War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 3331

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 3,331 : เหลยจวิ้นร่ําร้องขอชีวิต
 
เมื่อ 200 กว่าปีที่แล้ว การปะทะกันระหว่างจักรพรรดิอมตะไร้ธุลี เผยหยวนจี๋ กับ โหยวเฟิงอวี้ จ้าววังเทียนฉือนั้น นับว่าทําให้วังเทียนฉือต้องสั่นสะเทือนไม่น้อย
 
อย่างไรก็ตามการต่อสู้ในวันนั้น มีคนในวังเทียนฉือไม่มากที่อยู่ในเหตุการณ์ และคน ที่เห็นเรื่องราวก็มีแค่ 7 จักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือเท่านั้น
 
และแม่ของเหลยจวิ้น จักรพรรดิอมตะไร้ใจ เหลยอิง ก็พอดีอยู่ในเหตุการณ์เช่นกัน
 
ด้วยเหตุนี้เหลยจวิ้นจึงได้รับทราบเรื่องราวการต่อสู้ทั้งหมดจากปาก เหลยอิง มารดาของมัน มันก็เลยรู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของจักรพรรดิอมตะไร้ธุลี เผยหยวนจี๋ ดี
 
จักรพรรดิอมตะไร้ธุลี…ไฉนมาอยู่ที่นี่ได้
 
“แล้วทําไมถึงไปอยู่กับต้วนหลิงเทียนอีก?”
 
จังหวะนี้ในใจเหลยจวิ้นย่อมเต็มไปด้วยความสับสนปั่นป่วน เพราะในสามัญสํานึกของมัน ไม่มีทางที่ต้วนหลิงเทียนจะมีปัญญาปลดปล่อยจักรพรรดิอมตะไร้ธุลี เผยหยวนจี๋ จากพื้นที่กักกันได้เลย
 
เพราะตัวนหลิงเทียนไม่มีทางมีความสามารถดังกล่าว!
 
เนื่องจากหนึ่งในผู้ถูกคุมขังก็คือจักรพรรดิอมตะไร้ธุลีเผยหยวนจี ที่แม้แต่จ้าววังเทียนฉือยังเอาไม่อยู่ ดังนั้นมาตรการป้องกันคุกหมื่นพันธนาการโดยเฉพาะชั้น 3 จึงได้รับการเสริมแกร่งถึงขีดสุด ไม่ต้องกล่าวถึงศิษย์อัจฉริยะคนหนึ่ง ต่อให้เป็นอาวุโสในคุกหมื่นพันธนาการเองก็ไม่มีปัญญาปล่อยผู้คนออกมาได้ เพราะค่ายกลมันสลับซับซ้อนและทรงพลังเกินไป
 
โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่ายกลกับข่ายอาคมพันธนาการที่กักขังนักโทษบบนชั้น 3 เรียกว่าไม่มีทางใช้กําลังฝ่าทําลายได้แน่ๆ จะมีก็แต่พัสดีทั้ง 3 เท่านั้นที่รู้รูปแบบและวิธีการปิดข่ายอาคมกับค่ายกล
 
“จริงสิ!”
 
“ฉือหย่าชีนั้นเป็นศิษย์พี่หญิงใหญ่ของต้วนหลิงเทียน…หรือฉือหย่าชื่นั่นจะสอนวิธีเปิดปิ ดค่ายกลให้ด้วนหลิงเทียน!?”
 
ในขณะที่เหลยจวิ้นกําลังครุ่นคิดไปเร็วรี่
 
ด้านหลังต้วนหลิงเทียนกับเผยหยวนจี๋ ก็ปรากฏรางจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 5 คนที่เดิน ตามลงมาจากชั้น 2 จังหวะนี้สีหน้าชายชราข้างกายเหลยจวิ้นก็เปลี่ยนอีกรอบ
 
“จบแล้ว…จบสิ้นกันแล้ว ทั้งหมดแหกคุกออกมาได้หมด!”
 
ในเมื่อชายชราสามารถจดจําได้กระทั่งเผยหยวนจี๋ที่ไม่ค่อยยปรากฏตัวออกมาดั่งมังกรเทพยดาเห็นหัวไม่เห็นหาง เช่นนั้นกับอีก 5 คนเป็นไปไม่ได้ที่มันจะไม่รู้จัก
และหลังจากเหลยจวิ้นได้เห็นร่างคนทั้ง 5 กอปรกับได้ทราบจากชายชราว่านั่นคือจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 5 คนที่ถูกขังบนชั้น 3 สีหน้ามันก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวงเช่นกัน
 
“ตัวนต้วนหลิงเทียน! เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้ร่วมมือกับฉือหยวนชีปล่อยจักรพรรดิอมตะ สมญานามเหล่านี้! เจ้าทราบหรือไม่ว่านี่คืออาชญากรรมร้ายแรง! วังเทียนฉือของเราไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่!!”
 
เหลยจวิ้นมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเสียงเข้ม
 
“ศิษย์พี่หญิงใหญ่?”
 
พอได้ยินเหลยจวิ้นเอ่ยชื่อศิษย์พี่หญิงใหญ่ของตัวเองออกมา ต้วนหลิงเทียนก็อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อยตอบสนองเรื่องราว ด้วยรู้ว่าไม่พ้นเหลยจวิ้นต้องกําลังเข้าใจผิด คิดว่าฉือหย่าชีเป็นคนเสี้ยมให้เข้าปล่อยนักโทษทั้ง 6 ไม่เว้นสอนวิธีเปิดปิดค่ายกลและข่ายอาคมให้เขา…
 
“เหลยจวิ้น สมองเจ้ามีปัญหาอะไรรึเปล่า?”
 
ตัวนหลิงเทียนกล่าวอย่างประชดประชันว่า “หากศิษย์พี่หญิงของข้าคิดปล่อยคน นางยังต้องยืมมือข้าทําอะไร ไม่สู้หาโอกาสเหมาะทําด้วยตัวเอง จะได้ราบรื่นกว่านี้หรือไร?”
 
“เฮอะ! หากไม่ใช่เพราฉือหย่าชีสอนเจ้า อาศัยเจ้าไหนเลยจะมีปัญญาทําลายค่ายกลและขายอาคมทั้งหมดได้!?”
 
เหลยจวิ้นไม่เชื่อ
 
“ข้าทําลาย?”
 
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้ม “ใครบอกเจ้าว่าข้าเป็นคนทําลายค่ายกลกับข่ายอาคม? ค่ายกลกับข่ายอาคมนั่นพวกพี่ใหญ่เผยลงมือทําลายเองต่างหาก!”
 
“เป็นไปไม่ได้!”
 
ทันที่ที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคํา เสียงชายชราข้างเหลยจวิ้นก็โพล่งดังขึ้นมาทันที ยังส่ายหน้าไปมาไม่หยุด “ค่ายกลกับข่ายอาคมเหล่านั้นพิเศษมาก หากพวกมันทําลายได้เองไฉนไม่ทําลายแล้วหลบหนีออกไปแต่แรก ไยต้องรอจนถึงตอนนี้?”
 
“เป็นธรรมดาว่า วิธีทําลายค่ายยกลกับข่ายอาคมทั้งหมด ข้าเป็นคนสอนทุกคนเอง…”
 
ตัวนหลิงเทียนเอ่ยออกเสียงเรียบ
 
“เจ้า!?”
 
ลูกตาชายชราหดเล็กลง จากนั้นก็กล่าวออกด้วยสีหน้ามืดมน “ต้วนหลิงเทียน เจ้ารู้หรือไม่ เรื่องที่เจ้าทําวันนี้ ต่อให้พวกเจ้าทั้งหมดจะหนีไปได้ แต่วังเทียนฉือต้องไล่ล่าเจ้าแน่!”
 
“อีกทั้งเบื้องหลังวังเทียนฉือเรายังมีจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู่หยาเทียนเผยหวนจี๋ผู้นั้น กระทั่งใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ยังเป็นคนจับมันขังด้วยตัวเอง การที่เจ้าปล่อยมันออกมาเช่นนี้ ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ยังไม่พิโรธได้รึ? ถึงตอนนั้นเจ้าได้ตายแน่!”
 
ชายชรากล่าวขู่!
 
“หนวกหู!!”
 
ทว่าชายชรากล่าวไม่ทันจบคําดี ชายหนุ่มอันมีใบหน้าเย็นชาที่ตามมาด้านหลังต้วนหลิง เทียนกับเผยหยวนจี๋ จักรพรรดิอมตะน้ําแข็งทมิฬ เฉวียนปิง ก็ทนไม่ไหว ตะคอกคําเสียงเย็นออกมาคําหนึ่ง
 
และเสียงตะคอกเย็นชาของมัน ก็เสมือนนําพาฤดูหนาวมาเยือนทั่วทั้งชั้น 1 ของเรือนจําทันที!
 
พริบตานั้นเอง ใต้ฝ่าเท้าของชายชราแซ่หงข้างเหลยจวิ้น ก็อุบัติหนามน้ําแข็งพุ่งทะลวงออกมาจากพื้นฉับไว เสือกแทกทะลุร่างมันจากทวารทะลุกลางกระหม่อมในชั่วพริบตา จากนั้นคนก็กลับกลายเป็นประติมากรรมน้ําแข็งในบัดดล
 
“สลาย!”
 
เสียงเย็นชาของเฉวียนปิงดังขึ้นอีกครั้ง และร่างชายชราที่กลายเป็นประติมากรรมน้ําแข็งไปแล้วก็แหลกเป็นเสี่ยงในพริบตา กลับกลายเป็นละอองน้ําแข็งระยิบระยับร่วงตกลงมาก่อนจะสาบสูญไปในสวรรค์และโลก ราวไม่เคยดํารงอยู่มาก่อน
 
อย่างไรก็ตามหากสังเกตโดยละเอียด จะพบว่าบริเวณพื้นยังคงเหลือชิ้นส่วนเลือดเนื้อเท่าละอองคลี่กระจายไปทั่วพื้นประปราย
 
วูบ
 
จนเมื่ออาวุโสคุกหมื่นพันธนาการตกตายหายไปแล้ว เหลยจวิ้นค่อยได้สติกลับมารู้สึกตัว สีหน้าของมันเปลี่ยนไปเป็นดูไม่ได้ทันที!
 
“พวกเจ้า…พวกเจ้า…ท่านแม่ของข้าคือจักรพรรดิอมตะไร้ใจ เหลยอิง แห่งวังเทียนฉือ พวกเจ้าอย่าฆ่าข้าพวกเจ้าไม่อาจฆ่าข้าได้!”
 
เมื่อเห็นอาวุโสที่แข็งแกร่งกว่ามันตกตายลงในเสี้ยวพริบตาโดยที่มันไม่ทันรู้เรื่องราวอะไร เหลยจวิ้นก็หวาดกลัวจนขี้ขึ้นสมอง ร่างมันสั่นระริกเร่ง ยกอ้างมารดาออกมาเสียงสั่น
 
ในห้วงเวลาแห่งความเป็นตาย ถึงแม้ปกติเหลยจวิ้นจะแลดูหยิ่งยโสไม่เห็นหัวผู้ใด แต่บัดนี้ เรียกว่ามันเตลิดเปิดเปิงโดยสมบูรณ์ คล้ายกลับกลายเป็นเด็กน้อยขี้กลัวไร้พลังฝึกปรือ
 
“เหลยจวิ้น”
 
ต้วนหลิงเทียนมองเหลยจวิ้นที่ตัวสั่น พลางกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มแสยะ “เจ้าทราบหรือไม่ว่าไฉนข้าถึงปล่อยทุกคนออกมา?”
 
เหลยจวิ้นที่มองเผยหยวนจี๋และคนอื่นๆ ด้วยสายตาหวาดกลัว พอได้ยินคําถามก็หันมองไปยัง ต้วนหลิงเทียนโดยไม่รู้ตัว แม้มันจะไม่ได้พูดอะไร แต่ในแววตาก็ฉายชัดถึงความสับสน
 
“ข้าทําเพื่อช่วยพ่อแม่ของฮ่วนเอ๋อ…”
 
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถึงจุดนี้ เหลยชิวที่อุ้มร่างตู้เสวียนที่สลบไสลไม่ได้สติ ก็พึ่งลงมาถึงชั้น 2 พอดี และนั่นก็ดึงความสนใจจากเหลยจวิ้นเช่นกัน
 
“พวกมัน?”
 
เหลยจวิ้นเอ่ยถามออกมาอย่างไม่แน่ใจ
 
“กล่าวอีกอย่างได้ว่า…เหตุผลที่ข้ากับฮ่วนเอ๋อเข้าร่วมวงเทียนฉือ ก็เพื่อช่วยทั้งคู่โดยเฉพาะ”
 
ตัวนหลิงเทียนกล่าว
 
“เจ้า…เจ้าที่แท้เข้าวังเทียนฉือมาเพราะมีจุดประสงค์แอบแฝงเช่นนี้!?”
 
สีหน้าท่าทีเหลยจวิ้นเปลี่ยนไป มันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่าศิษย์น้องหญิง 3 กับชายหนุ่มเบื้องหน้า ที่แท้จะเข้าวังเทียนฉือมาด้วยจุดประสงค์ดังกล่าว!
 
นั่นมัน…หรือจะเป็นจิ้งจอกมายา!?”
 
หากนั่นเป็นจิ้งจอกมายาเช่นนั้นคนผู้นั้นก็สมควรเป็นเหลียนชิวจากขุนเขากระบีฬาแห่งจี้เมี่ยเทียน ที่ล้มเลิกสัญญาวิวาห์กับบุตรีของท่านจ้าววัง?”
 
เมื่อเห็นจิ้งจอกมายาสีขาวในอ้อมแขนเหลียนชิว ถึงแม้เหลยจวิ้นจะไม่รู้จักเหลียนชิวมาก่อน แต่มันที่ได้ฟังเรื่องราวของเหลียนชิวมามากก็คาดเดาทุกอย่างได้ทันที
 
“ศิษย์น้องหญิงส่วนเอ๋อ…เป็นลูกสาวของทั้งคู่!?”
 
เหลยจวิ้นหัวตื้อไปหมด มันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้
 
“พี่ใหญ่เผย อาวุโสทั้งหลายๆ”
 
ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนก็หันไปกล่าวกับเผยหยวนจี๋รวมถึงจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 5 คน “พอดีข้ามีเรื่องคับข้องใจกับเหลยจจิ้นผู้นี้เช่นนั้นให้ข้าสะสางความแค้นกับมันก่อนแล้วค่อยไปได้หรือไม่? หรือพวกท่านจะล่วงหน้าไปทําลายค่ายกลที่จัตุรัสสิ้นสุดก่อนก็ได้”
 
“ไม่รีบ”
 
เผยหยวนจี๋คลี่ยิ้มบางๆ “เรื่องราวใดๆในนี้ล้วนถูกค่ายกลปิดกั้นหมดสิ้น โลกภายนอกมิอาจรู้อันใดได้…เจ้าค่อยๆสะสางเรื่องราวของเจ้า แล้วพวกเราค่อยไปก็ได้”
 
ค่ายกลในคุกหมื่นพันธนาการนั้นปิดกั้นทุกสิ่งอย่างภายในคุก ทําให้ไม่อาจติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอกได้เลย ไม่ว่าจะทางใด
 
ดังนั้นต่อให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นด้านใน หากไม่มีใครแจ้นไปนอกคุกแล้วส่งข่าว ก็ไม่มีทางที่โลกภายนอกจะล่วงรู้เรื่องราวภายในคุกได้
 
“เจ้าหนูตัวนหลิงเทียน จักว่าไปข้าเองก็อยากเห็นเจ้าลงมือสักครา…ตอนนี้ในเมื่อมีโอกาสแล้ว ก็จัดไปให้พวกเราสมใจทีเถอะ!”
 
ชายชราร่างอ้วน จักรพรรดิอมตะอัสนีกัมปนาทหม่าถือกล่าวพล่าวหัวเราะสนุกสนาน
 
สําหรับจักรพรรดิอมตะคนอื่นๆไม่เว้นเหลียนชิวเอง ก็พากันจับจ้องมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยความสนใจเช่นกัน มองจากแววตาอยากรู้อยากเห็นของพวกมัน เห็นได้ชัดว่าพวกมันก็สงสัยในความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนไม่น้อย
 
ด้านเหลยจวิ้น พอได้ยินคําพูดดังกล่าวของต้วนหลิงเทียนมันก็หน้าเสียไปทันที
 
“ต้วนหลิงเทียน เจ้าเข้าใจผิดอะไรอยู่หรือไม่? พวกเราเคยไปมีความแค้นกันที่ใด!?”
 
ไม่ต้องกล่าวถึงว่าข้างกายต้วนหลิงเทียนมีจักรพรรดิอมตะสมญานามถึง 6 คน เอาแค่พลังฝีมือส่วนตัวของต้วนหลิงเทียนเอง เหลยจวิ้นก็ไม่มีปัญญาจะสู้ด้วยแล้ว!
 
ปีก่อน กระทั่งหานอวิ๋นจิ้นที่แข็งแกร่งกว่ามันมาก สุดท้ายยังตกตายคามือต้วนหลิงเทียนบน สังเวียนอัจฉริยะ มันย่อมไม่มีหนทางรอดชีวิตต่อหน้าต้วนหลิวเทียนได้เลย!
 
“ไม่มีความแค้น?”
 
ต้วนหลิงเทียนยกยิ้ม ยังเป็นรอยยิ้มสดใสนัก “ที่เจ้าพูดมานี่ไม่อายปากบ้างหรือ?”
 
“ตอนแรกคนที่จ้างตึกเหววินกับตุ๊กหรูให้มาฆ่าข้า ไม่ใช่เจ้ากับหานอนจิ้นที่หุ้นกันจ่ายค่าจ้างมหาศาลหรือไร…แถมให้ข้าเดาเจ้าสมควรเป็นคนต้นคิดด้วยซ้ํากระมัง?”
 
สองตาต้วนหลิงเทียนค่อยๆกลายเป็นเย็นชา
 
“ต้วนหลิงเทียนนี้เจ้ากําลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่ ตุ๊กเหวินกับตูกหวี่อันใด…พวกมันเป็นใครกัน เจ้าพูดเรื่องงอะไรอยู่ ข้าไม่เข้าใจ?!”
 
เหลยจวิ้นชักสีหน้าว่างเปล่า มันพยายามตีเนียนหน้ามันทําเป็นไม่รู้อย่างถึงที่สุด อย่างไรก็ตาม ดวงตามันสั่นไหวไปไม่น้อย
 
“แถมเมื่อสองสามเดือนก่อน ระหว่างทางกลับวังเทียนฉือ ข้าก็เจอตู๋กูหวู่ดักอยู่…หรือเจ้าจะบอกว่าเจ้าไม่ใช่คนที่แจ้งมันไปแต่แรกว่าข้าออกนอกวังเทียนฉือ?”
 
ต้วนหลิงเทียนยิ้มถามด้วยน้ําเสียงหยอกล้อ หากแต่สองตาช่างเยียบเย็นนัก!
“ย่อมไม่ใช่ข้าแน่!”
 
เหลยจวิ้นส่ายหัวเป็นพัลวัน “ตัวนหลิงเทียนข้ากับเจ้าพวกเราไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน ไฉนข้าต้องคิดร้ายกับเจ้าด้วย?”
 
“ต่อให้ข้าจะคิดร้ายกับเจ้า ข้าก็ต้องมีเหตุผลที่ทําเช่นนั้น…หาไม่แล้วไฉนข้าต้องไปเสียเวลา ทั้งสิ้นเปลืองสมบัติ ทําอะไรอย่างที่เจ้าว่าด้วยเล่า หรือไม่จริง?”
 
เหลยจวิ้นยังคงยืนกรานตีมันไม่เลิก
 
“ไม่มีเรื่องบาดหมาง ไฉนต้องคิดร้าย?”
 
“เหตุผล?”
 
ต้วนหลิงเทียนแสยะยิ้ม “ถึงขนาดนี้เจ้ายังกล้าพูดออกมาได้ว่าไม่มีเรื่องบาดหมางไม่คิดร้าย เพื่อเอาตัวรอดนี้เจ้าถึงกับยอมทําตัวเป็นคนหน้าด้านไร้ยางอายได้ถึงขนาดนี้เชียว กล้าทําแต่ไม่กล้ารับ? สําหรับเหตุผลหรือเจ้าคิดว่าข้าไม่รู้จริงๆ?”
 
“ฮ่วนเอ๋อ!”
 
ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็กล่าวชื่อส่วนเอ๋อออกมา
 
“นอกจากนั้น หลังจากที่ข้าฆ่าตู๋กูเหวินแล้ว ข้ายังพบลูกแก้ววิญญาณในแหวนพื้นที่ของมัน และส่วนเอ๋อก็เป็นคนยืนยันเองว่านั่นคือลูกแก้ววิญญาณของเจ้า”
 
สายตาต้วนหลิงเทียนตอนนี้เย็นชาเหลือเกิน
 
และทั่วร่างแต่เดิมที่เคยสงบ บัดนี้ได้ปรากฎพลังเซียนอมตะต้นกําเนิดปะทุขึ้นมาจนอากาศรอบกายสั่นไหวว เห็นชัดว่าพร้อมลงมือแล้ว
 
จังหวะนี้หน้าเหลยจวิ้นก็เปลี่ยนสีไปไม่เหลือสีเลือด มันไม่อาจตีหน้ามึนสืบต่อได้อีก เร่งคุกเข่าลงกับพื้นโขกศีรษะดังนึกๆจนหัวแตกเลือดโชก “ต้วนหลิงเทียนข้าผิดไปแล้ว!!”
 
“ข้าไม่ควรคิดไม่ซื้อกับศิษย์น้องหญิงฮ่วนเอ๋อ! เจ้ายกโทษให้ข้าเถอะ ยกโทษให้ข้าสักครั้งเถอะ!”
 
“ขอเพียงเจ้าไม่ฆ่าข้า เจ้ายังสามารถใช้ข้าเป็นตัวประกันได้! ตอนเจ้าหลบหนีออกจากคุกหมื่น พันธนาการ ด้วยมีข้าอยู่ท่านแม่ต้องไม่กล้าลงมือกับเจ้าแน่!”
 
“อย่าฆ่าข้า! อย่าฆ่าข้าเลย!”
 
จังหวะนี้เพื่อความอยู่รอดแล้ว เห็นได้ชัดว่าเหลยจวิ้นยินดีทําทุกอย่าง กระทั่งออกความคิดให้ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆจับมันเป็นตัวประกันอีกด้วย
 
“แม่เจ้า? จักรพรรดิอมตะเหลยอิง?”
 
อย่างไรก็ตาม ได้ยินวาจาดังกล่าวของเหลยจวิ้น ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะลั่น “ทุกอย่างข้าตระเตรียมไว้หมดแล้ว แม่เจ้าจะลงมือหรือไม่ลงมือผลลัพธ์ก็เหมือนกัน”
 
“พวกเรายังต้องเอาเจ้าไปขู่แม่เจ้าทําอะไร?”
 
“เดิมที่ข้าก็คิดจะหาวิธีกลับมาฆ่าเจ้าภายหลัง…แต่ไม่คิดว่าสวรรค์มีทางเจ้าไม่เดิน นรกไร้ประตูเจ้าดันทุรังมุดมา ถึงกับเข้าคุกหมื่นพันธนาการมาด้วยตัวเอง เรียกว่าเจ้าเอาหัวใส่พานมาถวายข้าถึงหน้าประตูบ้านแท้ๆ”
 
กล่าวจบคํา ต้วนหลิงเทียนที่คร้านจะฆ่าสวะเช่นมันให้เปื้อนมือตัวเอง ก็ปล่อยมังกรชั่วร้ายทั้งสองในโลกใบเล็กออกมาทันที
 
“กรร~~”
 
“กรร~~”
 
มังกรชั่วร้ายคล้ายเตรียมพร้อมไว้แต่แรก พอปรากฏตัวออกมาก็พ้นลมหายใจมังกร ปลดปล่อยลําแสงทําลายล้างที่ทรงพลังน่าพรั่นพรึงเข่นฆ่าสังหารเข้าใส่เหลยจวิ้นทันที!
 

War Sovereign Soaring The Heavens

War Sovereign Soaring The Heavens

Type: Author:
จิตวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธในโลกปัจจุบัน ได้ทะลุข้ามไปยังโลกอื่นรวมเข้ากับความทรงจำของของเด็กหนุ่ม ที่ถูกกลั่นแกล้งตลอดเวลา จนกระทั้งขาดใจตาย การฝึกฝนเทคนิค เก้ามังกรเทพสงคราม จะสามารถกวาดล้างศัตรูได้โดยไม่มีวันแพ้! ขณะที่เขา มีความสามารถในการปรุงยา การสร้างอาวุธ และเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ … ทักษะทั้งหมดนี้ คือวิถีทางแห่งราชันย์!

Options

not work with dark mode
Reset