Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – ตอนที่ 173 เจ้าแห่งเวทชั้นสูง

เจ็ดวันต่อมา ณ เวลาเย็น

เมื่อแอสตาร์กำลังฟังคำอธิบายของลูเซียนถึงความเข้าใจในตำราต่างๆ ที่เขาอ่านในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา แอสตาร์ก็ลูบตัวเจ้าแมวเมอร์เซเดสซึ่งท่าทางผ่อนคลายสบายอารมณ์และส่งเสียงครางฮือจากลำคอไปด้วย

หลังจากลูเซียนอธิบายเรียบร้อย แอสตาร์บรรจงปรบมือและพยักหน้าให้เขา “ดี ดีมาก อีวานส์ ภายในเจ็ดวันเท่านั้น เจ้าสามารถประยุตกต์ใช้หลักการเข้ากับชีวิตจริง และเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างกฎธรรมชาติกับรูปแบบเวทมนตร์ได้ดี น่าประทับใจมาก ข้าจะสอนการเข้า ‘ฌานสมาธิบรูค’ ให้กับเจ้าตามสัญญา”

หลังจากมื้อค่ำ เนื่องจากลูเซียนและนักเวทฝึกหัดที่เหลือกำลังจะออกเดินทางในช่วงดึกคืนนี้ แอสตาร์ถามลูเซียนเกี่ยวกับอาร์คานาศาสตร์สองสามข้อ และคำตอบที่สมบูรณ์แบบของลูเซียนก็ทำให้เขาประทับใจมาก

“ขอพระคุณอย่างสูง ท่านแอสตาร์” ลูเซียนยิ้ม

เขาไม่เคยปิดบังความสามารถของตัวเอง เนื่องจากตั้งแต่ที่เขามาถึงเมืองอัลลิน เขารู้ตัวดีว่าเขาจะต้องพยายามอย่างหนักเพื่อพัฒนาความสามารถ

แผ่นกระดาษและปากกาขนนกกระโดดออกมาอยู่ตรงหน้าแอสตาร์ และปากกาขนนกก็เริ่มเขียนข้อความด้วยตัวมันเอง แอสตาร์เพียงแค่นั่งและไขว้นิ้ว ไม่นาน กระดาษแผ่นนั้นก็เต็มไปด้วยข้อความและมันก็เคลื่อนตัวเองไปหาลูเซียน

ขณะที่ลูเซียนกำลังอ่านข้อความในกระดาษ แอสตาร์อธิบาย “ฌานสมาธิบรูคพัฒนาตามหลัก ‘ทฤษฎีคลื่นพลังจิต’ โดยมหาจอมเวท ท่านบรูค และได้รับการยอมรับในวงกว้าง ฌานสมาธิบรูคเหมาะกับสภาพแวดล้อมฌานสมาธิสองรูปแบบที่เจ้าคุ้นเคย ได้แก่ ‘ดาวจรัสฟ้าแห่งเทวลิขิต’ ซึ่งอยู่ในสายสำนักโหราศาสตร์ และ ‘ธาตุทั้งสี่’ ของสายสำนักธาตุเวทมนตร์ ปัจจุบัน ฌานสมาธิบรูคสามารถช่วยเจ้าได้มากในการเพิ่มความแข็งแกร่งของวิญญาณและยกระดับพลังวิญญาณระหว่างการเป็นนักเวทชั้นต้น แต่หลังจากนั้น เจ้าต้องเปลี่ยนรูปแบบฌานสมาธิอีกครั้ง”

แนวคิดสำคัญของ ‘ฌานสมาธิบรูค’ มีส่วนเชื่อมโยงกับแนวคิด ‘คลื่นพลังจิต’ อย่างใกล้ชิด หากลูเซียนสามารถบรรลุได้ ตามที่แอสตาร์และเฟลิเปสามารถสนับสนุน เขาจะสามารถพัฒนาขึ้นสู่ชั้นสูงภายในหนึ่งหรือสองเดือน ด้วยการเริ่มวิเคราะห์และการวางโครงสร้างอาคมเวทมนตร์ระดับสอง

ลูเซียนเผากระดาษแผ่นนั้นทิ้งและถามแอสตาร์อย่างจริงใจ “ท่านแอสตาร์ เนื่องจากเรากำลังออกเดินทางไปอัลลินคืนนี้ ข้ามีคำถามอยากถามท่านสักหน่อยขอรับ”

“เจ้าอยากรู้เรื่องของสาภเวทมนตร์สินะ อีวานส์” แอสตาร์ยิ้ม

“ใช่ขอรับ ท่านแอสตาร์ ความไม่รู้เป็นสิ่งที่น่ากลัวเสมอ ในฐานะนักเวทผู้กำลังจะเข้าเป็นสมาชิกใหม่ของสภาเวทมนตร์ ข้าอยากทราบความแตกต่างระหว่างเจ้าแห่งเวทกับนักเวทขอรับ มีองค์กรมากน้อยขนาดไหนในสภาเวทมนตร์ มีนักเวทชั้นตำนานและมหาจอมเวทในสภากี่คน?” ลูเซียนถามอย่างกระตือรือร้น

เขาคิดถึงคำถามพวกนี้มาเป็นเวลนาน

แอสตาร์ประหลาดใจไม่น้อย “นักเวทที่แนะนำเจ้าไม่ได้บอกอะไรเจ้าเลยงั้นหรือ?”

“ไม่เชิงขอรับ…” ลูเซียนกำลังพิจารณาว่าเฟลิเปถือเป็น ‘ผู้รับรอง’ ของเขาได้หรือไม่

“เอาละ ตั้งแต่ประธานสภาเวทมนตร์เสนอแนวคิดว่าด้วยอาร์คานาศาสตร์ ระดับต่างๆ ของพลังอาร์คานาก็เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นเรื่อยๆ… จากระดับหนึ่งถึงเก้า ในการเลื่อนสู่ระดับต่อไป นักเวทต้องเผยแพร่งานวิจัยและได้รับการอ้างอิง สร้างและพัฒนาอาคม หรือปรุงยาวิเศษใหม่ๆ เพื่อให้ได้รับคะแนนอาร์คานา”

ลูเซียนพยักหน้าแสดงให้เห็นว่าเขากำลังคิดตาม

“สภาเข้มงวดมากเรื่องการให้คะแนนและการทำวิจัยก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้น ในกรณีส่วนใหญ่แล้ว ระดับเวทมนตร์ของนักเวทมักสูงกว่าระดับอาร์คานา แม้ว่าดูเหมือนระดับอาร์คานาไม่ได้มีความหมายอะไรมากนัก แต่ในระยะยาว ระดับอาร์คานาของนักเวทจะเป็นตัวชี้วัดว่าเขาหรือนางจะไปได้ไกลแค่ไหน ตัวอย่างเช่น ระดับอาร์คานา ณ ตอนนี้ของข้าอยู่ที่ระดับห้า ซึ่งหมายความว่าความรู้ของข้าไม่เพียงพอที่จะเลื่อนชั้นสู่ระดับผู้วิเศษ ดังนั้น ข้าจึงยังเป็นนักเวทชั้นสูง”

“ข้าเข้าใจแล้ว” ลูเซียนฟังด้วยความตั้งใจ

“ดังนั้น ในสภาระดับอาร์คานาของนักเวทจึงได้รับความเคารพมากกว่าระดับของเวทมนตร์” แอสตาร์เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ “แต่ว่า ไม่มีใครเคารพนักเวทที่มีระดับเวทมนตร์สูง แต่ระดับอาร์คานาต่ำหรอกนะ”

“ดังนั้น… ถ้าระดับอาร์คานาของใครสูงกว่าระดับเก้า เขาหรือนางจะได้รับการเคารพในฐานะ ‘มหาจอมเวท’ ใช่ไหมขอรับ?” ลูเซียนถามด้วยความสงสัยอย่างยิ่ง “แล้วมีมหาจอมเวทกี่คนกันในสภาหรือขอรับ?”

“มหาจอมเวทเป็นชื่อยศ และเฉพาะผู้ที่คิดค้นอะไรใหม่ๆ ในการวิจัยเวทมนตร์เท่านั้นที่จะได้รับแต่งตั้งเป็น ‘มหาจอมเวท’ แล้วมหาจอมเวทส่วนใหญ่ ก่อนที่ใครจะได้ยศนี้มาครอง ก็เป็น ‘ผู้วิเศษชั้นตำนาน’ กันแล้วทั้งนั้น หรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียงกับการขึ้นเป็นผู้วิเศษชั้นตำนาน โดยเฉพาะเมื่อได้รับการสนับสนุนจากสภาอย่างเต็มที่ หลังจากได้รับยศ ดังนั้น เราสามารถเปรียบเทียบยศ ‘มหาจอมเวท’ เท่ากับ ‘ผู้วิเศษชั้นตำนาน’ แม้ว่ามหาจอมเวทบางคนยังไปไม่ถึงขั้นผู้วิเศษชั้นตำนานก็ตาม แต่ก็จะได้เป็นในอนาคตอันใกล้”

สายตาของลูเซียนเต็มไปด้วยความเคารพและความอยากรู้อยากเห็น

“แล้วตอนนี้ มีนักเวทเพียงเจ็ดคนทั้งสภาที่เหมาะสมกับยศนี้ และควรได้รับการเคารพในฐานะ ‘มหาจอมเวท’” แอสตาร์ยิ้มกว้าง

“พวกเขาเป็นใครบ้างขอรับ?” ลูเซียนก็ยังมีเรื่องสงสัยอยู่

แอสตาร์กำมือแล้วเริ่มนับนิ้ว “ท่านเดอร์ริก ดักกลาส ผู้ก่อตั้งและผู้สนับสนุนนิตยสารอาร์คานาศาสตร์ และระบบเวทมนตร์ร่วมสมัย ผู้ร่วมก่อตั้งแคลคูลัส ประธานสภาเวทมนตร์ จักรพรรดิแห่งอาร์คานา ผู้ถูกเลือก”

“ท่านเอ็ดวิน บรูค ผู้ก่อตั้งและผู้สนับสนุนสำนักแม่เหล็กไฟฟ้า ผู้นิยาม ‘สนาม’ บทกวีแห่งเทพี”

จักรวรรดิเวทมนตร์โบราณเคารพแก่นสารแห่งเวทมนตร์ในฐานะ ‘เทพี’

“ทั้งท่านดักกลาสและท่านบรูคเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก อำนาจของพวกท่านสามารถควบคุมให้โลกไปในทิศทางที่ต้องการ และทั้งสองเป็นรองเพียงพระสันตะปาปาซึ่งยืมพลังมาจาก ‘พระเจ้า’…แม้จะเพียงน้อยนิดก็ตาม” แอสตาร์อธิบาย

เขาจิบน้ำชาและอธิบายต่อ “‘หัตถ์ทำลายล้าง’ เป็นผู้นิยามธาตุทั้งสี่ขึ้นใหม่และหาจุดเชื่อมโยงกับเวทมนตร์ ‘สนามแรง’ และเวทมนตร์ ‘แม่เหล็กไฟฟ้า’ โอลิเวอร์ คอนสแตนติน”

“ท่านหญิงยาโรรัน แฮททาเวย์ ฮอฟเฟนเบิร์ก หนึ่งในผู้ร่วมคิดค้นแคลคูลัส เจ้าแห่งธาตุ นางเป็นผู้นิยามและจัดหมวดหมู่ธาตุใหม่ เป็นผู้อธิบายเวทมนตร์ ‘ธาตุ’ และค้นพบธาตุหายากสิบเจ็ดชนิด ถึงยศชั้นตำนานของนางไม่เคยเปลี่ยนมาตั้งแต่ยุคจักรวรรดิเวทมนตร์โบราณ แต่ความหมายของยศแตกต่างจากปัจจุบันโดยสิ้นเชิงก็เพราะอาร์คานา”

“ท่านเฟอร์นันโด ฮัดสัน ผู้ก่อตั้งสำนักอุณหพลศาสตร์ เจ้าแห่งวายุ

“ท่านหญิงเฮลเล็น ไพรซ์ ผู้ค้นพบกฎการอนุรักษ์พลัง ผู้สนับสนุนแคลคูลัส แม่มดแห่งไอซ์แลนด์”

“ท่านวินเซน มิรันดา หรือธานาทอส มหาจอมเวทผู้เปิดเผยความลับส่วนหนึ่งของวิญญาณ ซึ่งการวิจัยร่างกายมนุษย์กำลังมุ่งหน้าสู่โลกระดับจุลภาค”

บุคคลเหล่านี้คือมหาจอมเวทในสภาเวทมนตร์

“นอกจากนี้ ขณะเดียวกัน พวกท่านเป็นผู้ทรงพลังสูงสุดทั้งเจ็ด ในบรรดาผู้วิเศษชั้นตำนานสิบแปดคนในสภาตอนนี้” แอสตาร์สรุป “ดูเหมือนการเป็นผู้วิเศษชั้นตำนานกลายเป็นหลักฐานของการขึ้นเป็นมหาจอมเวท”

“มีผู้วิเศษชั้นตำนานในสภาเวทมนตร์แค่สิบแปดคนเองหรือเนี่ย?” ลูเซียนพูดพึมพำกับตัวเอง

แอสตาร์หัวเราะออกมา “แค่สิบแปดคน? แม้แต่ในศาสนจักรฝ่ายใต้ ก็มีจอมขมังเวทเพียงสิบเก้าคนเท่านั้น ยังไม่รวมอัศวินชั้นตำนาน และศาสนจักรฝ่ายใต้ก็เป็นองค์กรที่ทรงอิทธิพลที่สุดแล้วในโลกนี้ และแม้แต่มิติอื่น? แน่นอน… มีผู้วิเศษชั้นตำนานหลายคนที่ปฏิเสธเข้าร่วมกับเรา เพราะความเชื่อในธรรมเนียมโบราณที่สืบทอดมาของพวกเขา”

“ข้าช่างโง่นัก” ลูเซียนยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “ข้าคิดว่าผู้วิเศษชั้นตำนานสิบแปดคนเป็นนผู้นำสภาทั้งหมดเสียอีก?”

“ก็ไม่เชิง” แอสตาร์ส่ายหน้า “มหาจอมเวทเจ็ดคน ผู้วิเศษชั้นตำนานสิบเอ็ดคน ผู้วิเศษชั้นเก้าอีกหกคนซึ่งมีอาร์คานาระดับสูง… พวกเขาก่อตั้งสภาสูงสุดของสภาเวทมนตร์และเป็นผู้ชี้ขาดการตัดสินใจต่างๆ”

“ข้าเข้าใจแล้ว แล้วสำนักสายต่างๆ แตกต่างกันอย่างไรบ้างขอรับ?” ลูเซียนยังไม่หยุดถาม

“เจ้าจะต้องไปแล้วละ” แอสตาร์ยิ้มและโบกมือเบาๆ “สำนักดั้งเดิมแปดสำนักซึ่งข้าเชื่อว่าเจ้ารู้จักอยู่แล้วประกอบด้วย สนามแรง ธาตุ ศาสตร์มืด เวทอัญเชิญ รสายนเวท โหราศาสตร์ มายา และจำแลงกาย ตอนนี้เรามีเพิ่มอีกสองสามสำนัก ก็สำนักแม่เหล็กไฟฟ้า อุณหพลศาสตร์ และแสงสว่าง-ความมืด ก่อนที่ใครจะเลื่อนเป็นนักเวทชั้นสูงได้ เขาหรือนางก็สามารถไล่ศึกษาให้ครบทุกสำนักก็ได้ แต่หลังจากขั้นนี้แล้ว เนื่องจากการปลดปล่อยความรู้ต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ นักเวทส่วนใหญ่เลือกจะเน้นกับสายความรู้จากสำนักไม่กี่สำนักเท่านั้น ข้าขอแนะนะว่า อีวานส์ ถ้าเจ้ายังไม่แน่ใจจริงๆ เจ้าค่อยเลือกสำนักเป้าหมายตอนก่อนเข้าสู่ชั้นสูงก็ได้”

“ขอบพระคุณมากขอรับ ท่านแอสตาร์” ลูเซียนตอบอย่างสุภาพ แม้ว่าเขาต้องการเป็นผู้เชี่ยวชาญของทุกสำนัก ลูเซียนรู้ว่าการรับฟังคำนแนะนำของนักเวทชั้นสูงเป็นเรื่องสำคัญ แอสตาร์ยังคงแนะนำสภาเวทมนตร์ในมิติต่างๆ ต่อไปจนดึกดื่นในคืนนั้น เมื่อแอสตาร์สังเกตว่าเวลาดึกมากแล้ว เขาเริ่มเก็บข้าวของ “ยังมีกลุ่มต่างๆ ในสภาอีกเยอะ อย่างที่เจ้าได้ยินมา ทั้งใหญ่ทั้งเล็ก ทั้งเป็นทางการหรือกลุ่มเอกเทศ… แต่กลุ่มใหญ่มีเพียงสองสามกลุ่ม ‘สถาบันเวทมนตร์ราชสำนัก’ จากประเทศหลักสี่ประเทศ กลุ่มตระกูลนักเวท กลุ่มหอคอย กลุ่มเจตจำนงแห่งธาตุ กลุ่มหัตถ์แห่งร่างไร้ชีวิต กลุ่มกระท่อมพาล์เมรา และกลุ่มสหพันธ์เพลงจันทรา แต่ละกลุ่มก็มีพิธีกรรมในการเลื่อนชั้นเป็นนักเวทระดับตำนานต่างกัน มากบ้างน้อยบ้าง บางพิธีกรรมเป็นความลับซึ่งหมายความว่าแม้แต่สภาเองก็ไม่รู้มากนัก อย่างไรก็ตาม จำไว้นะอีวานส์ เชื่อฟังสภาและตั้งใจศึกษาและทำวิจัย”

ดูเหมือนแอสตาร์จะอยู่ฝั่งสภาอย่างเต็มตัว

“ขอรับ” ลูเซียนยิ้ม “ข้าไม่ยอมมีปัญหาเช่นกัน”

“ดีมาก” แอสตาร์พยักหน้า “ถึงเวลาที่เจ้าต้องเตรียมตัวเดินทางคืนนี้แล้วละ เดี๋ยวทอมจะนำทางเจ้ากับนักเวทฝึกหัดคนอื่นๆ ออกเดินทางไปยังสภา เมื่อเจ้าไปถึงที่นั้น อีวานส์ เจ้าจะสามารถหาซื้อวารสาร วัตถุเวทมนตร์ทั่วไป และแม้กระทั่งเวทมนตร์อาคมก็ซื้อได้ด้วยเงิน แต่ถ้าเจ้าต้องการของที่พิเศษและมีค่ามากกว่านั้น เจ้าต้องใช้แต้มอาร์คานาแลกมา ซึ่งจะได้มาพร้อมกับคะแนนอาร์คานา หรือจากการขายข้อมูลหรืออุปกรณ์เวทมนตร์ให้กับสภาและบรรลุภารกิจที่สภามอบหมายให้”

มุมปากของลูเซียนแสยะยิ้มเล็กน้อย

‘เงินเสมือนสินะ…’ ลูเซียนคิดกับตัวเอง

ว่าแล้วเขาก็โค้งคำนับแอสตาร์อย่างสุภาพ “ขอขอบคุณสำหรับการอธิบายอย่างละเอียด ท่านแอสตาร์ ข้าต้องไปตรวจดูนักเวทฝึกหัดสามคนของข้าเสียหน่อยก่อนเราจะออกเดินทาง”

……………………………………….

Throne of Magical Arcana

Throne of Magical Arcana

ซย่าเฟิง นักศึกษาปีสุดท้ายผู้อ่อนต่อโลก ตื่นขึ้นมาอยู่ในร่างของลูเซียน อีวานส์ เด็กหนุ่มกำพร้าชนชั้นกรรมาชีพที่เฉลียวฉลาด บนโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ แม่มด ลัทธินอกรีต อัศวิน ปีศาจ และศรัทธาในพระเจ้า ลูเซียนประยุกต์ใช้ความรู้จากโลกเก่าพร้อมกับพลังวิเศษ ‘ห้องสมุดในห้วงสมอง’ ศึกษาเปรียบเทียบวิทยาศาสตร์กับเวทมนตร์ เพราะ ‘ความรู้คืออำนาจ’ ที่จะช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมายในการยกระดับชีวิต!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset