The simple life of the emperor – ตอนที่ 99

หลังจากที่เทียนหลางได้ยินผู้เฒ่าฮัวพูดแบบนั้นเขาก็หัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะพูดขึ้น

 

”ถ้าหากผมจะทำแล้วมันจะทำไม… คุณจะเข้ามาขวางผมงั้นเหรอ ?”

 

เมื่อผู้เฒ่าฮัวได้ยินแบบนั้นก็คิดเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น

 

”ในตอนนี้เธออยู่ในพื้นที่ของตระกูลฮัว เธอจะทำอะไรก็ช่วยคิดเสียบ้างไม่งั้นเธออาจจะต้องได้รับผลลัพธ์ที่ไม่ดีสักเท่าไหร่นะ”

 

เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาก่อนจะพูดขึ้น

 

”เฒ่าฮัวบางทีคุณอาจจะเข้าใจอะไรผิดไปนะ”

 

เมื่อเฒ่าฮัวได้ยินคำพูดของเทียนหลางเขาก็งุนงงเล็กน้อยก่อนจะถามออกมาด้วยความสงสัย

 

”ฉันเข้าใจอะไรผิดงั้นเหรอ ?”

 

เทียนหลางจึงยิ้มพร้อมกับตอบกลับ

 

”จริงอยู่ที่คุณนั้นเป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลในเมืองนี้มีธุรกิจและเส้นสายมากมาย แต่ถึงอย่างงั้นเมื่อคุณอยู่ต่อหน้าผมตระกูลฮัวก็เป็นได้เพียงตระกูลธรรมดาๆเท่านั้น และตัวคุณเองก็ไม่ได้หน้าใหญ่พอที่จะขัดขวางผมอีกด้วย”

 

ทันทีที่ผู้เฒ่าฮัวและคนของตระกูลฮัวได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับโกรธขึ้นมาทันทีพร้อมกับตะโกนขึ้นมา

 

”แกจะปากกล้ามากไปแล้วนะไอ้หนู แกไม่รู้หรือไงว่าตระกูลฮัวของพวกเรานั้นมีประวัติมายาวนานกว่าร้อยปี แกเป็นเพียงเด็กอายุไม่ถึงยี่สิบด้วยซ้ำ อย่ามาทำปากเก่งไปหน่อยเลย !!”

 

ผู้เฒ่าฮัวที่นั่งฟังอยู่นั้นเขาก็สงบจิตใจเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น

 

”ฉันจะถือว่านั่นเป็นคำยืนยันในการกระทำของนายแล้วกันนะพ่อหนุ่ม”

 

เมื่อผู้เฒ่าฮัวพูดจบเขาก็ยกมือขึ้นช้าๆพร้อมกับมีการ์ดของตระกูลจำนวนมากกรูกันออกมาจากที่ไหนก็ไม่ทราบ ผู้คนที่มาร่วมงานเมื่อเห็นว่าเรื่องนี้เริ่มกลายเป็นเรื่องใหญ่โตก็เริ่มที่จะทยอยกลับจะมีเพียงบางกลุ่มที่สนิทกับตระกูลฮัวเท่านั้นที่เหลืออยู่

 

เทียนหลางจ้องมองเหล่าผู้ชายตัวใหญ่กล้ามโตที่แต่งตัวด้วยชุดสูทสีดำจำนวนมากก่อนจะประเมินพวกเขาเบาๆแม้พวกนี้ดูจะแข็งแกร่งมากแต่ถึงอย่างงั้นคนเหล่านี้ก็แข็งแกร่งเทียบเก่ากับทหารหน่วยรบพิเศษที่ผ่านการฝึกมาเท่านั้นแต่สำหรับ ซ่านฉิน ฟ่านหยู และจิวหยวนแล้วนั้นคนพวกนี้ไม่ได้แข็งแกร่งเลยสักนิด

 

หลังจากที่ทั้งสามคนได้เทคนิคการบ่มเพาะเยี่ยเทียนจากเทียนหลางไปหากพวกเขาสามารถฝึกฝนได้ตามที่ในคัมภีย์ได้เขียนเอาไว้ในช่วงแรกของคำภีร์แล้วละก็พวกเขาก็แข็งแกร่งพอๆกับผู้ฝึกยุทธ์ที่เข้าขั้นหลอมกล้ามเนื้อและถ้าหากพวกเขาสามารถผ่านการฝึกฝนของคำภีร์เยี่ยเทียนได้จนสมบูรณ์พวกเขาก็น่าจะเทียบเท่ากับชนชั้นปฐพีขั้นต้น

 

เทียนหลางถอนหายใจเบาๆก่อนจะสะบัดมือเล็กน้อยเพื่อให้สัญญาณกับทั้งสามคน เมื่อทั้งสามคนเห็นสัญญาณของเทียนหลางพวกเขาก็พุ่งเข้าใส่เหล่าการ์ดของตระกูลฮัว

 

การต่อสู้เกิดขึ้นทันทีเมื่อทั้งสองฝ่ายปะทะกัน การต่อสู้เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับร่างของการ์ดตระกูลฮัวที่กระเด็นปลิวไปทั่วห้องโถง

 

คนของตระกูลฮัวต่างตกตะลึงกับภาพที่ได้เห็นตรงหน้าเพราะพวกเขาไม่คิดว่าการ์ดที่เป็นอดีตทหารผ่านศึกของพวกเขานั้นจะพ้ายแพ้ง่ายๆเช่นนี้มีเพียงผู้เฒ่าฮัวเท่านั้นที่มองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความใจเย็น

 

ไม่นานนักการ์ดทั้งหมดของตระกูลฮัวก็ได้ลงไปนอนกับพื้นพร้อมกับที่คนของเทียนหลางยืนหอบเล็กน้อย

 

เทียนหลางมองพวกเขาทั้งสามคนก่อนจะยิ้มออกมา จากการสังเกตุดูนั้นพวกเขาเกือบจะข้ามผ่านขั้นชำระกระดูกแล้วขาดเพียงการผลักดันอีกเล็กน้อยเท่านั้น

 

‘หลังออกจากตระกูลฮัวฉันคงต้องให้ของขวัญพวกเขาสักหน่อยแล้ว’

 

หลังจากที่คิดได้แบบนั้นเทียนหลางก็เรียกให้ทั้งสามคนกลับมา เมื่อทั้งสามคนกลับมายืนอยู่ด้านหลังของเทียนหลางเรียบร้อยแล้วเขาก็พูดขึ้น

 

”ก็อย่างที่เห็น ตระกูลของคุณไม่ได้เป็นอะไรมากกว่าตระกูลธรรมดาตระกูลหนึ่งเท่านั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าของผม”

 

หลังจากพูดจบเทียนหลางก็เงียบไปสักพักพร้อมกับจ้องมองฮัวจือข่ายที่ค่อยๆฟื้นคืนสติขึ้นมา เมื่อเขาได้สติฮัวจือข่ายก็รีบมองไปยังบริเวณรอบข้างของเขาเมื่อเขาเห็นว่าตอนนี้ตัวเองกำลังนอนอยู่ที่ปลายเท้าของเทียนหลางเขาก็เริ่มรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันทีพร้อมกับตระโกนโวยวายขึ้น

 

เทียนหลางที่ได้ยินฮัวจือข่ายโวยวายเขาก็ยกเท้าขึ้นมาพร้อมกับเตะไปที่ท้องของฮัวจือข่ายอย่างแรง

 

เปรี้ยง !!

 

ร่างของฮัวจือข่ายกระเด็นไปติดกับผนังด้วยแรงเตะของเทียนหลางเขาร่วงลงมาราวกับใบไม้ที่ตายแล้ว เมื่อผู้เฒ่าฮัวเห็นหลานชายของตัวเองโดนกระทำโหดร้ายแบบนี้เขาก็เริ่มที่จะทนไม่ได้พร้อมกับพูดขึ้นทันที

 

”มันจะมากไปแล้วนะเจ้าหนู !!”

 

เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็พูดออกมาด้วยท่าทางยียวน

 

”โอ้ ~ มากไปงั้นเหรอ ? หลานชายของคุณส่งคนมาก่อกวนธุรกิจของผมยังไม่พอ ยังกล้าจ้างนักเลงมาทำร้ายพนักงานของผมอีกคุณคิดจริงๆเหรอว่าเรื่องนี้จะจบด้วยการเตะเพียงครั้งเดียว ?”

 

ทันทีที่พูดจบจินหยวนก็เดินเข้าไปหยิบร่างของฮัวจือข่ายมาวางเอาไว้ตรงหน้าของเทียนหลาง เทียนหลางจึงพูดขึ้นอีกครั้ง

 

”ผมบอกไปแล้วใช่ไหมว่าผู้ที่ยุ่งกับของๆคนอื่นโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตต้องถูกลงโทษ ฉะนั้นคุณควรทำตัวเป็นคนแก่ที่ดีนั่งอยู่เฉยๆและมองหลานของคุณรับผลจากการกระทำของเขาสักดีๆ”

 

เมื่อพูดจบเทียนหลางก็ยกมือขึ้นมาช้าๆพร้อมกับใช้นิ้วจิ้มไปที่ร่างกายของฮัวจือข่าย ทันทีที่นิ้วของเทียนหลางสัมผัสร่างกายของเขาฮัวจือข่ายก็ร้องออกมาด้วยเสียงโหยหวยอันน่าสยดสยอง

 

ผู้เฒ่าฮัวที่ได้เห็นแบบนั้นเขาก็ลุกพรวดพราดขึ้นทันทีพร้อมกับจ้องมองไปที่การกระทำของเทียนหลางก่อนจะตะโกนถามขึ้นมา

 

”แกทำอะไรกับหลานของฉัน !!!”

 

เทียนหลางที่ได้ยินคำถามของผู้เฒ่าฮัวเขาก็ยิ้มออกมาพร้อมกับพูดขึ้น

 

”ไม่มีอะไรมากผมก็แค่ทำให้เขากลายเป็นผักเท่านั้น”

 

เมื่อผู้เฒ่าฮัวและคนของตระกูลฮัวได้ยินก็ถึงกับตกตะลึงพร้อมกับไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็นเพราะพวกเขาไม่คิดว่าการจิ้มเพียงไม่กี่ทีก็สามารถทำให้คนที่ร่างกายแข็งแรงอย่างฮัวจือข่ายกลายเป็นผักได้

 

ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่ไม่น่าเชื่ออยู่นั้นเสียงโทรศัพของเทียนหลางก็ดังขึ้น เทียนหลางยกขึ้นมาดูเล็กน้อยก่อนจะกดรับมัน

 

หลังจากพยักหน้าอยู่สองสามครั้งเขาก็วางสายก่อนจะลุกขึ้น

 

”เอาหล่ะ สิ่งที่ต้องทำก็ทำไปแล้วเช่นนั้นก็ควรจะกลับได้สักที”

 

เมื่อทุกคนเห็นท่าทีของเทียนหลางก็ถึงกับโวยวายออกมาทันที ผู้เฒ่าฮัวก็ได้พูดขึ้นมาทันที

 

”นี่แกคิดว่าที่นี้เป็นสนามเด็กเล่นหรือไงคิดจะมาก็มาจะไปก็ไป แกคิดว่าเรื่องนี้จะจบง่ายๆงั้นเหรอ !?”

 

เทียนหลางที่ได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าฮัวเขาก็หันหน้ากลับมาหาคนของตระกูลฮัวก่อนจะกวาดสายตามองไปยังพวกเขาก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ

 

”ผู้เฒ่าฮัว เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะคนๆเดียวคุณอย่าเอาชีวิตของคนทั้งตระกูลมาเดิมพันเลย… มันไม่คุ้มกันหรอก”

 

เมื่อพูดจบเทียนหลางก็เดินจากไป แต่ก่อนจะจากไปเทียนหลางก็ได้พูดทิ้งท้ายเอาไว้

 

”แต่ถ้าหากคุณพร้อมจะลงพนัน… คุณพร้อมที่จะเสียหรือยังหล่ะ ?”

 

 

หลังจากที่เทียนหลางได้ยินผู้เฒ่าฮัวพูดแบบนั้นเขาก็หัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะพูดขึ้น

 

”ถ้าหากผมจะทำแล้วมันจะทำไม… คุณจะเข้ามาขวางผมงั้นเหรอ ?”

 

เมื่อผู้เฒ่าฮัวได้ยินแบบนั้นก็คิดเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น

 

”ในตอนนี้เธออยู่ในพื้นที่ของตระกูลฮัว เธอจะทำอะไรก็ช่วยคิดเสียบ้างไม่งั้นเธออาจจะต้องได้รับผลลัพธ์ที่ไม่ดีสักเท่าไหร่นะ”

 

เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาก่อนจะพูดขึ้น

 

”เฒ่าฮัวบางทีคุณอาจจะเข้าใจอะไรผิดไปนะ”

 

เมื่อเฒ่าฮัวได้ยินคำพูดของเทียนหลางเขาก็งุนงงเล็กน้อยก่อนจะถามออกมาด้วยความสงสัย

 

”ฉันเข้าใจอะไรผิดงั้นเหรอ ?”

 

เทียนหลางจึงยิ้มพร้อมกับตอบกลับ

 

”จริงอยู่ที่คุณนั้นเป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลในเมืองนี้มีธุรกิจและเส้นสายมากมาย แต่ถึงอย่างงั้นเมื่อคุณอยู่ต่อหน้าผมตระกูลฮัวก็เป็นได้เพียงตระกูลธรรมดาๆเท่านั้น และตัวคุณเองก็ไม่ได้หน้าใหญ่พอที่จะขัดขวางผมอีกด้วย”

 

ทันทีที่ผู้เฒ่าฮัวและคนของตระกูลฮัวได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับโกรธขึ้นมาทันทีพร้อมกับตะโกนขึ้นมา

 

”แกจะปากกล้ามากไปแล้วนะไอ้หนู แกไม่รู้หรือไงว่าตระกูลฮัวของพวกเรานั้นมีประวัติมายาวนานกว่าร้อยปี แกเป็นเพียงเด็กอายุไม่ถึงยี่สิบด้วยซ้ำ อย่ามาทำปากเก่งไปหน่อยเลย !!”

 

ผู้เฒ่าฮัวที่นั่งฟังอยู่นั้นเขาก็สงบจิตใจเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น

 

”ฉันจะถือว่านั่นเป็นคำยืนยันในการกระทำของนายแล้วกันนะพ่อหนุ่ม”

 

เมื่อผู้เฒ่าฮัวพูดจบเขาก็ยกมือขึ้นช้าๆพร้อมกับมีการ์ดของตระกูลจำนวนมากกรูกันออกมาจากที่ไหนก็ไม่ทราบ ผู้คนที่มาร่วมงานเมื่อเห็นว่าเรื่องนี้เริ่มกลายเป็นเรื่องใหญ่โตก็เริ่มที่จะทยอยกลับจะมีเพียงบางกลุ่มที่สนิทกับตระกูลฮัวเท่านั้นที่เหลืออยู่

 

เทียนหลางจ้องมองเหล่าผู้ชายตัวใหญ่กล้ามโตที่แต่งตัวด้วยชุดสูทสีดำจำนวนมากก่อนจะประเมินพวกเขาเบาๆแม้พวกนี้ดูจะแข็งแกร่งมากแต่ถึงอย่างงั้นคนเหล่านี้ก็แข็งแกร่งเทียบเก่ากับทหารหน่วยรบพิเศษที่ผ่านการฝึกมาเท่านั้นแต่สำหรับ ซ่านฉิน ฟ่านหยู และจิวหยวนแล้วนั้นคนพวกนี้ไม่ได้แข็งแกร่งเลยสักนิด

 

หลังจากที่ทั้งสามคนได้เทคนิคการบ่มเพาะเยี่ยเทียนจากเทียนหลางไปหากพวกเขาสามารถฝึกฝนได้ตามที่ในคัมภีย์ได้เขียนเอาไว้ในช่วงแรกของคำภีร์แล้วละก็พวกเขาก็แข็งแกร่งพอๆกับผู้ฝึกยุทธ์ที่เข้าขั้นหลอมกล้ามเนื้อและถ้าหากพวกเขาสามารถผ่านการฝึกฝนของคำภีร์เยี่ยเทียนได้จนสมบูรณ์พวกเขาก็น่าจะเทียบเท่ากับชนชั้นปฐพีขั้นต้น

 

เทียนหลางถอนหายใจเบาๆก่อนจะสะบัดมือเล็กน้อยเพื่อให้สัญญาณกับทั้งสามคน เมื่อทั้งสามคนเห็นสัญญาณของเทียนหลางพวกเขาก็พุ่งเข้าใส่เหล่าการ์ดของตระกูลฮัว

 

การต่อสู้เกิดขึ้นทันทีเมื่อทั้งสองฝ่ายปะทะกัน การต่อสู้เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับร่างของการ์ดตระกูลฮัวที่กระเด็นปลิวไปทั่วห้องโถง

 

คนของตระกูลฮัวต่างตกตะลึงกับภาพที่ได้เห็นตรงหน้าเพราะพวกเขาไม่คิดว่าการ์ดที่เป็นอดีตทหารผ่านศึกของพวกเขานั้นจะพ้ายแพ้ง่ายๆเช่นนี้มีเพียงผู้เฒ่าฮัวเท่านั้นที่มองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความใจเย็น

 

ไม่นานนักการ์ดทั้งหมดของตระกูลฮัวก็ได้ลงไปนอนกับพื้นพร้อมกับที่คนของเทียนหลางยืนหอบเล็กน้อย

 

เทียนหลางมองพวกเขาทั้งสามคนก่อนจะยิ้มออกมา จากการสังเกตุดูนั้นพวกเขาเกือบจะข้ามผ่านขั้นชำระกระดูกแล้วขาดเพียงการผลักดันอีกเล็กน้อยเท่านั้น

 

‘หลังออกจากตระกูลฮัวฉันคงต้องให้ของขวัญพวกเขาสักหน่อยแล้ว’

 

หลังจากที่คิดได้แบบนั้นเทียนหลางก็เรียกให้ทั้งสามคนกลับมา เมื่อทั้งสามคนกลับมายืนอยู่ด้านหลังของเทียนหลางเรียบร้อยแล้วเขาก็พูดขึ้น

 

”ก็อย่างที่เห็น ตระกูลของคุณไม่ได้เป็นอะไรมากกว่าตระกูลธรรมดาตระกูลหนึ่งเท่านั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าของผม”

 

หลังจากพูดจบเทียนหลางก็เงียบไปสักพักพร้อมกับจ้องมองฮัวจือข่ายที่ค่อยๆฟื้นคืนสติขึ้นมา เมื่อเขาได้สติฮัวจือข่ายก็รีบมองไปยังบริเวณรอบข้างของเขาเมื่อเขาเห็นว่าตอนนี้ตัวเองกำลังนอนอยู่ที่ปลายเท้าของเทียนหลางเขาก็เริ่มรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันทีพร้อมกับตระโกนโวยวายขึ้น

 

เทียนหลางที่ได้ยินฮัวจือข่ายโวยวายเขาก็ยกเท้าขึ้นมาพร้อมกับเตะไปที่ท้องของฮัวจือข่ายอย่างแรง

 

เปรี้ยง !!

 

ร่างของฮัวจือข่ายกระเด็นไปติดกับผนังด้วยแรงเตะของเทียนหลางเขาร่วงลงมาราวกับใบไม้ที่ตายแล้ว เมื่อผู้เฒ่าฮัวเห็นหลานชายของตัวเองโดนกระทำโหดร้ายแบบนี้เขาก็เริ่มที่จะทนไม่ได้พร้อมกับพูดขึ้นทันที

 

”มันจะมากไปแล้วนะเจ้าหนู !!”

 

เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็พูดออกมาด้วยท่าทางยียวน

 

”โอ้ ~ มากไปงั้นเหรอ ? หลานชายของคุณส่งคนมาก่อกวนธุรกิจของผมยังไม่พอ ยังกล้าจ้างนักเลงมาทำร้ายพนักงานของผมอีกคุณคิดจริงๆเหรอว่าเรื่องนี้จะจบด้วยการเตะเพียงครั้งเดียว ?”

 

ทันทีที่พูดจบจินหยวนก็เดินเข้าไปหยิบร่างของฮัวจือข่ายมาวางเอาไว้ตรงหน้าของเทียนหลาง เทียนหลางจึงพูดขึ้นอีกครั้ง

 

”ผมบอกไปแล้วใช่ไหมว่าผู้ที่ยุ่งกับของๆคนอื่นโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตต้องถูกลงโทษ ฉะนั้นคุณควรทำตัวเป็นคนแก่ที่ดีนั่งอยู่เฉยๆและมองหลานของคุณรับผลจากการกระทำของเขาสักดีๆ”

 

เมื่อพูดจบเทียนหลางก็ยกมือขึ้นมาช้าๆพร้อมกับใช้นิ้วจิ้มไปที่ร่างกายของฮัวจือข่าย ทันทีที่นิ้วของเทียนหลางสัมผัสร่างกายของเขาฮัวจือข่ายก็ร้องออกมาด้วยเสียงโหยหวยอันน่าสยดสยอง

 

ผู้เฒ่าฮัวที่ได้เห็นแบบนั้นเขาก็ลุกพรวดพราดขึ้นทันทีพร้อมกับจ้องมองไปที่การกระทำของเทียนหลางก่อนจะตะโกนถามขึ้นมา

 

”แกทำอะไรกับหลานของฉัน !!!”

 

เทียนหลางที่ได้ยินคำถามของผู้เฒ่าฮัวเขาก็ยิ้มออกมาพร้อมกับพูดขึ้น

 

”ไม่มีอะไรมากผมก็แค่ทำให้เขากลายเป็นผักเท่านั้น”

 

เมื่อผู้เฒ่าฮัวและคนของตระกูลฮัวได้ยินก็ถึงกับตกตะลึงพร้อมกับไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็นเพราะพวกเขาไม่คิดว่าการจิ้มเพียงไม่กี่ทีก็สามารถทำให้คนที่ร่างกายแข็งแรงอย่างฮัวจือข่ายกลายเป็นผักได้

 

ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่ไม่น่าเชื่ออยู่นั้นเสียงโทรศัพของเทียนหลางก็ดังขึ้น เทียนหลางยกขึ้นมาดูเล็กน้อยก่อนจะกดรับมัน

 

หลังจากพยักหน้าอยู่สองสามครั้งเขาก็วางสายก่อนจะลุกขึ้น

 

”เอาหล่ะ สิ่งที่ต้องทำก็ทำไปแล้วเช่นนั้นก็ควรจะกลับได้สักที”

 

เมื่อทุกคนเห็นท่าทีของเทียนหลางก็ถึงกับโวยวายออกมาทันที ผู้เฒ่าฮัวก็ได้พูดขึ้นมาทันที

 

”นี่แกคิดว่าที่นี้เป็นสนามเด็กเล่นหรือไงคิดจะมาก็มาจะไปก็ไป แกคิดว่าเรื่องนี้จะจบง่ายๆงั้นเหรอ !?”

 

เทียนหลางที่ได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าฮัวเขาก็หันหน้ากลับมาหาคนของตระกูลฮัวก่อนจะกวาดสายตามองไปยังพวกเขาก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ

 

”ผู้เฒ่าฮัว เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะคนๆเดียวคุณอย่าเอาชีวิตของคนทั้งตระกูลมาเดิมพันเลย… มันไม่คุ้มกันหรอก”

 

เมื่อพูดจบเทียนหลางก็เดินจากไป แต่ก่อนจะจากไปเทียนหลางก็ได้พูดทิ้งท้ายเอาไว้

 

”แต่ถ้าหากคุณพร้อมจะลงพนัน… คุณพร้อมที่จะเสียหรือยังหล่ะ ?”

 

 

The simple life of the emperor

The simple life of the emperor

Score 5.9
Status: Ongoing Released: N/A Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง The simple life of the emperorจักรพรรดิสวรรค์เทียนหลางเบื่อหน่ายกับชีวิตของเขาบนสวรรค์จึงได้จุติลงมาเกิดบนโลกมนุษย์ แต่เกิดความผิดพลาดขึ้นทำให้เขาหลุดมาอยู่ในร่างของเทียนหลางเด็กหนุ่มเจ้าของร้านอาหารที่กำลังจะเจ๊ง !

Comment

Options

not work with dark mode
Reset