War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 3228

“มันยังปีนขึ้นไปได้อีก!”
 
เมื่อเห็นว่าซูหลี่สามารถปีนขึ้นไปบนบันไดขั้นที่ 3,523 ได้ แม้สีหน้าอวี่เทียนสิงผิวเผินจะแลดูสงบ หากแต่รูม่านตามันหดแคบลงเล็กน้อย
 
หากซูหลี่ไม่ปรากฏตัว มันก็คืออัจฉริยะที่โดดเด่นและเฉิดฉายที่สุดของนิกายกระบี่หมื่นหายนะ
 
อย่างไรก็ตามพอซูหลี่ปรากฏตัวขึ้นมา แรกปรากฏก็เสมือนอีกฝ่ายกลบรัศมีของมันจนหมดสิ้น แย่งแสงที่ควรสาดส่องมาที่มันไปในพริบตา แม้กระทั่งประมุขนิกายกระบี่หายนะคนปัจจุบัน ผู้เป็นลุงของมันก็ยังตั้งความหวังทั้งเห็นคุณค่าในตัวซูหลี่อย่างมาก
 
ดั่งเด็กน้อยคนหนึ่งที่ปกติมักมีผู้คนมาห้อมล้อม ทว่าอยู่ๆกลับมีเด็กน้อยอีกคนปรากฏตัวขึ้นมา และผู้คนที่เคยห้อมล้อมรอบตัวมัน ก็ย้ายไปห้อมล้อมเด็กน้อยคนใหม่แทน…
 
ความแตกต่างขนาดนี้ ต่อให้จะเป็นอวี่เทียนสิงที่อยู่มา 800 กว่าปี มันก็ไม่อาจทำใจยอมรับได้ง่ายๆ!
 
“ตอนนี้มันช้าลงมากแล้ว…ดูท่ามันไม่น่าจะเอาชนะศิษย์พี่เทียนสิงได้แน่!!”
 
ถึงแม้ชายหนุ่มข้างๆอวี่เทียนสิงจะกล่าวออกมาแบบนั้น หากแต่สีหน้าของมันกลับแลดูเคร่งขรึมจริงจังไม่น้อย สองตามองจ้องอันดับของยอดเขาแรงโน้มถ่วงไม่วางตา
 
“ศิษย์พี่เทียนสิง เจ้าซูหลี่ผู้นี้ใช่มันทะลวงด่านพลังสำเร็จแล้วหรือไม่…หากอิงจากระดับพลังของมันก่อนจะเข้ามา มันไม่น่าจะทำได้ถึงขนาดนี้เลยนี่นา?”
 
ชายหนุ่มชุดครามเอ่ยถามอวี่เทียนสิง
 
ชายหนุ่มชุดครามคนนี้มีชื่อว่า เหอจ้าน มันเองก็เป็นอัจฉริยะคนหนึ่งของนิกายกระบี่หมื่นหายนะ และเป็นอัจฉริยะที่มีอายุน้อยกว่าพันปีของสาย จ้านลู่ พลังฝีมือของมันนั้นหากนำไปวางไว้ในนิกายปีศาจพันกร ก็มากพอจะเทียบได้กับอัจฉริยะอันดับ 1 ของนิกายปีศาจพันกร
 
อย่างไรก็ตามให้เทียบกับอวี่เทียนสิงและซูหลี่แล้ว มันยังอ่อนด้อยกว่ามาก
 
แต่เป็นธรรมดาว่าทั้งหมดเป็นเพราะอายุของเหอจ้านผู้นี้ยังน้อยกว่าอวี่เทียนสิงถึง 200 ปี เช่นนั้นก็ไม่อาจกล่าวได้ว่าพรสวรรค์รวมถึงสติปัญญาของมันด้อยกว่าอวี่เทียนสิง
 
“ทะลวงผ่านแล้วแน่นอน”
 
อวี่เทียนสิงกล่าวออกด้วยน้ำเสียงมั่นใจเป็นที่สุด “ด่านพลังฝึกปรือของมันก่อนหน้าก็จวนเจียนจะทะลวงถึงจอมราชันอมตะ 2 ยศอยู่แล้ว มันจะเข้ามาทะลวงผ่านในนี้ก็ไม่ถือว่าแปลกอะไร”
 
“ข้าแค่ไม่รู้ว่ากฏแห่งความมืดของมันมีการตระหนักรู้อันใดเพิ่มขึ้นหรือไม่…หากมีความก้าวหน้าจริง มิแน่ว่ามันอาจจะเข้าใจความลึกซึ้งประการใดของกฏแห่งความมืดถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่แล้ว”
 
อวี่เทียนสิงกลับไปมองจ้องชื่อซูหลี่นตารางจัดอันดับอีกครั้ง และมันก็เห็นตัวเลขขั้นบันไดหลังชื่อซูหลี่เพิ่มขึ้นอีกขั้น…
 
ตอนนี้หากซูหลี่สามารถไต่ยอดเขาแรงโน้มถ่วงได้สูงกว่ามันล่ะก็ เป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะสามารถเอาชนะซูหลี่กลับ เพราะตอนนั้นมันพยายามอย่างสุดกำลังที่มีแล้ว
 
เว้ยเสียแต่พลังความแข็งแกร่งของมันจะบังเกิดความก้าวหน้า หาไม่แล้วก็ไม่มีทางทำได้ดีกว่าครั้งก่อน
 
เฟิ่งชีชีกับไป๋หลี่หงเฟยนั้นมีพลังฝีมือพอๆกัน แต่รวมๆแล้วเฟิ่งชีชียังเหนือกว่าเล็กน้อย
 
ทั้งหมดเป็นเพราะไป๋หลี่หงเฟยนั้นตั้งให้เฟิ่งชีชีเป็นเป้าหมาย จึงบังเกิดแรงฮึดและทุ่มสุดตัวจนเอาชนะเฟิ่งชีชีมาได้…
 
อย่างไรก็ตาม ต่อมาเฟิ่งชีชีกลับไต่ยอดเขาแรงโน้มถ่วงอีกครั้ง จนทวงชัยชนะกลับคืนจากไป๋หลี่หงเฟยได้สำเร็จ
 
ทว่าตัวมันแตกต่างจากไป๋หลี่หงเฟย
 
หากเป้าหมายของไป๋หลี่หงเฟยคือเฟิ่งชีชี…เป้าหมายของมันก็คือลุงของมันเอง ผู้นำสายท่ายอาและประมุขนิกายกรี่หมื่นหายนะคนปัจจุบัน  อวี่เจี้ยนเฉิง
 
อวี่เจี้ยนเฉิงได้สร้างสถิติที่ไม่มีผู้ใดทำลายได้เอาไว้ในยอดเขาแรงโน้มถ่วงของแดนลับอัจฉริยะแห่งนี้ ด้วยจำนวนบันได 3,787 ขั้น
 
อย่างน้อยๆก็ไม่มีใครทำลายมันได้มาตลอด 20,000 ปี
 
“ไม่น่าจะเป็นไปได้หรอกมั้งศิษย์พี่…กฏแห่งความมืดของมัน หากจะก้าวหน้าอะไรอีก ไม่ใช่ว่ามันต้องเข้าใจความลึกซึ้งประการใดถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่เลยรึไง?”
 
เหอจ้านส่ายหน้าไปมา พลางกล่าว
 
“ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้”
 
อวี่เทียนสิงเอ่ยคำเฉยเมย “ก่อนที่มันจะปรากฏตัวขึ้นมา เจ้ากล้าเชื่อลงคอหรือไม่…ว่าวันหนึ่งจะมีคนที่ขึ้นมาจากระนาบโลกียะ และสามารถประสบความสำเร็จได้ถึงขนาดนี้ในนิกายเรา?”
 
เหอจ้านพอได้ฟัง ก็คลี่ยิ้มแห้งๆออกมาทันที
 
เพราะการผงาดขึ้นมาของซูหลี่ ก็เป็นอะไรที่ค้านสามัญสำนึกของมันเช่นกัน “เฮ่อ ข้าไม่รู้จริงๆว่าสายเฉิงหยิ่งไฉนอยู่ๆมีโชคขนาดนี้ ถึงกับมีดาวอัจฉริยะเช่นมันปรากฏตัวขึ้นได้…”
 
สายเฉิงหยิ่ง ในบรรดา 10 สายหลักของนิกายกระบี่หมื่นหายนะนั้น เรียกว่าจืดจางเสียจนผู้คนแทบหลงลืมไปแล้ว
 
อย่างไรก็ตาม ด้วยการปรากฏตัวของซูหลี่ ทำให้สายเฉิงหยิ่งกลับมาเป็นสายที่ได้รับความนิยมอย่างมากอีกครั้ง กระทั่งยังกลายเป็นเฟื่องฟูขึ้นมากที่สุดในบรรดา 10 สายของนิกายหมื่นหายนะอีกด้วย
 
“เจ้าอย่าได้ลืมไป…ว่าในอดีตเคยมีตัวตนอันน่าทึ่งปรากฏขึ้นในสายเฉิงหยิ่ง และข้าสงสัยว่าซูหลี่จะได้รับสืบทอดมรดกของคนผู้นั้น!”
 
อวี่เทียนสิงกล่าวออกเสียงขรึม
 
“ศิษย์พี่เทียนสิง คนที่ท่านพูดถึงนั่น…ใช่คนที่ในอดีตออกจากนิกายหมื่นกระบี่หายนะ แล้วไปท้าท้ายจักรพรรดิสวรรค์แห่งอวี้หวงเทียนหรือไม่?”
 
เหอจ้านสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ว่ากันว่าหลังจากที่คนผู้นั้นประสบความพ่ายแพ้หลังท้าทายจักรพรรดิสวรรค์แห่งอวี้หวงเทียน แม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่กลับเป็นทุกข์ลาภ สุดท้ายจึงทะลวงถึงขอบเขตเทพได้สำเร็จ?”
 
“แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีผู้ใดได้ยินข่าวคราวของคนผู้นั้นอีกเลย…หลายคนบอกว่าคนผู้นั้นได้เดินทางไปยังระนาบเทพแล้ว…”
 
เหอจ้านเองก็เคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับยอดฝีมืออันน่าทึ่งสายเฉิงหยิ่งของนิกายกระบี่หมื่นหายนะในอดีตมาก่อน
 
มันยังรู้ด้วยซ้ำว่าในอดีตนิกายกระบี่หมื่นหายนะไม่ใช่แค่ขุมกำลังระดับ 1 อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้…เพราะในอดีตนั้นนิกายกระบี่หมื่นหายนะ จัดว่าเป็นขุมกำลังระดับสวรรค์ เป็นรองก็แค่ขุมกำลังของจักรพรรดิสวรรค์!
 
ในระนาบเทวโลกทั้งหลาย หากไม่นับวิหารเฟิงฮ่าวแล้ว ขุมกำลังที่ทรงพลังอำนาจที่สุดของระนาบเทวโลกใดๆก็คือขุมกำลังของจักรพรรดิสวรรค์ที่ปกครองระนาบเทวโลกนั้นๆหรือที่เรียกกันว่า ‘พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์’
 
พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ จะมีตัวตนขอบเขตจักรพรรดิอมตะสมญานามดำรงอยู่มากมาย ตัวตนขอบเขตจักรพรรดิอมตะเรียกว่ามีพอๆกับขนของวัว และจ้าวเหนือหัวแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ก็คือจักรพรรดิสวรรค์ที่ปกครองทั่วทั้งระนาบเทวโลกแห่งนั้น
 
ขุมกำลังที่รองลงมาจากขุมกำลังของจักรพรรดิสวรรค์ ก็คือขุมกำลังระดับสวรรค์ และขุมกำลังระดับนี้ ก็เป็นดั่งยักษ์ใหญ่ในระนาบเทวโลกเช่นกัน
 
ขุมกำลังระดับสวรรค์เองก็มีตัวตนขอบเขตจักรพรรดิอมตะมากมาย กระทั่งจักรพรรดิอมตะสมญานามก็มีมากกว่าหนึ่ง คน และขุมกำลังระดับสวรรค์บางขุมกำลัง ก็มีตัวตนขอบเขตจักรพรรดิอมตะสมญานามไม่ได้ด้อยไปกว่าขุมกำลังของจักรพรรดิสวรรค์เลย
 
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายผู้ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งจักรพรรดิสวรรค์ได้ ก็คือตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในระนาบเทวโลกนั้นๆ และจักรพรรดิสวรรค์เพียงคนเดียว ก็มีพลังมากพอจะสยบจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้งหลาย!
 
รองลงมาจากขุมกำลังระดับสวรรค์ ก็คือขุมกำลังระดับ 1
 
อย่างไรก็ตามหากเป็นขุมกำลังระดับ 1 ที่มีตัวตนระดับจักรพรรดิอมตะสมญานามดำรงอยู่ แม้จะแค่คนเดียว ก็จะถูกจัดให้เป็นขุมกำลังระดับ 1 ขั้นสูง!
 
ขุมกำลังระดับ 1 ใดๆ หากไร้จักรพรรดิอมตะสมญานามดำรงอยู่ ต่อให้มีจักรพรรดิอมตะมากมายแค่ไหน ก็ถือว่าเป็นแค่ขุมกำลังระดับ 1 เท่านั้น ไม่ใช่ขุมกำลังระดับ 1 ขั้นสูง!
 
ในปัจจุบัน นิกายกระบี่หมื่นหายนะ ถือว่าเป็นขุมกำลังระดับ 1 เท่านั้น
 
อย่างไรก็ตาม ในอดีตครั้งยังรุ่งโรจน์ นิกายกระบี่หมื่นหายนะนั้น เคยเป็นถึงขุมกำลังระดับสวรรค์ ในนิกายมีตัวตนขอบเขตจักรพรรดิอมตะสมญานามมากมายหลายคน อนิจจาสุดท้ายก็ล้มหายตายจากจนนิกายตกต่ำลง
 
“นั่นเป็นเพียงข่าวลือสำหรับคนส่วนใหญ่ที่ไม่รู้ความจริง…”
 
ขณะที่อวี่เทียนสิงปริปากกล่าวออกมาคราวนี้ ในแววตาของมันฉายให้เห็นถึงความเคารพนับถือจับใจ เรียกว่าเป็นความเคารพนับถือในตัวยอดฝีมือสายเฉิงหยิ่งของนิกายกระบี่หมื่นหายนะในอดีตผู้นั้น “อันที่จริงแล้วยอดฝีมือสายเฉิงหยิ่งในอดีตผู้นั้น หลังจากพ่ายแพ้จักรพรรดิสวรรค์ก็เป็นดั่งตะเกียงสิ้นน้ำมันแล้ว ถึงแม้จะทะลวงถึงขอบเขตได้สำเร็จแต่ก็เท่านั้น…อาการบาดเจ็บสะสมหนักหนาเกินไป”
 
“สุดท้ายจึงไม่ได้ไปยังระนาบเทพอันใด…ยังว่ากันว่าก่อนที่จะตายตก ยอดฝีมือผู้นั้นได้ออกจากระนาบเทวโลกและหวนกลับคืนสู่บ้านเกิดในระนาบโลกียะ และนั่นก็คือระนาบโลกียะเดียวกันกับ ระนาบโลกียะที่ซูหลี่ได้รับสืบทอดมรดกมา ก่อนที่จะถูกรับตัวมายังอวี้หวงเทียนในที่สุด”
 
“ระนาบโลกียะแห่งนั้นเรียกว่าระนาบเหยียนหวง…กระทั่งตัวจักรพรรดิสวรรค์เองก็มาจากที่นั่น นอกจากนั้นยังมีตัวตนทรงพลังระดับตำนานของอวี้หวงเทียนมากมายที่มาจากที่นั่น”
 
พออวี้เทียนสิงกล่าวถึงจุดนี้ มันก็มองจ้องไปที่เหอจ้าน “ในปีนั้น เมื่อยอดฝีมือของสายเฉิงหยิ่งพ่ายแพ้และจากไป ก็มีขุมกำลังระดับสวรรค์มากมายฉวยโอกาสปล้นชิงยามไฟไหม้ ด้วยคิดประจบประแจงจักรพรรดิสวรรค์ จึงระดมกำลังกันบุกมากำราบนิกายกระบี่หมื่นหายนะของพวกเราเพื่อสร้างความดีความชอบ…”
 
“ในตอนนั้นจักรพรรดิอมตะสมญานามของพวกเราแทบทั้งหมดถูกจับไปประหารตัดหัว…”
 
“หลังจากนั้นนิกายกระบี่หมื่นหายนะของพวกเราก็ถูกบีบให้ออกจากศูนย์กลางอำนาจ ระหกระเหินออกมาจากดินแดนอวี้หวง และมาลงหลักปักฐานยังดินแดนทักษินยุทธ์แห่งนี้”
 
กล่าวถึงประโยคท้าย อวี่เทียนสิงก็อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน
 
“เช่นนั้นมิใช่กล่าวได้ว่า…ยอดฝีมือสายเฉิงหยิ่งผู้นั้นเป็นคนบาปของนิกายกระบี่หมื่นหายนะของพวกเรารึไร? เพราะความพ่ายแพ้ของมัน กลับชักนำหายนะเภทภัยมาสู่นิกายกระบี่หมื่นหายนะของพวกเราจนตกต่ำ?”
 
ลูกตาเหอจ้านหดหยีลง
 
“คนบาป?”
 
อวี่เทียนสิงหันกลับไปมองเหอจ้านตาขวางทันที แววตายังเฉยชาเยือกเย็นนัก “วันหลังเจ้าอย่าได้กล่าววาจาเหลวไหลเช่นนี้อีกเสียประเสริฐกว่า! หากท่านลุงของข้าได้ยินสิ่งที่เจ้าพูดเมื่อครู่ เกรงว่าคงไม่ปล่อยเจ้าไปง่ายๆแน่!!”
 
“เพราะตลอดชั่วชีวิตของท่านลุงข้า คนที่ท่านนับถือทั้งเลื่อมไสมากที่สุดก็คือยอดฝีมือสายเฉิงหยิ่งผู้นั้น!”
 
“อีกทั้ง เป็นเพราะท่านลุงสันนิษฐานว่าซูหลี่อาจได้รับสืบทอดมรดกของยอดฝีมือผู้นั้นมา ท่านลุงจึงดูแลซูหลี่อย่างดี…และเพราะเรื่องนี้ ท่านลุงกระทั่งเรียกข้าเข้าพบเป็นการส่วนตัว เพื่อกำชับข้าว่าห้ามมิให้กระตุกขาหลังหรือเล่นไม่ซื่ออะไรกับซูหลี่เด็ดขาด! หากข้าคิดจะกำราบซูหลี่ มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น…คือต้องประมือเอาชนะมันอย่างตรงไปตรงมา! หาไม่แล้วท่านลุงจะไม่มีวันอภัยให้ข้า!!”
 
พออวี่เทียนสิงกล่าวถึงจุดนี้ มุมปากมันก็ยกยิ้มขื่นขมขึ้นมา
 
มันนับถือลุงคนนี้ไม่ต่างอะไรจากบิดาแท้ๆเลย และเป็นไปไม่ได้ที่มันจะไม่เชื่อฟังคำพูดของอีกฝ่าย
 
“ช้าก่อนศิษย์พี่เทียนสิง…จากลำดับเหตุการณ์ที่เท่าเล่ามา ถ้าซูหลี่มันได้รับสืบทอดมรดกจากยอดฝีมือสายเฉิงหยิ่งผู้นั้นมาจริงๆ…มิใช่หมายความว่ามันได้รับสืบทอดมรดกของทวยเทพคนหนึ่งมาหรอกหรือ!?”
 
เหอจ้านสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ขณะเดียวกันสองตามันก็ฉายชัดถึงความอิจฉาทั้งริษยา ยังเผยให้เห็นความเกลียดชังล้นปรี่
 
“หาไม่แล้ว เจ้าคิดว่าไฉนมันถึงประสบความสำเร็จขนาดนี้ทั้งที่มีอายุไม่ถึง 300 ได้เล่า? อีกทั้งอย่าได้ลืมไปว่ามันก็แค่คนที่เกิดในระนาบโลกียะคนหนึ่ง…”
 
อวี่เทียนสิงกล่าว
 
“ศิษย์พี่เทียนสิง…ท่านว่า นิกายกระบี่หมื่นหายนะของพวกเรา ไม่มีตัวตนระดับจักรพรรดิอมตะสมญานามหลงเหลืออยู่แล้วจริงๆหรือ?”
 
อยู่ๆเหอจ้านก็เอ่ยถามเรื่องนี้ออกมา
 
“จักรพรรดิอมตะสมญานาม?”
 
อวี่เทียนสิงคลี่ยิ้มบางๆ “จักรพรรดิอมตะที่มีพลังฝีมือสูงส่งถึงระดับหนึ่ง หลังจากผ่านการทดสอบของวิหารเฟิงฮ่าวก็จะได้รับสมญานาม กลับกลายเป็นจักรรพรรดิอมตะสมญานาม”
 
“อย่างไรก็ตาม เจ้าคิดว่าในระนาบเทวโลกทั้งหลาย มันขาดจักรพรรดิอมตะที่มีพลังฝีมือสูงส่ง แต่ทว่ายังไม่ได้ไปวิหารเฟิงฮ่าวหรือไร?”
 
เอ่ยถึงจุดนี้อวี่เทียนสิงก็มองจ้องเหอจ้านเขม็ง
 
“ก็จริงของท่าน”
 
เหอจ้านพยักหน้า
 
“อันที่จริงไม่ใช่แค่นิกายกระบี่หมื่นหายนะของพวกเรา…ไม่ว่าจะเผ่าหงส์ฟ้าโบราณก็ดี ตระกูลไป๋หลี่ก็ดี ล้วนมียอดฝีมือที่มีพลังทัดเทียมจักรพรรดิอมตะสมญานาม แต่ไม่ได้ไปวิหารเฟิงฮ่าวเพื่อรับสมญานามทั้งนั้น”
 
พออวี่เทียนสิงกล่าวจบคำ มันก็หันกลับไปมองตารางอันดับของยอดเขาแรงโน้มถ่วงอย่างไม่รู้ตัว
 
ทว่ามองไปปราดเดียว ลูกตามันก็หดเล็กลงทันที
 
เหอจ้านเองก็หันไปมองตามสายตาของอวี่เทียนสิงเช่นกัน และเมื่อเห็นตารางจัดอันดับ ลูกตามันก็หดเล็กไม่ต่าง
 
ชื่อของซูหลี่นั้น ยังอยู่ในอันดับที่ 2
 
อย่างไรก็ตามจำนวนขั้นบันไดที่อยู่ด้านหลังซูหลี่…พอดูอีกทีก็เพิ่มขึ้นมาถึง 3,536 แล้ว!
 
เรียกว่าขั้นบันไดที่ซูหลี่ปีนขึ้นมาได้ มันห่างจากจำนวนขั้นบันไดที่อวี่เทียนสิงปีนได้แค่ขั้นเดียวเท่านั้น!!
 
“ให้ตายเถอะ…ซูหลี่ผู้นี้อยู่ๆกลับขึ้นมาถึงขั้นที่ 3,536 ได้แล้ว”
 
เหอจ้านสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะหันไปมองกล่าวกับอวี่เทียนสิงด้วยสีหน้าอื้ออึงอยู่บ้าง “ศิษย์พี่เทียนสิง ดูเหมือนเจ้าซูหลี่นั่น หลังเข้ามาแล้ว….มันท่าทางจะเข้าใจความลึกซึ้งบางประการของกฏแห่งความมืดถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ได้จริงๆ…”
 
“เรื่องนี้ ชัดเจนแล้วล่ะ…”
 
อวี่เทียนสิงพยักหน้าขานรับด้วยใจหนักอึ้ง ตอนนี้มันรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก
 
ในเวลาเดียวกัน
 
ผู้คนมากกว่า 9 ส่วนของแดนลับอัจฉริยะ ก็เร่งรุดเดินทางมายังบริเวณตีนเขาของยอดเขาแรงโน้มถ่วงทั้งหลาย
 
แน่นอนว่าที่พวกมันเร่งงรุดมากันไม่ใช่ว่าคิดจะไต่เขาทำสถิติอะไร พวกมันได้พยายามสุดกำลังสำหรับไต่ยอดเขาแรงโน้มถ่วงไปแล้ว มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้นที่พวกมันมาที่นี่…
 
มาเป็นประจักษ์พยาน!
 
“ให้ตายเถอะ อีกแค่ขั้นเดียวซูหลี่ก็จะไต่ยอดเขาแรงโน้มถ่วงได้เท่าอวี่เทียนสิงแล้ว!”
 
“ให้ตายเถอะ ดูเหมือน 2 ยอดอัจฉริยะแห่งนิกายกระบี่หมื่นหายนะ! จักมาตัดสินกันว่าผู้ใดสูงผู้ใดต่ำด้วยยอดเขาแรงโน้มถ่วงนี่แล้ว!!”

War Sovereign Soaring The Heavens

War Sovereign Soaring The Heavens

Type: Author:
จิตวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธในโลกปัจจุบัน ได้ทะลุข้ามไปยังโลกอื่นรวมเข้ากับความทรงจำของของเด็กหนุ่ม ที่ถูกกลั่นแกล้งตลอดเวลา จนกระทั้งขาดใจตาย การฝึกฝนเทคนิค เก้ามังกรเทพสงคราม จะสามารถกวาดล้างศัตรูได้โดยไม่มีวันแพ้! ขณะที่เขา มีความสามารถในการปรุงยา การสร้างอาวุธ และเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ … ทักษะทั้งหมดนี้ คือวิถีทางแห่งราชันย์!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset