War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 3237

WSSTH ตอนที่ 3,237 : เหล่าอัจฉริยะรวมตัว
 
 
“คนของเผ่าหงส์ฟ้าโบราณมาแล้ว!”
 
ไม่นานนักเหล่าคนที่มารวมตัวกันอยู่ใกล้ๆทางเข้าแดนลับทวยเทพก็โพล่งออกมา เมื่อเห็นร่างคนกลุ่มหนึ่งเหินลัดฟ้ามาแต่ไกล โดยเฉพาะผู้นำนั้นสะดุดตาคนมากเป็นพิเศษ
 
เป็นสตรีรางบางในชุดคลุมสีม่วงแดง รูปโฉมงดงามไม่ใช่ชั่ว ลักษณะท่วงท่าส่าผ่าเผยมาดดั่งนางพญา สองตากระจ่างดั่งสารทฤดูคู่นั้น ให้ความรู้สึกชินชากับโลกหล้า
 
นางก็คืออัจฉริยะอันดับ 1 แห่งเผ่าหงส์ฟ้าโบราณ เฟิ่งชีชี!
 
“ชีชี”
 
เมื่อเห็นเฟิ่งชีชีมาถึง ไป๋หลี่หงเฟยก็ออกหน้าทักทายนางด้วยรอยยิ้มอย่างกระตือรือร้น
 
อย่างไรก็ตาม เห็นชัดว่าเฟิ่งวชีชีไม่ได้สนใจอะไรมันมากนัก “ไป๋หลี่หงเฟย อย่าได้เรียกชื่อข้าห้วนๆเช่นนั้น หากคิดเรียกก็ให้เรียกชื่อข้าเต็มๆเสีย”
 
ไป๋หลี่หงเฟยนั้นไล่เกี้ยวนางมาร้อยกว่าปีแล้ว เรียกว่าประหนึ่งเห็บสุนัขเกาะไม่ปล่อย ไม่ว่านางจะปฏิเสธอย่างไรไป๋หลี่หงเฟยก็ตามตื๊อไม่เลิกรา
 
สิ่งนี้ทำให้นางอับจนหนทางอยู่บ้าง
 
ในแง่พลังฝีมือ ไป๋หลี่หงเฟยก็พอๆกับนาง ไม้แข็งไม่อาจใช้ ส่วนไม้อ่อนอย่าว่าแต่ใช้ไม่ได้ผลเลย เกรงว่าหากใช้ไปไม่พ้นไป๋หลี่หงเฟยยิ่งได้ใจไปอีกคืบ
 
“นั่นน่ะหรือ เฟิ่งชีชีแห่งเผ่าหงส์ฟ้า?”
 
“ถูกแล้ว นางไม่เพียงแต่จะเป็นอัจฉริยะอันดับ 1 ในบรรดาคนอายุไม่ถึงพันของเผ่าหงส์ฟ้าเท่านั้น แต่นางยังเป็นโฉมงามอันดับ 1 ในรุ่นด้วย”
 
“โฉมงามอันดับ 1 แห่งเผ่าหงส์ฟ้า? หากก่อนหน้าที่ข้าจะได้เจอฮ่วนเอ๋อ ข้าคงรู้สึกว่าน้อยคนนักที่จะเทียบเทียมนางได้ แต่พอได้เห็นฮ่วนเอ๋อแล้ว ข้ารู้สึกว่านางก็แลดูธรรมดาไปถนัดตา”
 
“จริง ข้าเห็นด้วยเลย”
 

 
หลังเฟิ่งชีชีกับคนของเผ่าหงส์ฟ้าโบราณปรากฏตัว เหล่าอัจฉริยะรากหญ้าหลายคนก็เริ่มกระซิบกระซาบคุยกัน และมีอัจริยะรากหญ้าหลายคนแล้วที่ได้เห็นหน้าค่าตาฮ่วนเอ๋อ วาจาของพวกมันจึงไม่ตระหนี่คำชมเชยยกย่องฮ่วนเอ๋อแม้แต่น้อย
 
ในแง่รูปโฉมแม้เฟิงชีชีจะถือได้ว่าเป็นโฉมสคราญนางหนึ่ง แต่ขออภัย พอดีฮ่วนเอ๋อนั้นคือโฉมสคราญไร้ผู้ต้าน!
 
สตรีทุกคนล้วนรักสวยรักงาม
 
โดยเฉพาะสตรีที่มีทุกอย่างเพรียบพร้อมทั้งพลังและฐานะ ย่อมให้ความสำคัญกับรูปโฉมมากขึ้น
 
แม้เสียงกระซิบกระซาบของเหล่าอัจฉริยะรากหญ้าจะไม่ได้ดังอะไรมากมาย แต่เฟิงชีชีก็ยังได้ยิน
 
ทำให้สีหน้าของเฟิ่งชีชีเริ่มเปลี่ยนเป็นดูไม่ได้ทันที
 
เฟิ่งชีชีได้ยิน ไหนเลยไป๋หลี่หงเฟยจะไม่ได้ยิน พอเห็นสีหน้าเฟิ่งชีชีเปลี่ยนเป็นไม่สู้ดี มันจึงหันไปถลึงตามองเหล่าอัจฉริยะรากหญ้าตาขวางด้วยมีโมโหทันที
 
และเหล่าอัจฉริยะทั้งหลายพอเห็นไป๋หลี่หงเฟยมองมาด้วยสายตาเอาเรื่อง พวกมันก็พร้อมใจกันเงียบปากทันที
 
อัจฉริยะอันดับ 1 แห่งตระกูลไป๋หลี่ ไม่ใช่คนที่พวกมันจะตอแยด้วยได้
 
“อา! ใต้หล้ามีสตรีงดงามถึงขนาดนี้ด้วยหรือ!?”
 
และในขณะที่ไป๋หลี่หงเฟยกำลังถลึงตามองอัจฉริยะที่กล่าวซุบซิบอยู่จนทำให้ผู้ที่กล่าวซุบซิบเมื่อครู่จำต้องเงียบปาก สตรีนางหนึ่งของตระกูลไป๋หลี่ก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาหลังเหลือบไปเห็นร่างที่กำลังเหินมาไกลตาร่างหนึ่ง
 
ได้ยินเสียงนาง หลายคนก็หันไปมองตามทันที
 
จากนั้นจึงเห็นว่ามีร่าง 2 ร่างกำลังเหาะมาแต่ไกล เป็นชายในชุดม่วงกับโฉมงามนางหนึ่งในชุดสีขาว
 
ชายหนุ่มคนนี้คิ้วคมเข้มปานดาบกระบี่ สองตากระจ่างใสปานดวงดารา ลักษณะท่วงท่าองอาจเหนือสามัญ บรรยากาศรอบกายให้ความรู้สึกเสมือนสายลมฤดูใบไม้ผลิ
 
ส่วนสตรีที่ราวกับหลุดออกมาจากภาพวาดก็กำลังกุมมือชายหนุ่มเอาไว้ แลดูเหมาะสมกันประหนึ่งกิ่งทองใบหยก
 
“เป็นต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ!!”
 
“ทั่งคู่มาถึงแล้ว!!”
 

 
เหล่าอัจฉริยะที่เคยเห็นต้วนหลิงเทียนมาก่อน อุทานออกมาเสียงดัง
 
และเหล่าอัจฉริยะรากหญ้าทั้งหลาย ก็พอยิ้มกันฉีกจนแก้มแทบปริ เพราะต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อก็คืออัจฉริยะรากหญ้าเหมือนพวกมัน!
 
“กล่าวไป ครั้งนี้ที่พวกเรามีโอกาสได้เข้าสู่แดนลับทวยเทพ ทั้งหมดเป็นเพราะต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อแท้ๆ หากไม่มีทั้งคู่ พวกเราไหนเลยจะมีโอกาสได้เข้าสู่แดนลับทวยเทพ”
 
อัจฉริยะรากหญ้าคนหนึ่งถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
 
“จริงของเจ้า หากไม่ใช่เพราะทั้งคู่สามารถทำลายสถิติได้ถึง 3 รายการ อย่าว่าแต่จะเข้าไปแสวงหาโอกาสอันใด พกเรายังไม่อาจยืนยันได้ด้วยซ้ำว่าเรื่องแดนลับทวยเทพเป็นจริงหรือเท็จ”
 
คำพูดของสองคนนี้ เหล่าอัจฉริยะโดยรอบล้วนเห็นด้วย
 
ด้านอวิ๋นเอี้ย อัจฉริยะอันดับ 1 ของนิกายปีศาจพันกร ก็ได้แต่มองต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อไกลๆ ด้วยสีหน้าอัปลักษณ์ปั้นยากนัก ทำราวกับมันพึ่งเคี้ยวข้าวแล้วเจอแมลงสาบครึ่งตัวในชาม
 
อย่างไรก็ตามมันเพียงเหลือบมองทั้งคู่ปราดเดียวแล้วก็ละสายตาออกมา ราวกับกลัวต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อจะสังเกตเห็น
 
“คนเยอะขนาดนี้เชียว?”
 
เมื่อเห็นกลุ่มคนที่ลอยตัวกันหนาตาปานแพเมฆทะมึนมืดเบื้องหน้า ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ว่าเขากับฮ่วนเอ๋อมาสาย
 
“ยินดีที่ได้พบคุณชายต้วนหลิงเทียน ข้าคือเฟิ่งชีชี”
 
และเมื่อต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อมาถึง เฟิ่งชีชีก็ถอนสายตาอิจฉาที่มองฮ่วนเอ๋อ กลับมามองต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม และก้าวออกมาประสานมือกล่าวทักทายต้วนหลิงเทียนเป็นคนแรก “ข้าขอเป็นตัวแทนเผ่าหงส์ฟ้าโบราณเชิญคุณชายต้วนเข้าร่วมเผ่าหงส์ฟ้าโบราณของพวกเรา”
 
“ตราบใดที่คุณชายต้วนเลือกจะเข้าร่วมเผ่าหงส์ฟ้าโบราณของเรา…เรื่องอื่นข้าอาจรับประกันให้ท่านไม่ได้ แต่สิ่งที่ข้ารับประกันได้ก็คือ ท่านจักได้รับทรัพยากรบ่มเพาะและการดูแลปฏิบัติในเผ่าไม่ด้อยไปกว่าตัวข้า เฟิ่งชีชี!”
 
เรียกว่าพอต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อมาถึง เฟิ่งชีชีก็ออกตัวเร็วกว่าผู้ใด ยื่นกิ่งมะกอกให้ต้วนหลิงเทียนเป็นคนแรก
 
“ยินดีที่ได้พบคุณชายต้วนหลิงเทียน ข้าได้ยินคำร่ำลือเลิศล้ำของท่านมานานแล้ว พบพานตัวจริงนับว่าคำร่ำลือยังถือว่าด้อยไป ข้าเรียกว่าไป๋หลี่หงเฟยมาจากตระกูลไป๋หลี ตัวข้าเองก็ขอเรียนเชิญคุณชายต้วนเข้าร่วมกับตระกูลไป๋หลี่ของเรา”
 
แม้ไป๋หลี่หงเฟยจะตามเกี้ยวเฟิ่งชีชี แต่พอเห็นต้วนหลิงเทียนมาถึง มันก็ละวางเรื่องส่วนตัวและเห็นแก่ภาพรวมก่อนทันที ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของตระกูลไป๋หลี่กล่าวเชิญชวนต้วนหลิงเทียน แย่งชิงคนกับเฟิ่งชีชีตรงๆ
 
ขณะเดียวกันมันก็ไม่ลืมหันไปมองฮ่วนเอ๋อพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนว่าตระกูลไป๋หลี่ของพวกเรา ยินดีต้อนรับแม่นางฮ่วนเอ๋อเข้าร่วมด้วยเช่นกัน”
 
“ตราบใดที่คุณชายต้วนกับแม่นางฮ่วนเอ๋อเข้าร่วมตระกูลไปหลี่ของเรา…ข้าขอรับปากว่าวันหน้าพวกท่านทั้งคู่จักได้รับทรัพยากรและการดูแลปรนนิบัติที่เหนือกว่าตัวข้า ไป๋หลี่หงเฟย!”
 
ไป๋หลี่หงเฟยให้คำมั่นออกไปด้วยน้ำเสียงจริงใจ แววตากระจ่างใสไร้เคลือบแคลง
 
“พี่ท่านต้วนหลิงเทียน แม่นางฮ่วนเอ๋อ ข้าขอเป็นตัวแทนนิกายมรรคาฟ้าลึกล้ำเชิญท่านทั้ง 2 เข้าร่วมนิกายของพวกเราเช่นกัน”
 
เอี้ยอู่เต้าอัจฉริยะอันดับ 1 ของนิกายมรรคาฟ้าลึกล้ำก็ไม่รอช้าก้าวออกมากล่าวเชื้อเชิญด้วยรอยยิ้มมากไมตรี
 
“น้องสาวฮ่วนเอ๋อ ท่านช่างงดงามยิ่ง ผู้อื่นเห็นยังอดไม่ได้ที่จะอิจฉาแทบตายแล้ว…”
 
ทันใดนั้นเองสตรีในชุดแดงหน้าตาสะสวยรูปร่างอ้อนแอ้นอรชรนางหนึ่ง ที่สังเกตเรื่องราวอยู่สักพัก พลันก้าวออกมากล่าวชมฮ่วนเอ๋อด้วยรอยยิ้ม “นับว่าพี่ใหญ่ต้วนช่างโชคดีจริงๆ ที่ได้น้องสาวฮ่วนเอ๋อเป็นคู่ครอง”
 
นับว่าคำกล่าวของสตรีชุดแดงนางนี้ได้ใจฮ่วนเอ๋อไม่น้อย ทำให้นางลอบเหลือบมองต้วนหลิงเทียนอย่างระวัง พอพบว่าพี่หลิงเทียนของนางไม่ได้ปฏิเสธอะไร แก้มนางก็ขึ้นสีระเรื่ออย่างไม่รู้ตัว
 
“คุณชายต้วน แม้ตระกูลถัวปาของข้าจักด้อยกว่าตระกูลไป๋หลี่ และเผ่าหงส์ฟ้าโบราณ แต่ขอเพียงท่านทั้ง 2 ยินดีเข้าร่วมกับตระกูลถัวปาของข้า ข้าสามารถเป็นตัวแทนท่านพ่อซึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของตระกูลถัวปา กล่าวให้คำมั่นต่อท่านตรงนี้…ว่าตระกูลถัวปาเราจักดูแลส่งเสริมท่านอย่างดีที่สุด ไม่มีทางให้ท่านขาดตกบกพร่องใดๆ”
 
สตรีในชุดแดง ที่แท้ก็คือลูกสาวของผู้นำตระกูลถัวปา ถัวปาหง
 
ขณะเดียวกันนางก็คืออัจฉริยะอันดับ 1 ของตระกูลถัวปาด้วย แต่พลังฝีมือของนางแข็งแกร่งไม่สู้เฟิ่งชีชีกับไป๋หลี่หงเฟย ยังอ่อนด้อยกว่าเอี้ยอู๋เต้าอยู่มากด้วยซ้ำ
 
ด้วยเหตุนี้นางจึงอยากให้ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อเข้าร่วมตระกูลถัวปาจับใจ เพื่อไม่ให้บิดาของนางเป็นกังวลเรื่องอนาคตของตระกูลถัวปา ว่าจะไร้ยอดฝีมือยืนหยัดต้านทานขุมกำลังอื่นๆในอนาคต
 
“สหายยุทธ์ต้วน แม่นางฮ่วนเอ๋อ ข้าเรียกว่าหยวนฉู และข้าพูดไม่เก่ง แต่ข้าขอเป็นตัวแทนนิกายจ้าวมังกรสัประยุทธ์เชิญพวกท่านเข้าร่วมจากใจ รับรองพวกท่านไม่ผิดหวังแน่!”
 
หลังจากถัวปาหง ก็เป็นอัจฉริยะอันดับ 1 ของนิกายจ้าวมังกรสัประยุทธ์ หยวนฉู ก้าวออกมากล่าวเชิญต้วนหลิงเทียนด้วยท่าทางจริงจัง “ขอเพียงท่านทั้งสองเข้าร่วมนิกายจ้าววมังงกรสัประยุทธ์เรา ทรัพยากรบ่มเพาะสำหรับรุ่นเราทั้งหมดที่ได้มา จะให้ความสำคัญกับพวกท่านเป็นลำดับแรก”
 
ขุมกำลังระดับ 1 ก้าวเข้ามาเชื้อเชิญทาบทามต้วนหลิงเทียนอย่างต่อเนื่อง
 
เห็นฉากดังกล่าวเหล่าอัจฉริยะรากหญ้ามากมายก็มองจ้องด้วยความอิจฉาตาละห้อย
 
อย่างไรก็ตามพวกมันรู้ดีว่านี่คือสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อควรได้รับ เพราะผลงานของทั้งคู่ในแดนลับอัจฉริยะ เป็นอะไรที่เหนือล้ำสุดที่อัจฉริยะจากขุมกำลังระดับ 1 ทั้งหลายจะทาบติดด้วยซ้ำ
 
ตอนนี้ขุมกำลังระดับ 1 ที่อยู่ ณ ที่นี้ ขุมกำลังที่ยังไม่ได้ออกมาเชื้อเชิญต้วนหลิงเทียนก็มี นิกายกระบี่หมื่นหายนะ นิกายปีศาจพันกร และเผ่าวิฬารทมิฬไร้ลักษณ์
 
คนของนิกายปีศาจพันกรนั้นไม่ออกมาเชื้อเชิญต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อก็ไม่แปลก เพราะรู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อไม่มีทางเข้าร่วมนิกายปีศาจพันกรของพวกมันแน่
 
ถึงพวกมันจะก้าวออกมาเชิญ ก็มีแต่จะโดนเพิกเฉยไม่เหลียวแล จนสร้างความอัปยศให้ตัวเองเท่านั้น
 
สำหรับอัจฉริยะของเผ่าวิฬารทมิฬไร้ลักษณ์นั้น หลายคนพอเห็นฮ่วนเอ๋อแล้วก็พากันย่นคิ้วเป็นปม สีหน้าพวกมันฉายชัดถึงความสงสัยคลางแคลง
 
เพราะจากร่างของฮ่วนเอ๋อ พวกมันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเบาบางสายหนึ่ง…กลิ่นอาย ‘จิ้งจอกมายา’ อริคู่ฟ้าของเผ่าวิฬารทมิฬไร้ลักษณ์!
 
อย่างไรก็ตาม กลิ่นอายฮ่วนเอ๋อแปลกมาก มันไม่เหมือนจิ้งจอกมายาที่เคยพบเจอเลย…
 
นอกจากนี้อีกฝ่ายยังทำลายสถิติที่บรรพชนของเผ่าวิฬารทมิฬไร้ลักษณ์สร้างไว้เมื่อแสนปีก่อนอีกด้วย…ต้องทราบด้วยว่าบรรพชนผู้นั้นของงเผ่าวิฬารไร้ลักษณ์ยังดำรงอยู่ในเผ่า และเป็นดั่งเสาหลักที่ไม่อาจขาดได้ของเผ่าวิฬารทมิฬไร้ลักษณ์
 
ปกติแล้วพวกมันยามพบเจอบรรพชนท่านนั้น ก็เสมือนได้เห็นเทพเจ้าของเผ่าวิฬารไร้ลักษณ์ ดั่งผู้นำจิตวิญญาณสูงสุดของเผ่าก็ว่า
 
แต่ครั้งนี้พวกมันที่เข้าแดนลับอัจฉริยะมา กลับพบว่าฮ่วนเอ๋อสามารถทำลายสถิติที่บรรพชนพวกมันสร้างไว้เมื่อแสนปีก่อน ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจอย่างหาที่สุดไม่ได้ของเผ่าวิฬารทมิฬไร้ลักษณ์ของพวกมันลงต่อหน้าต่อตา!
 
ยิ่งไปกว่านั้น ฮ่วนเอ๋อไม่เพียงทำลาสถิติเท่านั้น แต่ยังถล่มสถิติของบรรพชนพวกมันจนยับเยิน ทำเวลาได้เหนือกว่ากัน 20 กว่าเท่า!!
 
“ทั้ง 2 ท่าน ข้าคืออวี่เทียนสิง จากสายท่ายอาของนิกายกระบี่หมื่นหายนะ”
 
ในขณะที่หลายคนสงสัยว่าทำไมนิกายกระบี่หายนะถึงไม่ทาบทามต้วนหลิงเทียนเสียที จนเมื่อไม่มีขุมกำลังใดออกมาทาบทามต้วนหลิงเทียนแล้ว อวี่เทียนสิงก็ก้าวออกมากล่าวกับต้วนหลิงเทียนและฮ่วนเอ๋อด้วยรอยยิ้ม
 
“ข้าในนามนิกายกกระบี่หมื่นหายนะ ขอเชิญพวกท่านทั้งคู่เข้าร่วมนิกายกระบี่หมื่นหายนะของเรา”
 
“ขอเพียงท่านทั้งคู่ตกลงเข้าร่วมนิกายกระบี่หมื่นหายนะ ข้าสามารถรับรองต่อพวกท่านได้ตรงนี้…วันหน้านิกายปีศาจพันกรจะไม่มีวันแตะต้องพวกท่านทั้งคู่ได้อีก ไม่ว่าจะเปิดเผยหรือลอบเร้น”
 
อวี่เทียนสิงไม่ได้กล่าวเสนอผลประโยชน์ฟุ้งเฟ้อเหมือนคนอื่นๆ พอกล่าวออกมาก็เอ่ยรับปากเพียงเรื่องเดียว…
 
ตราบใดที่ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อเข้าร่มนิกายกระบี่หมื่นหายนะ นิกายกระบี่หมื่นหายนะจะปกป้องทั้คู่อย่างดี ไม่มีทางปล่อยให้นิกายปีศาจพันกรเหิมเกริมลงมือทำอะไรได้อีกต่อไป!
 
ซูว
 
ได้ยินคำพูดรับรองของอวี่เทียนสิง สีหน้าอวิ๋นเอี้ยเปลี่ยนไปทันใด กระทั่งสีหน้าท่าทีของคนนิกายปีศาจพันกรด้านหลังอวิ๋นเอี้ยก็เปลี่ยนไปไม่ต่าง
 
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดรู้ดีว่าอวี่เทียนสิงมีคุณสมบัติพอที่จะพูดคำนั้น
 
นิกายกระบี่หมื่นหายนะไม่ใช่อะไรที่นิกายปีศาจพันกรของพวกมันจะกล้าล่วงเกินจริงๆ
 
“เผ่าหงส์ฟ้าเองก็รับรองว่า นิกายปีศาจพันกรไม่อาจแตะต้องพวกท่านได้เช่นกัน”
 
เฟิ่งชีชีก็กล่าวออกมาตามติด
 
“ทางตระกูลไป๋หลี่ของพวกเราก็ให้สัญญาว่านิกายปีศาจพันกรไม่กล้าแหยมพวกท่านแน่!”
 
ไป๋หลี่หงเฟยก็ก้าวออกมาเอ่ยคำมั่นอีกรอบ
 
ตอนนี้ทั้งหมลืมไปแล้วจริงๆ ว่าต้วนหลิงเทียนได้ฆ่า อวิ๋นเซียว นายน้อยของนิกายปีศาจพันกรไป เพราะผลงานเลิศล้ำและความโดดเด่นของของทั้งคู่ได้กลบเรื่องหยุมหยิมเช่นนี้ไปจนหมด
 
“ตระกูลถัวปาของพวกเราก็ไม่กลัวนิกายปีศาจพันกร”
 
ถัวปาหงก็ไม่รอช้ารีบยืนยันอีกคน
 
“นิกายจ้าวมังกรสัประยุทธ์ของพวกเราก็ยินดีสู้กับนิกายปีศาจพันกรให้ตายกันไปข้างเพื่อพวกท่าน”
 
หยวนฉูยังกล่าวออกมาอย่างขึงขัง ท่าทางแลดูฮึกเหิมเอาเรื่อง
 
“ข้าเอี้ยอู๋เต้าขอกล่าวไว้ตรงนี้ว่าจักไม่ยอมให้นิกายยปีศาจพันกรมาเหิมเกริมต่อหน้าพวกท่านเด็ดขาด พวกมันกล้าโผล่หัวมาหนึ่งคน ก็ตัดหัวพวกมันเพิ่มขึ้นหนึ่งหัว! พวกเราพร้อมให้นิกายปีศาจพันกรนองเลือด!!”
 
ขณะที่เอี้ยอู๋เต้าก้าวออกมากล่าวประโยยคนี้ สายตาของมันยังหันไปกวาดมองคนของนิกายปีศาจพันกรอย่างอำมหิต ราวกับว่า หากต้วนหลิงเทียนขอให้มันแสดงความจริงใจ มันจะชักกระบี่เข่นฆ่าผู้คนเสียให้สิ้น!
 
จากนั้นเหล่าขุมกำลังระดับ 1 ที่ออกมาเอ่ยชวนต้วนหลิงเทียนกกับฮ่วนเอ๋อแล้วเสร็จ ก็เฝ้ามองทั้งคู่ด้วยสายตาคาดหวัง รอฟังคำตอบของทั้งคู่อย่างลุ้นระทึก
 
“นั่นซูหลี่นี่!”
 
“ซูหลี่มาแล้ว!!
 

 
ในขณะที่บรรยากาศเริ่มเงียบลงเพราะต่างรอฟังคำตอบต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ ก็มีอัจฉริยะรากหญ้าหลายคนที่อยู่วงนอกค้นพบการมาถึงของร่างในชุดสีดำผู้หนึ่ง
 
ฟั่ฟฟฟ!
 
กระบี่โลหิตทะลวงฟ้ามาฉับไว ด้วยสภาวะพลังอันน่าเกรงขาม คนที่ท่องกระบี่มาก็ผ่าเผยทระนงไม่แพ้กัน
 
เป็นซูหลี่ จากสายเฉิงหยิ่งแห่งนิกายกระบี่หมื่นหายนะ!

War Sovereign Soaring The Heavens

War Sovereign Soaring The Heavens

Type: Author:
จิตวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธในโลกปัจจุบัน ได้ทะลุข้ามไปยังโลกอื่นรวมเข้ากับความทรงจำของของเด็กหนุ่ม ที่ถูกกลั่นแกล้งตลอดเวลา จนกระทั้งขาดใจตาย การฝึกฝนเทคนิค เก้ามังกรเทพสงคราม จะสามารถกวาดล้างศัตรูได้โดยไม่มีวันแพ้! ขณะที่เขา มีความสามารถในการปรุงยา การสร้างอาวุธ และเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ … ทักษะทั้งหมดนี้ คือวิถีทางแห่งราชันย์!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset