Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – ตอนที่ 153 หัตถ์แห่งร่างไร้ชีวิต

ท่าทีของลูเซียนไม่ได้เป็นไปตามความคิดเฟลิเปดังนั้นเขาจึงยิ้มอย่างสง่างาม “ยินดีมากที่ท่านศาสตราจารย์ได้ยินชื่อของข้ามาก่อน”

ถึงแม้ว่าเขาจะพูดอย่างนั้นแต่ในใจของเฟลิเปกลับรู้สึกว่าด้วยความอัจฉริยะของเขาที่ได้ตีพิมพ์บทความแรกเกี่ยวกับวารสารเวทมนตร์ที่ทรงอิทธิพลเขารู้สึกว่าเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้วที่ศาสตราจารย์จะต้องเคยได้ยินชื่อของเขา

จากนั้นเฟลิเปก็เปลี่ยนน้ำเสียงของเขา “แต่ดูเหมือนว่าท่านจะไม่เห็นคุณค่าของการรวมตัวกันนะท่านศาสตราจารย์ พวกเรามาจากสภาแต่ท่านก็ยังสวมฮู้ดสีดำน่าเกลียดอยู่ นั้นไม่ใช่ตัวตนของท่านนะ”

ลูเซียนรู้ว่าทุกคำพูดที่เขาพูดอาจทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย แต่การเงียบจะทำให้เขาดูน่าสงสัยมากขึ้น ดังนั้นเขาจึงตอบสั้นๆ อย่างระมัดระวังด้วยน้ำเสียงแหบห้าวว่า “จริงๆ แล้วข้าไม่ต้องการให้ท่านเฟลิเปสร้างปัญหาให้ข้า เมื่อพวกเรากลับไปที่อัลลิน”

ลูเซียนรู้สึกเสียใจที่เขาตัดสินใจใช้ตัวตนของศาสตราจารย์โดยไม่คิด ทั้งที่ในตอนแรกลูเซียนพยายามใช้ตัวตนของศาสตราจารย์เพื่อแกล้งทำเป็นว่าเขาเป็นสมาชิกจากเจตจำนงแห่งธาตุ ลูเซียนไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาใหญ่เช่นนี้ และลูกบอลคริสตัลของเขาก็ไม่มีคำแนะนำอะไรเลย ที่คาดไม่ถึงเลยก็คือแม้ว่าจะอยู่ในสภาแต่ก็มีความขัดแย้งระหว่างกลุ่มต่างๆ อย่างมาก ทั้งที่ความตั้งใจและเป้าหมายเพียงอย่างเดียวของลูเซียนคือการค้นหาว่าใครเป็นผู้ประสานงานในเมืองสเติร์ก แต่เฟลิเปคนนี้กำลังจะทำให้เขาลำบาก

ลูเซียนรู้สึกว่าเขาอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะยอมรับต่อหน้าผู้ชายคนนี้

“อืม… เจ้าตรงไปตรงมาทีเดียว” เฟลิเปกล่าว จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่โซฟายาวที่อยู่อีกด้านหนึ่งของหนังสือ “พวกเรายังมีเวลาก่อนการชุมนุม ข้าอยากพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเจ้า”

จากนั้นเฟลิเปก็หันไปหาไวเคานต์ “ท่านสนใจไหม”

“ไม่ละ เชิญเลย” ไวเคานต์ไม่สนใจ เขายกแก้วไวน์ขึ้นเล็กน้อยและพยักหน้าอย่างสบายๆ

แม้ว่าลูเซียนจะไม่ต้องการคุยกับเขา แต่เขาก็บังคับให้ใจเย็นๆ และนั่งลงบนโซฟา “ท่านเฟลิเป ท่านต้องการจะคุยอะไร”

ในใจของลูเซียนกำลังสวดอ้อนวอนให้เฟลิเปไม่ไม่พูดอะไรเกี่ยวกับสภาหรืออาณาจักรโฮล์ม เพราะเขาไม่รู้อะไรเลย!

“ไม่… ไม่… ไม่…” ลูเซียนพูดกับตัวเองในใจและหัวใจของเขาก็เต้นเร็วมากจนแทบจะกระโดดออกมาจากอก

เปลวไฟอ่อนๆ ในดวงตาของเฟลิเปหายไปและรูม่านตาของเขาก็กลับมาเป็นปกติพร้อมรอยยิ้มอันเศร้าหมองบนใบหน้าของเขา เฟลิเปชี้ไปที่ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้ๆ “นี่คือคลีฟแลนด์ลูกศิษย์ของข้าและเขาก็เป็นนักเวทระดับสองที่กำลังศึกษาเวทมนตร์จากข้า”

ลูเซียนพยักหน้าให้กับชายวัยกลางคน

จากนั้นเฟลิเปก็กล่าวต่อว่า “นอกจากนี้แล้วคลีฟแลนด์ก็สนใจเวทมนตร์ธาตุด้วย คลีฟแลนด์กำลังวางแผนที่จะเขียนเรียงความเกี่ยวกับการวิเคราะห์สเปกตรัมในอาร์คานา หลังจากที่เมื่อเร็วๆ นี้ โดนัลด์ ได้รับแหวนที่ยี่สิบห้าจาก ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’ เป็นรางวัลด้วยการวิจัยที่ก้าวล้ำของเขาในการวิเคราะห์องค์ประกอบใหม่โดยการนำความรู้มาวิเคราะห์สเปกตรัม อย่างไรก็ตามเขาก็ยังต้องการความช่วยเหลืออย่างแน่นอน และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมข้าจึงเริ่มให้ความสนใจในสาขาธาตุด้วย หากท่านยังไม่ทราบนะท่านศาสตราจารย์ พวกเราสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้” เขาพูดด้วยความมั่นใจอย่างยิ่ง เฟลิเปผายมือออกไปและลูเซียนก็สังเกตว่ามือซ้ายของเขาไม่มีนิ้วก้อย

ลูเซียนบอกได้ว่าเฟลิเปต้องมีความมั่นใจมากเมื่อเขาพูดถึงสำนักธาตุ เขารู้สึกโชคดีมากที่เฟลิเปไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เขาไม่รู้

ลูเซียนผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย เขาเริ่มวิเคราะห์ความตั้งใจของเฟลิเปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เฟลิเปไม่ได้ถามอะไรเกี่ยวกับสภาและอาณาจักรโฮล์ม ลูเซียนมั่นใจว่าเฟลิเปไม่ได้สงสัยตัวตนของเขาในตอนนี้ แต่เขากำลังพูดถึงอาร์คานาและนั่นหมายความว่าเรื่องนี้มีความสำคัญมากกว่าสิ่งอื่นใด

สิ่งที่ลูเซียนกำลังคิดก็คือทำไมนักเวทต้องพูดถึงองค์ประกอบและอาร์คานา? สิ่งนี้จะทำอะไรให้เขาได้บ้าง?

ลูเซียนเดาว่าเฟลิเปอาจจะพยายามทดสอบความรู้ของเขาหรือระดับอาร์คานาของเขา

จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของลูเซียนในอัลโต้ มันไม่ยากเลยที่ลูเซียนจะเชื่อมโยงความรู้สู่อำนาจในโลกนี้ เขาแทบไม่แน่ใจว่าเฟลิเปกำลังพยายามทดสอบระดับอาร์คานาของเขาเพื่อดูว่าเขามีพลังจริงหรือเปล่า และจากนั้นจึงค่อยตัดสินใจว่าเขาจะโจมตีเขาตรงๆ หรือไม่ เพราะการพูดคุยเกี่ยวกับความรู้ของบุคคลนั้นๆ เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการหาระดับอาร์คานา

ลูเซียนได้เรียนรู้บทเรียนในครั้งนี้ เขารู้ว่าเขากำลังประมาทจากการเป็นผู้โชคดีและได้รับรางวัลมากมาย โชคดีที่เฟลิเปเพิ่งพูดถึงหลักการพื้นฐานของธาตุอาร์คานา ในทางตรงกันข้ามกับกรณีที่พบบ่อยที่สุดที่เกี่ยวกับข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ที่ถูกตีความว่าเป็นความลับที่อยู่เบื้องหลังปรากฏการณ์ลึกลับ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือระดับอาร์คานาของลูเซียนน่าจะสูงกว่าระดับพลังเวทของเขา

“ศาสตราจารย์?” เมื่อเห็นว่าลูเซียนยังคงนิ่งเงียบ เฟลิเปก็พูดด้วยน้ำเสียงที่คุกคามและเปลวไฟสีซีดก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเฟลิเปอีกครั้ง เขากำลังรอศาสตราจารย์ผู้ลึกลับเปิดเผยความรู้และพลังของเขา

ลูเซียนยิ้มว่า “ข้ามีความรู้ในเรื่องการวิเคราะห์สเปกตรัม อย่างไรก็ตามพวกเราจะไม่ลงลึกมากเกินไปใชไหม ข้าคงไม่สามารถพูดตรงๆ ได้ถ้าหากไม่มีอะไรแลกเปลี่ยนที่ยุติธรรมพอ”

สเปกตรัมเป็นหัวข้อที่ลูเซียนคุ้นเคย ตั้งแต่ที่เขาอ่านหนังสือที่เกี่ยวข้องกันสองสามเล่มในห้องสมุดวิญญาณของเขาและก็ทำให้เขามีความรู้เกี่ยวกับอะตอมในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ข้อมูลของนักวิจัยในสาขาวิชาเคมีธาตุซึ่งอยู่ในโลกดั้งเดิมของเขานั้นมีความรู้อยู่ในระดับมหภาค กล่าวอีกนัยหนึ่งนักเวทที่นี่ยอมรับปรากฏการณ์ทางเคมีมากมายแต่พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้ยังไงและนั่นคือจุดสำคัญที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถค้นพบองค์ประกอบใหม่เพิ่มเติมได้

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ภายหลังจากที่ลูเซียนกลายเป็นนักเวทที่แท้จริงแล้ว หนังสือบางเล่มในคลังวิญญาณของเขาก็ถูกปลดล็อคออกมาและความรู้ในหนังสือเหล่านั้นก็ล้วนเป็นความรู้พื้นฐาน

ลูเซียนไม่ได้รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงในห้องสมุดวิญญาณของเขาจนกว่าเขาจะพยายามทำสมาธิเหมือนในระหว่างที่เขาใช้ความรู้จากโหราศาสตร์ในการเดินทางครั้งแรกของเขา สิ่งนี้ยังช่วยยืนยันกับลูเซียนว่าตราผนึกหนังสือน่าจะมาจากการยกเลิกพลังจากต้นกำเนิดของโลก และลูเซียนก็สามารถปลดผนึกตราผนึกได้โดยการเสริมจิตวิญญาณและพลังวิญญาณ

“ยุติธรรมเพียงพอ ถึงแม้ว่าจะซื่อสัตย์ในฐานะจอมเวทจาก ‘หัตถ์แห่งร่างไร้ชีวิต’ แต่ข้าก็ไม่ชอบคนจากเจตจำนงแห่งธาตุ ข้าคิดว่าพวกเราน่าจะพูดกันตรงๆ นะ ข้าเคารพการวิจัยของผู้อื่นและข้าจะไม่ขโมยมัน” เฟลิเปกล่าวเมื่อเห็นว่าศาสตราจารย์ยังคงนิ่งเงียบ เฟลิเปเริ่มรู้สึกไม่ดีที่ศาสตราจารย์อาจมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในด้านนี้ ซึ่งหมายความว่าเขาเป็นนักเวทอาร์คานาระดับสูง เพราะส่วนใหญ่นักเวทคนอื่นจะมีระดับเวทมนต์ที่ต่ำกว่าเขา

ลูเซียนพิงโซฟาและเริ่มพูด “พื้นฐานทางทฤษฎีของการวิเคราะห์สเปกตรัมคือการเผาไหม้ขององค์ประกอบต่างๆ  ทำให้เกิดสีและแสงของเปลวไฟที่แตกต่างกัน ในขณะที่สีเปลวไฟสามารถซ้อนทับกันและครอบคลุมซึ่งกันและกันได้แต่คลื่นความถี่ไม่สามารถทำได้ โดยผ่านการคิดวิเคราะห์ที่เรียกว่า ‘การวัดเทียบสีระดับสเปกตรัม’ และสีของเส้นแสงสเปกตรัมที่เป็นอิสระและจะไม่ส่งผลกระทบซึ่งกันและกัน และนั่นเป็นเหตุผลที่การวิเคราะห์สเปกตรัมสามารถใช้เพื่อระบุองค์ประกอบที่แตกต่างและค้นพบองค์ประกอบใหม่”

ในระหว่าการพูดสั้นๆ ที่ลูเซียนพูดนั้น เขายังยกตัวอย่างองค์ประกอบอีกสองสามอย่างที่ใช้หลักการทำงานบางส่วนที่เหมือยกับโลกเดิมของเขา

ลูเซียนยังคงถือโอกาสนี้กล่าวต่อไปว่า “ในความเป็นจริงแล้วการวิเคราะห์สเปกตรัมเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการประยุกต์ใช้มากกว่า เพื่อค้นหาองค์ประกอบใหม่พวกเราไม่จำเป็นต้องไปไกลเกินไปเพียงแค่พวกเราทำการทดลองตามกลไกก็พอ อย่างไรก็ตามสิ่งที่พวกเราต้องคิดคือทำไมสเปกตรัมของแต่ละองค์ประกอบนั้นแตกต่างกันอย่างไร ทำไมถึงไม่ทับซ้อนกัน ทำไมจึงมีเส้นสเปกตรัมที่สว่างและมืด เท่าที่ข้ากังวลก็คือแนวทางที่พวกเราจะทำนั้นให้ความรู้เกี่ยวกับอาร์คานาลึกซึ้งยิ่งขึ้น และข้าเชื่อว่านี่เป็นความตั้งใจจริงของท่านดักลาสในการนิยามอาร์คานา”

เฟลิเปรู้สึกประหลาดใจอย่างมากกับความเข้าใจของศาสตราจารย์และแม้แต่ไวเคานต์ที่กำลังฟังการสนทนาของพวกเขาในอีกด้านหนึ่งของห้องหนังสือก็รู้สึกประทับใจกับคำถามของศาสตราจารย์ เมื่อผู้ชำนาญการในสภาแห่งเวทมนตร์ยังมีความสุขในการค้นหาองค์ประกอบใหม่ และชายที่นั่งบนโซฟาก็กำลังมองหาธรรมชาติของการค้นพบเหล่านี้

“ถ้าพวกเราสามารถสำรวจโลกนี้ได้มากขึ้น… “ เฟลิเปพึมพำ เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงความคิดเห็นที่น่าตกใจที่เกี่ยวกับจักรพรรดิอาร์คานาดักลาสคนนั้น เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาก็ทำให้เขาตกใจอีกครั้ง

“ระดับอาร์คานาของศาสตราจารย์อาจสูงกว่าข้า!” เฟลิเปคิดกับตัวเอง

เกือบจะถึงช่วงเวลาสำหรับงานฉลองแห่งความตาย

ทันใดนั้นปราสาทขนาดใหญ่ก็เริ่มเคลื่อนไหวในความมืดของยามค่ำคืน หอคอยสูงก็กลายเป็นแขนหินที่แข็งแกร่ง เมื่อแขนวางทับลงกับพื้นดิน ส่วนล่างของปราสาทก็ถูกดึงขึ้น

เพื่อรักษาสมดุล ปราสาทก็ลอบ “เดิน” ไปทางภูเขาและค่อยๆ หายไป

ไม่แปลกใจเลยที่สถานที่จัดงานเลี้ยงแห่งความตายไม่เคยเปลี่ยนแปลง…

……………………………………….

Throne of Magical Arcana

Throne of Magical Arcana

ซย่าเฟิง นักศึกษาปีสุดท้ายผู้อ่อนต่อโลก ตื่นขึ้นมาอยู่ในร่างของลูเซียน อีวานส์ เด็กหนุ่มกำพร้าชนชั้นกรรมาชีพที่เฉลียวฉลาด บนโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ แม่มด ลัทธินอกรีต อัศวิน ปีศาจ และศรัทธาในพระเจ้า ลูเซียนประยุกต์ใช้ความรู้จากโลกเก่าพร้อมกับพลังวิเศษ ‘ห้องสมุดในห้วงสมอง’ ศึกษาเปรียบเทียบวิทยาศาสตร์กับเวทมนตร์ เพราะ ‘ความรู้คืออำนาจ’ ที่จะช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมายในการยกระดับชีวิต!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset