Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – ตอนที่ 132 ที่หมาย

พระคาร์ดินัลหลายรูปของศาสนจักรนำกองผู้พิทักษ์ราตรีกลับมายังนครอัลโต้ เมืองแห่งนี้ยังคงหลับใหลอย่างเงียบสงบอยู่ในความมืดมิด เงียบสงบไม่ต่างจากตอนที่พวกเขาออกเดินทางก่อนหน้านี้

ณ เวลานั้น วีล่า อะเมลตัน พระคาร์ดินัลในชุดแดง ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำของ ‘คณะไต่สวน’ อยู่ๆ ก็หยุดลอยตัวอยู่กลางอากาศ ทันทีทันใดนั้น นางก็หันกลับไปยัง ‘ผู้คุมกฎ’ “ซัลวาดอร์ กลับไปตามหาท่านหญิงคามิลเดี๋ยวนี้ นางกำลังตามหาเจ้าหญิงอยู่ในป่าดำเมลเซอร์”

ก่อนที่ซัลวาดอร์จะตอบรับคำสั่ง เคานต์เฮย์เวิร์ด รองผู้บัญชาการกองอัศวินไวโอเล็ต โพล่งออกมา “เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าหญิง?”

“มีการสมรู้ร่วมคิดกับสภาเวทมนตร์ เวอร์ดี้ซุ่มโจมตีเจ้าหญิง หวังปลงพระชนม์นาง นาตาซาตีฝ่าวงล้อมไปได้และกำลังซ่อนตัวอยู่ในป่าดำ”

“อะไรนะ! เวอร์ดี้!” ราฟาติและเฮย์เวิร์ดท่าทางตกใจ พวกเขาไม่อยากเชื่อหูตัวเอง

อัศวินชนชั้นสูงศักดิ์อีกหลายนายที่อยู่ตรงนั้นก็ดูตกใจมากเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เหตุผลที่ชนชั้นสูงพวกนี้ต้องสะดุ้งเฮือก ก็เพราะแผนกบฏของเวอร์ดี้พังไม่เป็นท่า

“ใช่ ท่านซาร์ด เพิ่งแจ้งข้ามา” อะเมลตันตอบสั้นๆ

“ข้าจะไปกับพวกเขา” คิ้วของเฮย์เวิร์ดขมวดแน่น แม้เขาจะดูเหมือนชายหนุ่มวัยยี่สิบ แต่จริงๆ แล้วเขาอายุมากกว่าหนึ่งร้อยหกสิบปี เฮย์เวิร์ดเคยรับรู้แผนสมคบคิดมามากมายนับครั้งไม่ถ้วนในชีวิต ตอนนี้ ก็มีข้อสงสัยผุดขึ้นในใจ สัญชาตญาณของเฮย์เวิร์ดบอกเขาว่า เหตุผลที่พวกเขาถูกส่งไปยังทะเลสาบเอลซินอร์ก่อนหน้าในคืนนี้ซับซ้อนกว่าที่เขาคิด

ซัลวาดอร์ทำสัญลักษณ์ไม้กางเขน “รับทราบ ขอรับใต้เท้า”

“สัจจะคงอยู่นิรันดร์” อะเมลตันก็ทำสัญลักษณ์ไม้กางเขนอำนวยพรเช่นกัน

ด้วยความสามารถพิเศษของอารอนในการสื่อสารกับเงามืด ในไม่ช้า ท็อดก็พบกอว่านหางจระเข้ผีที่มีใบหายไปสองสามใบ

“ข้ารู้ว่าพวกมันต้องใช้ว่านหางจระเข้ผี… เรามาถึงช้าไปหน่อย” ท็อดรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา แต่แล้วเขาก็หันไปทางอารอน “พวกมันไปทางไหน รู้ไหม?”

“เงาบอกข้าว่า…” อารอนตรวจสอบบรรยากาศรอบๆ อย่างระมัดระวัง “พวกมันยังอยู่แถวนี้”

“เป็นไปไม่ได้” ท็อดฟันต้นไม้กอว่านหางจระเข้ผีด้วยดาบของเขาอย่างฉุนเฉียว

“อธิบายได้อย่างเดียว” อารอนพูดกับท็อด “พวกมันกระโดดลงไปในแม่น้ำ”

ว่านหางจระเข้ผีมักขึ้นใกล้กับแหล่งน้ำ และกอนี้ก็เหมือนกัน ไม่ไกลจากกอว่านหางจระเข้ผี มีลำห้วยเล็กเชื่อมต่อกับ ‘แม่น้ำมัสซอล’

“เราต้องไปตามลำน้ำ” ท็อดพยักหน้า “พวกมันบาดเจ็บหนักกว่าเรามาก เราต้องจับพวกมันได้”

“สมมติถ้าพวกมันขึ้นจากแม่น้ำแล้วกลับเข้าไปในป่าอีกล่ะ?” อารอนถาม “ข้าไม่ใช่อัศวินหลวง ข้าไม่อาจสื่อสารกับเงาในน้ำได้”

“ถ้างั้น… ลองดูตามต้นไม้ที่เปียกน้ำทั้งสองฝั่งแม่น้ำ ถ้าพวกมันขึ้นจากแม่น้ำ มันต้องมีร่องรอย” ท็อดดูมั่นใจมาก บาดแผลยาวลึกบนใบหน้าที่ดูน่าขนลุกเกือบหายดีแล้ว

“ตกลงตามนั้น” แม้ว่าอารอนคิดว่าวิธีการนี้ใช้เวลาค่อนข้างนาน แต่เขาก็คิดวิธีอื่นไม่ออก

หลังจากนั้น พวกเขาก็เริ่มตรวจสอบดูตลอดสองฝั่งแม่น้ำ

หลังจากลอยคออยู่ในแม่น้ำระยะสั้นๆ ลูเซียนและนาตาซาก็ขึ้นจากแม่น้ำและเดินลึกเข้าไปในป่าอีกครั้ง

เมื่อลูเซียนแบกนาตาซาขึ้นหลังอีกรอบและกำลังจะออก นาตาซาเตือนเขาว่า “อย่าลืมกลบร่องรอย”

ผมเปียกๆ ของนาตาซาก็น้ำหยดเป็นสาย เช่นเดียวกับชุดสีดำของเขา

“พะยะค่ะ ฝ่าบาทพูดถูก” ลูเซียนพยักหน้า เขาวางร่างนาตาซาลงที่หลังต้นไม้สูงและหนาอย่างระมัดระวัง แล้วก็เริ่มเก็บไม้พุ่มที่ดูแปลกๆ ซึ่งดูเหมือนหญ้าแห้งเพื่อเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้แห้ง

“กระหม่อมเกรงว่าพวกมันยังคงแกะรอยเราได้” ลูเซียนชักกังวลแล้วคว้าพุ่มไม้แห้งขึ้นมา “แค่นี้ยังไม่พอ” ลูเซียนรู้สึกเสียใจขึ้นมาเขาไม่เคยใส่ใจกับอาคมเวทระดับหนึ่งที่ใช้ในการทำลายร่องรอยทั้งหมด ตอนที่เขาการวิเคราะห์โครงสร้างเวทมนตร์ ตอนนั้น เขาไม่เคยคิดเลยว่าสักวันเวทมนตร์พวกนั้นจะมีประโยชน์มากขนาดนี้

“พวกมันเป็นอัศวินที่แข็งแกร่ง ข้าไม่คิดว่าเราจะลบร่องรอยทั้งหมดได้ด้วยพุ่มไม้หรอกนะ” นาตาซากำลังวิเคราะห์ด้วยห้วงจิตที่กระจ่างชัดของนาง “ข้ารู้จักอัศวินทุกนายของฝ่ายเวอร์ดี้และข้ารู้จัก ‘พร’ ของพวกมันดี ไม่มีคนไหนเชี่ยวชาญการแกะรอย แต่ว่าข้ารู้สึกว่าพวกมันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว”

“พระองค์สัมผัสได้ไหม?” ลูเซียนรู้สึกกังวลใจ “กระหม่อมคิดว่ากระหม่อมลบร่องรอยได้ดีแล้ว…”

“เจ้าทำได้ดีแล้ว ลูเซียน” นาตาซาตบไหล่ของเขาเบาๆ “ข้าเดาว่า เป็นไปได้ว่ามีอัศวินดำกำลังแกะรอยเรา ข้าคิดว่า…พอข้าฟื้นตัวอีกสักหน่อย บางทีเราอาจหาทางเล่นงานพวกมันกลับ สังหารอัศวินดำคนนั้นเสีย”

“กระหม่อมไม่เห็นด้วยพะยะค่ะ” ลูเซียนส่ายหน้า “สมมติว่าเป็นท็อดที่ไล่เรา ไม่ใช่เป็นอัศวินชั้นล่าง? หรือสมมติอัศวินดำคนนั้นมีแข็งแกร่งมาก? สมมติพวกมันใช้อุปกรณ์เวทมนตร์เพื่อแกะรอยเราละพะยะค่ะ จะเป็นอย่างไร?”

ลูเซียนรู้จักนาตาซาเป็นอย่างดีว่านางชอบเสี่ยง แต่เขาก็ไม่

“นี่…ข้าได้ยินเจ้า ‘สมมติ’ มากไปแล้ว ลูเซียน” นาตาซาเลิกคิ้วสีม่วงของนางขึ้นเล็กน้อย “ข้ารู้ ‘สมมติ’ ข้อไหนก็ทำให้เราตายได้ง่ายๆ ทั้งนั้น แต่เรามีตัวเลือกอื่นอย่างนั้นหรือ? ไม่ช้าก็เร็ว พวกมันจะตามเราเจอ”

ลูเซียนก้มหน้ามองต่ำ เขารู้ว่านาตาซาพูดถูกทุกประการ

“ก็ได้พะยะค่ะ… แต่เราต้องเตรียมพร้อมมากกว่านี้” ลูเซียนแหงนหน้ามองดูดาวที่เห็นสลัวๆ หลายดวงบนท้องฟ้า และประเมินตำแหน่งของพวกเขาคร่าวๆ “อย่างน้อย เราน่าจะรอจนกว่าพลังของฝ่าบาทกลับมาถึงระดับอัศวินปกติ”

“ข้าเกรงว่าเราคงไม่มีเวลามากขนาดนั้น” นาตาซาสำรวจตัวเองอย่างถี่ถ้วนและพูดกับลูเซียน “ถึงส่วนที่ข้าบาดเจ็บหนักสุดที่เกิดจาก ‘พร’ จะหายไปแล้ว แต่ข้ายังต้องใช้เวลาอีกสองสามชั่วโมงถึงจะฟื้นฟูถึงระดับที่เจ้าพูด”

ดวงตาของลูเซียนเปิดกว้างขึ้นเล็กน้อย ขณะเขาจดจำข้อมูลสำคัญทันใดนั้นเอง ลูเซียนล้วงมือของเขาเข้าไปในเสื้อคลุมเปียกๆ หยิบเอาส่วนผสมเวทมนตร์สำหรับปรุงยาวิเศษที่เขาได้มาจากคลังของผู้วิเศษ และวางส่วนผสมเวทไว้บนพื้น

“ของพวกนี้ช่วยพระองค์ได้ไหมพะยะค่ะ?” ลูเซียนรู้สึกลังเลนิดหน่อย “กระหม่อม… กระหม่อมได้ของพวกนี้มาจากคลังของผู้วิเศษ ตั้งใจว่า… จะขายแลกเงินพะยะค่ะ”

ลูเซียนรู้สึกกังวลอยู่บ้าง

นาตาซาไม่ได้สังเกตเห็นความกระอักกระอ่วนของลูเซียน เมื่อนางก้มหน้าลงดู รอยยิ้มด้วยความประหลาดใจก็ปรากฏบนใบหน้าของนาง “อากาศธาตุ… กับโลหิตแวมไพร์! สุดยอด!”

ทั้ง ‘อากาศธาตุ’ และ ‘โลหิตแวมไพร์’ เป็นส่วนผสมสำหรับการปรุงยาวิเศษเยียวยาที่มีประสิทธิภาพสูงมากที่ชื่อว่า ‘ลำนำน้ำ’ อย่างไรก็ตาม ของพวกนี้เป็นเพียงวัตถุดิบ ฉะนั้น ลูเซียนก็ยังรู้สึกกังวล “มีผลข้างเคียงไหมพะยะค่ะ” เขาถาม

นาตาซาคว้า ‘โลหิตแวมไพร์’ มาไว้ในมือแล้ว

“โลหิตแวมไพร์… ถ้ากินเข้าไปแล้ว ข้าอาจค่อนข้างแพ้แสงแดดนานถึงหกเดือน และเลือดในกายข้าอาจรู้สึกปวดแสบปวดร้อน” นาตาซาตอบอย่างเป็นกันเอง จากนั้นนางดึงจุกไม้ออกมาและดมกลิ่นเลือด “ว้าว… นี่มันเป็นโลหิตแวมไพร์ชั้นสูง! เหมาะสำหรับผู้วิเศษ!”

“พระองค์จะฟื้นพลังสมบูรณ์พอกินเข้าไปเลยไหมพะยะค่ะ?” ลูเซียนถาม

“อืม…” นาตาซาสูดหายใจลึกๆ “ก็ไม่เชิง… แต่ถ้าข้าฝืนสักหน่อยและเรียกใช้ ‘พร’ อีกครั้ง ข้าอาจ… ใช้เวลาสามนาที ฟื้นพลังถึงอัศวินระดับห้า จากนั้น… ข้าก็จบชีวิต”

“จบชีวิต!” ลูเซียนตกใจ

“ไม่ ไม่ ไม่…” นาตาซาหัวเราะ “ข้าไม่ได้จะตายหรอก ข้าหมายความว่าข้าจะเดินไม่ได้เลยหลังจากนั้น แล้วเจ้าต้องแบกข้ากลับบ้าน”

“พระองค์น่าจะอธิบายอะไรให้ชัดๆ ในสถานการณ์แบบนี้ รู้ไหมพะยะค่ะ” ลูเซียนเกือบจะกลอกตาของเขา

“ลูเซียน” นาตาซาเริ่มใช้น้ำเสียงจริงจัง “ถ้าท็อดไม่ได้ตามมาด้วย แค่สามนาทีคงจะเพียงพอให้ข้าจัดการอัศวินที่เหลือทั้งหมด”

“ถ้าสมมติว่าท็อดเป็นคนที่กำลังไล่ล่าเรา…” ลูเซียนจำเป็นต้องมีแผนสำรอง

“ข้าจะคุ้มกันเจ้าโดยดึงความสนใจของท็อดและอัศวินหลวงคนอื่นๆ ถ้ามี” นาตาซาพูดกับลูเซียน “แล้วตอนนั้น เจ้าต้องจัดการกับพวกมันที่เหลือ”

นาตาซาเอนศีรษะซบไหล่ของลูเซียนเพื่อขอพักสักแปบ ตาสีม่วงของนางเป็นประกายและริมฝีปากขบแน่นเข้าด้วยกันจนเป็นเส้นบางๆ

“พระองค์ต้องการเสียสละชีวิตให้กระหม่อมรอดหรือพะยะค่ะ?” ลูเซียนถามนาง

“ไม่แน่นอน!” นาตาซาก็ยืดหลังตรงราวกับว่านางกลัวขึ้นมา “ข้าหวงแหนชีวิตเหลือเกิน ถ้าไม่มี ‘ดาบธันเดอร์’ เจ้าก็จะไม่สามารถต่อกรกับอัศวินด้วยตัวเอง นอกจากนี้ ข้าจะไม่ต่อสู้กับท็อด หน้าที่ของข้าแค่ดึงความสนใจของมัน แค่นั่น เจ้าต้องเอา ‘อะเลิร์ต’ ดาบของเจ้ามาให้ข้า”

“อันตรายเกินไป กระหม่อมไม่เห็นด้วย” ลูเซียนปฏิเสธคำแนะนำของนาตาซา “พระองค์เก็บ ‘ธันเดอร์’ ไว้ กระหม่อมมีแผนอาจสังหารพวกมันทั้งหมด ตราบใดที่พวกมันมีอัศวินมากันไม่เกินห้านายไล่ตามล่าเรา และเราไปถึงที่หมายก่อนพวกมันจะเจอเรา”

“พระองค์จะได้เห็นเมื่อเราไปถึง” ลูเซียนมองตาของนาตาซาอย่างจริงจัง “กระหม่อมก็หวงแหนชีวิตมากเช่นกัน เชื่อกระหม่อมเถอะ นาตาซา”

นาตาซารู้สึกสับสนครู่หนึ่งแล้วนางก็ยิ้ม “ข้าเชื่อเจ้า ลูเซียน”

……………………………………….

Throne of Magical Arcana

Throne of Magical Arcana

ซย่าเฟิง นักศึกษาปีสุดท้ายผู้อ่อนต่อโลก ตื่นขึ้นมาอยู่ในร่างของลูเซียน อีวานส์ เด็กหนุ่มกำพร้าชนชั้นกรรมาชีพที่เฉลียวฉลาด บนโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ แม่มด ลัทธินอกรีต อัศวิน ปีศาจ และศรัทธาในพระเจ้า ลูเซียนประยุกต์ใช้ความรู้จากโลกเก่าพร้อมกับพลังวิเศษ ‘ห้องสมุดในห้วงสมอง’ ศึกษาเปรียบเทียบวิทยาศาสตร์กับเวทมนตร์ เพราะ ‘ความรู้คืออำนาจ’ ที่จะช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมายในการยกระดับชีวิต!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset