Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา
THRONE OF MAGICAL ARCANA ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา
Bookmark
Followed 3 people

THRONE OF MAGICAL ARCANA ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

Read full chapter THRONE OF MAGICAL ARCANA ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา, Light Novel THRONE OF MAGICAL ARCANA ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา english, LN THRONE OF MAGICAL ARCANA ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา, THRONE OF MAGICAL ARCANA ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา Online, read THRONE OF MAGICAL ARCANA ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา at Novel00 - อ่านนิยายแปลไทย นิยายอ่านฟรีทุกเรื่อง จีน ไทย pdf.
Status: Ongoing Posted by: novel00 Posted on: Updated on: View: ? Views
Read complete THRONE OF MAGICAL ARCANA ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา on Novel00 - อ่านนิยายแปลไทย นิยายอ่านฟรีทุกเรื่อง จีน ไทย pdf. You can also read THRONE OF MAGICAL ARCANA ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา free and no registration required, We always be the fastest to update series chapter THRONE OF MAGICAL ARCANA ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา.

Synopsis THRONE OF MAGICAL ARCANA ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

ซย่าเฟิง นักศึกษาปีสุดท้ายผู้อ่อนต่อโลก

ตื่นขึ้นมาอยู่ในร่างของลูเซียน อีวานส์ เด็กหนุ่มกำพร้าชนชั้นกรรมาชีพที่เฉลียวฉลาด

บนโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ แม่มด ลัทธินอกรีต อัศวิน ปีศาจ และศรัทธาในพระเจ้า

ลูเซียนประยุกต์ใช้ความรู้จากโลกเก่าพร้อมกับพลังวิเศษ ‘ห้องสมุดในห้วงสมอง’

ศึกษาเปรียบเทียบวิทยาศาสตร์กับเวทมนตร์ เพราะ ‘ความรู้คืออำนาจ’ ที่จะช่วยให้เขาบรรลุเป้าหมายในการยกระดับชีวิต!

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – ตอนที่ 1 เปลวเพลิงบนตะแลงแกง
Bookmark
Followed 5 people

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – ตอนที่ 1 เปลวเพลิงบนตะแลงแกง

Read full chapter Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – ตอนที่ 1 เปลวเพลิงบนตะแลงแกง, Light Novel Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – ตอนที่ 1 เปลวเพลิงบนตะแลงแกง english, LN Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – ตอนที่ 1 เปลวเพลิงบนตะแลงแกง, Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – ตอนที่ 1 เปลวเพลิงบนตะแลงแกง Online, read Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – ตอนที่ 1 เปลวเพลิงบนตะแลงแกง at Novel00 - อ่านนิยายแปลไทย นิยายอ่านฟรีทุกเรื่อง จีน ไทย pdf.
Posted by: novel00 Posted on: Updated on: View: ? Views
Read complete Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – ตอนที่ 1 เปลวเพลิงบนตะแลงแกง on Novel00 - อ่านนิยายแปลไทย นิยายอ่านฟรีทุกเรื่อง จีน ไทย pdf. You can also read Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – ตอนที่ 1 เปลวเพลิงบนตะแลงแกง free and no registration required, We always be the fastest to update series chapter Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – ตอนที่ 1 เปลวเพลิงบนตะแลงแกง.

Synopsis Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – ตอนที่ 1 เปลวเพลิงบนตะแลงแกง

ควันดำที่ลอยโขมงทำให้ซย่าเฟิงแสบร้อนในลำคอและปอดขณะที่เขาเค้นเสียงดังฟู่ฟ่อคล้ายที่สูบลมเก่าๆ

“ไม่นะ ห้ามหลับ นายจะตายนะ”

“ตื่น ห้ามหลับนะ!”

แสงไฟแดงฉานจากเปลวเพลิงไร้ที่สิ้นสุดค่อยๆ ดับลง ตามมาด้วยความมืดมิดลึกล้ำ ซย่าเฟิงพยายามคว้าจับอะไรก็ได้ที่จะช่วยพาเขาออกมาจากความมืดมิดนี้อย่างสุดแรงเกิดเหมือนกับคนกำลังจมน้ำ

ทันใดนั้นเอง แสงสีแดงก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาราวกับแสงอาทิตย์ยามเช้า

ภายใต้แสงนั้น ซย่าเฟิงรู้สึกราวกับพละกำลังของเขาฟื้นคืนกลับมาเล็กน้อย เขาจึงตะเกียกตะกายที่จะเข้าไปใกล้แสงสว่างนั้น

หลังจากก้าวเท้าออกไปหนึ่งก้าว ซย่าเฟิงก็เห็นว่าแสงสว่างนั้นเริ่มสว่างเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ แปรเปลี่ยนจากสีแดงเพลิงเป็นสีขาวบริสุทธิ์ ความมืดมิดค่อยๆ ถูกแสงสว่างนั้นปกคลุมจนมลายหายไปหมดสิ้นภายในวินาทีเดียว

“ฟู่…” ซย่าเฟิงผุดลุกขึ้นนั่งหอบหายใจหนักหน่วง ในความฝัน ควันจากเปลวเพลิงน่าหวาดหวั่นทำให้เขาหมดแรงจะขัดขืนโดยสิ้นเชิง ทิ้งให้เขานอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นและรอคอยให้ไฟลุกลามมากลืนกินเขา เหมือนกับถูกวิญญาณร้ายตรึงให้อยู่กับที่ เขารู้ว่าตัวเองอยู่ในฝันร้าย แต่เขากลับไม่อาจปลุกตัวเองขึ้นมาได้

ฝันนั้นเหมือนจริงเสียจนซย่าเฟิงยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่ ทว่าตอนนี้เขาไม่ได้รู้สึกถึงความร้อนจากกองไฟ เขาจึงนั่งนิ่งอยู่พักใหญ่เพื่อฟื้นตัว

หลังจากหัวใจที่เต้นรัวแรงของเขาสงบลง เขาก็นึกขึ้นได้ในที่สุดว่าตัวเองนั่งเขียนรายงานตัวจบอยู่ในห้องสมุดทั้งคืน จึงหัวเราะกับตัวเอง ‘ไม่แปลกใจเลยที่ฉันจะฝันถึงไฟ ช่วงนี้แทบจะเรียกได้ว่าฉันกำลังเผาผลาญพลังงานชีวิตตัวเองอยู่จริงๆ’

เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาจะเก็บรวบรวมหนังสืออ้างอิงทั้งหมดแล้วกลับหอพัก ซย่าเฟิงก็ต้องตะลึงงันกับความแปลกตาและเหนือความคาดหมายของภาพตรงหน้า เขาช็อกเสียจนสมองขาวโพลน ราวกับศีรษะถูกฟาดอย่างแรง

โต๊ะไม้สภาพดูดีทั้งหมดหายไปแล้ว ไม่มีกองหนังสืออ้างอิง กระดาษ ต้นฉบับ และคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงผ้าห่มผืนเก่าจนด้ายหลุดลุ่ยที่ห่มคลุมตัวเขาอยู่

แทนที่จะนั่งอยู่บนเก้าอี้ห้องสมุด เขากลับนั่งอยู่บนเตียงแคบๆ

“ฉันอยู่ที่ไหน?!”

ในสถานการณ์เช่นนี้ แม้แต่คนอย่างซย่าเฟิงที่ค่อนข้างเงียบและรู้สึกตัวช้า ก็ยังรู้สึกว่าสิ่งต่างๆ ผิดปกติไป ถ้าเกิดว่าเขาจะตกอยู่ในกองเพลิงจริงๆ แล้วถูกส่งตัวมาโรงพยาบาล ที่นี่ก็ดูไม่เหมือนโรงพยาบาลเลย!

จังหวะการเต้นของหัวใจเขาดีดตัวขึ้นสูงเพราะความตระหนก เขามองไปรอบๆ และพยายามจะลุกขึ้นยืน

ทันทีที่เขาวางเท้าลงกับพื้น ความรู้สึกวิงเวียนและอ่อนล้าอย่างยิ่งก็พลันแพร่กระจายไปทั่วตัวและแทบทำให้เขาล้มลงกระแทกพื้น

ซย่าเฟิงรีบเอื้อมมือไปจับเสาหัวเตียงเพื่อประคองตัวไว้ ใบหน้าเขาซีดเผือดและหัวใจก็เต้นเร็วรี่ เขารับรู้ถึงสภาพแวดล้อมแล้วจากการกวาดตามองเมื่อครู่

ที่นี่เป็นกระท่อมเล็กๆ แสนโกโรโกโส นอกจากเตียงนอนก็มีโต๊ะไม้ที่ดูคล้ายจะพังได้ทุกเมื่อ เก้าอี้ไม่มีพนักสองตัวที่หน้าตาดูพอใช้ได้ และลังไม้หนึ่งลังที่มีรูพรุนไปหมด ส่วนทางด้านตรงข้ามประตูซอมซ่อ มีเครื่องปั้นดินเผาแขวนอยู่และมีเตาไฟอยู่ข้างใต้นั้น ไฟถูกดับไปนานพอสมควรแล้ว ไม่หลงเหลือไออุ่นแต่อย่างใด

ทุกสิ่งทุกอย่างดูแปลกตาสำหรับเขา ซย่าเฟิงไม่รู้เลยว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ความรู้สึกเหนื่อยอ่อนและวิงเวียนยังคงก่อกวนเขาอย่างมากเช่นกัน

“ที่นี่ที่ไหนกัน?!”

“มันรู้สึกเหมือนกับว่าฉันเพิ่งจะหายดีจากโรคร้าย เหมือนกับโรคปอดบวมที่เคยเป็นตอนมัธยมปลาย”

ความคิดมากมายแล่นผ่านสมอง ทว่าซย่าเฟิงไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์แปลกประหลาดอย่างที่สุดเช่นนี้มาก่อน ความตื่นตระหนกก่อตัวรุนแรงภายในใจเขา

สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกว่าโชคดีคือการที่ไม่มีอะไรน่าเกลียดหรือน่ากลัวโผล่ออกมา ดังนั้น ซย่าเฟิงจึงสูดหายใจเข้าลึกหลายครั้งและปลอบตัวเองให้ใจเย็นลง แต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนดังลอดเข้ามาในกระท่อมจากที่ไกลๆ ว่า

“เผาแม่มด! โบสถ์อาเดรอนกำลังจะเผาแม่มด!”

“ทุกคนรีบไปเร็ว!”

“เผานางแม่มดชั่วนั่นให้เหลือแต่เถ้าไปเลย!”

ในสำเนียงแปลกแปร่งนั้นมีความหวาดกลัวผสมความตื่นเต้นระคนกัน ซย่าเฟิงเบนความสนใจจากอาการตื่นตระหนกของตนเมื่อเกิดความสงสัยใคร่รู้ เขาคิดกับตัวเองว่า “แม่มดงั้นเหรอ โลกนี้มันอะไรกันเนี่ย”

ในฐานะผู้ใหญ่ที่ชื่นชอบการอ่านนิยาย ซย่าเฟิงรู้สึกได้เลยว่ากำลังจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นที่นั่น แต่ความคิดเขาก็ถูกตัดฉับเพราะเสียงเปิดประตูดังปัง เด็กชายอายุประมาณสิบสองหรือสิบสามปีพรวดพราดเข้ามา

“พี่ลูเซียน!” เด็กชายผมสีน้ำตาล สวมเสื้อตัดจากผ้าลินินที่ยาวถึงเข่า เห็นว่าซย่าเฟิงยืนอยู่ข้างเตียงจึงอุทานด้วยความประหลาดใจ “พี่ตื่นแล้วหรือ”

ขณะมองชุดของเด็กชายที่แตกต่างจากชุดในปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง ซย่าเฟิงก็พยักหน้าโดยไม่รู้ตัว ความคิดน่าขันพลันผุดขึ้นในหัวเขา ‘ลูเซียน แม่มด โบสถ์ เผา นี่ฉันอยู่อีกโลกหรือทะลุมาอีกมิติหรือไงกัน และดูเหมือนว่าตอนนี้ฉันจะอยู่ในยุคกลางของยุโรป ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่การล่าแม่มดกำลังแพร่หลายเสียด้วย’

ทุกสิ่งที่สามารถผิดพลาด จะผิดพลาด กฎของเมอร์ฟี่เตือนใจซย่าเฟิงอย่างเย็นชา สีผมและเสื้อผ้าของเด็กชายตรงหน้าเขาคือหลักฐานในข้อสันนิษฐานของเขา ซย่าเฟิงเข้าใจและพูดภาษาที่ไม่รู้จักนี้ได้โดยธรรมชาติ แต่เขาไม่ใช่นักภาษาศาสตร์ เขาจึงไม่อาจบอกได้ว่าพวกเขากำลังพูดภาษาอะไรกันอยู่

เด็กชายตัวน้อยที่มีรอยด่างดวงจากฝุ่นเต็มใบหน้าดูจะไม่แปลกใจสักนิดกับพฤติกรรมแปลกๆ ของซย่าเฟิง “แม่ไม่ยอมเชื่อข้า แม่น่ะร้องไห้ช่วงเที่ยงคืนทุกที แล้วตาแม่ก็บวม แถมยังเอาแต่พึมพำว่า ‘อีวานส์น้อยที่น่าสงสาร’ อย่างกับพี่ถูกฝังไว้ในสุสานแล้วอย่างนั้นแหละ”

“พ่อก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี เลยไปบ้านเจ้าไซมอนเฮงซวยนั่นแต่เช้าตรู่แล้วขอให้ช่วยส่งข้อความไปที่คฤหาสน์ลอร์ดเวนน์ ขอให้พี่ชายข้ากลับมาได้ไหม ตอนนี้พี่เป็นอัศวินฝึกหัดแล้ว แน่นอน แพทย์อาสาไม่มีทางกล้าโก่งราคาเสียแพงจนน่าเกลียดต่อหน้าอัศวินฝึกหัดหรอก”

ยามเอ่ยถึงพี่ชายผู้เป็นอัศวินฝึกหัด เด็กชายก็เชิดคางขึ้นด้วยรู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่ง

“แต่ดูสิ ข้าพูดถูก ข้ารู้ว่าพี่ลูเซียนจะต้องไม่เป็นอะไร! ข้าว่าแล้ว!”

ขณะพูด เขาก็คว้าแขนซย่าเฟิงไปจับ “ไปกันเถอะ! พวกเขากำลังจะเผาแม่มดชั่วร้ายคนนั้น นางคือแม่มดคนเดียวกับที่ทำให้พี่ต้องเข้าคุกและถูกทหารยามของโบสถ์ไต่สวนทั้งคืน!”

ซย่าเฟิงอยากจะครุ่นคิดถึงสถานการณ์ปัจจุบันของตน จึงไม่สนใจจะออกไปดูเลยสักนิด อีกอย่าง พวกเขากำลังจะเผาคนให้ตาย นั่นเป็นสิ่งที่รับไม่ได้อย่างที่สุดสำหรับซย่าเฟิงผู้มีจิตใจเมตตา อย่างน้อยเขาก็เชื่อว่าตัวเองเป็นคนเช่นนั้นนะ แต่สิ่งสุดท้ายที่เด็กชายกล่าวถึงทำให้เขาตกตะลึง ‘แม่มดนั่นมีส่วนเกี่ยวข้องกับฉันงั้นเหรอ’

ดังนั้นแล้ว ซย่าเฟิงจึงเปลี่ยนใจ เขาปล่อยให้เด็กชายจับมือเขา ก่อนจะออกไปจากห้องอย่างทุลักทุเลและเดินตามเด็กชายเพื่อตรงไปยังโบสถ์

ระหว่างทาง ซย่าเฟิงถือโอกาสนี้กวาดตามองผู้คนที่กำลังตรงไปยังโบสถ์อาเดรอน

ข้างนอกนี้อากาศอบอุ่น ผู้ชายส่วนใหญ่จะสวมเสื้อแขนยาวแนบเนื้อที่ตัดจากผ้าลินิน เป็นสีเดียวกับกางเกงและสวมรองเท้าไร้ส้น ในขณะที่พวกผู้หญิงสวมชุดกระโปรงยาวสีเดียวที่ตัดอย่างหยาบๆ โดยมีกระเป๋าใหญ่ๆ ติดอยู่ มันดูเรียบง่ายและเก่าปอน

คนส่วนใหญ่มีเส้นผมและดวงตาสีน้ำตาล ในขณะที่บางคนที่มีรูปหน้าโดดเด่นนั้นมีผมสีแดงหรือดำกับดวงตาสีเขียวหรือฟ้า

‘นี่มันยุคกลางจริงๆ เหรอเนี่ย’ ซย่าเฟิงพบว่าตัวเขาเองก็สวมเสื้อผ้าแบบเดียวกัน

ไม่นานพวกเขาก็ออกมาจากเขตสลัมที่มีกระท่อมเตี้ยๆ ดูโกโรโกโสเรียงรายอยู่เต็ม และก็ได้เห็นโบสถ์ขนาดไม่ใหญ่มากทว่าดูเคร่งขรึมและมีหลังคาโค้งรูปครึ่งวงกลมอยู่ตรงหน้าพวกเขา บนหลังคาโค้งที่ใหญ่ที่สุดมีไม้กางเขนสีขาวแขวนอยู่ บานหน้าต่างข้างใต้นั้นทั้งเล็กและแคบมาก

ผู้คนมากมายมารวมตัวกันที่นั่นแล้ว ขณะตามเด็กชายไป ซย่าเฟิงก็ต้องเบียดตัวผ่านฝูงชนและคอยดันตัวไปข้างหน้า นี่ทำให้หลายๆ คนไม่พอใจจนพวกเขาถลึงตาใส่อย่างกรุ่นโกรธ แต่พวกเขารู้ดีว่าในฐานะผู้ใหญ่ พวกเขาไม่อาจก่อเรื่องได้ ณ จัตุรัสอาเดรอนแห่งนี้

ไม่นานซย่าเฟิงก็มองเห็นข้างหน้า ตอนนี้พวกเขามาอยู่แถวหน้าสุดของฝูงชน

ตรงใจกลางจัตุรัสนั้น หญิงสาววัยราวๆ ยี่สิบปีผู้มีใบหน้างดงามขาวซีดในชุดคลุมสีดำถูกมัดตรึงกับกางเขนไม้ ฝูงชนกำลังโยนหินและเศษไม้ใส่ขณะตะโกนด่าทอและถ่มน้ำลายใส่หญิงสาว

“ไปลงนรกเสีย! นางแม่มดชั่ว!”

“เจ้าอยากให้ทุกคนในอาเดรอนตายหรือไร!?”

“เทรซี่ที่น่าสงสารของข้า! นางตายไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ต้องเป็นเพราะเจ้าแน่ๆ! เจ้ามันปีศาจ!”

หญิงสาวในชุดคลุมสีดำโดนทำร้ายหลายต่อหลายครั้ง ทว่านางกลับทำเพียงเม้มริมฝีปากเรียวบางซีดเซียวแน่น ไม่แม้แต่จะส่งเสียงร้องครวญคราง นางยืนนิ่งดุจรูปปั้น และมองมายังฝูงชน

ข้างหน้าฝูงชนนั้นมีชายวัยกลางคนที่สวมชุดคลุมตัวโคร่งที่มีลวดลายตกแต่งสีขาวทองยืนอยู่ บนศีรษะเขามีหมวกทรงเบเร่ต์สีขาวและสองมือกุมไม้กางเขนสีขาวเอาไว้ เขายืนเงียบอยู่ตลอด ท่าทางองอาจเคร่งขรึมน่าเคารพ มีชายหญิงหลายคนยืนอยู่ข้างหลังชายผู้นี้ และทุกคนก็สวมชุดคลุมสีขาวประณีตเช่นเดียวกันหมด ใบหน้าพวกเขาดูสดชื่นและมีเลือดฝาดขณะยืนอยู่ตรงจัตุรัสที่เต็มไปด้วยฝูงชนที่ดูยากจนและสกปรก เป็นภาพที่ขัดแย้งกันอย่างยิ่ง

เบื้องหลังกลุ่มคนในชุดคลุมสีขาว มีทหารยามสวมเกราะร้อยจากวงเหล็กอยู่แถวหนึ่ง

ชายวัยกลางคนมองนาฬิกาพกของตนก่อนจะก้าวออกมาข้างหน้า เขาชูเหรียญตราทรงกลมในมือขึ้น

ทันใดนั้น ผู้คนที่กำลังคลั่งแค้นขุ่นเคืองและส่งเสียงด่าทอพลันหุบปากเงียบเสียงลง

ซย่าเฟิงสามารถได้ยินเสียงสายลมวูบผ่านเสื้อผ้าของฝูงชนเลยทีเดียว

เขาประทับใจอย่างยิ่ง แม้แต่ในสังคมปัจจุบัน การที่ผู้คนจะเชื่อฟังและมีปฏิกิริยารวดเร็วเช่นนี้ได้ก็ต้องผ่านการฝึกฝนนานหลายเดือน อำนาจหรือพลังแบบใดกันที่สามารถทำให้คนยากจนทั้งหมดนี้เชื่อฟังคำสั่งเหมือนกับทหารในกองทัพเช่นนี้

ชายวัยกลางคนที่ยืนถือเหรียญตราอยู่ เอ่ยขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบาทว่าเป็นเสียงที่แทรกซึมและก้องกังวานไปทั่วจัตุรัส “คนบาปที่น่าสงสารเอ๋ย เจ้าถูกปีศาจล่อลวงให้กลายเป็นคนละโมบในพลังอำนาจ ทั้งร่างกายและดวงจิตของเจ้าถูกทำให้เสื่อมทราม มีเพียงแสงสว่างเท่านั้นที่จะชำระล้างได้ มันคือการลงทัณฑ์ แต่ก็เป็นความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้าเช่นกัน”

“เผาเลย เผานางเลย!” เสียงร้องบอกของผู้คนเพิ่มดังเป็นเสียงเดียวกันและดังกระหึ่มขึ้นเรื่อยๆ

ภาพผู้คนร้องตะโกนเสียงดังอย่างบ้าคลั่งในคราวเดียวกันทำให้ซย่าเฟิงตัวสั่นสะท้าน ถ้าพวกเขารู้ว่าเขามาจากอีกโลกหนึ่งแล้วล่ะก็ ลูเซียน หรือพูดให้ถูกคือ ซย่าเฟิงที่ดวงจิตถูกครอบงำโดย ‘ปีศาจร้าย’ คงจะได้ไปอยู่บนตะแลงแกงเป็นคนต่อไป

“ก่อนที่แสงสว่างจะสาดส่องบนตัวเจ้า พระผู้ทรงเมตตาบอกให้ข้าถามเจ้าอีกคำถามหนึ่ง เจ้ายินดีจะสารภาพบาปหรือไม่ ความสำนึกผิดที่แท้จริงจะเยียวยาดวงจิตของเจ้าได้ แล้ววิญญาณของเจ้าก็จะขึ้นสู่สรวงสวรรค์ที่พระผู้เป็นเจ้าอาศัยอยู่” ชายผู้นั้นถามด้วยท่าทางมีเมตตา

หญิงสาวในชุดคลุมสีดำพลันหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง เสียงของนางนั้นทรงพลังอย่างยิ่ง “สิ่งที่ข้าไล่ตามคือเวทมนตร์ที่แท้จริง หาใช่รูปพระเจ้าที่แท้จริง! เผาข้าเลย! ข้าจะมองสวรรค์ของเจ้าพังทลายและโบสถ์ของเจ้าล่มสลายด้วยอัคคี!”

“บ้าไปแล้ว!”

“ชั่วร้ายยิ่ง!”

“นางสาปท่านบิช็อป! ฆ่าพวกมันให้หมด! พวกแม่มดชั่วนี่แล้วก็ตามด้วยพวกปีศาจร้าย!”

“เผานางให้วอด!”

ท่านบิช็อปยังคงนิ่งเงียบ ทว่าเหล่าฝูงชนกลับกรีดร้องและตะโกนตีโพยตีพายด้วยจิตใจที่ร้อนรุ่ม

นับเป็นครั้งแรกที่ซย่าเฟิงได้เห็นความคลุ้มคลั่งที่น่าหวาดหวั่นเช่นนี้ ทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่า ‘ยุโรปในยุคกลางนี่อันตรายจริงๆ!’

‘แล้วพวกเขาจะเผาผู้หญิงคนนี้อย่างไรโดยไม่ใช้ฟืนสักอัน’

แม้ว่าเขาจะสงสารและทนไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหญิงสาวผู้นี้ แต่เขาก็ไม่กล้าลงมือทำอะไร มิเช่นนั้นพวกคนคลุ้มคลั่งในที่นี้คงได้สังหารเขาด้วยก้อนหินกองใหญ่เป็นแน่

ท่านบิช็อปเริ่มต้นสวดภาวนา เสียงของเขาทั้งดังและเย็นชา “เจ้าคนบาปเอ๋ย จงไปลงนรกด้วยพลังแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์!”

ลำแสงเจิดจรัสพลันแผ่พุ่งออกมาจากไม้กางเขนในมือเขา แสงนั้นส่องสว่างเสียจนทั้งหมดที่ซย่าเฟิงมองเห็นคือมวลแสงสีขาวโพลน

มันเหมือนกับว่าท่านบิช็อปกำลังถือดวงอาทิตย์เล็กๆ ที่ดูยิ่งใหญ่ บริสุทธิ์ และน่าขนลุก ทุกคนในที่นั้น รวมถึงเด็กชายข้างตัวเขา ต่างก้มศีรษะลงและเริ่มสวดภาวนา

ลำแสงรวมตัวกันแล้วพุ่งทะยานขึ้นสูงในแบบที่แทบไปถึงท้องฟ้าสีฟ้าสดใส เมื่อมันส่องไปถึงหลังคาโค้ง มันก็สะท้อนกลับมายังตะแลงแกง

เปลวเพลิงสีแดงฉานพลันลุกโหม มันโชติช่วงขึ้นสูงยิ่งกว่าส่วนสูงของคนในนั้นและกลืนกินหญิงสาวไปจนหมด

นางหัวเราะและสาปแช่งอย่างบ้าคลั่ง

“ในเปลวเพลิง ข้าจักเห็นสรวงสวรรค์แสนหลักแหลมของเจ้าถูกโค่นล้ม”

“ในเปลวเพลิง ข้าจักเห็นบ้านอันงดงามของพระเจ้าที่เจ้านับถือพังทลาย”

“ในเปลวเพลิง ข้าจักเห็นพวกเจ้าแต่ละคนเสื่อมถอยลงไปชั่วกัปชั่วกัลป์!”

เสียงร้องและคำสาปแช่งแสนเขย่าขวัญของนางยังคงดังสะท้อนอยู่ในหูทุกผู้คนจนกระทั่งนางถูกไฟลามเลียจนเหลือเพียงเถ้าถ่าน

ทว่า ซย่าเฟิงกลับตะลึงงันอย่างที่สุดที่เมื่อครู่นี้ไม้กางเขนแผ่ลำแสงเป็นประกายออกมา

‘ที่นี่ไม่ใช่ยุโรปในยุคกลาง…’

‘ที่นี่คือโลกที่เวทมนตร์มีอยู่จริง!’

‘ฉันชื่อลูเซียน…’

————————————————

Read Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา – ตอนที่ 1 เปลวเพลิงบนตะแลงแกง

Vol/Ch
Chapter Title
Release Date

Comment

Options

not work with dark mode
Reset