Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – ตอนที่ 78 รับความเสี่ยง

ลูเซียนฝืนยิ้มออกมา “อาจเพราะกระหม่อมกังวลไปหน่อยพะยะค่ะ ได้มาอยู่ต่อหน้าพระองค์หญิงในพระราชวัง ขออภัยด้วยฝ่าบาท”

ขณะเดียวกัน ลูเซียนก็รู้สึกโล่งใจ ‘ในที่สุด… เจ้าหญิงก็ถามเสียที’

ความว้าวุ่นใจ ความกระสับกระส่าย และความกังวลใจที่นาตาซาสังเกตเห็นนั้นลูเซียนเจตนาแสดงออกมา

นาตาซายักคิ้วงามของนางและพูดกับลูเซียน “ไม่ต้องกลัวข้าเพราะข้าเป็นเจ้าหญิงหรืออัศวินหรอก ลูเซียน เราเคารพหรือบูชาคนอื่นได้ แต่อย่ากลัว นั่นคือจิตวิญญาณแห่งบุรุษ และจิตวิญญาณแห่งอัศวิน”

“กระหม่อมจะพยายามพะยะค่ะ แม้กระหม่อมจะมีภูมิหลังที่ไม่ดีนัก แต่จะพยายามพะยะค่ะ” ลูเซียนค่อนข้างรู้สึกประหลาดใจกับความคิดเห็นของนาตาซา แต่เขาก็พยายามสรรหาคำตอบดีๆ

รอยยิ้มทรงเสน่ห์ปรากฏบนใบหน้าของนาตาซา “รู้ไหม? จริงๆ เจ้าดูกล้าหาญกว่าคนทั่วไปอีกนะ หลายคนพูดผิดๆ ถูกๆ ตอนเจอข้าครั้งแรก แต่เจ้ากล้าจ้องขาของซิลเวียตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอนาง น่าประทับใจมาก”

นาตาซาพูดถึงเรื่องนี้อย่างเป็นกันเอง ราวกับเป็นแค่เรื่องตลก

“กระหม่อม… กระหม่อมขอประทานอภัยพะยะค่ะ นั่นเป็นครั้งแรกที่กระหม่อมเห็นถุงน่องผ้าไหม… กระหม่อมเลยเผลอลืมตัวไปหน่อย…” ลูเซียนอธิบายอย่างกระอักกระอ่วน “กระหม่อมไม่ใช่คนลามกนะพะยะค่ะ…”

นาตาซายิ้มมุมปาก “ข้าเข้าใจเจ้าดี ลูเซียน ไม่ว่าสตรีหรือบุรุษก็ชอบข้าวของที่ได้มาจากการเล่นแร่แปรธาตุทั้งนั้น เจ้าก็ไม่เว้น ถุงน่องผ้าไหมเป็นของมีค่าสูงมากตั้งแต่จักรวรรดิเวทมนตร์ล่มสลาย และการเล่นแร่แปรธาตุยุคโบราณสูญหายแล้วหลายปี”

“ขอบพระทัยที่เข้าใจพะยะค่ะ” ลูเซียนค้อมศีรษะ

“แต่เจ้าจ้องซิลเวียนานเชียว ข้าว่านั่นไม่ปกตินะ เจ้าไม่ได้คิดลามกแน่หรือ?” นาตาซาถามลูเซียนอย่างสนอกสนใจ นางชอบแกล้งเขา

“ไม่พะยะค่ะ อันที่จริง กระหม่อมไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวผู้หญิงเลยสักครั้งในชีวิต” ลูเซียนยอมรับเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจของเขา

“อ๋อ… ข้า… ว่าแล้ว…” นาตาซาตั้งใจพูดเนิบๆ “ฟังดูน่าสงสารนะ สำหรับหนุ่มวัยสิบเจ็ดปี แต่ตอนนี้ คงไม่มีปัญหาแล้วล่ะมั้ง หลังจบมหรสพดนตรี คงมีผู้หญิงมากหน้าหลายตาต่อแถวเข้าหาเจ้า เจ้าอยากให้ข้าแนะนำสาวให้สักคนไหมล่ะ? ถึงแม้สุดท้ายพวกนางจะจบเอยแต่งงานกับขุนนาง แต่ก็ไม่เลวนักที่จะมีความทรงจำดีๆ ก่อนแต่งงาน”

“ฝ่า… ฝ่าบาท ขอบพระทัยสำหรับความปรารถนาดีพะยะค่ะ แต่กระหม่อมขออุทิศชีวิตให้กับดนตรีไปอีกสองสามปี ฝ่าบาทอย่าแนะนำใครให้กระหม่อมเลยพะยะค่ะ” ลูเซียนปฏิเสธน้ำเสียงจริงจัง

“ไม่ให้ข้าแนะนำหรือ?” เจ้าหญิงยังเล่นสนุกไม่เลิก “หรือเจ้าอยากจะมัดใจพวกนางด้วยตัวเอง? ข้าสอนเคล็ดลับชนะใจสาวๆ ให้เอาไหม ข้าเชี่ยวชาญเลยละ ซิลเวีย เจ้าแมวป่า นางยังเสร็จข้าเลย…”

จู่ๆ คามิลก็กระแอมตัดบทสนทนาของนาตาซา

“ฝ่าบาท ข้าว่าหัวข้อสนทนาของเราเราดูแปลกๆ นะพะยะค่ะ” ลูเซียนเอ่ย เขารู้สึกว่าเจ้าหญิงเป็นคนเป็นกันเองมาก แต่การสนทนาระหว่างทั้งสองมักออกนอกลู่นอกทางเสมอ

นาตาซาเหลือบมองคามิลที่นั่งอยู่อีกฝั่งและถามด้วยความประหลาดใจว่า “แปลกตรงไหน? ผู้ชายเขาก็คุยกันแบบนี้เป็นเรื่องปกติ”

ในที่สุด ลูเซียนก็ตระหนักถึงปัญหา “พะยะค่ะ ระหว่างผู้ชาย แต่ฝ่าบาทท่านเป็นผู้หญิงนะพะยะค่ะ”

“ไม่ใช่ปัญหาเสียหน่อย ลูเซียน” นาตาซายักไหล่ “อันที่จริง ข้าสอนเจ้ามัดใจสาวๆ ได้ดีกว่าผู้ชายหลายคนเสียอีก”

ลูเซียนหมดคำจะพูด

“เอาล่ะ เอาล่ะ…” นางโบกมือแล้วยิ้ม “ดูหน้าเจื่อนๆ ของเจ้าสิ ลูเซียน กลับมาเรื่องดนตรีกันเถอะ”

นางดีใจที่ลูเซียนไม่เหมือนเหล่าขุนนางชนชั้นสูงคนอื่นๆ ส่วนใหญ่ปฏิเสธที่จะพูดคุยเรื่องนี้ตรงๆ และมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรยกมาเป็นหัวข้อสนทนา

“สำหรับทักษะการเล่นที่เราเพิ่งพูดถึง…” ลูเซียนรู้สึกโล่งอกขึ้นเล็กน้อย

“ข้ามีคำถาม” นาตาซาทำตัวเป็นลูกศิษย์ที่ดี

 “พะยะค่ะ?” ลูเซียนกำลังรอคำถาม

“เจ้าแน่ใจหรือว่าไม่อยากได้คำแนะนำการจีบหญิงจากข้า?” นาตาซาหัวเราะลั่น

“ …” ลูเซียนพูดไม่ออก

หนึ่งชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว นาตาซาได้รับแรงบันดาลใจและก้มตาก้มหน้าประพันธ์เพลง คามิลลุกขึ้นและเดินนำลูเซียนออกไปส่ง

ตรงหน้าประตู คามิลพูดกับลูเซียนด้วยเสียงเบาๆ “เรื่องเกี่ยวกับพระองค์… ห้ามแพร่งพรายเด็ดขาด”

ลูเซียนค้อมศีรษะรับอย่างจริงจัง

หลังจากอาหารกลางวัน ลูเซียนก็มาถึงบ้านของวิกเตอร์ และกำลังรอให้เฟลิเซียอย่างใจจดใจจ่อ

“พ่อบ้านอาธี โปรยผงกำมะถันในห้องรับแขกสักหน่อยเถอะขอรับ ในเดือนการเก็บเกี่ยว ยุงบินว่อนเต็มไปหมด”

“ได้ขอรับ” พ่อบ้านอาธีพยักหน้ารับคำ

วันนี้เฟลิเซียมาถึงก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง เพราะรู้ว่าลูเซียนคงกำลังรอกุหลาบแสงจันทร์อยู่ ณ มุมห้องรับแขก นางหยิบถุงสีดำปักลายเปลวไฟออกมาส่งให้ลูเซียน

“นี่กุหลาบแสงจันทร์แห้งสี่สิบกรัม กุหลาบบดเป็นผงแล้วนะ กระเป๋าวิเศษใบนี้ช่วยถนอมให้ผงกุหลาบแสงจันทร์มีอายุนานขึ้น เจ้าค่อยคืนกระเป๋าให้ข้าตอนใช้เสร็จแล้วกัน”

“ขอบใจมากเฟลิเซีย” ลูเซียนเปิดกระเป๋าสีดำเล็กๆ ใบนั้นด้วยความตื่นเต้นสุดขีด ในถุงมีผงสีขาวละเอียดเปล่งแสงวิบวับราวกับฝัน

หลังจากกะน้ำหนักกระเป๋าคร่าวๆ ลูเซียนเก็บถุงลงในกระเป๋าของเขา “ข้าจะจ่ายเงินคืนให้เจ้าเร็วที่สุด เฟลิเซีย”

“หวังว่านะ เพราะนั่นมันเงินเก็บส่วนตัวของข้า” เฟลิเซียยิ้มแล้วนางสูดหายใจเบาๆ “ทำไมข้าถึงได้กลิ่นกำมะถันที่นี่?”

“ก็ไล่ยุงไล่แมลงไง” ลูเซียนตอบๆ ไปโดยไม่ได้ใส่ใจ

บ่ายนี้ลูเซียนเล่นพลาดบ่อยกว่าที่เคย แม้เขาพยายามตั้งสมาธิอย่างหนัก โชคดีที่วิกเตอร์ไม่ได้ตำหนิอะไร เขาคิดว่าลูเซียนอาจต้องใช้เวลาสักหน่อยในการปรับตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากความสำเร็จครั้งใหญ่ของการแสดงดนตรี

ในที่สุด ชั้นเรียนก็เลิกตอนสิบแปดนาฬิกา ลูเซียนกลับไปยังบ้านหลังซอมซ่อของเขาในเขตอาเดรอน เก็บข้าวของในกล่องเล็กๆ แล้วทำอาหารเย็นกินเอง ว่าแล้วเขาก็เปิดจดหมายฉบับนั้นดูอีกครั้ง

“อีวานส์ วันนี้ เจ้าทำได้ดีตอนอยู่ต่อหน้าเจ้าหญิง เราหวังว่าเจ้าจะควบคุมสติได้ดีกว่านี้ เพราะความกังวลอาจทำให้โดนสงสัยได้ง่าย ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า เราหวังว่าเรื่องแค่นี้คงไม่ยากเกินไปหรอกนะ”

พวกนอกรีตไม่ถามถึงบทสนทนาระหว่างลูเซียนกับเจ้าหญิงหรือสิ่งที่เขาพบเห็นในพระราชวัง ลูเซียนรู้ว่าพวกมันกำลังพยายามทำให้เขาเชื่อว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกมัน

แสร้งทำสีหน้าวิตกกังวล ลูเซียนพับจดหมายเก็บลงลงในกล่องเล็กๆ หลังจากนั้น เขาก็เอากล่องใบนั้นไปบ้านเช่าหลังใหม่ของเขา เขตเกซู

ณ บ้านหลังใหม่ ลูเซียนวางกล่องใบนั้นในห้องนอนใหญ่และหยิบหนังสือดนตรีออกมา ดูเหมือนว่าเขาจะนอนที่นี่ในคืนนี้

พอตกดึก ลูเซียนทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแล้วลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ท่าทางค่อนข้างหงุดหงิด “ผ้าปูนอนเปียกโชกไปหมด! ไบรอันน่าจะคนมาตากผ้าปูที่นอนก่อนให้ข้าย้ายเข้ามา!”

จากนั้นเขาก็เดินออกจากห้องนอนแล้วออกจากบ้านไป พร้อมทิ้งกล่องๆ นั้นไว้ในบ้านใหม่

หลังจากปิดหน้าต่างและลั่นดาลประตู ตอนนี้ ลูเซียนนอนอยู่บนเตียงเล็กๆ ในกระท่อมเก่าหลังเล็กๆ ของเขา

สิบนาทีต่อมา ลูเซียนกระโดดขึ้นจากเตียงแล้วสบถว่า “ยุงบ้าพวกนี้!”

ลูเซียนเจอกำมะถันในกล่อง เขาโปรยผงกำมะถันทั่วทุกมุมของบ้าน เขาต้องการไล่ยุงไล่แมลงที่น่ารำคาญพวกนี้ออกไปให้หมด

หลังจากนั้น เขาก็กลับมาที่เตียงและหลับตาลงด้วยความพอใจ

คืนนั้น ลูเซียนสัมผัสได้ถึงพลังเหนือธรรมชาติแผ่วเบาอยู่ภายในบ้านของเขา ราวกับมีดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองเขาอยู่ในอากาศ

เมื่อไม่มีความช่วยเหลือของยุงอัลโต้ไทเกอริด ในที่สุดพวกนอกรีตก็ต้องมาสอดแนมเขาโดยตรงด้วยพลังปีศาจ

ลูเซียนแสร้งทำเป็นหลับ เฝ้ารออย่างอดทน หนึ่งชั่วโมงต่อมา ดวงตาเวทนั่นก็หายไป แต่ไม่นานมันก็กลับมาอีกครั้ง

‘รอบหนึ่งประมาณหนึ่งชั่วโมง’ ลูเซียนคิดกับตัวเอง

ตามความคาดหมายของเขา หนึ่งชั่วโมงต่อมา ดวงตาคู่นั้นก็หายไปอีกครั้ง บางทีพวกโจรลักพาตัวคงเชื่อว่าลูเซียนกำลังนอนหลับ หรือพวกมันกำลังเปลี่ยนกะ สิบนาทีต่อมา ลูเซียนก็สัมผัสว่ามีดวงตาจ้องมองอีกครั้ง

สามสิบนาทีต่อมา จู่ๆ ดวงตาก็หายไปเป็นครั้งที่สาม

ลูเซียนรู้ตัว ตอนนี้ถึงเวลาที่เขาจะต้องลงมือแล้ว!

เขากระโดดออกจากเตียงอย่างรวดเร็ว ม้วนผ้าห่มและผ้าปูที่นอนเป็นก้อนๆ ให้พวกโจรลักพาตัวเข้าใจว่าเขานอนอยู่บนเตียง

ช่วงนี้ในเขตอาเดรอน กองผู้พิทักษ์ราตรีจะลาดตระเวนยามวิกาล หน่วยทหารพวกนั้นเชี่ยวชาญการตรวจจับพลังปีศาจ ลูเซียนรู้ว่าพวกนอกรีตคงไม่อยากเสี่ยงที่จะถูกศาสนจักรจับได้

ลูเซียนใช้โอกาสนั้นลอบเข้าไปในห้องทดลองเวทมนตร์ใต้ดินของเขา

ลูเซียนรู้ดีว่าแผนทั้งหมดนี้เสี่ยงมาก แต่อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ปัจจุบัน เขาไม่มีทางเลือกอื่น

……………………………………….

Throne of Magical Arcana

Throne of Magical Arcana

ซย่าเฟิง นักศึกษาปีสุดท้ายผู้อ่อนต่อโลก ตื่นขึ้นมาอยู่ในร่างของลูเซียน อีวานส์ เด็กหนุ่มกำพร้าชนชั้นกรรมาชีพที่เฉลียวฉลาด บนโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ แม่มด ลัทธินอกรีต อัศวิน ปีศาจ และศรัทธาในพระเจ้า ลูเซียนประยุกต์ใช้ความรู้จากโลกเก่าพร้อมกับพลังวิเศษ ‘ห้องสมุดในห้วงสมอง’ ศึกษาเปรียบเทียบวิทยาศาสตร์กับเวทมนตร์ เพราะ ‘ความรู้คืออำนาจ’ ที่จะช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมายในการยกระดับชีวิต!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset