Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ – ตอนที่ 1530 คนนำทาง

ตอนที่ 1530 คนนำทาง

ด้านนอกซากโบราณสถาน มีสองร่างปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบงัน

ทั้งสองมิใช่ใครอื่นนอกจากติงเอ๋อและดาราสวรรค์ที่ก่อนหน้าจากออกไป แต่ยามนี้พวกเขาเดินทางกลับมาแล้ว

หลังพักฟื้นอาการเป็นเวลาหลายเดือน อาการบาดเจ็บของดาราสวรรค์ก็ดูเหมือนจะดีขึ้นเล็กน้อย

แต่ความเสียหายที่ไข่มุกสยบวิญญาณก่อขึ้นมันรุนแรงเกินไปยิ่ง อย่างน้อยที่สุดจำต้องใช้เวลากว่าสามถึงห้าสิบปีจึงจะฟื้นตัวกลับมาได้ดังเดิม

เหตุที่ทั้งสองปรากฏตัวขึ้นที่นี่เป็นเพราะจู่ๆพวกเขาก็ขาดการติดต่อกับอวี่หานและคนอื่นๆไปโดยไร้สาเหตุ

เมื่อกลับขึ้นหุบเขาไปภาพฉากเบื้องหลังกลับเหลือแต่เพียงความว่างเปล่า ดวงตาทั้งสองโพล่งเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงสุดขีด

“ข้าไม่คิดเลยว่า กลับเป็นซากโบราณสถานแห่งนั้นที่เป็นมรดกล้ำค่าที่สุด!”

นัยน์ตาคู่นั้นของติงเอ๋อสาดสะท้อนความเสียใจเกินห้ามปราม

หากเขาทราบเช่นนี้ตั้งแต่แรก คงเป็นตัวติงเอ๋อเองที่อาสาเข้าที่นี่โดยไม่ขยับไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว และไม่มีทางปล่อยให้นิกายบัลลังก์ม่วงชวดจากมือไป

มุมปากดาราสวรรค์พลันกะตุกไม่หยุด กัดฟันแน่นกรอดกรนคำรามขึ้นว่า

“ไม่รู้เลยว่าไอ้เด็กขอเหลือนั้นได้กำไรไปมหาศาลเพียงใด! ข้าอยากจะบดขยี้มันให้เป็นเนื้อบดเสีย!”

คนที่ประสบความสูญเสียที่สุดในครั้งนี้มิใช่ใครอื่น นอกจากดาราสวรรค์

คำสาปวิญญาณเลือดทำให้เขาต้องบาดเจ็บสาหัส กล่าวได้ว่ามีราคาที่ต้องเสียเป็นจำนวนมหาศาล แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับว่างเปล่า

เขาพลันนึกถึงหม้อหลอมมณีเหลืองพิสุทธิ์ที่มอบให้เย่หยวนตอนนั้นอย่างอดมิได้ แค้นอาฆาตนี้ยิ่งฝังใจเป็นหลายทวีเท่า

สุดท้ายนี้ พลังจิตวิญญาณของเขายังถูกไข่มุกสยบวิญญาณกลืนกินอย่างบ้าคลั่ง เจียนพินาศดับสูญ

ณ ปัจจุบัน เย่หยวนยังเคลื่อนย้ายซากโบราณสถานและสมบัติทั้งหมดออกไป เช่นนี้จะมิให้เขาโกรธเกรี้ยวได้อย่างไร?

“พร๊วดดด!”

เมื่อย้อนทบทวนเรื่องบัดซบทั้งหมดที่ประสบผ่านมา พลันทำให้อาการบาดเจ็บสาหัสของเขากำเริบหนัก จนท้ายที่สุดดาราสวรรค์ก็กระอักพ่นเลือดสดออกมาเต็มปากเต็มคำ

ติงเอ๋อเฝ้ามองดาราสวรรค์ด้วยความสงสารสุดหัวใจ เขากล่าวพลางถอนหายใจขึ้นว่า

“ตอนนี้มีปัญหาแล้ว! มิอาจทราบได้เลยว่าเด็กนั้นมีที่มาอย่างไร ที่แน่นอนคือนามขานบรรพกาลราตรีควรเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นมาเฉพาะกิจ กลับหาใช่นามจริงของมันไม่ ตอนนี้มันก็จากไปแล้ว จะไล่จับหัวหรือหางกลับไม่รู้ทิศไม่รู้ทางใดๆเลย”

เมื่อได้ยินคำกล่าวของติงเอ๋อ ดาราสวรรค์แทบกระอักพ่นเลือดสดระลอกสอง

ไม่มีสิ่งใดน่าเศร้าไปกว่านี้แล้ว เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าศัตรูของเขาคือใคร?ชื่ออะไร?!

“หรือเป็นไปได้ไหมว่า…เราจะปล่อยให้มันหนีไปเช่นนี้?”

ดาราสวรรค์เอ่ยกล่าวน้ำเสียงขมขื่นใจยิ่ง

ติงเอ๋อแสยะยิ้มเย็นกล่าวว่า

“ปล่อยมันไป? จะเป็นไปได้อย่างไร! ประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ปานนี้ เจ้าคิดว่าท่านประมุขโถงยังกล้าปล่อยไปได้หรือไม่? สบายใจเถิด แม้ขณะนี้ยังไม่มีข่าวคราวของมัน แต่ยอดอัจฉริยะเฉกเช่นมันมีหรือจะหลบซ่อนตัวได้ตลอด! นักหลอมโอสถที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ทำนองแห่งยอดเต๋าได้มีหรือจะถูกเศษฝุ่นกลบมิด?”

ความเจริญรุ่งเรืองของเมืองจักรพรรดิห่างไกลเกินกว่าที่เมืองหลวงจะเทียบเคียงได้ และน้อยคนนักที่จะมีคุณสมบัติเข้าอาศัยได้

ดังนั้นหากต้องการเข้ามาในเมืองจักรพรรดิ จำต้องจ่ายด้วยผลึกปราณเทวะจำนวนมหาศาล

เย่หยวนเงยมองไปบนแผ่นป้ายราคาที่ระบุอย่างชัดเจน เห็นแบบนั้นมุมปากของเขาพลันกระตุกขึ้นทันทีทัน

ป้ายตราอาศัยชั่วคราวสิบวัน ราคาห้าสิบผลึกปราณเทวะระดับต่ำ

ป้ายตราอาศัยชั่วคราวหนึ่งปี ราคาห้าพันผลึกปราณเทวะระดับต่ำ

ป้ายตราอาศัยชั่วคราวสิบปี ราคาห้าหมื่นผลึกปราณเทวะระดับต่ำ

ป้ายตราอาศัยชั่วคราวร้อยปี ราคาห้าแสนผลึกปราณเทวะระดับต่ำ

ป้ายตราอาศัยถาวร ราคาห้าสิบล้านผลึกปราณเทวะระดับต่ำ

ภายในเมืองจักรพรรดิแห่งนี้ หากไม่มีป้ายตราอาศัยติดตัวจะถูกกำจัดทิ้งโดยตรง

เมื่อป้ายตราอาศัยหมดอายุในภายหลัง ก็จะถูกกำจัดทิ้งไปโดยตรงเช่นกัน

และราคามหาโหดปานนี้ นักสู้ธรรมดาทั่วไปกลับไม่มีทางหามาจ่ายได้เลย!

ทรัพย์สินทั้งหมดของเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าทั่วไป ทั้งตัวมีแค่ประมาณหนึ่งล้านผลึกปราณเทวะระดับต่ำเท่านั้น

กล่าวได้ว่าเซียนระดับชั้นบรรพกาลพระเจ้า สามารถใช้ชีวิตอยู่ในเมืองจักรพรรดิได้แค่ร้อยปีเท่านั้น

ซึ่งเวลาแค่ร้อยปีนับว่าพริบตาเดียวสำหรับเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า

นอกจากนี้นี่เป็นแค่ค่าซื้อป้ายตราอาศัยเท่านั้นแต่กลับต้องจ่ายด้วยผลึกปราณเทวะเป็นจำนวนมากโขแล้ว

ไหนจะค่าที่พักอาศัย ค่าเบ็ดเตล็ดอีกต่างๆ นานา

ดังนั้นแล้ว หากต้องการอยู่ในเมืองจักรพรรดิจำต้องมีเงินใช้ไม่ขาดมือ!

แม้ราคาค่าใช้จ่ายจะสูงมาก แต่ก็ยังมีเหล่าเซียนจำนวนมากมายแห่แหนกันเข้ามาราวกับฝูงเป็ด

เมืองจักรพรรดิและเมืองหลวงทั่วไป เป็นสองสถานที่ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

ในช่วงเริ่มก่อตัวเมืองจักรพรรดิ แต่ละแห่งจะรวบรวมผลึกปราณเทวะจำนวนมหาศาลเพื่อสร้างค่ายกลระดมวิญญาณยักษ์ภายใต้พื้นดิน

ดังนั้นแล้วพลังวิญญาณภายในเมืองจักรพรรดิจึงหนาแน่นกว่าอย่างหาที่เปรียบไม่ แม้จะไม่ตั้งใจฝึกปรือ แต่พัฒนาการกลับสูงเท่ากับคนที่ตั้งใจฝึกปรืออย่างหนักใจเมืองหลวง

ดังนั้น แม้ว่าป้ายตราอาศัยจะมีราคาแพงมาก แต่เหล่าผู้คนต่างก็ยังโหยหาต้องการเข้ามาที่นี่

“ต่อไป!”

ทหารยามผู้จำหน่ายป้ายตราอาศัยเอ่ยกล่าวขึ้น พร้อมท่าทีเบื่อหน่ายเกียจคร้าน

“ป้ายตราอาศัยชั่วคราวสองร้อยปี”

เย่หยวนเอ่ยกล่าวขึ้น

ทหารยามคนนั้นเลิกคิ้ว โพล่งตากว้างจับจ้องเย่หยวนด้วยความประหลาดใจยิ่ง

รวย!

คนส่วนใหญ่ที่เดินทางมาซื้อป้ายตราอาศัยอย่างมากจะซื้อแค่ไม่หนึ่งก็สิบปี ระยะร้อยปีกล่าวได้ว่าแพงเกินไป คนทั่วไปไม่มีปัญญาจ่ายได้ไหว

เย่หยวนสัมผัสได้ถึงความคึกคักและพลังวิญญาณอันหนาแน่นภายในเมืองจักรพรรดิแห่งนี้ได้อย่างชัดแจ้ง และนี่ทำให้เขาตื่นเต้นมิใช่น้อย

หากเป็นไปได้ เขาเองก็วางแผนที่จะปักหลักที่นี่เช่นกัน

หนึ่งล้านผลึกปราณเทวะเป็นแค่เศษเงินเท่านั้นสำหรับเย่หยวนผู้มีทรัพย์สินกว่าห้าพันล้าน

“จุจุ ไม่ว่านายน้อยผู้นี้มาจากเมืองหลวงแห่งใด ช่างร่ำรวยโดยแท้!”

“เฮ้ออ…ชีวิตคนรวยนี่มันน่าอิจฉาเสียจริง!”

“หากเปรียบกับคนอื่นกลับดูไร้ค่าไปเลย! หากข้ามีเงินมากมายปานนั้น มันจะดีแค่ไหนกัน!”

ทหารยามกวาดสายตาจับจ้องเย่หยวนมากอารมณ์เจือผสม ก่อนมอบป้ายตราอาศัยจำนวนสองชิ้นแก่เขา

เย่หยวนรับป้ายตราในมือไว้อย่างไม่แยแสและจากไปทันที

“เฮ้ออ…มีแกะโดนเชือดอีกคนแล้ว คิดว่าไม่กี่วันหลังจากนี้ เจ้าหนุ่มนี่คงถูกเล่นงานแน่นอน”

ทหารยามเอ่ยกล่าวขึ้นพลางหัวเราะขำขันกับสหายอีกคน

“ฮ่าๆ นั้นหาใช่สิ่งที่เราควรกังวล ตราบใดที่ไม่สร้างปัญหาใหญ่โตเกินไป ก็หาได้เดือดร้อนอะไรเรา”

สหายคนนั้นเอ่ยกล่าวขึ้นพรางหัวเราะ

ทั้งสองจ้องมองเย่หยวนที่เดินลับออกไปพร้อมคู่สายตาหัวเราะเยาะ

เย่หยวนเพิ่งย่างเท้าเข้าประตูเมืองมาไม่นาน ก็มีกลุ่มคนริมถนนตรงเข้ามาทักทายทันที

“นี่เจ้าหนุ่มดูหน้าตาไม่คุ้นเลย คงเข้าเมืองเป็นครั้งแรกกระมัง? ต้องการคนนำทางหรือไม่? ข้าชื่ออาซื่อ อย่าหาว่าข้าคุยโม แต่ทุกตรอกซอกซอยในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แห่งนี้ไม่มีที่ใดที่ข้าไม่รู้จัก! วันละสิบผลึกปราณเทวะเท่านั้น ราคานี้ซื่อสัตย์เท่าเทียมไม่ว่าคนแก่หรือเด็ก!”

“น้องชาย อย่าฟังไอ้พวกพูดจาไร้สาระ ข้าฮัวซาน รู้ทุกอย่างในเมืองแห่งนี้!”

“น้องชาย จ้างข้าเป็นคนนำทาง รับรองไม่ผิดหวัง!”

กลุ่มผู้คนต่างส่งเสียงโหกเหวกโวยวาย แห่ตรงเข้าหาเย่หยวน

เมืองจักรพรรดิมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลเกินไป นี่หาใช่สิ่งที่จะเดินได้คล่องภายในวันสองวัน

บางคนคุ้นเคยแค่บริเวณเล็กๆภายในเมืองแม้นจะอยู่อาศัยที่นี่เป็นเวลาหนึ่งปี

ดังนั้นแล้ว ภายในเมืองแห่งนี้จึงมีอาชีพมัคคุเทศก์ถือกำเนิดขึ้นโดยธรรมชาติ

เหล่าผู้มาใหม่ในเมืองนี้เป็นครั้งแรกย่อมไม่รู้ทาง

เย่หยวนมาที่นี่เพื่อเยี่ยมเยียนเจ้าท้วม หากไม่มีมัคคุเทศก์คอยนำทางมีหวังใช้เวลาอีกนานเดินหลงแน่นอน

เย่หยวนกวาดสายตามองโดยไวก่อนโยนผลึกปราณเทวะจำนวนสิบก้อนให้แก่อาซื่อและกล่าวว่า

“เช่นนั้นพาข้าไปยังหอมหาสมบัติ”

อาซื่อคนนี้แม้จะดูซื่อๆ แต่ปฏิกิริยานับว่าเฉียบคมยิ่งนัก

การมีเขาเป็นผู้นำทางอาจช่วยลดปัญหาที่ไม่จำเป็นได้ ดังนั้นเย่หยวนจึงเลือกเขา

อาซื่อรับผลึกปราณเทวะไว้ในมือและยิ้มตอบว่า

“รับทราบนายท่าน!”

เมื่ออาซื่อกล่าวจบ เขาก็นำทางเย่หยวนออกไปทันที

คนอื่นๆโดยรอบต่างแสดงท่าทีผิดหวัง แต่คล้อยหลังทั้งคู่จากออกไป พวกเขาก็เริ่มจับกลุ่มคุยกัน

“แกะตัวใหญ่ปานนี้น่าเชือดเสียจริง! เมื่อครู่ตรงหน้าประตูเมืองเด็กนั่นถึงขั้นหยิบจ่ายผลึกปราณเทวะหนึ่งล้านก้อนโดยไม่สะเทือนใดๆ!”

“อาซื่อเจ้าเล่ห์เกินไป พวกเขาประมาทไม่ทันสังเกตแค่แวบหนึ่ง มันกลับฉวยโอกาสตัดหน้าไปเฉย!”

“หลังเสร็จงานนี้ อาซื่อคงไม่ต้องออกมาทำงานอีกสักพักใหญ่”

เย่หยวนที่เดินจากออกไปแล้วย่อมไม่ได้ยินกลุ่มคนพวกนี้สนทนากันโดยธรรมชาติ ในขณะที่อาซื่อก็พลางเดินแนะนำสถานที่และข้อมูลต่างๆภายในเมืองจักรพรรดิแห่งนี้อย่างคล่องแคล่วและเป็นมิตรยิ่ง

………………………………………………..

Unrivaled Medicine God

Unrivaled Medicine God

Type: Author: ,
จักรพรรดิโอสถแห่งยุคได้ถูกก่อกบฏโดยผู้ทรยศ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา…แผ่นดินไร้ซึ่งนาม ฉิงหยุนซี และผู้ได้รับ แพรไหมหมื่นปี ก่อนที่จะสิ้นชีพลง…. กาลเวลาผ่านไป…เขาได้กลับมาอีกครั้ง ขณะที่ร่างกายเจ้าของคนเก่ากำลังเดินเล่นอยู่ใน สำนัก… ข้าจะทลายสวรรค์ให้สิ้น…ด้วยโอสถในมือข้า! A Pill Emperor of his generation was set up by a traitor. Since then, the world lost a Qingyun Zi and gained an invincible silkpants. Once again, walking the Great Dao of Alchemy. How can I defy the heavens . . . with the medicine in my hands!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset