War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 3243

WSSTH ตอนที่ 3,243 : พลังของเทพเบจธาตุ
 
 
 
ตอนนี้เทพเบญจธาตุทั้งหมด ได้ทิ้งร่างจริงไว้ในโลกใบเล็กของต้วนหลิงเทียนแล้ว ยามเมื่อพวกมันจำแลงกายก็จะอยู่ในโลกใบเล็กของเขาด้วย
 
และเมื่อเทพเบญจธาตุทั้ง 5 ของเขาบรรลุถึงขั้นที่ 6 ไม่เพียงแต่พวกมันจะแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ยังสามารถช่วยต้วนหลิงเทียนได้เพิ่มขึ้นจากแต่ก่อนมาก!
 
ตอนที่ทองเทพสุดลี้ลับ เพลิงเทพโกลาหล กับปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน อยู่ในขั้นที่ 2-3 ก็นับว่าช่วยเขาได้ไม่น้อยแล้ว
 
ตอนนี้ทั้งหมดกลับยกระดับไปถึงขั้นที่ 6! ย่อมช่วยเหลือต้วนหลิงเทียนได้เพิ่มขึ้นหลายขุม!!
 
‘ตอนนี้ดีที่มีโลกใบเล็กให้ทุกคนอาศัยอยู่แล้ว แถมอาศัยแค่หนึ่งห้วงคิดก็สามารถปิดกั้นโลกใบเล็กจากโลกภายนอก ไม่ให้เห็นว่ากำลังทำอะไรอยู่ได้ทันที’
 
ถึงแม้ว่าแต่ก่อน การคงอยู่ของทองเทพสุดลี้ลับ เพลิงเทพโกลาหล รวมถึงปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินจะช่วยเหลือเขาได้มาก
 
อย่างไรก็ตามเขารู้สึกเสมือนเปลือยเปล่าต่อหน้าทั้ง 3 เพราะไม่อาจปิดบังอะไรได้เลย
 
ยังดีที่ภรรยาทั้ง 2 ของเขาไม่อยู่ใกล้ๆ ไม่งั้นเกรงว่าจะทำการบ้านกับภรรยาก็คงต้องระแวง
 
แต่ตอนนี้เมื่อเขาเปิดโลกใบเล็กได้แล้ว และเทพเบญจธาตุทั้ง 5 ได้ทิ้งร่างจริงไว้ในโลกใบเล็ก เช่นนั้นหากเขาคิดจะทำอะไรที่เป็นส่วนตัวอย่างเช่นทำรักกับภรรยา ก็สามารถปิดโลกใบเล็กในร่างในความคิดเดียว ป้องกันไม่ให้ทั้งหมดแลเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอก
 
‘เหมือนข้ามีลูกน้อยเพิ่มมาเป็น 2 คนจริงๆ…’
 
ต้วนหลิงเทียนพบว่าจะปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินก็ดี หรือพฤกษาเทพครองสวรรค์ที่พึ่งตื่นขึ้นก็ดี ไม่เพียงแต่น้ำเสียงจะฟังดูไร้เดียงสา แต่บุคลิกภาพยยังแลดูไร้เดียงสาอีกด้วย ประหนึ่งเด็กน้อย 2 คนที่ยังไม่โต
 
เพลิงเทพโกลาหล ทองเทพสุดลี้ลับ กับวารีเทพชำระโลกาที่พึ่งมาใหม่นั้น หนึ่งเหมือนผู้ชราผ่านโลกมามาก อีกหนึ่งเป็นชายวัยกลางคนเคร่งขรึมจริงจัง อีกหนึ่งเป็นดั่งสาวใหญ่วัยทำงาน…
 
‘บางทีเสียงของเหล่าเทพเบญจธาตุก็จะเกี่ยวพันถึงบุคลิกภาพของพวกมันด้วย’
 
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
 
‘นับจากวันเวลา ตอนนี้พวกอัจฉริยะทั้งหลายคงเข้ามากันแล้ว เวลาที่อยู่ในซากระนาบเทพได้ก็เหลืออีกแค่ 2 วันสินะ’
 
ต้วนหลิงเทียนคำนวณเวลาเล็กน้อย หลังสูดลมหายใจเข้าปอดฟอดหนึ่งเขาก็ลุกขึ้นยืนในอากาศ จากนั้นแสงพลังสีขาวที่สว่างจ้าดั่งดวงตะวัน ก็ถูกดูดรั้งเข้ามาในร่าง หวนคืนสู่โลกใบเล็กของเขา
 
‘พลังวิญญาณฟ้าดินแทบทั้งหมดในซากระนาบเทพ ตอนนี้สมควรถูกนำมากักเก็บไว้ในโลกใบเล็กของข้าแล้ว…’
 
เมื่อรวมรั้งพลังที่ถักทอปานรังไหมสว่างจ้ากลับเข้าร่าง ต้วนหลิงเทียนที่ลองแผ่สัมผัสออกไปรอบกาย ก็พบว่าพลังวิญญาณฟ้าดินในบรรยากาศของซากระนาบเทพมันเบาบางจนแทบไม่เหลือ ยังเหลือไม่ถึงหนึ่งในร้อยของวันแรกที่เข้ามาด้วยซ้ำ!
 
“พี่หลิงเทียน”
 
หลังพลังบริสุทธิ์ที่ถูกต้วนหลิงเทียนเร่งเร้าออกมารอบร่างดั่งรังไหมหายไป ฮ่วนเอ๋อที่อาศัยพลังดังกล่าวบ่มเพาะก็ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาทันที
 
เมื่อต้วนหลิงเทียนพบว่าฮ่วนเอ๋อไม่ได้บ่มเพาะถึงช่วงสำคัญอะไร เช่นนั้นพอเขารั้งพลังคืนกลับ นางก็ย่อมไม่มีพลังวิญญาณฟ้าดินมหาศาลให้ดูดซับอีก เพราะอาศัยแค่พลังวิญญาณฟ้าดินในซากระนาบเทพตอนนี้ แม้นางจะมีพรสวรรค์มากแค่ไหน ก็แทบดูดซับมาไม่พอให้บ่มเพาะด้วยซ้ำ…
 
“ฮ่วนเอ๋อ ได้เวลาที่พวกเราต้องไปจากที่นี่แล้ว…ยังเหลือเวลาอีก 2 วัน พวกเราไปลองตระเวนรอบๆดูเถอะ เผื่อจะหาอุปกรณ์เทพเพิ่มได้สัก 2-3 ชิ้น”
 
ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับฮ่วนเอ๋อ
 
เดือนก่อนหลังจากช่วยหากระบี่เทพระดับกลางให้ซูหลี่แล้ว เขาก็พาฮ่วนเอ๋อไปหาอุปกรณ์เทพได้แค่ 3 ชิ้นเท่านั้น ก่อนจะถูกกิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพชักนำให้มาที่นี่
 
ในเมื่อเหลือเวลาอีกแค่ 2 วัน เขาก็เลยคิดพาฮ่วนเอ๋อออกไปตระเวนหาสมบัติเพิ่ม
 
“อื้อ”
 
ฮ่วนเอ๋อกล่าวตอบต้วนหลิงเทียน จากนั้นก็พากันเหินร่างขึ้นไปจากสถานที่ๆไม่ต่างอะไรจากห้วงลึกไร้ก้นบึ้งแห่งนี้
 
และในขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินทางกลับขึ้นมานั้นเอง
 
ด้านนอกห้วงลึกไร้ก้นบึ้ง ปรากฏร่างไม่กี่ร่างลอยอยู่ และพวกมันทั้ง 3 ก็คืออัจฉริยะของเผ่าวิฬารทมิฬไร้ลักษณ์ แต่ละคนกำลังขมวดคิ้วมองจ้องไปยังสถานที่ๆไม่ต่างอะไรจากหลุมดำเบื้องหน้า
 
“แสงสว่างที่สาดส่องออกมาจากด้านในหลุมบัดซบนี่หายไปแล้วหรือ?”
 
“สาดแสงแรงกล้าแบบนั้นไม่พ้นต้องเป็นสมบัติเทพเลิศล้ำแน่…หรือจะมีใครมาถึงก่อนพวกเราและลงไปเก็บมันไว้แล้ว?”
 
“อาจเป็นได้!”
 
อัจฉริยะทั้ง 3 ของเผ่าวิฬารทมิฬไร้ลักษณ์ที่พึ่งเดินทางมาถึงหลุมดำ และกำลังจะลงไปสำรวจนั้น ไม่ทันได้เดินทางอะไร พวกมันกลับพบว่าแสงสว่างดังกล่าวที่สาดส่องออกมาเจิดจ้าก่อนหน้าดันดับหายไปซะก่อน
 
“หืม? ดูเหมือนมีคนกำลังขึ้นมา?”
 
“ดี! เช่นนั้นก็ฆ่าพวกมันชิงของเสีย!!”
 
ทั้ง 3 เหลือบมองตาอย่างรู้กันคราหนึ่ง แต่ละคนก็เร่งเร้าพลังสภาวะถึงขีดสุด ออกกระบวนท่าสังหาร จู่โจมเข่นฆ่าลงไปใส่บางคนที่กำลังเหินร่างขึ้นมาทันที!
 
เปรี๊ยงงงง!!
 
ตูมมม!!!
 

 
พลังที่ทั้ง 3 จู่โจมซัดออกนั้น ได้อัดแน่นไปด้วยพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดและพลังจากความลึกซึ้งของกฏเต็มกำลัง เสียงระเบิดจึงดังสนั่นประหนึ่งดาวเคราะห์ระเบิด!
 
“มันคงตายแล้วกระมัง?”
 
หลังลงมือ ทั้ง 3 ก็ไม่คิดซ่อนตัวอะไร แต่ละคนเหินร่างออกไปเตรียมลงไปยังหลุมดำเบื้องหน้าทันที
 
อย่างไรก็ตาม พริบตาต่อมาสีหน้าของพวกมันก็จำต้องแปรเปลี่ยนไปใหญ่หลวง!
 
เนื่องเพราะในสายตาของพวกมันทั้ง 3 ปรากฏดวงแก้วทรงกลมสีกากีหนึ่งคอยๆลอยล่องขึ้นมา ดวงแก้วสีกากีนี้มิพ้นเป็นม่านพลังธาตุดินไม่ผิดแน่ แต่พิกลนัก ร่องรอยการถูกพลังซัดทำลายเมื่อครู่กลับมีแสงสีเขียวห่อหุ้ม จนเห็นได้ชัดว่าม่านพลังสีกากีดังกล่าวกำลังถูกฟื้นฟูอยู่ด้วยความเร็วน่าพรั่นพรึง!!
 
“กฏดิน? กฏไม้?”
 
ดวงแก้วสีกากีอันมีแสงเขียวปกคลุมฟื้นฟูอยู่นั่น ทำให้พวกมันนทั้ง 3 สัมผัสได้ถึงพลังอำนาจของกฏแห่งดินและกฏแห่งไม้ชัดเจน!
 
‘หรือจะเป็นวิชาป้องกันคู่ ที่ต้องอาศัยคนที่เชี่ยวชาญกฏ 2 ธาตุผนึกกำลังกัน?’
 
ในใจทั้ง 3 อุบัติความคิดดังกล่าวขึ้นมาทันที
 
“ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามีอัจฉริยะจากขุมกำลังใดเดินทางเป็นคู่และใช้กฏแห่งดินกับกฏแห่งไม้ร้ายกาจขนาดนี้…หรือพวกมันจะเป็นอัจฉริยะรากหญ้า?”
 
ทั้ง 3 มองหน้าสบตากัน ก่อนจะแลเห็นถึงความอึ้งในสายตากันและกัน
 
และพริบตาต่อมาพวกมันก็แลเห็นว่าม่านพลังดั่งดวงแก้วสีกากีที่กำลังถูกพลังสีเขียวฟื้นฟูอยู่นั้น ได้จางหายไป ก่อนที่จะปรากฏร่าง 2 ร่างให้พวกมันเห็นชัดถนัดตา!
 
และเมื่อเห็นร่างทั้ง 2 ดังกล่าว สีหน้าของพวกมันทั้ง 3 ก็ซีดลงทันที
 
เพราะพวกมันมไม่คิดไม่ฝันเลย ว่าผู้ที่กำลังขึ้นมาจากหลุมดั่งงที่เป็นดั่งห้วงลึกไร้ก้นบึ้งนี่จะเป็น 2 คนนี้ไปได้! ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ!!
 
หลังฝีมือของสองคนเบื้องหน้าสูงส่งเหลือเกิน ให้กวาดตามองไปทั่วแดนลับอัจฉริยะแห่งนี้ พลังฝีมือของทั้งคู่ ไม่ว่าใครคนใดคนหนึ่งก็ล้วนติดอยู่ใน 3 อันดับแรกทั้งสิ้น
 
โดยเฉพาะต้วนหลิงเทียนที่ยืนหนึ่งอย่างไร้ข้อกังขา!
 
และฮ่วนเอ๋อก็เป็นอันดับสองรองจากซูหลี่!
 
“ข้าก็สงสัยอยู่เชียวว่าเป็นใครที่กล้าโจมตีพวกเรา…ที่แท้ก็อัจฉริยะจากเผ่าวิฬารทมิฬไร้ลักษณ์นี่เอง”
 
ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อที่ค่อยๆลอยตัวขึ้นมาด้วยกันอย่างไม่รีบไม่ร้อน เมื่อเหินร่างโผล่พ้นหลุมดำขึ้นมาแล้ว ก็หยุดลอยเผชิญหน้ากับทั้ง 3 ยังมองจ้องสบตาพวกมันตาเขม็ง
 
“ขออภัยด้วยต้วนหลิงเทียน! เข้าใจผิด! ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด!!”
 
หลังเห็นว่าเป้าหมายที่แท้เป็นต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ อัจฉริยะทั้ง 3 ของเผ่าวิฬารทมิฬไร้ลักษณ์มองตากันปราหนึ่งก็เห็นพ้องต้องกันทันทีว่าไม่ไหวจะสู้ แต่ละคนเร่งยกมือโบกไปมาเป็นพัลวัน ส่ายหน้ากล่าวคำด้วยน้ำเสียงท่าทางขอขมา
 
“เข้าใจผิดรึ?”
 
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มบางๆ “การโจมตีของพวกเจ้าเมื่อครู่…ดูเหมือนจะเป็นการโจมตีเต็มกำลังใช่ไหม?”
 
“ถ้างั้น…ข้าจะใช้พลัง 5 ส่วนเพื่อลงมือกับพวกเจ้า และหากพวกเจ้า 3 คนสามารถรับได้ เรื่องนี้ก็ให้แล้วกันไป…พวกเจ้าคิดว่าไง?”
 
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
 
ได้ยินคำพูดดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน อัจฉริยะทั้ง 3 ของเผ่าวิฬารทมิฬไร้ลักษณ์ก็พอได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกทันที เพราะต่อให้ต้วนหลิงเทียนร้ายกาจแค่ไหน แต่อาศัยพลังแค่ครึ่งเดียว พวกมันทั้ง 3 ย่อมสามารถรับไหวแน่นอน!
 
อย่างไรก็ตาม วินาทีที่เห็นต้วนหลิงเทียนลงมือ พวกมันคิดจะสำนึกเสียใจก็สายเกินไป…
 
ซัว! ซัว! ซัว!
 

 
คมมีดมิติ 9 สายพุ่งออกมาจากรอยแยกมิติทั้ง 9 ฉับไว มันไร้พลังจากความลึกซึ้งใดอื่น หากแต่คมมีดมิติทั้ง 9 กลับมีพลังหลากสีฉาบเคลือบเอาไว้!
 
ทอง เขียว ฟ้า แดง กากี!
 
และในพลังประหลาด 5 สีนี้ กลับมีกลิ่นอายของธาตุทั้ง 5 อันเข้มข้นนัก!
 
คมมีดมิติทั้ง 9 สาย ไม่เพียแต่จะปิดกั้นทางหนีของอัจฉริยะเผ่าวิฬารทมิฬไร้ลักษณ์ทั้ง 3 เอาไว้หมดสิ้น ยังปลิดปลงศีรษะพวกมันได้ในเสี้ยวพริบตา
 
กระทั่งชุดเกราะอมตะระดับจักรพรรดิของพวกมัน ยังถูกหนึ่งคมมีดมิติฟันผ่าไปได้ง่ายดายคล้ายไม่มีอยู่จริง…
 
วินาทีสุดท้าย ดวงตาทั้ง 3 คู่ของคนเผ่าวิฬารทมิฬไร้ลักษณ์ก็เบิกกว้างจนแทบถลนออกเบ้า ฉายชัดถึงความตกตะลึงเหลือเชื่อ!
 
ก่อนตายพวกมันก็หลงเหลือแค่ความคิดเดียวเท่านั้น
 
การจู่โจมของต้วนหลิงเทียน ไฉนไม่ใช่แค่ผ่ามิติ แต่ยังมีพลังของธาตุทั้ง 5 ผสานรวมมาได้?
 
เป็นสามัญสำนึกของทุกคน ว่าต่อให้จะเข้าใจกฏหลายชนิด แต่ยามใช้พลังก็ใช้ออกได้ทีละกฏเท่านั้น…
 
เนื่องเพราะพลังเซียนอมตะต้นกำเนิด สามารถผสานรวมกับพลังจากความลึกซึ้งอย่าง ‘ความหมายแห่งกฏ’ ได้แค่ประการเดียวเท่านั้น และเมื่อผสานพลังเข้าด้วยกันแล้ว ก็ไม่อาจผสานพลังจากความลึกซึ้ง ความหมายแห่งกฏ ประการอื่นเพิ่มเข้าไปได้…
 
“ได้ตายด้วยพลังของเทพเบญจธาตุทั้ง 5 ที่บรรลุถึงขั้น 6 แบบนี้ พวกเจ้านับว่าไม่เสียชาติเกิดแล้วจริงๆ…”
 
หลังเหลือบมองเศษซากร่างทั้ง 3 เบื้องหน้าพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงไร้แยแสจบคำ ต้วนหลิงเทียนก็สะบัดมือ รวบเก็บแหวนพื้นที่รวมถึงอุปกรณ์อมตะทั้งหมดของพวกมันเร็วไว
 
จากนั้นเขาก็พาฮ่วนเอ๋อเดินทางไปจากที่นี่
 
“พี่หลิงเทียน…ตอนนี้ด่านพลังของท่านทะลวงผ่านแล้วเหรอ?”
 
ฮ่วนเอ๋อกล่าวถามด้วยความสงสัย
 
เพราะเท่าที่นางรู้ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา นางสามารถทะวงถึงจอมราชันอมตะ 4 รูปได้ก็จริง แต่พี่หลิงเทียนของนางยังคงเป็นจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดเท่านั้น
 
นั่นเพราะตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา พี่หลิงเทียนของนางเอาแต่ใช้ผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุดเพื่อทำความเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติอย่างเดียว
 
“ใช่ ตอนนี้ข้าเป็นจอมราชันอมตะ 3 ศักดิ์แล้ว”
 
ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ “ข้าทะลวงมาได้ 2 ขั้นก็จริง แต่ทั้งหมดเป็นเพราะข้าใช้ร่างตัวเองเป็นสื่อกลางเพื่อดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินในซากระนาบเทพอยู่เกือบเดือน”
 
“โอกาสแบบนี้เกรงว่าวันหน้าคงไม่มีอีกแล้วล่ะ”
 
ในเวลาแค่เดือนเดียวกลับสามารถทะลวงผ่านจากจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดไปยังจอมราชันอมตะ 3 ศักดิ์ อย่างไรก็ตามในสายตาต้วนหลิงเทียนด่านพลังที่เพิ่มมาแค่ 2 ขั้นนั้น มันทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น
 
ในแง่ความแข็งแกร่งแล้ว สิ่งที่ทำให้พลังของเขากล้าแข็งขึ้นอย่างใหญ่หลวงก็คือ…การที่เทพเบจธาตุทั้ง 5 ในร่างของเขาบรรลุถึงขั้นที่ 6 ต่างหาก!
 
นั่นเพราะพลังที่เทพเบญจธาตุทั้ง 5 มอบให้เขา มันไม่จำเป็นต้องใช้พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดผสานเข้ากับพลังจากความลึกซึ้งความหมายแห่งกฏอะไร
 
แม้เขาจะใช้พลังของกฏมิติอยู่ แต่เขาก็สามารถผสานพลังของพวกมันลงไปในทุกๆการลงมือได้ง่ายดาย!
 
“ถึงอย่างนั้น…ตอนนี้โลกใบเล็กของพี่หลิงเทียนก็อัดแน่นไปด้วยพลังวิญญาณฟ้าดินทั่วทั้งซากระนาบเทพ วันหน้ายามท่านบ่มเพาะพลัง แค่อาศัยพลังวิญญาณฟ้าดินที่ท่านกักเก็บไว้มาเพาะ ท่านต้องทะลวงถึงจอมราชันอมตะ 4 ได้ง่ายๆแน่!”
 
ฮวนเอ๋อกล่าวด้วยท่าทางคึกคัก
 
นางเองก็รู้สถานการณ์ของต้วนหลิงเทียนดี เพราะต้วนหลิงเทียนก็บอกนางด้วย
 
“คงอีกสักพักล่ะ”
 
ต้วนหลิงเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
 
การเข้ามาแดนลับทวยเทพของเขาครั้งนี้ กำไรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาก็คือการที่กิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพได้ผสานเข้ากับพฤกษาเทพกำเนิดชีพที่ถูกผู้แข็งแกร่งที่สุดทำลาย จากนั้นก็คือการได้รับวารีเทพชำระโลกาที่คอยปกป้องพฤกษาเทพกำเนิดชีพเอาไว้
 
ด้วยความช่วยเหลือของวารีเทพชำระโลกา จึงทำให้เทพเบญจธาตุทั้งหมดในร่างเขายกระดับขึ้นไปถึงขั้นที่ 6 ทั้งหมด!
 
ที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ…
 
วารีเทพชำระโลกา พร้อมด้วยความช่วยเหลือของเทพเบญจธาตุที่เหลือ ได้จัดตั้งมหาค่ายกลเบญจธาตุผ่านฟ้า ทำให้ยักย้ายพลังวิญญาณฟ้าดินแทบทั้งหมดจากทั่วทั้งซากระนาบเทพมากักเก็บเอาไว้ในโลกใบเล็กของเขา!
 
เรียกว่าตอนนี้ภายในโลกใบเล็กของเขา มันอัดแน่นไปด้วยพลังวิญญาณฟ้าดินมหาศาลสุดที่จะคณนานับ และทั้งหมดยังเป็นพลังวิญาณฟ้าดินชนิดเดียวกับระนาบเทพทั้งหลาย!!

War Sovereign Soaring The Heavens

War Sovereign Soaring The Heavens

Type: Author:
จิตวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธในโลกปัจจุบัน ได้ทะลุข้ามไปยังโลกอื่นรวมเข้ากับความทรงจำของของเด็กหนุ่ม ที่ถูกกลั่นแกล้งตลอดเวลา จนกระทั้งขาดใจตาย การฝึกฝนเทคนิค เก้ามังกรเทพสงคราม จะสามารถกวาดล้างศัตรูได้โดยไม่มีวันแพ้! ขณะที่เขา มีความสามารถในการปรุงยา การสร้างอาวุธ และเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ … ทักษะทั้งหมดนี้ คือวิถีทางแห่งราชันย์!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset