Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ – ตอนที่ 1487 จะลองดู

ตอนที่ 1487 จะลองดู

แต่เย่หยวนกลับยิ้มและกล่าวว่า

“หากให้ข้าเดา คงสูงกว่าพวกท่านเล็กน้อย”

ประโยคเดียวทำเอาทุกคนแทบกลั้นใจตาย

ก่อนหน้านี้ว่าหน้าด้านแล้ว แต่ไม่ยักรู้ว่าเขาจะหน้าด้านขนาดนี้!

ทักษะการปีนเกลียวของเย่หยวนนับว่าสำเร็จถึงขั้นสุดแล้วจริงๆ!

“ไอ้เด็กเหลือขอคนนี้มาโผล่มาจากไหน? ไฉนถึงกล้าหยิ่งผยองปานนี้?”

“ผู้อาวุโสทั้งห้าหมกมุ่นอยู่กับศาสตร์แห่งโอสถมาทั้งชีวิต ความแข็งแกร่งต่อศาสตร์แห่งโอสถของพวกท่านนับว่าประสบความสำเร็จถึงจุดสูงสุด พวกเขาจะปล่อยให้ไอ้เด็กเหลือขอนี่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงได้อย่างไร?”

“ท่านเมิ่งฉี ปล่อยให้เจ้าเด็กนี่อวดดีหยิ่งยโสเพื่ออันใด? ฆ่าทิ้งเลย!”

คำกล่าวของเย่หยวนได้สร้างความโกรธแค้นให้แก่สาธารณชนกันถ้วนหน้า

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์มันพัฒนาจนเกินว่าจะควบคุมได้แล้ว หลี่จีก็ขยิบตาใส่เย่หยวนด้วยความโกรธจัด เริ่มมองอีกฝ่ายด้วยความกังวล

นางแอบระบายความอัดอั้นภายในใจไม่รู้จบ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พี่สาวคนนี้กลับไม่สามารถช่วยอะไรเจ้าได้แล้ว!

สายตาของเมิ่งฉีเริ่มทอประกายเยียบเย็น เขาเอ่ยกล่าวน้ำเสียงเย็นชาขึ้นว่า

“ไอ้เด็กเหลือขอ มาพล่ามวาจาก่อปัญหาถึงโถงโอสถปีศาจเช่นนี้ ต่อให้ตระกูลฟางก็ไม่สามารถช่วยเจ้าได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น! ข้าจะโยนมันออกสวนสมุนไพรให้เหมือนกับปุ๋ย!”

ภายใต้คำสั่งของเมิ่งฉี ปรากฏชายร่างใหญ่กว่าสิบคนตรงเข้ามาในโถง สิ่งหนึ่งที่เห็นได้อย่างชัดแจ้งคือ พวกเขามิได้อ่อนแอแน่นอน

สีหน้าการแสดงออกของหลี่จีเปลี่ยนไปอย่างมาก นางเร่งตรงเข้าไปดึงแขนของเมิ่งฉีและกล่าวว่า

“ท่านปู่เมิ่งฉี ท่านเฝ้าดูหลี่จีเติบใหญ่ตั้งแต่ยังเยาว์วัย เขา…เขาเป็นคนของข้า ข้าขอร้องเถิด โปรดให้ทางออกแก่เขาด้วย!”

น้ำเสียงของหลีจี่สั่นคลอนแทบน้ำตาไหล

นางตระหนักชัดแจ้งดีเยี่ยมเกี่ยวกับขุมพลังอำนาจของโถงโอสถปีศาจแห่งโถงโลหิตปรโลก แค่ตระกูลฟางไม่มีทางก่อศึกสงครามกับโถงโอสถปีศาจได้แน่นอน เพียงเพื่อแค่บรรพกาลราตรีตัวน้อยคนเดียว

ด้วยความโกรธแค้นของโถงโอสถปีศาจ มันก็เพียงพอแล้วที่จะบดขยี้ตระกูลฟาง นี่หาใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้!

เมิ่งฉีเหลือบมองไปยังหลี่จี ก่อนจะกวาดสายตาใส่เย่หยวนอีกครั้ง เขาเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นว่า

“ไอ้เด็กเหลือขอ อย่ามาตำหนิว่าข้าไม่ให้โอกาสเจ้า! หม้อหลอมทั้งห้านี้จงเลือกมาหนึ่ง และหากสามารถแยกองค์ประกอบของเศษโอสถภายในนั้นได้เกินสามในสิบส่วน ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!”

หลี่จีตื่นตะลึงหนักเมื่อได้ยินแบบนั้นและย้ำขึ้นว่า

“ท่านปู่เมิ่งฉี!”

เมิ่งฉีกรนเสียงเย็นกล่าวว่า

“แม่หนู หากข้าไม่เห็นแก่หน้าเจ้า เราชายชราย่อมไม่มอบโอกาสเช่นนี้ให้แน่นอน! หากเขายังพอมีทักษะในศาสตร์แห่งโอสถ ก็ลืมเรื่องนี้ไปซะ แต่หากเขาแสร้งทำเป็นรู้ และยังมากล่าวหาทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของเราชายชรา เช่นนั้นเป็นไปได้ไหมว่า เราชายชราจะยอมปล่อยไปง่ายๆ?”

การแยกองค์ประกอบของเศษโอสถเหล่านี้ ต่อให้เป็นปรมาจารย์ปรุงโอสถปีศาจ พวกเขายังไม่สามารถเอ่ยกล่าวได้ถูกต้องทั้งหมด

แยกองค์ประกอบของเศษโอสถแตกต่างจากการแยกองค์ประกอบของหัวเชื้อโอสถโดยสิ้นเชิง

เพราะส่วนประกอบต่างๆได้ถูกหลอมรวมเข้าหากันและผ่านกระบวนการหลอมกลั่นภายในหม้อหลอมเรียบร้อย กล่าวได้ว่าแทบแยกแยะไม่ออก

หากต้องการแยกว่ามีส่วนประกอบอะไรบ้าง เกรงว่าเป็นเรื่องยากลำบากครั้งใหญ่หลวง

แม้แต่เมิ่งฉีเอง หากอยู่ภายใต้สถานการณ์เดียวกันโดยที่เขาไม่รู้สูตรโอสถอยู่ก่อน เขาคงแยกแยะได้มากสุดแค่เจ็ดในสิบส่วนเท่านั้น

คำร้องขอของเย่หยวนในคราวนี้ไม่ถือว่ามากเกินไป นี่เป็นการให้หน้าหลี่จีมากแล้ว

แต่เขาเอายังต้องถนอมใบหน้าตัวเองเช่นกัน

สุดท้ายนี้…สามในสิบส่วนก็หาใช่น้อยๆไม่!

แต่เย่หยวนกลับยิ้มและกล่าวว่า

“แค่แยกองค์ประกอบ ง่ายดายนัก”

“ง่ายงั้นรึ? เกรงว่าเจ้าจะเอ่ยวาจาโอ้อวดเกินไป! แม่หนูเจ้าไม่ไว้หน้าแม้แต่ไคซิน แต่กลับเลือกไอ้เด็กสร้างปัญหาเช่นนี้รึ?”

เมิ่งฉีจับจ้องนางพร้อมสายตาสุดเคร้งขรึม

ใบหน้าของหลี่จีแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นทันที และอดเหลียวมองเย่หยวนมิได้

เย่หยวนมิเอ่ยกล่าวอันให้มากความ เขาเดินตรงมาที่หม้อหลอมโอสถใบหนึ่ง และตบฝ่ามือใส่ยังฝาหม้อ พลันปรากฏเถ้าตะโกสีดำลูกหนึ่งพุ่งออกมา

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ร่องรอยความประหลาดพลันยปรากฏขึ้นประดับใบหน้าของเมิ่งฉีชั่วครู่

ไม่ว่าจริงแท้หรือเท็จปลอม หากผู้เชี่ยวชาญเคลื่อนไหวออกโรงจะมองออกในพริบตา

ความเข้าใจของเย่หยวนต่อหม้อหลอมโอสถสำแดงออกมาชัดแจ้ง ลงมือคล่องแคล่วราวกับอยู่ติดมือ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนมีประสบการณ์อย่างมาก

ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญจริงๆ

เพียงว่า หากจะบอกว่าเย่หยวนสามารถแยกแยะองค์ประกอบได้จริงๆ เรื่องนี้กลับยากเกินจะเชื่อลง

เย่หยวนเพียงสังเกตเล็กน้อยพลางสูดดมกลิ่น เขาก็เอ่ยกล่าวขึ้นทันที

“ข้างในนี้มีรากเครามังกร ผลึกเพลิงปีศาจ หญ้ากระเรียนไม้กุหลาบ…”

เย่หยวนยังคงเอ่ยอธิบายแยกแยะองค์ประกอบต่อไป อย่างละเอียดรายตัว

เมื่อได้ยินชื่อส่วนประกอบเหล่านั้น สีหน้าการแสดงออกของแต่ละคนพลันเปลี่ยนไปอย่างมาก ตะลึงงันอย่างยิ่ง

คล้อยหลังอธิบายองค์ประกอบทั้งหมดเสร็จสิ้น เย่หยวนก็เม้มริมฝีปากเล็กน้อยและกล่าวต่อว่า

“น่าเสียดาย ที่ทักษะการควบคุมไฟของท่านยังไม่เสถียรพอ ในขั้นตอนแรกแบ่งไฟร้อนเกินสามส่วน ในขั้นตอนที่สามอ่อนเกินไปสองส่วน แถมขั้นที่สี่… นอกจากนี้แล้ว สมาธิระหว่างหลอมกลั่นยังกระจัดกระจายไม่มุ่งรวมเป็นจุดเดียว จึงมิอาจระดมเต๋าได้สมบูรณ์แบบ แม้ว่าในท้ายที่สุดท่านจะบังเอิญหลอมกลั่นสำเร็จ แต่อย่างมากคงได้เพียงขั้นต่ำเท่านั้น”

ทุกคนต่างเหลียวสายตาจับจ้องไปที่เมิ่งฉี พวกเขาโดยรอบไม่สามารถกล่าวได้ว่าสิ่งที่เย่หยวนพูดออกไปผิดหรือถูก จึงจำต้องรอฟังมุมมองของเมิ่งฉี

ไม่ปรากฏสีหน้าใดบนใบหน้าของเมิ่งฉี ดูเหมือนว่าเขาจะถูกเย่หยวนจูงจมูกไปเสียแล้ว

ซึ่งในความเป็นจริง คลื่นความกังขาของเขาที่มีต่อเย่หยวนได้ถูกทำลายลงไปนานแล้ว

เด็กคนนี้น่าเกรงขามยิ่งนัก! สามารถแยกแยะสิ่งต่างๆมากมายได้โดยละเอียดจากก้อนตะโกดำๆก้อนนี้!

ส่วนเรื่องระหว่างหลอมกลั่นนับเป็นเรื่องส่วนตัว แม้ว่ามาตรฐานของเมิ่งฉีจะไม่ค่อยดีนัก แต่เขาเองก็มีประสบการณ์เจนจัดด้านการหลอมกลั่นมามากเช่นกัน ดังนั้นเขาจะไม่ทราบได้อย่างไรว่าตนผิดพลาดตรงไหนบ้าง?

แต่การที่รู้เช่นนี้ก็หาใช่ว่าจะแก้ไขกันได้ง่ายๆ

ขีดความแข็งแกร่งของแต่ละคนมีจำกัด และเมื่อพยายามต่อไปอย่างไรจุดหมาย บางครั้งไม่ว่าจะทำงานหนักเพียงใด แต่ในท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาเหล่านั้นก็ยังมิอาสจฝ่าฟันก้าวข้ามปัญหาได้

การหลอมกลั่นโอสถเป็นงานละเอียดอ่อน และไม่สามารถผิดพลาดได้แม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตามแต่ เมิ่งฉีนับเป็นบุคคลผู้ทรงอำนาจในบรรดานักปรุงโอสถปีศาจชั้นนำ โดนเด็กน้อยเทศน์ซะหูชาเช่นนี้ เขาจะไปเอาหน้าไปไว้ที่ใด?

เขาเกาศีรษะเล็กน้อยและเอ่ยแถตอบไปว่า

“เหอะ! เจ้ารู้หรือไม่ว่า โอสถผลึกมังกรเพลิงปีศาจมันหลอมกลั่นยากเย็นเพียงใด สิ่งที่เจ้าถกเถียงไปนับว่ามีเหตุมีผล แต่หากเจ้ามีความสามารถจริง เช่นนั้นไม่ลองหลอมกลั่นให้ข้าดูล่ะ?”

โอสถผลึกมังกรเพลิงปีศาจเป็นโอสถปราบเซียนระดับสองดาว ในบรรดานักปรุงโอสถปีศาจทั้งหมดในเมืองหลวงคาโปน มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถหลอมกลั่นขึ้นมาได้สำเร็จ

แม้แต่คนอื่นๆ ในปัจจุบันก็ยังไม่สามารถหลอมกลั่นได้เลย

ดังนั้นเขาจึงแถใช้ประโยคนี้เพื่อปิดปากของเย่หยวน กล่าวให้ฟังโดยง่ายคือ เขาแถ‘วาจาไร้สาระ’เพื่อมิให้ตัวเองหน้าแตก

อย่างไรก็ตาม คำตอบของเย่หยวนกลับจำต้องให้เขาผิดหวัง

เย่หยวนช้อนสายตามองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มที่มิใช่รอยยิ้มและกล่าวว่า

“ท่านต้องการให้ข้าหลอมกลั่นให้ดูจริงๆ หรือ?”

เมิ่งฉีตกตะลึงอย่างมากเมื่อได้ยิน สีหน้าของเขาพลันบูดบึ้งยิ่งยวด

“ไร้สาระ! ใครมันกล้าพล่ามไร้สาระ หากกล่าวราวกับว่าทุกคนสามารถหลอมกลั่นได้จริงๆ เช่นนั้นก็จงทำให้ดูเป็นขวัญตา! หากทำไม่ได้ก็รีบๆไสหัวไปซะ!”

เขาไม่เชื่อว่า ไอ้เด็กเหลือขอคนนี้จะสามารถหลอมกลั่นโอสถผนึกมังกรเพลิงปีศาจได้จริงๆ!

แม้คำกล่าวเหล่านี้ฟังดูยากเพียงพื้นผิว แต่แท้จริงแล้วนัยแฝงกลับหมายถึง เมิ่งฉีได้ยอมรับเย่หยวนในระดับหนึ่งแล้ว

องค์ประกอบที่เย่หยวนกล่าวไปล้วนถูกต้องครบถ้วน ไม่มีจุดผิดพลาดแม้แต่น้อย

เมิ่งฉีคิดว่า เบื้องหลังของเย่หยวนควรจะมีปรมาจารย์สุดน่าเกรงขามคอยสั่งสอน จึงทำให้รากฐานการหลอมกลั่นโอสถของเขามั่นคงขนาดนี้

แต่หากจะให้บอกว่า เย่หยวนสามารถหลอมกลั่นโอสถผนึกมังกรเพลิงปีศาจได้จริงๆ ต่อให้ตายเขาก็ไม่มีทางเชื่อ

หากปราศจากการบ่มเพาะฝึกปรือนับพันปี การจะหลอมกลั่นโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสองดาวมันแทบเป็นไปไม่ได้เลย!

เย่หยวนยิ้มกล่าวว่า

“โอสถผนึกมังกรเพลิงปีศาจ ข้าเองก็ไม่เคยหลอมกลั่นมาก่อนเลย”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ภายในใจของเมิ่งฉีที่บีบตัวแน่น ยามนี้พลันผ่อนคลายลงทันที ในที่สุดไอ้เด็กบ้านี่ก็ยอมแพ้เสียที

แต่ในขณะที่เขากำลังจะกล่าว จู่ๆ เย่หยวนก็กล่าวแทรกขึ้นว่า

“แต่หากยืนกรานเช่นนี้ ข้าจะลองหลอมกลั่นดูสักรอบก็ได้”

เมิ่งฉีแทบกระอักพ่นเลือดสดออกมา ถ้ายังจะกล่าวต่อ ก็อย่าเว้นช่วงนานปานนี้!

เดี๋ยวก่อน หลอมกลั่นครั้งแรก?

“เจ้าเด็กคนนี้กินยาลืมเขย่าขวดกระมัง? หรือคิดว่าตัวเองเป็นเทพบรรพชนโอสถ? หรือเป็นไปได้ไหมว่า ไม่ว่าโอสถชนิดใดล้วนถูกผลิตขึ้นจากหัวของเจ้า?”

“เจ้าไม่เคยหลอมกลั่นโอสถผนึกมังกรเพลิงปีศาจมาก่อน? หรือนี่เห็นเราเป็นของเล่นกระมัง?”

“ท่านเมิ่งฉีอุตส่าห์ไว้ชีวิตเจ้าแล้ว ไฉนยังผลักดันผู้คนไปไกลปานนี้?”

คำกล่าวของเย่หยวนได้ก่อให้เกิดคลื่นเสียงเหยียดหยั่นดูถูกขึ้นมาทันใด

……………………………………………………

Unrivaled Medicine God

Unrivaled Medicine God

Type: Author: ,
จักรพรรดิโอสถแห่งยุคได้ถูกก่อกบฏโดยผู้ทรยศ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา…แผ่นดินไร้ซึ่งนาม ฉิงหยุนซี และผู้ได้รับ แพรไหมหมื่นปี ก่อนที่จะสิ้นชีพลง…. กาลเวลาผ่านไป…เขาได้กลับมาอีกครั้ง ขณะที่ร่างกายเจ้าของคนเก่ากำลังเดินเล่นอยู่ใน สำนัก… ข้าจะทลายสวรรค์ให้สิ้น…ด้วยโอสถในมือข้า! A Pill Emperor of his generation was set up by a traitor. Since then, the world lost a Qingyun Zi and gained an invincible silkpants. Once again, walking the Great Dao of Alchemy. How can I defy the heavens . . . with the medicine in my hands!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset