอิน

 

“แก ต้องเป็นคนไปทำธุระแทนฉัน”

 

“เอ่อ…ธุระอะไรหรอครับ?”

 

“ตามหาคน เรื่องการตามหาเป็นงานของพวกนักเลงแบบแกอยู่แล้วใช่ไหม?”

 

“ชะ ใช่! ใช่ครับ!”

 

อย่างที่คังชอลอินพูด ผู้จัดการปาร์คมีสำนักงานเพื่อใช้ทำงานอยู่จริงและหนึ่งในงานของพวกเขาส่วนใหญ่ก็คือการตามหาคน มันเป็นงานแบบหนึ่งที่ทุกแก๊งจะต้องเคยทำ

 

“จดไว้ซะ”

 

“ห๊ะ?”

 

“รีบจดบันทึกไว้ซะสิ”

 

“อะ .. ครับ!”

 

ผู้จัดการปาร์ครีบควานหาสมุดจดบันทึกขนาดเล็กและปากการาคาถูกในกระเป๋าเสื้อสูทเพื่อบันทึกข้อมูลที่คังชอลอินกำลังจะพูดด้วยความร้อนรน

 

“ชื่อควักจอง อายุ 28 เขตพื้นที่ในโซล มีคนบอกว่าเขาเป็นพวกสูบบุหรี่จัด จำไว้ให้ดี”

 

“ครับ … ควักจอง … อายุ 28 … สูบบุหรี่จัด ….”

 

ผู้จัดการปาร์คเขียนสิ่งที่คังชอลอินบอกมาอย่างระมัดระวัง

 

“นานแค่ไหน?”

 

“อะไรนะครับ?”

 

“จะใช้เวลาตามหานานแค่ไหน?”

 

“นั่นมัน… เอ่อ… ก็…”

 

“ก็อะไร?”

 

ปากของผู้จัดการปาร์คเปิดค้างไม่กล้าพูดขณะคิดหาข้ออ้างเพื่อตอบกลับคังชอลอินอย่างระวัง

 

“เอ่อ … ขอโทษนะครับ แต่ไม่คิดว่าข้อมูลที่คุณให้มาจะน้อยไปหน่อยหรอ…ครับ”

 

“งั้นเหรอ?”

 

คังชอลอินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

 

เมื่อลองคิดอย่างจริงจังมันก็ถูกอย่างที่ผู้จัดการปาร์คบอก เขามีข้อมูลเกี่ยวกับควักจองน้อยเกินไป อย่างน้อย ๆ ก็น่าจะต้องรู้ชื่อโรงเรียนเก่าเขาบ้างแต่เท่าที่คังชอลอินรู้เกี่ยวกับควักจองก็คือทั้งหมดที่เขาบอกผู้จัดการปาร์คไป แถมเขาเองก็ยังไม่เคยเจอตัวควักจองจริง ๆ มาก่อนอีก

 

‘นี่เราขอมากไปอย่างนั้นเหรอ…? ไม่หรอก ไม่มากสักหน่อย ถ้าไม่งั้นเราจะให้คนไปตามหาให้ทำไมถ้าการเจอตัวมันง่ายขนาดนั้น’

 

คังชอลอินยับยั้งความคิดที่จะใจอ่อนของตัวเองไว้ได้ทันจากนั้นก็กลับไปเป็นผู้ว่าจ้างเลือดเย็นและป่าเถื่อนต่อ

 

“เห้ย หัวหน้าแก๊ง”

 

“ครับท่าน!”

 

“ถ้าแกมีสำนักงานไว้ตามหาคนอยู่จริง ๆ ก็ต้องทำให้ได้”

 

“…อะไรนะครับ?”

 

“ถ้าฉันมีข้อมูลมากกว่านี้ฉันจะขอให้พวกแกออกตามหาให้แทนทำไมกัน จริงไหม?”

 

“แต่…!”

 

“แต่?”

 

“…มะ ไม่มีอะไรครับ”

 

ผู้จัดปาร์คจำต้องยอมรับงานตามหาคนของคังชอลอินอย่างช่วยไม่ได้

 

“แล้วเวลาล่ะ?”

 

“อืม… เพราะเราไม่มีเวลามากนัก…อย่างเร็วที่สุดก็น่าจะ 2 – 3 เดือน แต่ถ้าหากมันยากกว่านั้นก็อาจจะเป็นปี และถ้ามันต้องใช้เวลาเป็นปีก็คงเป็นการยากที่จะตามหาตัวเขาได้เจอ…”

 

“ฉันให้เวลา 6 เดือน”

 

“ว่าไงนะครับ…!”

 

“คิดเท่าไหร่?”

 

ดวงตาของผู้จัดการปาร์คเบิกกว้างด้วยความตกใจ

 

“คุณ … คุณจะจ่ายเงินให้ด้วยหรอครับ?”

 

“ก็ฉันจ้างให้ไปตามหา ฉันก็ควรจ่ายค่าจ้างด้วยไม่ใช่หรือไง?”

 

“ผมก็คิดว่าคุณจะให้ผมไปทำงานเป็นลูกน้อง…”

 

“ถ้าเป็นลูกน้องฉันแล้วจะไม่เอาเงิน?”

 

“ไม่ใช่อย่างนั้น…”

 

“พูดให้มันชัด ๆ!”

 

“ก็มัน…พวกผมต่อสู้แพ้แล้วคุณก็บอกให้ผมไปทำงานให้ … ผมก็เลยคิดว่าคุณจะเข้ามายึดแก๊งของพวกเรา…”

 

เมื่อได้ยินแบบนั้นใบหน้าของคังชอลอินก็เริ่มแสดงความไม่สบอารมณ์ออกมา

 

“ผู้จัดการปาร์ค มีชื่อเรียกอย่างอื่นอีกหรือเปล่า?”

 

“ปาร์คดูชิกครับ เรียกผมว่าปาร์คดูชิกเถอะครับ”

 

“ปาร์คดูชิก … โอเค ปาร์คดูชิก”

 

“ครับท่าน”

 

“ในสายตาฉันดูเหมือนคนจะเข้าไปเป็นหัวหน้าแก๊งของพวกแกอย่างนั้นเหรอ?”

 

“ไม่… ไม่เลยครับ!”

 

ปาร์คดูชิกตอบเสียงดังเมื่อรู้สึกถึงภัยที่เป็นอันตราย

 

“ฉันน่ะ…”

 

คังชอลอินกดเสียงต่ำก่อนจะพูดต่อ

 

“เกลียดพวกนักเลงอันธพาลแบบพวกแกมากที่สุด ไอ้พวกที่ชอบใช้หมัดและความรุนแรงเพื่อทำร้ายคนอื่นน่ะ … สิ่งที่พวกแกกำลังทำคือสิ่งที่ฉันเกลียดมากยิ่งกว่าอะไร ชอบทำเป็นเก่งต่อหน้าคนที่อ่อนแอและอ่อนแออย่างน่าอดสูต่อหน้าผู้ที่แข็งแกร่ง เป็นความเลวระยำที่น่ารังเกียจแบบสุด ๆ”

 

ด้วยการตักเตือนแบบฉับพลันของคังชอลอิน นักเลงทั้งสามคนรวมถึงปาร์คดูชิกอยู่ในสถานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก สิ่งที่เขาพูดไม่มีอะไรผิดไปสักอย่าง 30 นาทีก่อน “การฝึกจิตใจ” จะเริ่มขึ้น พวกเขาคาดไม่ถึงว่าตัวเองจะถูกลูกระเบิดโจมตีมากขนาดนี้ในตอนที่พวกเขากำลังทำเป็นห้าวหาญแบบนั้น

 

“แต่ก็นะ ฉันไม่ได้อยู่ในจุดที่จะมาพูดสอนสิ่งเหล่านี้กับพวกแกได้”

 

ด้วยความสุจริตใจ คังชอลอินไม่ได้อยู่ในจุดที่จะไปทับถมสถานะของพวกแก๊งนักเลงแบบนี้ได้เพราะเขาเองก็ใช้กำลังและกองทัพเพื่อทำให้ราชันย์แห่งแพนเจียนับไม่ถ้วนยอมจำนน

 

เขาเองก็เป็นเหมือนนักเลงที่แพนเจียไม่มีผิด อย่างไรก็ตามมีสองสิ่งที่แตกต่างกันระหว่างคังชอลอินและพวกนักเลงที่นี่ หนึ่งในนั้นคือเขาจะไม่ยอมอ่อนข้อให้ไม่ว่ากับใครก็ตาม

 

“ถ้าอยากแสดงความแข็งแกร่งก็จงอดทนแม้ตอนนั้นจะมีคนถือมีดมาจี้อยู่ที่คอก็ตาม” คังชอลอินกล่าว

 

“ไม่เคยคิดอายตัวเองกันเลยหรือไงตอนทำท่าทีข่มขู่คนอื่นน่ะ? ความต่างระหว่างพวกนักเลงและอัศวินที่ภักดีคืออะไรพวกแกรู้ไหม? พวกนักเลงไม่มีอะไรดีเลยสักอย่างนอกจากเป็นไฮยีน่าไล่ตามกลิ่นเงิน ไม่ต่างอะไรกับสิ่งของที่ถูกโยนทิ้งหลังใช้งาน มีพวกนักเลงน้อยกว่า 0.1% ที่จะกลายเป็นซีอีโอหรือหัวหน้าของอะไรก็ได้เมื่อพวกมันอายุมากขึ้น ส่วนใหญ่ก็มีแต่จะฆ่าแทงกันตายและเข้าออกคุกกันเป็นว่าเล่น ฉันไม่มีวันยอมเป็นแบบนั้น ฉันจะต้องประสบความสำเร็จ ละทิ้งความหวังไร้เหตุผลพวกนั้นลงถังขยะไปซะ”

 

คังชอลอินชี้แจงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงข้อจำกัดของการเป็นนักเลงและอัศวิน โดยอ้างอิงถึงข้อจำกัดและคุณภาพที่เป็นลักษณะของแก๊งจากที่ผ่าน ๆ มา

 

“แต่พอผ่านพ้นครั้งที่ห้าการเป็นนักเลงก็จะไม่สนุกอีกต่อไป แม้ประเทศนี้กำลังจะถึงคราวตกนรกแต่ประชาชนก็ยังเป็นพลังจำนวนมาก นี่พวกแกเคยได้ยินเรื่องสงครามต่อต้านอาชญากรรมกันมาบ้างไหมวะเนี่ย?”

 

ขณะที่คังชอลอินกำลังพูดอยู่ พวกนักเลงต่างพากันกระพริบตาปริบ ๆ และฟังเรื่องราวที่เขาเล่าอย่างตั้งใจ สำหรับนักเลงที่ไม่ได้รับการศึกษาและค่อนข้างโง่ก็ยากที่จะเข้าใจได้ว่าคังชอลอินกำลังพูดถึงเรื่องอะไร แต่ปาร์คดูชิกที่เป็นหัวหน้าแก๊งดูเหมือนจะพอเข้าใจอยู่เล็กน้อย

 

“อย่างไรก็ตาม”

 

คังชอลอินเอียงศีรษะไปด้านข้างราวกับว่าเขารำคาญเกินทนที่จะอธิบายถึงความต่างระหว่างเขาและปาร์ดูชิกต่อ

 

“พวกแกแค่ทำงานให้ฉันแต่ฉันไม่ได้อยากจะเป็นหัวหน้าแก๊งของพวกแก เมื่อพวกแกทำงานให้ฉันเสร็จก็เป็นอันจบกัน เข้าใจไหม?”

 

“ครับบอส!”

 

ปาร์คดูชิกพยักหน้า

 

“ฉันจะจ่ายให้ล่วงหน้าก่อน 20 ล้านวอน และจะให้อีก 80 ล้านวอนเมื่อพวกนายตามหาตัวควักจองเจอ รวมทั้งหมดก็ 100 ล้านวอน” ดวงตาของแก๊งนักเลงเบิกกว้าง

 

“100 ล้าน?”

 

“ทำไม? มันน้อยเกินไปหรือไง?”

 

“ไม่เลยครับ! มันมากไปซะด้วยซ้ำ!”

 

“ไม่ใช่ มันต้องเป็นราคานี้อย่างต่ำต่างหาก”

 

ในการออกตามหาคน ๆ หนึ่งที่จะสามารถต่อกรกับลีกงมยองหรือแม้กระทั่งเอาชนะเจ้านั่นได้ 100 ล้านวอนนี้ไม่มีค่าอะไรเลยด้วยซ้ำ

 

“ไม่ครับ มันมากเกินไป โดยปกติแล้วค่าใช้จ่ายสิ่งเหล่านี้จะเริ่มที่ 7 ล้านวอน และสูงสุดจะแค่ 30 ล้านวอน…”

 

“ถ้าฉันบอกจะจ่ายเท่านี้ฉันก็จะจ่ายเท่านี้ โอ้ หรือนายกำลังคิดว่า…”

 

ทันใดนั้นดวงตาของคังชอลอินก็หรี่แคบลงขณะจ้องหน้าปาร์คดูชิกราวกับว่าเขารู้ทันอะไรบางอย่าง

 

“คงคิดอยู่ล่ะสิว่าฉันจะไปเอาเงินจำนวนมากขนาดนั้นมาให้จากไหนทั้ง ๆ ที่ฉันมันก็เป็นแค่เด็กฝึกงาน”

 

“ไม่นะครับ ไม่ใช่แบบนั้น!”

 

ปาร์คดูชิกส่ายมือพัลวันเมื่อถูกจับได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

 

คังชอลอินยิ้มเยาะ

 

“ฉันจะทำหนังสือสัญญาไว้ให้ อีกสามวันฉันจะเอาเงินสด 20 ล้านวอนไปให้ที่สำนักงานของพวกแก 20 ล้านที่ให้ไปตอนแรกก็คงพอใช้ตามหาตัวได้อยู่หรอก ใช่ไหม?”

 

ปาร์ดูชิกที่กำลังสับสนมึนงงไม่สามารถพูดตอบอะไรได้นอกจากกระพริบตา

 

“ถ้างั้นฉันไปล่ะ อย่าลืมจัดการตัวเองให้เรียบร้อย แล้วไว้ค่อยคุยรายละเอียดกันเพิ่มเติมในภายหลัง”

 

เมื่อพูดจบ คังชอลอินก็เดินออกจากชั้นดาดฟ้าไป

 

เกิดความเงียบระหว่างพวกอันธพาลที่ถูกทิ้งไว้บนดาดฟ้า

 

“บอส…”

 

ชายคนแรกที่พูดขึ้นคือนักเลงกล้ามโตที่ถูกคังชอลอินกระแทกหมัดใส่เข้าที่คาง

 

“อะไร?”

 

ปาร์คดูชิกตอบรับ

 

“เราควรทำยังไงดีครับบอส ให้ผมไปรวบรวมคนอื่น ๆ มาให้หมดเลยดีไหมครับ?”

 

“คนอื่น ๆ?”

 

“บอสไม่คิดที่จะแก้แค้นหน่อยเลยหรอครับ? แม้ว่ามันจะเก่งแต่มันก็ตัวคนเดียว จำนวนที่มากสิครับถึงจะแข็งแกร่งที่สุด”

 

“…กวางพิล”

 

“ครับบอส”

 

นักเลงที่ชื่อกวางพิลตอบรับการเรียชื่อจากหัวเน่าเสียงต่ำ

 

“แค่หมัดเดียวแกก็ล้มไปกองกับพื้นแล้วจำได้ไหม?”

 

“…”

 

“ไอ้งี่เง่า แม้มันจะผ่านมาได้สักพักแต่ฉันก็เคยเป็นถึงผู้ชนะเหรียญทองในการแข่งกีฬาแห่งชาติ แกก็รู้ใช่ไหม?”

 

“เรื่องนั้นผมทราบดีครับ”

 

“หมอนั่น ไม่สิ บอสไม่เหมือนกับคนอื่น ๆ แม้จะมีคนของเราเป็นสิบแต่เราก็ไม่สามารถล้มเขาลงได้ ถ้าพวกแกไม่ใช่นักมวยมืออาชีพก็อย่าหวังว่าจะไปต่อสู้กับเขาได้ ถ้าคิดจะไปหาเรื่องตายก็เตรียมตัวจองโลงศพให้ตัวเองไว้ได้เลย”

 

ปาร์คดูชิกที่จดจำทักษะการต่อสู้ของคังชอลอินได้ขึ้นใจส่ายหัว

 

“บอส แต่เราต้องรักษาหน้า…”

 

“ทำไม เพราะศักดิ์ศรีของแกถูกทำลายจนเจ็บปวดเลยคิดที่จะกลับไปหาเขาอีกครั้งอย่างงั้นหรือไง?”

 

“ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น แต่ …”

 

“ปล่อยวางซะ ทำไมเราต้องเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงเพียงเพื่อจัดการให้ไอ้ประธานนั่นกัน?”

 

แม้ศักดิ์ศรีของเขาจะถูกทำลายจนย่อยยับ แต่ปาร์คดูชิกก็ไม่ได้โง่พอที่จะเลือกตอบโต้กับเหตุการณ์แบบนี้

 

“แม้ความรู้สึกจะบอกฉันว่ามันไม่ค่อยชอบมาพากลเท่าไหร่”

 

ปาร์คดูชิกทำท่าคิดหนัก

 

“ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเราจะเชื่อใจเขาได้ไหม แต่ถ้าเขาจ่ายให้เรา 100 ล้านวอนจริง ๆ มันก็ยังดีกว่าไปตามเช็ดล้างให้กับเด็ก ๆ บ้านรวยพวกนั้น”

 

“บอส! บอสเชื่อใจมันงั้นเหรอครับ? ทั้งที่มันยังดูเด็กแบบนั้นเนี่ยนะ!”

 

“ไอ้โง่เอ้ย!”

 

ปาร์คดูชิกคำราม

 

“แกเคยเจอคนที่ใช้หมัดได้ดีและมีความกล้ามากขนาดนี้มาก่อนไหม? เขาไม่เหมือนใคร แค่เพียงเหลือบตามองก็รู้ได้แล้วว่าเขาน่ะแตกต่าง ต่อให้แกไปยืนโบกเหล็กต่อหน้า เขาก็จะไม่กระพริบตาเลยด้วยซ้ำ”

 

“ก็อาจจะจริง …”

 

“เพื่อให้อยู่รอดในวงการนี้แกก็หัดใช้สมองซะบ้าง คิดแต่จะใช้กำปั้นงั้นหรอ? เหอะ อย่าโง่ไปหน่อยเลย อย่างที่บอสพูดไว้ การเป็นนักเลงสมัยนี้ไม่ใช่เรื่องสนุก”

 

“…”

 

“เรายังไม่ได้สูญเสียอะไรเพราะงั้นก็ลองดูท่าทีไปก่อน ดูว่าอีกสามวันหลังจากนี้เขาจะเอาเงิน 20 ล้านวอนมาให้เราจริง ๆ ไหม เมื่อถึงตอนนั้นมันก็ยังไม่สายเกินไปที่จะตัดสินใจเรื่องนี้ใหม่”

 

ด้วยเหตุนี้ สายตาของปาร์คดูชิกจึงเป็นประกายขึ้นอย่างรุนแรง

 

.

.

.

 

ในเวลาเดียวกัน คังชอลอินที่ลงมาจากดาดฟ้าก็ขึ้นแท๊กซี่เพื่อมุ่งหน้ากลับอพาร์ตเมนต์ของตัวเองทันที

 

‘ภารกิจตามหาควักจองจบแล้ว ที่เหลือก็แค่รอเวลาให้เจอตัวเท่านั้น… ถ้างั้นตอนนี้เราก็มุ่งเน้นไปที่การออกกำลังกายด้วยเวลาทั้งหมดที่ยังเหลืออยู่’

 

มันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการฝึกฝนร่างกายไว้ล่วงหน้าเพื่อการอัญเชิญครั้งยิ่งใหญ่ แพนเจียเป็นโลกที่ต่างจากโลกใบนี้อย่างสิ้นเชิง ที่โลกนั้นจะมีสัตว์ประหลาดที่เป็นอันตรายอยู่ทุกประเภทและไม่มีกฎหมายควบคุมดินแดนแต่อย่างใด เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ต่าง ๆ มันจำเป็นต้องสร้างความแข็งแกร่งและพลัง

 

‘หรือเราควรไปสมัครสมาชิกที่ฟิตเนสดี? แต่เดี๋ยวนะ เรามีเงินในบัญชีอยู่เท่าไหร่กัน?’

 

เพื่อสร้างกล้ามเนื้อให้ได้ในระยะเวลาอันสั้นจำเป็นต้องมีการฝึกฝนแบบตัวต่อตัวจากครูฝึกสอนที่ดี และเพื่อให้ได้ครูฝึกสอนเก่ง ๆ มันจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนหนึ่ง คังชอลอินจึงตรวจสอบยอดเงินที่เหลือในบัญชีธนาคารของเขาผ่านแอพบนสมาร์ทโฟนแล้วพบว่า

 

‘เวร… ไม่มีเงิน’

 

‘แม้แต่เงินที่จะจ่ายล่วงหน้าให้กับนักเลงพวกนั้นก็ไม่มี’

 

‘ตอนนี้มีติดตัวอยู่แค่ 2 ล้านวอนเท่านั้น ด้วยจำนวนเงินเท่านั้นมันไม่มีมากพอที่จะรักษาศักดิ์ศรีในฐานะจอมราชันย์ไว้ได้’

 

‘คงต้องไปหายืมมาสินะ’

 

คังชอลอินยังคงสงบแม้ในบัญชีธนาคารจะว่างเปล่า

 

ในอีก 3 – 4 เดือนข้างหน้าเขาก็จะกลายเป็นคนที่ร่ำรวยแบบสุด ๆ ดังนั้นในตอนนี้มันไม่มีทางเลือกใดดีไปกว่าการขอกู้เงินมาก่อน

The Overlord of Blood and Iron

The Overlord of Blood and Iron

Author:
มหาศึกจอมราชันย์ The Overlord of Blood and Iron บทนำ คังชอลอิน จอมราชันย์ผู้แกร่งกล้าจนใครต่างต้องสยบ เหตุสูญเสียทำให้เขาต้องย้อนเวลากลับไปเพื่อพิชิตกับความท้าทายอีกครั้งในการขึ้นเป็นผู้ยิ่งใหญ่และผู้ควมคุมทวีปแพนเจีย คังชอลอินจะสามารถเอาชนะจอมราชันย์ทั้งเก้าเพื่อปกครองทวีปแพนเจียได้หรือไม่?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset