Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – ตอนที่ 90 ใครๆ ก็รักดวงจันทร์

ผู้พิทักษ์ราตรีทั้งห้าคนยืนนิ่งรอบศพหมาป่าไฟราวกับเป็นรูปปั้น ความเงียบงันปกคลุมทุกคนด้วยแรงตึงเครียดมหาศาล

ท่ามกลางความมืด คลาวน์กำหมัดแน่นด้วยความแค้นและพ่นคำสบถลอดออกมาผ่านฟันที่กัดแน่น

“ศาสตราจารย์…!”

เมื่อถอดถุงมือสีดำออก ซัลวาดอร์ หรือ ‘ผู้คุมกฎ’ วางมือเปลือยเปล่าทาบอกและเริ่มสวดมนต์ภาวนาให้กับผู้พิทักษ์ราตรีผู้วายชนม์ยี่สิบห้าชีวิต เสียงของเขาฟังดูขลังจนน่าขนลุก “ก่อกรรมดี ย่อมได้ดี พวกท่านคงอยู่นิจนิรันดร์เมื่อชีพวาย สวรรค์เปิดประตูรับพวกท่าน”

หลังจากนั้น ซัลวาดอร์ดึงผ้าสีขาวออกมาผูกกับข้อมือตัวเอง “วันที่ข้าได้เผา ‘ศาสตราจารย์’ ทั้งเป็นจะเป็นวันที่ข้าแก้มัดผ้าผืนนี้”

หลังจากคำสาบานของซัลวาดอร์ เล็นด์ซึ่งเป็นอัศวินหลวงก็ผูกผ้าสีขาวเหมือนกันและค้อมศีรษะลง “ข้าจะไม่มีวันลืมการต่อสู้ครั้งนี้ สหายข้า เจ้า ‘ศาสตราจารย์’ นั่นต้องชดใช้ด้วยเลือด”

“ศาสตราจารย์เป็นเป้าหมายสูงสุดในบัญชีแค้นของข้า” จูเลียนาเอ่ยร่วมสนทนา เมื่อนึกถึงการต่อสู้ที่ดุเดือด หัวใจของจูเลียนายังคงเต็มไปด้วยความกลัว นางต้องทุกข์ทรมานจากการเห็นสหายร่วมกองผู้พิทักษ์ราตรีถูกสังหารไปทีละคนสองคนต่อหน้าต่อตา นางยังจำความสิ้นหวังตอน ‘เวทเยียวยา’ ไม่สามารถทำอะไรได้ เมื่อเจอกับพลังปีศาจ แม้จูเลียนาจะเกลียดศาสตราจารย์เข้าไส้ นางก็กลัวเขาสุดขั้วหัวใจเช่นกัน

“ไอ้เลว… ชั่วช้าระยำ!” คลาวน์ทนไม่ไหวอีกต่อไป “ข้าจะหามันให้เจอ จะทรมาน ไม่ว่ามันจะไปที่ไหน ไม่ว่ามันจะเป็นใคร ข้าจะจับตัวมันมาเป็นทาส ข้าจะปล่อยปีศาจกัดกินวิญญาณมัน ให้ไปทรมานต่อในนรก!” คลาวน์ไม่เคยล้มเหลวขนาดนี้มาก่อน ตั้งแต่เขาร่วม ‘กองผู้พิทักษ์ราตรี’ ในฐานะอัศวินหลวงระดับห้า ความเชื่อมั่นของเขาพังทลายลงในคืนนี้

หน้ากากตัวตลกที่ใบหน้ายิ้มตลอดเวลาบนหน้าของเขาดูแปลกตาและน่าขนลุกอยู่ในความมืด

“ข้าผิดเอง ข้าอยู่ใกล้ศาสตราจารย์มาก…” มินสค์ผูกผ้าขาวด้วยเช่นกัน

คลาวน์ค่อยๆ ใจเย็นลง แล้วหันไปทางผู้พิทักษ์ราตรีอีกสี่นาย “ศาสตราจารย์น่าจะหนีออกจากอัลโต้เร็วๆ นี้ เราควรเพิ่มชื่อศาสตราจารย์ใน ‘บัญชีกวาดล้าง’ ไล่ล่ามันไปทั้งทวีป”

“ข้าเกรงว่าไอ้เลวนั่นอาจยังไม่ถึงขั้น” เล็นด์พูดด้วยความลังเล “รู้ๆ กันว่าชื่อในบัญชีล้วนเป็นพวกที่มีพลังสูงๆ ทั้งนั้น บางคนเปลี่ยนสถานการณ์โลกได้เพียงพลิกฝ่ามือ ไอ้ศาสตราจารย์… มันเป็นนักเวทระดับสามหรือสี่เท่านั้น”

‘บัญชีกวาดล้าง’ จะถูกแจกจ่ายไปยัง ‘คณะไต่สวน’ ทั่วทวีป ทุกรายชื่อในบัญชีล้วนเป็นอันตรายใหญ่หลวงต่อ ‘ศาสนจักร’ และจะถูกไล่ล่าจากบาทหลวงและผู้พิทักษ์ราตรีที่มีพลังสูงสุดจากคณะไต่สวนต่างๆ อย่างไม่ลดละ อย่างไรก็ตาม บัญชีไม่มีการเปลี่ยนแปลงมาหลายปี เนื่องจากการไล่ล่าคนพวกนี้เป็นเรื่องที่ยากมาก

“เหล่าผู้พิทักษ์ราตรีตายไปยี่สิบห้าคนเพราะมัน” ผู้คุมกฎพูดขึ้นมาน้ำเสียงจริงจัง “แม้มันไม่ได้อยู่ในระดับสูง แต่ความโหดร้ายและความเจ้าเล่ห์ของมันไม่ควรมองข้าม”

“ข้าเข้าใจ” เล็นด์พยักหน้า “เราควรเสนอเรื่องไปที่พระคาร์ดินัลอะเมลตันก่อน”

“มาตามหาสหายของเรากันเถอะ… อย่างน้อยแค่ชิ้นส่วนก็ยังดี” ซัลวาดอร์พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

ลูเซียนใช้เวลาพักใหญ่ในการเก็บกวาดหลักฐาน รวมถึงศพของสาวกนอกรีตคนนั้นและชุดที่ฉีกขาดของเขา ก่อนทำความสะอาดร่างกายให้เรียบร้อยขึ้นมาได้หน่อย จากนั้นเขาก็เข้าไปยังอีกฟากของคฤหาสน์ผ่านทางป่าและปีนข้ามกำแพงสูงของคฤหาสน์

ด้วยอาศัยความเงียบและความรอบรอบ ลูเซียนกระโดดลงที่เงาของอาคารสามชั้นที่คลุมไปด้วยหญ้าและพุ่มไม้สูงเขียวชอุ่ม

เมื่อลูเซียนยืนขึ้นปัดฝุ่นจากมือ เขาตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้น

“สวัสดียามค่ำ ลูเซียน” ไรน์อยู่ที่นั่น เขาสวมเพียงชุดคลุมสีแดงเข้มหลวมๆ ท่อนบนไม่ได้กลัดกระดุม ผิวของเขาดูซีดยิ่งกว่าสตรีสูงศักดิ์เมื่ออยู่ท่ามกลางแสงจันทร์

“สะ สวัสดียามค่ำขอรับ ไรน์” เมื่อเห็นว่าเป็นไรน์ ลูเซียนก็เบาใจขึ้นมาหน่อย แต่เขาก็ยังสงสัยอยู่ดี “ท่านยังไม่เข้านอนอีกนะ?”

“เจ้าก็เช่นกัน” ไรน์ยิ้มอย่างมีเลศนัย

ลูเซียนฝืนยิ้มกลับไป “ถ้าข้าบอกท่านว่าข้ามาเดินเล่นชมพระจันทร์สีเงินในคืนนี้ ท่านจะเชื่อคำข้าไหม?”

ขณะพูด ลูเซียนก้มลงมองตัวเอง แขนท่อนล่างยังเปรอะเปื้อนไปด้วยโคลน เสื้อของเขายับยู้ยี่ไม่เป็นทรง และที่สำคัญ เมื่อเขาแหงนหน้ามอง ลูเซียนก็เห็นว่าพระจันทร์สีเงินถูกกำแพงหินสูงชะลูดบังเสียมิด

ช่างเป็นข้ออ้างที่ฟังขึ้นทีเดียว!

“เชื่อสิ ข้าเชื่อคำเจ้า เพราะ…” ไรน์ยักไหล่ “ข้าก็ออกมาชมพระจันทร์เหมือนกัน”

“อ๋อ…?” ลูเซียนชักสับสนขึ้นมา

“แน่นอน… เจ้าเห็นความงามของมันไหม พระจันทร์สีเงินสว่างไสวมากคืนนี้!” ไรน์เงยหน้าขึ้นและชมกำแพงหินที่ตั้งอยู่ตรงหน้าด้วยความชื่นชม “เรามาที่นี่ด้วยเหตุผลเดียวกัน ใช่ไหม?”

“ข้าก็ว่า…” ลูเซียนสูดหายใจยาวใช้น้ำเสียงจริงจัง “บอกได้ไหมว่าท่านเป็นใครกันแน่ ไรน์?” เมื่อเขาไม่อาจแกล้งไร้เดียงสาอีกต่อไป ลูเซียนตัดสินใจถามไรน์ตรงๆ และเขารู้สึกว่าไรน์ไม่ได้คิดร้ายกับเขา

“แค่กวีคนหนึ่ง” ไรน์ส่ายหน้า “กวีผู้ไม่มีธุระกงการอะไรกับที่ที่เจ้าตามหา แม้บอกเจ้าได้ว่ามันอยู่ไหน เจ้าก็ไม่มีปัญญาไปที่นั่นอยู่ดี”

“ท่านบอกข้ามาเถอะ! อย่างน้อยก็ให้ข้าได้รู้เป้าหมายชัดเจน” ลูเซียนขอด้วยความกระตือรือร้น

“คำแนะนำของข้าคือเจ้าควรทำงานให้หนักและขึ้นชั้นเป็นนักดนตรีจริงๆ แล้วเจ้าจะได้เดินทางไปประเทศต่างๆ ทั่วทวีป นั่นเป็นประโยชน์ต่อเป้าหมายของเจ้ามาก” ไรน์หันหลังเดินจากไป

ลูเซียนรู้สึกสับสน แม้จะอยากได้คำตอบมากแค่ไหน แต่เขารู้ว่าต้องรีบไปจากตรงนั้น เผื่อจะมีใครโผล่มาอีก

หลังจากปีนเข้าไปในห้องพักแขก ลูเซียนเก็บไพลินสองเม็ดลงในกระเป๋าแล้วเอนตัวลงนอน

เรื่องที่เกิดขึ้นคืนนี้ สำหรับลูเซียนแล้วมันเหมือนความฝัน หยุดใช้สมองได้พัก สัมผัสผ้าห่มนุ่มสบาย เขาค่อยๆ ผล็อยหลับไป

ลูเซียนไม่รู้ว่าเขาหลับไปนานแค่ไหนตอนที่ถูกปลุกจากเสียงเคาะประตูเบาๆ

“นั่นใคร?” ลูเซียนถามเสียงเบา

“ข้าเอง อีเว็ตต์ เจ้าอยากออกไปเดินเล่นชมจันทร์สีเงินคืนนี้ไหม” สตรีสูงศักดิ์เชิญชวนด้วยน้ำเสียงยั่วยวน ลูเซียนรู้สึกประหม่ากับสิ่งที่อีเว็ตต์พูด เขาดื่มด่ำกับดวงจันทร์มามากพอแล้ว ดูเหมือนใครๆ ก็อยากเดินอาบแสงจันทร์คืนนี้กันเหลือเกิน

“ข้า… ข้าต้องขอโทษจริงๆ อีเว็ตต์ ข้าข้อเท้าแพลงและรู้สึกง่วงมาก” ลูเซียนปฏิเสธไปตรงๆ “ไว้ครั้งหน้านะ ขอบใจมากที่ชวน”

อีเว็ตต์เดินย่ำเท้าไปจากห้องลูเซียนด้วยความผิดหวังและไม่พอใจ “โง่ชะมัด! สักวันเจ้าจะมาหาข้าและออดอ้อนข้าเอง ลูเซียน!”

หลังจากได้ยินเสียงอีเว็ตต์เดินจากไป ลูเวียนทิ้งตัวลงนอนและกลับเข้าสู่นิทราอีกครั้ง

“ลูเซียน ดูสิว่าเจ้าทำอะไรลงไป! ไม่แปลกเลยที่ไม่มีสาวๆ กับเขาเสียที!” เสียงสตรีลอยมาจากหน้าต่าง “เจ้าน่าจะเรียนรู้จากข้านะ! ข้าไปเคาะประตูห้องซิลเวียตอนสองยามบ่อยๆ”

เจ้าหญิงนาตาซานั่นเอง นางยืนอยู่บนขอบหน้าต่าง พร้อมกับท่านหญิงคามิลที่ลอยอยู่กลางอากาศ มือหนึ่งถือดาบยาว อีกมือถือเกราะหน้า ผมสีม่วงของนาตาซาสะบัดพลิวไหวไปตามสายลม ส่วนกลางของเกราะสีขาวของนางเป็นสีแดงเข้มซึ่งมาจากเลือดมังกร

เมื่อเห็นว่าลูเซียนกำลังมองเกราะของนาง นาตาซายิ้ม “เจ้าชอบเกราะชุดนี้หรือ? เกราะนี้ชื่อว่า ‘โลหิตมังกร’ ข้าสวมเกราะเพราะเพิ่งมาจากการสู้กับอาร์เจนต์ ฮอร์น”

หยุดเงียบพักหนึ่ง นาตาซาพูดต่อ “เอาแบบนี้ไหม ลูเซียน เจ้าอยากไปเดินอาบแสงจันทร์กับข้าคืนนี้ไหม? ฮ่า ฮ่า ฮ่า…”

……………………………………….

Throne of Magical Arcana

Throne of Magical Arcana

ซย่าเฟิง นักศึกษาปีสุดท้ายผู้อ่อนต่อโลก ตื่นขึ้นมาอยู่ในร่างของลูเซียน อีวานส์ เด็กหนุ่มกำพร้าชนชั้นกรรมาชีพที่เฉลียวฉลาด บนโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ แม่มด ลัทธินอกรีต อัศวิน ปีศาจ และศรัทธาในพระเจ้า ลูเซียนประยุกต์ใช้ความรู้จากโลกเก่าพร้อมกับพลังวิเศษ ‘ห้องสมุดในห้วงสมอง’ ศึกษาเปรียบเทียบวิทยาศาสตร์กับเวทมนตร์ เพราะ ‘ความรู้คืออำนาจ’ ที่จะช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมายในการยกระดับชีวิต!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset