Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – ตอนที่ 5 สถานการณ์พลิกผัน

เมื่อเผชิญหน้ากับบรรดาดวงตาสีแดงนั้น ลูเซียนรู้สึกว่ามือและขาเขากำลังสั่น และรู้สึกเวียนศีรษะ ความคิดมากมายขัดแย้งกันที่บอกเขาว่าควรหรือไม่ควรทำอะไรหลั่งไหลออกมาไม่หยุด เขาจึงทำได้เพียงยืนนิ่งอยู่กับที่

‘เหรียญตรา! ฉันยังมีเหรียญตราอยู่!’

เหรียญตราคือสิ่งพึ่งพิงที่สำคัญที่สุดของเขา เมื่อนึกถึงมัน จิตใต้สำนึกของลูเซียนก็สั่งให้เขาตั้งสมาธิและเรียกใช้เวทโล่แห่งแสง ไม่ว่าอย่างไร การป้องกันตัวเองก็เป็นเรื่องสำคัญที่สุด

“ฮ่า!” ในตอนนั้นเอง เสียงคำรามดังปานสายฟ้าฟาดก็ดังก้องในหูลูเซียน ทำเอาเขาตกใจกลัวจนสมาธิแตกซ่าน

“ใช้เวทแสง!” เสียงแกรี่นั้นทั้งมั่นคงและเด็ดเดี่ยว เขาร้องคำรามเสียงดังเพื่อปลุกลูเซียน โคเรลลา และฮาวสันจากความมึนงงตื่นกลัว

ความสงบและมั่นคงของแกรี่ทำให้ลูเซียนใจเย็นตามไปด้วย และทำให้เขาฟื้นคืนสติจากปฏิกิริยาเล็กๆ น้อยๆ เมื่อครู่ เขารีบถูเหรียญตราโดยไม่คิดแล้วพึมพำคำแปลกๆ ว่า “กายา”

บอลแสงสีขาวพลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้าพวกเขาและขับไล่ความมืดมิดออกไป

แล้วลูเซียนก็มองเห็นพวกมัน มันคือหนูขนาดตัวธรรมดาที่มีดวงตาสีแดงเลือด ทั้งบนพื้น ผนัง และแม้แต่พืชที่มีโครงร่างแปลกๆ เหมือนมนุษย์ต่างเต็มไปด้วยหนูตัวสีดำ มันเยอะมากเสียจนลูเซียนขนหัวลุก

ทันทีที่บอลแสงปรากฏ พวกหนูเองก็มองเห็นศัตรูของมัน พวกมันเริ่มส่งเสียงกรีดร้องและกรูกันมาหาลูเซียน แกรี่ และคนอื่นๆ

เมื่อพวกหนูตาสีแดงเลือดกระจายตัวออกมา พวกเขาก็ได้เห็นสภาพภายในห้องลับนั้นวูบหนึ่ง มีโต๊ะตัวหนึ่งตั้งอยู่ตรงมุมโดยมีหนังสือสามเล่มกำลังเปล่งแสงสว่างเรืองรอง โต๊ะแบนราบตัวใหญ่หน้าตาประหลาดอีกตัวตั้งอยู่กลางห้อง บนโต๊ะนั้นมีภาพวาดลวดลายแปลกตาแตกต่างกันไป มีทั้งสีแดง น้ำเงิน และเขียว ซึ่งคล้ายกับลวดลายบน ‘เหรียญตรานักบุญแห่งความจริง’ นอกจากนี้ยังมีเตาไฟเล็กๆ กับหม้อหลายใบ และขวดแก้วอีกมากมาย

ทว่าพวกเขาไม่มีเวลามากพอจะสังเกตรายละเอียดอื่นๆ เพราะสัตว์ประหลาดตัวเหม็นบ้าคลั่งได้กระโจนมาตรงหน้าพวกเขาแล้ว

ฮาวสันผู้นิ่งเงียบกับโคเรลลาปากเปราะต่างได้สติเพราะแกรี่ พวกเขากระชับดาบและโล่ในมืออย่างเชี่ยวชาญ แล้วหันหลังชนกันกับแกรี่เป็นรูปขบวนง่ายๆ

เมื่อเห็นว่าตนกำลังเผชิญหน้ากับหนู ไม่ใช่สัตว์ประหลาดรูปแบบอื่น ลูเซียนที่ใจเย็นลงตามแกรี่จึงคลายความตึงเครียดลง แต่อย่างไรพวกมันก็มีมากเกินไปจนลูเซียนอดตัวสั่นสะท้านไม่ได้

หนูตัวที่อยู่ข้างหน้าพลันกระโจนเข้าใส่ลูเซียน มันอ้าปากกว้าง เผยสองคมเขี้ยวยาวแหลมคม

ลูเซียนยกดาบแห่งแสงขึ้นด้วยมือข้างเดียวแล้วรีบเร่งฟาดใส่หนูดวงตาแดงเลือดไม่ยั้ง

ถึงดาบแห่งแสงที่เรียกมาด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์จะคมกริบยิ่งกว่าดาบของอัศวิน แต่เพราะเขาประหม่าเกินไปจึงคาดเดาการเคลื่อนไหวของหนูผิดพลาด ส่งผลให้ตัวดาบพลาดเป้าไป

แต่รัศมีของดาบแห่งแสงยังโดนมัน ส่งผลให้ขนของหนูไหม้เกรียมจนหลุดร่วงเผยให้เห็นผิวเนื้อข้างใต้ แต่หนูตัวนั้นกลับไม่แม้แต่จะชะงัก ทั้งยังเคลื่อนไหวมาอยู่ตรงหน้าลูเซียนพร้อมกับส่งสายตาไร้ความรู้สึกมาให้ ลูเซียนยังได้กลิ่นเหม็นของเนื้อไหม้อีกด้วย

ขณะที่ดาบยังหวดอากาศอยู่นั้น หนูดวงตาสีแดงเลือดก็เข้าประชิดเขาแล้ว และนั่นทำให้ลูเซียนตื่นตระหนก เขาอยากจะกระชากดาบกลับมาฟัน แต่ก็อยากจะยื่นแขนซ้ายมาปัดป้องโดยตรงด้วยเช่นกัน ความขัดแย้งนี้แทบทำให้เขาทำดาบแห่งแสงหลุดจากมือ

เมื่อเห็นว่าหนูดวงตาสีแดงเลือดกำลังจะฝังคมเขี้ยวลงบนอก ลูเซียนก็ทำอะไรไม่ถูก

ในตอนนั้นเอง ดาบที่เปล่งประกายสุกสว่างก็ตวัดมาหั่นครึ่งหนูตัวนั้น

“จงอย่าตื่นตระหนก หากเจ้าหลบเลี่ยงไม่ทันก็ป้องกันเพียงจุดสำคัญ เจ้ายังมีเวทรักษาแผลเล็กอยู่” แกรี่สั่งด้วยเสียงทุ้มต่ำ

โคเรลลาเองก็ออกคำสั่งเสียงตวัด “ถอยลงมาอยู่กับพวกข้า เจ้าอยากตายโดยการยืนข้างหน้าตามลำพังหรือ”

เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ว่าแกรี่ โคเรลลา และฮาวสันจะมีความรู้สึกแง่ลบกับลูเซียนเพียงใด ทุกคนก็ตระหนักดีว่าเขาคือผู้เดียวที่ถือเหรียญตราอันศักดิ์สิทธิ์อยู่ ซึ่งเป็นขุมพลังที่สำคัญกับพวกเขามาก เพราะถ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ เหรียญตราก็คือปัจจัยหลักในการพลิกสถานการณ์ ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าหลังจากหมดพวกหนูดวงตาสีแดงเลือดนี่แล้วจะมีสัตว์ประหลาดอื่นๆ หรือกับดักเวทมนตร์หรือไม่

หลังจากรอดพ้นคมเขี้ยวมาได้ ลูเซียนก็พยายามสงบจิตใจที่ตื่นตระหนกของตนอีกครั้ง หากเทียบกับแกรี่ผู้เป็นอัศวินฝึกหัดระดับสูงที่ผ่านการฝึกฝนและมีประสบการณ์การต่อสู้มามากมาย เขาถือว่าตกอยู่ในอันตรายที่สุด ยามเผชิญหน้ากับสถานการณ์คับขัน ทุกคนมักดูคล้ายเด็กไม่รู้จักโต ไร้ประสบการณ์ใดๆ และไม่รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไร ไม่ใช่ทุกคนที่จะเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ด้านการต่อสู้ หรือความสามารถในการสงบจิตใจขณะเผชิญหน้ากับภยันตราย

เขาช่างโชคดีที่การต่อสู้ครั้งแรกในชีวิตได้ผู้มีประสบการณ์โชกโชนอย่างแกรี่มาแนะนำและช่วยเหลือ มันจะเป็นประสบการณ์ที่ประเมินค่าไม่ได้เมื่อลูเซียนต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้และภัยร้ายในอนาคต

ครานี้เขาไม่ได้ตื่นตระหนกอีกต่อไป ขณะที่ลูเซียนกวัดแกว่งดาบแห่งแสงไปเบื้องหน้า เขาก็ค่อยๆ ถอยร่นลงมารวมกลุ่มกับเหล่าอัศวิน

แต่ตอนนี้ไม่ใช่หนูแค่ตัวหรือสองตัวแล้ว หนูนับร้อยๆ ตัวเริ่มโจมตีพวกเขาไม่หยุดยั้งราวกับกระแสน้ำที่สาดซัด

ดาบในมือลูเซียนนั้นคมกริบและส่องประกายเจิดจ้า เวลาที่เขากวัดแกว่งดาบ แสงจากตัวดาบจะทิ้งเงาและประกายเอาไว้ แต่ละครั้งที่ลูเซียนลงมือฟาดฟันนั้นเป็นไปตามคำสั่งของแกรี่ ดึงเอาศักยภาพที่แท้จริงของดาบแห่งแสงออกมาใช้โดยเน้นการตั้งรับ และลูเซียนที่หลบหลีกอยู่ก็ไม่เคยเรียนรู้จุดอ่อนใดๆ ของกลยุทธ์ดาบเลย

แสงจากรัศมีดาบคล้ายจะก่อตัวเป็นบาร์เรียร์สีขาวซีดตรงหน้าลูเซียน หนูที่พุ่งเข้ามาโจมตีแล้วชนกับดาบแห่งแสงพลันถูกหั่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยโดยไม่ต้องออกแรงมากราวกับมันเป็นเพียงก้อนดิน ชิ้นส่วนเหล่านั้นถูกรัศมีแสงเผาไหม้จนเครื่องในและผิวหนังดำเป็นตอตะโก ก่อนจะร่วงลงไปกองกับพื้นโดยไม่มีแม้แต่หยาดโลหิตไหลออกมา

ส่วนตัวไหนที่ไม่โดนดาบแห่งแสงฟันเข้าอย่างจัง เมื่อเงาและประกายแสงจากตัวดาบวาดผ่าน ขนบนตัวพวกมันก็จะเริ่มลุกไหม้ ความเร็วจะตกลง และสุดท้ายก็จะลงไปกองอยู่ตรงหน้าลูเซียน หรือไม่ก็โดนฟันโดยแกรี่กับโคเรลลาที่ยืนขนาบข้างเขาอยู่

“เฮ้ เจ้าหนุ่ม ทำได้ดีมาก ดาบเจ้าเพียงคนเดียวฆ่าหนูปีศาจพวกนี้ไปได้มากเลยเชียว” โคเรลลาผิวปาก ไม่ทราบว่าต้องการชมหรือประชดประชันกันแน่

ทว่าตัวลูเซียนนั้นไม่ได้ภาคภูมิใจที่ตนสามารถสังหารหนูดวงตาสีแดงเลือดพวกนี้ได้ในดาบเดียวเลยสักนิด ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะพลังของดาบแห่งแสงและคำชี้นำของแกรี่ และเมื่อถึงจุดนี้ ‘ฉันรู้สึกว่าพลังของดาบแห่งแสงเริ่มลดลงแล้ว’

หลังจากสังหารหนูดวงตาสีแดงเลือดไปอีกตัว ลูเซียนก็รู้สึกว่าเขาปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ในตอนนี้ได้แล้ว

แกรี่ยังคงฟาดฟันดาบยาวของเขาต่อไปเพื่อกำจัดหนูตัวที่หลุดรอดจากดาบแห่งแสงในมือลูเซียน “ใจเย็นๆ เรายังมีพลังเหลือพอจะรับมือกับสัตว์ประหลาดพวกนี้”

หลังจากการจู่โจมระลอกแรกถูกกำจัดไปจนหมด พวกหนูดวงตาสีแดงเลือดนับร้อยก็โผเข้ามาอีกครั้ง

ฝีมือการใช้ดาบของลูเซียนพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าในใจเขาจะยังหวาดกลัวเล็กน้อยและกังวลว่าเขาจะไม่สามารถกันหนูนับร้อยๆ ตัวไว้ได้ เขาก็ยังเชื่อมั่นในตัวแกรี่และโคเรลลาที่อยู่เคียงข้างว่าทั้งสองจะช่วยเขาจัดการกับพวกหนูที่เหลือได้

ดาบแห่งแสงตวัดทำมุมทแยงจากบนลงล่าง วาดเงาและประกายแสงอันงดงามขึ้นบนอากาศ และเกิดเสียงดังเปรี้ยง เขามิอาจทราบได้ว่าดาบฟาดโดนหนูกี่ตัว ทว่าลูเซียนรู้สึกได้ถึงแรงสะท้อนกลับบนมือเขาที่เพิ่มขึ้นถึงสองเท่า ในฐานะคนธรรมดาที่ไม่เคยผ่านการฝึกฝนมาอย่างอัศวิน เขาแทบจะถือดาบแห่งแสงต่อไปไม่ไหว

พวกหนูมีมากเกินไป แม้ว่าซากศพครึ่งท่อนของพวกมันจะตกลงไปกองกับพื้นราวกับสายฝนเมื่ออยู่ต่อหน้าดาบแห่งแสง พวกมันก็ยังดาหน้าฝ่าบาร์เรียร์ของลูเซียนกับเงาและประกายแสงจากดาบแห่งแสงเข้ามา

‘พวกมันมีเยอะเกินไป เราจะสกัดกั้นพวกมันไม่ได้เลย เว้นแต่ว่าแกรี่กับโคเรลลาจะสามารถตวัดดาบห้าถึงหกครั้งได้ในวินาทีเดียว!’ ดาบแห่งแสงในมือลูเซียนตวัดออกไปช้าเกินจนหวดอากาศอีกครั้ง และได้แต่คิดอย่างวิตกกังวลอยู่ในใจ ‘บางทีอัศวินฝึกหัดระดับสูงที่ได้รับการฝึกมาจากโบสถ์อาจมีพลังบางอย่างที่คล้ายกับเวทมนตร์ก็ได้’

ขณะที่ลูเซียนครุ่นคิด สิ่งที่ถูกยกขึ้นสกัดกั้นจากทั้งสองด้านไม่ใช่ดาบอีกต่อไป กลับเป็นโล่กลมเล็กๆ สองอันที่ทำจากเหล็กสีเทาเงิน

โล่กลมทั้งสองกระแทกออกอย่างร้อนแรง บังเกิดเสียงดังปังหลายครั้ง และหนูทั้งหลายก็ถูกส่งไปตกกระแทกพื้นจนแหลกเหลวสิ้นใจในทันที

โคเรลลาหัวเราะร่า “อัศวินที่ดีไม่ได้ใช้เพียงดาบ แต่ใช้โล่ด้วย”

หลังจากที่ลูเซียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาก็กวัดแกว่งดาบแห่งแสงต่อไปเพื่อป้องกันการโจมตีจากพวกหนู

การกระโจมเข้ากัดของพวกมันล้มเหลวติดต่อกันหลายครั้ง และนั่นทำให้พวกหนูดวงตาสีแดงเลือดตระหนักว่านี่ไม่ใช่วิธีการที่ดี บางตัวจึงหยุดกระโจนเข้าใส่จากพื้นดินโดยตรง ส่วนตัวอื่นๆ ก็เริ่มไต่ไปตามผนังและเตรียมโจมตีอีกครั้งจากทางศีรษะของคนทั้งสี่

สถานการณ์พลันพลิกผันตึงเครียด

“ข้างบนปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง” ฮาวสันผู้เงียบมาตลอดทางเอ่ยขึ้น เขาเป็นคนที่ตัวสูงที่สุด

ขณะลูเซียนตวัดดาบแห่งแสงสกัดกั้นไม่ให้พวกหนูไต่ขึ้นผนังไปได้ เขาก็ถามว่า “จะใช้โล่แห่งแสงเลยหรือไม่”

แกรี่ส่ายหน้า “ช้าก่อน”

ทั้งสี่คนเป็นเหมือนเรือเล็กในมหาสมุทรท่ามกลางพายุ พวกหนูดวงตาสีแดงเลือดทั้งจู่โจมจากด้านบน กระโจนใส่กลางอากาศ และกรูขึ้นมาจากพื้นจนดูเหมือนจะกำจัดพวกเขาได้ทุกเมื่อ

ทันใดนั้น ฮาวสันกำจัดหนูตัวหนึ่งไม่ทัน ทำให้มันตกลงบนไหล่โคเรลลา ดาบและโล่ของโคเรลลาอยู่ตรงหน้า เขาจึงดึงกลับมาไม่ทันและถูกหนูตัวนั้นกัดเข้าที่ลำคอ โคเรลลาร้องคำรามด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับสะบัดไหล่ไล่หนูตัวนั้น

โคเรลลากล่าวอย่างมีโทสะ “แผลข้าชา ดูเหมือนว่ามันจะมีพิษ”

“ข้าจะเรียกใช้เวทรักษาให้” ลูเซียนพูดพลางใช้มือซ้ายที่ว่างอยู่จับเหรียญตราศักดิ์สิทธิ์

ทว่าแกรี่กลับหยุดเขาไว้ “ไม่ต้องห่วง โคเรลลาทนได้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีวิธีหยุดพวกมันได้เลย หากว่ายังมีคนโดนกัดอีก ค่อยใช้เวทรักษา” พวกหนูมีมากเกินไป และเวทรักษาก็ต้องเก็บไว้ใช้ยามจำเป็น

ประโยคสุดท้ายไม่ทันได้เอ่ยออกมา เขาก็ต้องอุทานขึ้นเพราะเจ็บตรงใต้หัวเข่าที่ถูกกัด

เมื่อเป็นเช่นนี้ แกรี่ โคเรลลา และฮาวสันจึงเปลี่ยนวิธีการต่อสู้เล็กน้อย แม้ว่าหนูจะกัดเนื้อคนได้ แต่ฟันของมันก็ไม่คมพอจะกัดผ่านเกราะเข้ามาได้ ดังนั้นพวกเขาจึงผ่อนการป้องกันบนจุดที่มีอุปกรณ์ป้องกันอย่างเกราะร้อยห่วงและสนับเข่า แล้วมุ้งเน้นการป้องกันไปที่จุดอื่นๆ สถานการณ์จึงดีขึ้นโดยพลัน

แต่มีเพียงลูเซียนเท่านั้นที่สวมเสื้อกับกางเกงที่ตัดจากผ้าลินิน ไร้ซึ่งเกราะป้องกันใดๆ ไม่นานเขาจึงถูกกัดเข้าที่ข้อเท้า

ความรู้สึกชาและคันคะเยอแล่นจากจุดที่ถูกกัดบนข้อเท้าไปทั่วอย่างรวดเร็ว ลูเซียนแทบจะล้มทั้งยืน ในปากเขารู้สึกแห้งผากและกระหายน้ำอย่างยิ่งยวดในเวลาเดียวกัน

“สภาพเจ้าแย่กว่าพวกข้ามาก ใช้โล่แห่งแสงก่อน แล้วค่อยใช้เวทรักษา” แกรี่ประเมินสถานการณ์ ตอนนี้พวกหนูตายไปเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว

ด้วยความเป็นห่วงตัวเอง ลูเซียนจึงไม่รอช้า เขาตั้งสมาธิ แล้วแตะไปที่เหรียญตราศักดิ์สิทธิ์

“ซเมน”

หลังจากที่คาถาแปลกประหลาดและลึกลับถูกเปล่งออกมา โล่แสงสีขาวก็ปรากฏขึ้นบนตัวลูเซียน

แต่พอลูเซียนจะเรียกใช้เวทรักษา เขากลับไม่อาจรวบรวมสมาธิได้ จึงก้าวไปข้างหน้าแล้วสกัดกั้นพวกหนูตรงหน้าเขาด้วยโล่และดาบแห่งแสง

หนูตัวที่หลบเลี่ยงคมดาบได้เข้าจู่โจมใส่โล่แห่งแสงตัวแล้วตัวเล่าไม่หยุดยั้ง แต่แสงบนโล่เพียงส่องวูบวาบ ไม่สะท้านสะเทือนต่อแรงปะทะเลยสักนิด เปิดโอกาสให้แกรี่กับโคเรลลากำจัดพวกหนูที่โผเข้าใส่ทางอากาศได้แบบสบายๆ

หลังจากนั้นสองสามวินาที ลูเซียนก็กลับมาตั้งจิตได้อีกครั้ง จึงยกมือขึ้นจับเหรียญตรา แล้วร่ายคาถาออกมาว่า “โกดี”

แสงสีขาวแผ่พุ่งออกมาจากกางเขนบนเหรียญตราแล้วส่องกระทบบนข้อเท้าลูเซียน ความคันพลันมลายหายไป

การที่ลูเซียนคอยใช้โล่แห่งแสงสกัดกั้นอยู่เบื้องหน้า แม้ว่าแกรี่กับโคเรลลาจะยังบาดเจ็บ แต่พวกเขาก็สามารถหลบเลี่ยงการได้รับบาดแผลเพิ่มเติม สถานการณ์จึงค่อยๆ เปลี่ยนไป จำนวนของหนูดวงตาสีแดงเลือดลดน้อยลงมาก ความเสี่ยงจึงค่อยๆ น้อยลงตามไปด้วย

ลูเซียนใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อเรียกใช้เวทจากเหรียญตราเพื่อรักษาโคเรลลากับแกรี่

หลังจากนั้นไม่นานนัก โคเรลลาก็ฟาดดาบหั่นครึ่งหนูตัวหนึ่งจนเลือดกระเซ็น ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ “ในที่สุดก็หมดเสียที”

บนพื้นเต็มไปด้วยกองซากศพของหนู และเจิ่งนองไปด้วยหยาดโลหิตสีแดงเข้ม

ลูเซียนมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาเหม่อลอย รู้สึกเหลือเชื่อว่าทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากฝีมือเขา แกรี่พยักหน้าให้เขา “ลูเซียน เจ้าทำได้ดี”

ลูเซียนได้สติกลับมา และกำลังจะขอบคุณแกรี่

แต่แกรี่กลับอ้าปากสูดหายใจเข้า แล้วออกคำสั่ง “ฮาวสัน เจ้ากับลูเซียนจงเข้าไปดูในห้องลับ”

ลูเซียนเป็นผู้ที่มีโล่แห่งแสง และฮาวสันก็อยู่ข้างหลังพวกเขาโดยไม่ถูกหนูกัดมาตลอดเวลานี้ ในเวลาเช่นนี้ แกรี่จึงแจกแจงหน้าที่ให้ทุกคนอย่างยุติธรรม

บังเกิดความเงียบขึ้นครู่หนึ่ง ฮาวสันผู้นิ่งเงียบมาตลอดกลับไม่ตอบรับ

โคเรลลาหันกลับไปมองด้วยความสงสัย แต่แล้วเขาก็ต้องตื่นตระหนกตกใจ ก่อนจะเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก “ฮาวสัน ฮาวสันหายไปแล้ว”

เมื่อครู่เขายังจำกัดพวกหนูที่กรูลงมาทางเพดานอยู่ แต่ตอนนี้ฮาวสันผู้ที่อยู่ข้างหลังพวกเขาอย่างสงบนิ่งมาตลอดกลับหายไปเช่นนั้นหรือ?!

ลูเซียนรู้สึกขวัญผวาอีกครั้ง

————————————————

Throne of Magical Arcana

Throne of Magical Arcana

ซย่าเฟิง นักศึกษาปีสุดท้ายผู้อ่อนต่อโลก ตื่นขึ้นมาอยู่ในร่างของลูเซียน อีวานส์ เด็กหนุ่มกำพร้าชนชั้นกรรมาชีพที่เฉลียวฉลาด บนโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ แม่มด ลัทธินอกรีต อัศวิน ปีศาจ และศรัทธาในพระเจ้า ลูเซียนประยุกต์ใช้ความรู้จากโลกเก่าพร้อมกับพลังวิเศษ ‘ห้องสมุดในห้วงสมอง’ ศึกษาเปรียบเทียบวิทยาศาสตร์กับเวทมนตร์ เพราะ ‘ความรู้คืออำนาจ’ ที่จะช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมายในการยกระดับชีวิต!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset