Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – ตอนที่ 131 กองกำลังร่วม

ซาร์ดถือ ‘คทาแห่งตะวัน’ ในมือ แผ่ ‘วงพลังเทพ’ ให้กระจายคลุมไปทั่วเมือง ในการแผ่วงพลังออกไป ซาร์ดดึงสมรภูมิเข้าไปสู่อีกมิติ เพื่อป้องกันไม่ให้เมืองถูกทำลายจากการต่อสู้ที่กำลังจะเริ่มขึ้น

แล้วซาร์ดก็ตอบน้ำเสียงยานคาง “มีคนจัดการให้ข้าแล้ว เจ้าไม่ต้องห่วง”

“มีเพียงคนเดียวที่สามารถรับมือได้” ทิโฟทิดิสเรียก ‘วงพลังปีศาจ’ ออกมาคลุมรอบตัว สกัดกั้น ‘วงพลังเทพ’ ไม่ให้เข้าถึงตัวมันโดยไม่ยากเย็น “เจ้าร่วมมือกับเจ้าแห่งเวทชั้นสูง ยาโรรัน แฮททาเวย์ งั้นหรือ?! กล้าดียังไง! เจ้าช่วยให้นางกลับมาจากมิติลับงั้นหรือ?!”

“จำไว้… ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร” ซาร์ดยิ้ม

มองไปรอบๆ ทิโฟทิดิสไม่เห็นพระคาร์ดินัลรูปอื่นๆ อยู่เลย ยิ่งพระสันตะปาปายิ่งเป็นไปไม่ได้

“อย่างที่เจ้าเห็น ข้าเป็นคาร์ดินัลหลวงคนเดียว ณ ตรงนี้” ซาร์ดยังคงพูดด้วยน้ำเสียงสุขุมเป็นอย่างยิ่ง “ข้าสนใจเรื่อง ‘ผู้วิเศษชั้นตำนาน’ เจ้าของนาม ‘มาสเกลีน’ และความลับของมิติ ‘โลกแห่งวิญญาณ’ เจ้ากับแอ็ปซิสคงรู้ดีอยู่แล้ว”

“เสี่ยง… เป็นการเสี่ยงครั้งใหญ่” ทิโฟทิดิสหัวเราะออกมาด้วยเสียงที่แหบห่า “เจ้ามนุษย์ผู้โลภมาก เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถหยุดข้าด้วยวงพลังส่องโง่ๆ พวกนี้หรือ? บอกข้าสิ… เจ้ากล้าสารภาพความจริงกับยาโรรันแบบหมดเปลือกไหม?”

ซาร์ดเตรียมพร้อมรับมือไว้อย่างดี เขายักไหล่ “โถ คงต้องเสียใจด้วย… ข้าไม่จำเป็นต้องลงมือเอง”

ไรน์ ในชุดเสื้อสีดำและเสื้อคลุมยาวสีแดง ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังเจ้ามหาลัทธิอาเจนต์

ไม่ทันได้ระวังหลัง ทิโฟทิดิสหัวเราะเยาะ “เจ้าแวมไพร์กระจอกงอกง่อย”

ปีกค้างคาวสีดำขนาดใหญ่สองคู่สยายออกมาจากแผ่นหลังไรน์ รัศมีความมืดและปีศาจของไรน์ทรงพลังไม่ต่างกับแสงศักดิ์สิทธิ์รอบตัวซาร์ด ดวงตาของเขาแทนที่จะเป็นสีแดงเข้มแบบแวมไพร์ทั่วไป กลับเป็นสีเงิน

“ไม่เจอกันนาน ทิโฟทิดิส จำใส่กะโหลกไว้ แวมไพร์มีหลายสายพันธุ์ แต่ดูเหมือนเจ้าจะลืมข้าไปเสียแล้ว” ไรน์ตอบอย่างไม่มีพิธีรีตอง

“เคานต์เนตรเงิน ผู้สังเกตการณ์ เจ้านี่เอง” ทิโฟทิดิสน้ำเสียงเคร่งเครียดขึ้นมา

เหนือทะเลสาบเอลซินอร์ บรรดาพระคาร์ดินัล อัศวินทองคำ และผู้พิทักษ์ราตรี ลอยตัวอยู่กลางท้องฟ้าล้อมกรอบศัตรูไว้

ภายในวงล้อม มีชายหญิงคู่หนึ่ง

ผู้ชายอยู่ในชุดดำ ผมสีน้ำตาลและตาสีน้ำเงิน เขาคือโรเจริโอ พันธมิตรทางธุรกิจของเดโรนีที่ลูเซียนเคยเจอมาก่อนครั้งหนึ่ง ตามที่เวอร์ดี้พูดไว้ โรเจริโอและอัศวินอาภาอีกนายหนึ่งกำลังสู้อยู่กับคามิลอยู่ในตอนนั้น

ส่วนผู้หญิงเป็นสาวงามและตาสีเงินของนางดูมีเสน่ห์มาก ด้วยชุดสีม่วงเข้ม นางดูค่อนข้างเยือกเย็นมาก นางค่อยๆ ยกมือขึ้นชี้นิ้วไปที่อีเลีย และเหล่านักบวชและอัศวินดำใต้บังคับบัญชาของเขาซึ่งต่างคนต่างกำลังสับสนมากในตอนนี้ นางขยับริมฝีปากเพียงนิดเดียว

“แยกธาตุ”

ทันใดนั้น อีเลีย นักบวชหลวงระดับเจ็ด สลายกลายเป็นสสารนานาชนิด ทั้งอนุภาคสีดำ ควัน ก้อนวัตถุไวไฟสีเขียว ผงกำมะถันกลิ่นฉุน และพลังปีศาจอันทรงพลังของเขาแยกตัวสลายไปยังรวดเร็ว

ไม่นาน นักบวชหลวงระดับเจ็ดผู้นี้ รวมถึงนักบวชชั้นสูงหกรูป นักบวชชั้นล่างสิบสองรูป และอัศวินดำทั้งหมด ก็สลายกลายสภาพเป็นอนุภาคเม็ดเล็กๆ สีต่างๆ ลอยอยู่กลางอากาศ ณ เวลานั้น พวกเขาก็ปล่อยไปตามเวรตามกรรม

แม้ปีศาจในชุดดำที่ดูน่าขนลุกจะสลายไปเช่นกัน แต่อนุภาคสีต่างๆ ที่ลอยอยู่กลางอากาศยังไม่หายไป เพียงชั่วครู่ อนุภาคเหล่านั้นก็รวมตัวกันและปีศาจก็จุติขึ้นอีกครั้ง

“แอ็ปซิส กลับไปดินแดนโครงกระดูกของเจ้าเสีย” สาวงามคนนั้นพูดสั้นๆ

ประตูเรืองแสงปรากฏขึ้นตรงหน้าเจ้าปีศาจ หลังจากจ้องมองหญิงสาวเงียบๆ อยู่พักหนึ่ง ปีศาจในชุดสีดำก็ก้าวเข้าในไปประตูมิติอย่างว่านอนสอนง่าย

หลังจากนั้น ทะเลสาบก็กลับมาสงบอีกครั้ง ศาสนจักรเข้ามากอบกู้สถานการณ์ได้ทันเวลา ชาวบ้านในเมืองเล็กๆ นี้รอดตาย

“พวกเจ้าไปได้แล้ว” สาวงามผู้นี้ยังคงสุขุมมาก นางออกคำสั่งกับพระคาร์ดินัลและอัศวินทรงพลังให้กลับไป ราวกับกำลังออกคำสั่งกับสาวกของนางเอง

อะเมลตัน, เฮย์เวิร์ด และราฟาติหันไปรอบๆ และปฏิบัติตามคำสั่งอย่างอ่อนน้อม แม้พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมนางถึงมาโผล่ที่นี่ได้ พวกเขาก็โล่งใจมากที่นางไม่สังหารพวกเขา

สาวงามผู้นี้คือ ‘เจ้าแห่งเวท’ นางเป็นหนึ่งในเจ้าแห่งเวทผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ‘ยาโรรัน แฮททาเวย์’ เจ้าแห่งธาตุ ผู้มีรายชื่ออยู่ในลำดับที่สิบหกของบัญชีกวาดล้างของ ‘ศาสนจักร’

หลังจากศาสนจักรและคนจากราชรัฐกลับไปแล้ว โรเจริโอก็ลอยมาอยู่ตรงหน้าแฮททาเวย์และถามนางด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ท่านหญิง ท่านละเมิดมติของสมาชิกสภาเวทมนตร์ได้อย่างไร?”

นางชำเลืองมองโรเจริโอ ดวงตาสีเงินของแฮททาเวย์ยังคงเยือกเย็น “ข้าได้เห็นชอบอย่างนั้นหรือ? หากไร้คำยินยอมจากข้า มตินั้นย่อมขาดชอบธรรม”

“แต่…” โรเจริโอพยายามแย้ง

อย่างไรก็ตาม แฮททาเวย์ชิงพูดตัดหน้าเสียก่อน “เจ้าแห่งเวทชั้นสูงทุกคนมีอำนาจยับยั้งมติ เจ้าควรจำใส่สมองไว้ ข้าไม่ต้องการให้ใครหน้าไหนเข้าไปยุ่มย่ามกับเรื่องภายในตระกูลโฮล์ม”

หลังจากพูดจบประโยค นางก็หายวับไปในอากาศ

เมื่อแฮททาเวย์หายไปแล้ว สีหน้าโรเจริโอดูโล่งอกราวกับความโกรธที่เขาเพิ่งแสดงออกเป็นเรื่องเสแสร้ง การเผชิญหน้ากับการแย่งชิงอำนาจภายในระหว่างเจ้าแห่งเวทชั้นสูง แม้แต่ผู้วิเศษก็ยังต้องระวังตัว

ณ ทุ่งโล่งกว้างด้านนอกของป่าดำเมลเซอร์ ร่างไร้วิญญาณมากมายกองทับกัน

คามิลคว้าคอเวอร์ดี้ด้วยมือขวา นางยกตัวเขาลอยขึ้น “องค์หญิงอยู่ไหน?”

เวอร์ดี้รู้ตัวว่าเขาสิ้นหวังแล้ว จึงพูดจากวนประสาท “ในป่าดำ อัศวินของข้าคงลากคอนางแล้วสังหารทิ้งแล้ว”

คามิลบีบคอเขาแรงขึ้น

“บอก… บอกข้าที คามิล…” เวอร์ดี้หายใจไม่ออก คำพูดของเขาเปล่งเสียงออกมาลำบาก “แกรนด์ดยุก… สั่งให้เจ้า… สังหารพ่อข้าใช่ไหม?”

“ไปลงนรกเสีย” คามิลใช้พลังระเบิดร่างเวอร์ดี้ออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยพวยน้ำทรงพลัง

จนกระทั่งวินาทีสุดท้ายของชีวิตเวอร์ดี้ เขาก็ไม่รู้สึกเสียใจ

เมื่อเข้าไปในป่าดำ คามิลเริ่มแกะรอยตามกลิ่นคาวเลือดของนาตาซา ตามทางไปข้างหน้า นางลังเลขึ้นมา เนื่องจากทั้งสองทางต่างก็มีกลิ่นเลือดเหมือนกัน

ว่านห่างจระเข้ผีดูแตกต่างจากว่านหางจระเข้ทั่วไป ว่านพิเศษชนิดนี้มีใบสีขาวลักษณะยาวห้าใบ ราวกับว่าสีของมันซีดหายไปนานแล้ว ปลายใบมีหนามโปร่งแสงยาวๆ ใบของมันยับยู่ยี่มากดูเหมือนนิ้วแห้งเหี่ยวของแม่มดเฒ่าที่มีเล็บยาวแหลม

นาตาซารู้สึกดีขึ้นมาก นางเด็ดว่านหางจระเข้ผีมาขยำๆ จนน้ำยางไหลออกมา

“ลูเซียน เจ้าช่วยเอานี่โปะแผลข้าหน่อย เดี๋ยวข้าจะช่วยห้ามเลือดที่หลังเจ้า” นาตาซาไม่รู้สึกเขินอายอีกต่อไป

ลูเซียนรู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาจะมัวมาห่วงเรื่องมารยาทระหว่างชายหญิง เขาพยักหน้าและทำตามคำขอของนาตาซา เมื่อเขาถูก้อนยางว่านหางจระเข้เล็กๆ บนแผลของนาตาซา เขาสังเกตเห็นสุดยอดพลังเยียวยาตัวเองของอัศวินหลวง แผลบนตัวของนางกำลังรักษาตัวเองอย่างเห็นได้ชัด

“เจ้ารู้สึกอย่างไร?” นาตาซาแกล้งหยอก “เห็นหน้าท้องผู้หญิงเป็นครั้งแรกใช่ไหม?”

ลูเซียนคิดเงียบๆ อยู่ในหัวว่าเขาเห็นสาวๆ นุ่งบิกินีในโลกเดิมของเขาจนชินตา และเขาน่าจะเคยเห็นหน้าท้องสาวๆ มามากกว่านาตาซา แต่เขาก็ตอบกลับน้ำเสียงจริงจัง “น่ากลัว… อวัยวะภายในของพระองค์บาดเจ็บหลายส่วน กระหม่อมรู้สึกเหมือนกำลังฝันร้าย”

“เจ้าน่าจะโล่งอกนะ ถ้าเรารอดคืนนี้ไปได้ แล้วเจ้ามีโอกาสได้นอนฝันร้ายอยู่บนเตียง” นาตาซาหัวเราะ “ตราบใดที่อวัยวะภายในข้ายังไม่ถูกทำลายไปทั้งหมด สำหรับอัศวินหลวงอย่างข้าที่มีพลังใกล้เคียงกับอัศวินอาภาและมี ‘พร’ พิเศษ สถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น”

“จะรอดูพะยะค่ะ…” ลูเซียนขมวดคิ้ว ขณะถูก้อนว่านห่างจระเข้ผีบนแผลนาตาซา

“เจ้าไม่เชื่อข้าหรือไง?” นาตาซาหัวเราะคิกคัก “ข้าไม่เป็นอะไรหรอก ลูเซียน จริงๆ ถ้าเราหลงป่าและต้องหาอะไรกิน เจ้าเฉือนหัวใจ ตับ ไตข้าไปย่างกินได้นะ น่ากินใช่ไหมละ?”

“ไม่ดีกว่า… ฝ่าบาท” ลูเซียนถอนหายใจยาว บางทีเขาก็ไม่รู้ว่าจะรับมือกับอารมณ์ขันของนาตาซาอย่างไร

“คือ…” นาตาซาเสริม “ถ้าข้าไม่ได้รับอาหารเพียงพอ ร่างกายข้าจะหยุดฟื้นตัว แล้วข้าจะตาย ก็ไม่ต่างกับคนปกติ”

“กระหม่อมจะไม่ให้เกิดขึ้น” ลูเซียนตอบด้วยน้ำเสียงสุขุม “อีกสักสิบนาที เราน่าจะใกล้ถึงแม่น้ำมัสซอล”

ณ นครอัลโต้

ทิโฟทิดิส ‘เจ้ามหาลัทธิอาเจนต์’ ถูกบีบแน่นอยู่ในวงพลังเทพหลายต่อหลายชั้นที่ซาร์ดควบคุมด้วยพลังทั้งหมดที่เขามี

ส่วนตรงหน้าทิโพทิดิส ไรน์ยกมือขวาขึ้นและปีกค้างคาวยักษ์ของเขาก็กางออกเต็มที่ ทันใดนั้น ท้องฟ้ายามค่ำคืนก็สว่างไสว เมื่อดวงจันทร์เต็มดวงปรากฏขึ้นพร้อมแสงสีเงินสว่างจ้า

ดวงจันทร์เริ่มใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น และแสงก็สว่างขึ้น สว่างขึ้น

ทิโฟทิดิสเห็นภาพสลัวๆ ของร่างหนึ่ง ผมสีทองอยู่ภายในดวงจันทร์สีเงิน มีเพียงดวงตาสีแดงเข้มในร่างเท่านั้นที่เห็นได้ชัด ร่างนั้นยกดาบขึ้นช้าๆ

‘เจ้ามหาลัทธิอาเจนต์’ ต้องตะลึงงัน “เจ้ายืมพลังมาได้อย่างไร?!”

ไรน์เอียงคอไปด้านข้าง แสยะรอยยิ้มปีศาจ และเขาก็ตวัดมือลงอย่างแรง พร้อมกันนั้น ร่างผมทองนั้นก็ตวัดดาบลงมาพร้อมกัน

ดวงจันทร์สีเงินฟาดดาบลงมาจนทิโฟทิดิสตาบอดลงในทันที ขณะที่มันได้ยินไรน์เอ่ย “คิดถึงข้าทุกครั้ง ถ้ามีโอกาสได้มองดวงจันทร์”

……………………………………….

Throne of Magical Arcana

Throne of Magical Arcana

ซย่าเฟิง นักศึกษาปีสุดท้ายผู้อ่อนต่อโลก ตื่นขึ้นมาอยู่ในร่างของลูเซียน อีวานส์ เด็กหนุ่มกำพร้าชนชั้นกรรมาชีพที่เฉลียวฉลาด บนโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ แม่มด ลัทธินอกรีต อัศวิน ปีศาจ และศรัทธาในพระเจ้า ลูเซียนประยุกต์ใช้ความรู้จากโลกเก่าพร้อมกับพลังวิเศษ ‘ห้องสมุดในห้วงสมอง’ ศึกษาเปรียบเทียบวิทยาศาสตร์กับเวทมนตร์ เพราะ ‘ความรู้คืออำนาจ’ ที่จะช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมายในการยกระดับชีวิต!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset