War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 3333

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 3,333 : มาถึงจัตุรัสสิ้นสุด
 
“จ้าวหอชําระบาป?”
 
เผยหยวนจี๋ที่เดินนําหน้าด้วนหลิงเทียนหยุดลง ก่อนจะแหงนมองขึ้นไปในอากาศ หยีตากล่าวเสียงเบา “ช่างเป็นเกียรตินัก!”
 
ถึงแม้ว่าเสียงของเผยหยวนจี๋จะไม่ได้ดังอะไรมากมาย แต่คล้ายมีอํานาจเวทมนตร์พิเศษ ทําให้ลูกตาของฟางหานหดเล็กลงแทบปิด ยังเร่งลดสายตามามองยังร่างเผยหยวนจี๋ทันที
 
และพอเห็นหน้าค่าตาของเผยหยวนจี๋ชัดเจน สีหน้าของฟางหานก็เปลี่ยนไปครั้งใหญ่!
 
ชายหนุ่มชุดขาวผู้นี้มิใช่ว่าคือจักรพรรดิอมตะไร้ธุลี เผยหยวนจี๋ ที่เมื่อ 200 กว่าปีก่อน ได้ไล่ต้อนจ้าววังเทียนฉือของพวกมัน จนต้องขอความช่วยเหลือจากจักรพรรดิสวรรค์แห่งอิหยาเทียนให้ช่วยกันล้อมจับหรือไร?
 
ยิ่งไปกว่านั้นกระทั่งจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนเองก็หมดปัญญาจะฆ่าอีกฝ่าย ถึงทําได้แค่ควบคุมตัวมากักขังเอาไว้ในคุกหมื่นพันธนาการของวังเทียนฉือเท่านั้น!
 
มันย่อมจดจําได้ชัดเจน
 
เพราะวันนั้น จักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนเป็นคนที่นาชายคนนี้ขึ้นไปกักขังไว้บนเรือนจําชั้นที่ 3 ของคุกหมื่นพันธนาการด้วยตัวเอง!
 
“หึ”
 
เผยหยวนจี๋เพียงแค่นคําเบาๆคราหนึ่ง ทันใดนั้นความว่างเปล่ารอบกายฟางหาน จ้าวหอชําระบาปก็เริ่มสั่นไหว จากนั้นก็อุบัติละอองพลังสีกากีขึ้น!
 
เมื่อละอองพลังสีกากีอุบัติขึ้นเบื้องหน้า ฟางฉี่หานกับคนอีก 10 กว่าคนด้านหลังพลันได้สติ จากนั้นละอองพลังสีกากีก็คล้ายกลับกลายเป็นคลื่นสมุทรสุดคุ้มคลั่งโถมกันเข้าใส่ฟางฉี่หานกับพวกจากทุกทิศทาง!
 
ซู่มมม!!
 
ครืนนนน!!
 
ละอองพลังจากทุกทิศทางนั้น ถาโถมเข้ามาด้วยสภาวะพลังยิ่งใหญ่สุดไพศาลเหลือเกิน แถมมองไปทางใดก็เต็มไปด้วยสีกากี พาลให้ทุกคนอยู่ในสภาพไร้หนทางดั่งตะพาบในไห!
 
“แย่แล้ว!!”
 
“เป็นพลังที่กล้าแข็งอะไรเช่นนี้!”
 
“หนีเร็ว!!”
 
เมื่อละอองพลังสีกากีดั่งธุลีดินโถมกันมาดั่งคลื่นสมุทรสุดเกรี้ยวกราดเช่นนี้ ไม่ว่าจะฟางฉี่หานหรืออาวุโสหอชําระบาปนับสิบด้านหลังก็หน้าเปลี่ยนสีไปเป็นแถบ ขณะเดียวกันแต่ละคนก็เร่งเร้าพลังชั่วชีวิตออกมาอย่างไม่กล้ารอช้า!
 
ฟูมม!!
 
บรึมม!!
 
ครืนน!!
 
จากนั้นอาวุโสกว่าโหลของหอชําระบาปประหนึ่งปลาหลีพบพานประตูมังกร แต่ละคนโจนทะยานออกไปเร็วรี่ดั่งเซียนอมตะข้ามทะเล ทุกคนล้วนใช้ไม้ตายก้นหีบปะทุความลึกซึ้งแห่งกฏออกมาไม่คิดออมรั้ง มีกระทั่งพลังของกฏแห่งความตาย
 
อย่างไรก็ตามไม่ว่าพวกที่คิดบุกฝ่าก็ดี คิดชัดพลังต้านทานก็ดี ทั้งหมดพบว่าการกระทําของตัวเองไม่ต่างอะไรจากหนึ่งหินคิดถมทะเลใหญ่ กระทั่งสร้างละลอกคลื่นสักวงยังไม่ได้
 
ด้านฟางฉี่หานจ้าวหอชําระบาปเอง แต่ต้นจนจบกลับไม่ได้ลงมือต่อต้านหรือคิดหลบหนีเพียงตะโกนออกมาด้วยสีหน้าน้ำเสียงวิงวอนขอชีวิต “ขอใต้เท้าเผยโปรดเมตตาด้วย!!”
 
“ข้าจักพาคนของข้ากลับหอชําระบาปทันที มิคิดยุ่งเกี่ยวกับบกิจการใดๆของท่านสืบไป!!”
 
“ขอใต้เท้าเผยโปรดยั้งมือด้วย!”
 
จ้าวหอชําระบาป 1 ใน 3 พัสดีแห่งคุกหมื่นพันธนาการ บัดนี้ไม่เหลือมาดโอหังยิ่งใหญ่อันใด เพียงร่ำร้องออกมาราวสุนัขป่วยหิวโหยหมายได้รับเศษเสี้ยวความเมตตาจากมนุษย์
 
อย่างไรก็ตามไม่ว่า ฟางฉี่หาน จะร่ําร้องขอความเมตตาอย่างไร แต่ละอองพลังสีกากีดั่งห่าธุลีดินก็หาได้ลดทอนสภาวะพลังสุดไพศาลไม่ พวกมันยังคงโถมกันกระหนาบเข้ามาจากทั่วสารทิศ!
 
“ไม่–!!”
 
เมื่อละอองพลังสีกากีจากทั่วสารทิศมาบรรจบกัน ณ จุดกึ่งกลาง สรรพสิ่งใดๆในนั้นก็ถูกบีบอัดจนแหลกสลายหายไปในบัดดล คงเหลือไว้เพียงเสียงกรีดร้องโหยหวนสิบกว่าสําเนียงที่ดังขึ้นอย่างสิ้นหวังแว่วมาในอากาศ
 
ปงงง!!
 
ซัว ลา ลา…
 
ละอองพลังสีกากีดั่งห่าธุลีดินที่อัดแน่นไปด้วยความลึกซึ้งของกฎแห่งดินอันน่าสะพรึง เมื่อมาบรรจบกัน ณ กึ่งกลาง ก็ทําให้ความว่างเปล่าโดยรอบสะเทือนเลือนลั่น ราวกับพร้อมจะแตกสลายลงทุกเมื่อ
 
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ทุกคนกําลังตื่นตระหนกตกตะลึงกับพลังอํานาจมหาศาล ละอองพลังสีกากีดังกล่าวก็อันตรธานหายไปในบัดดล ราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน
 
หากไม่ใช่เพราะละอองโลหิตพร้อมกลิ่นคาวคลุ้งในบรรากาศ กับแหวนพื้นที่เป็นโหลที่ร่วงตกลงมาจากกลางหาว บางที่ทุกคนในที่นี้คงคิดว่าเมื่อครู่เป็นเพียงภาพลวงตาที่แต่ละคนหลอนไปเองเท่านั้น
 
ช่างเป็นการควบคุมพลังที่ละเอียดอ่อนจริงๆ”
 
เห็นฉากเรื่องราวเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนก็อดตกใจไม่ได้ มองไปยังพี่ใหญ่เผยเบื้องหน้าอีกครั้งในแววตาแฝงความนับถือขึ้นอีกหลายส่วน
 
ก่อนหน้าเขารู้เพียงว่าพี่ใหญ่เผยที่แท้ร้ายกาจมาก แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะร้ายกาจได้ขนาดนี้ ในเวลาชั่วพริบตา จักรพรรดิอมตะนับโหลที่มาพร้อมฟางหาน จ้าวหอชําระบาป กลับตกตายอย่างไร้ซึ่งหนทางต้านทานใดๆ
 
ฟางฉี่หานนั้น ต้องทราบด้วยว่าความแข็งแกร่งของมันที่ใกล้เคียงกับจักรพรรดิอมตะสมญานามแล้ว
 
“อึก…”
 
จังหวะนี้กระทั่งเหลียนชิวที่กําลังอุ้มร่างจิ้งจอกมายาสีขาวในวงแขน ก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลําบาก สายตาที่ใช้มองเผยหยวนจี๋อีกครั้ง เต็มไปด้วยความหวาดกลัวอึ้งทั้ง
 
มันย่อมรู้ถึงพลังฝีมือของฟางฉี่หานดี เพราะเคยโดนอีกฝ่ายมาท้าประลองในคุก
 
อย่างไรก็ตาม ศัตรูที่ทําให้มันรู้สึกตึงมือถึงที่สุด ต่อหน้าชายหนุ่มชุดขาวเบื้องหน้ากลับตกตายง่ายดายราวไก่สุนัขไร้เรี่ยวแรง!
 
“ไปกันเถอะ”
 
ท่ามกลางสายตาที่มองมาอย่างยําเกรงของทุกคน เผยหยวนจี๋ก็เอ่ยออกเสียงเบา จากนั้นก็เดินนาทุกคนเข้าสู่ช่องทางแคบๆเบื้องหน้าทันที
 
กลุ่มคนที่แห่กันติดตามไปอย่างไม่รอช้า
 
“ติดตามใต้เท้าเผยไปเร็ว!”
 
และเหล่านักโทษที่พึ่งผ่านการทรมานของหอชําระบาปมา ก็มีคนหนึ่งตะโกนขึ้นเสียงดังอย่างฮึกเหิม จากนั้นแต่ละคนก็เริ่มแข็งข้อต่อต้าน ทําลายตรวนพันธนาการ ก่อนจะไล่ตามเผยหยวนจี๋และคนอื่นๆไป
 
เหล่าอาวุโสของชําระบาปทั้งหลายเห็นฉากดังกล่าวก็ได้แต่ยืนนิ่งไหวติง ไม่กล้าหยุดยั้งหรือเคลื่อนไหวใดๆ เพียงชมมองนักโทษทั้งหลายวิ่งหนีไปต่อหน้าต่อตาเท่านั้น
 
เพราะพวกมันไม่แน่ใจ ว่าหากขัดขวางการหลบหนีของนักโทษกลุ่มนี้ ใช่จะไปกระตุ้นโทสะเผยหยวนจี๋หรือไม่? เกิดอีกฝ่ายไม่พอใจอะไรแล้วหันกลับมาลงมือส่งๆสักครา…เกรงว่าพวกมันคงได้ตายกลายเป็นผีหน้าหอชําระบาปแล้ว!
 
จ้าวหอชําระบาปที่แข็งแกร่งกว่าพวกมันมาก เมื่อครูไม่ใช่ดับอนาถเยี่ยงสุนัขป่วยตัวหนึ่งหรือไร?
 
พวกมันยังรู้สึกว่าตัวเองโชคดีเหลือเกิน ที่ไม่ได้บ้าจี้วิ่งไปหยุดยั้งคนกลุ่มนี้ หรือไปเสริมกําลังฟางฉ่หานเมื่อครู่ ไม่งั้นพวกมันคงได้กอดคอพวกฟางฉี่หานลงนรกแล้ว
 
“ผู้อาวุโสเหลียนชิว หลังออกจากคุกหมื่นพันธนาการพวกเราจะไปกับพี่ใหญ่เผย”
 
ต้วนหลิงเทียนหันไปส่งเสียงผ่านพลังนัดแนะกับเหลียนชิว
 
“ได้”
 
เหลียนชิวก็หันไปส่งเสียงผ่านพลังตอบต้วนหลิงเทียนทันที ในสายตานอกจากแฝงความสํานึกขอบคุณอย่างล้นพ้น ยังเต็มไปด้วยความชื่นชมหลายส่วน
 
“ว่าแต่ตอนนี้ลูกสาวข้านางสบายดีหรือไม่?”
 
จากนั้นคล้ายนึกอะไรขึ้นได้ เหลียนชิวก็เอ่ยถามออกไป
 
“นางสบายดี”
 
ได้ยินเหลียนชิวถามถึงส่วนเอ้อ ต้วนหลิงเทียนก็คลี่ยิ้มอ่อน กล่าวผ่านพลังตอบกลับ “นางคิดจะมากับข้าด้วย…แต่ข้าคิดว่ามันอันตรายเกินไป เช่นนั้นข้าเลยขอให้นางรอข้าอยู่ที่ระนาบโลกียะบ้านเกิด
 
“วันนี้หลังหลบหนีออกจากวังเทียนฉือ กระทั่งออกจากอู๋หยาเทียนได้แล้ว ข้าจะพาท่านกับอาวุโสตู้เสวียนไปพบนางที่ระนาบโลกียะบ้านเกิดข้า เพื่อให้พวกท่านพ่อแม่ลูกได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง”
 
ขณะที่กล่าวถึงส่วนเอ๋อ แววตาต้วนหลิงเทียนก็แฝงความอ่อนโยนหลายส่วน
 
“ดี!”
 
เหลียนชิวพยักหน้า ในแววตายังฉายถึงความตื่นเต้นไม่น้อย จากนั้นก็ก้มลงไปมองจิ้งจอกมายาสีขาวที่สลบไสลในอ้อมแขน กล่าวพึมพําในใจว่า “เสวียนเอ้อ อีกไม่นานพวกเราจะได้กลับไปเจอลูกสาวตัวน้อยแล้ว
 
“พอเจ้าตื่นขึ้น ไม่เพียงแต่เจ้าจะได้เจอลูกสาวตัวน้อยของเรา แต่เจ้ายังจะได้พบเจอลูกเขยประเสริฐของพวกเราด้วยเจ้าหนุ่มผู้นี้ยอดเยี่ยมเหลือเกิน ข้าถูกชะตาทั้งพอใจมาก เจ้าเองพอได้เห็นแล้วก็ต้องถูกใจแน่นอน”
 
ถึงแม้เหลียนชิวจะพึ่งได้พบเจอต้วนหลิงเทียนมาไม่กี่ครั้ง แถมเป็นเวลาสั้นๆ แต่เหลียนชิวก็ถูกใจต้วนหลิงเทียนมาก
 
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องใดอื่นให้มากความ เอาแค่เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนเลือกจะจัดแจงให้ลูกสาวของมันอยู่รอคอยในที่ปลอดภัย และเสี่ยงอันตรายบุกมาช่วยชีวิตพวกมันทั้งคู่เพียงลําพังเพราะเห็นแก่ลูกสาวมัน ก็มากพอจะทําให้มันรู้ว่านี่เป็นชายหนุ่มที่มีความรับผิดชอบมากคนหนึ่ง
 
“ไม่ทราบ…ยังจะมีพวกมีตาแต่ไร้แววโผล่ออกมาแบบเมื่อครู่อีกหรือไม่?”
 
ในขณะที่กําลังจะเดินออกจากช่องทางแคบๆ จักรพรรดิอมตะอัสนีกัมปนาท หม่าฉือ ก็ยิ้มกล่าวออกมากับคนรอบข้าง “เฉวียนปิง พี่ใหญ่เผย รอบหน้าหากมีพวกมีตาแต่ไร้แววห้าวไม่ดูรุ่นโผล่มาอีก พวกท่านมิต้องเหนื่อยแรงแล้วข้าเองหลังจากถูกขังอยู่ในคุกหมื่นพันธนาการมาเนิ่นนาน ก็ชักคันไม้คันมือไม่น้อย”
 
“เจ้าคันมือหรือ?”
 
จักรพรรดิอมตะกวางขาว ไป๋ลู่ ก็มองค้อนกล่าวด้วน้ำเสียงไม่ยอม “หรือข้าไม่คันมือ ปู่ผู้นี้ถูกจับมาขังก่อนเจ้าหลายพันปีเชียว!!”
 
“อั้ยหยาพี่ไป๋อย่าโมโหไป..เดี๋ยวพวกเราลุยพร้อมกันก็ได้ แค่บอกไว้ก่อน ข้ากลัวพี่ใหญ่เผยกับเฉวียนปิงจักเก็บพวกมันเหี้ยนในพริบตา จนข้าไม่ทันได้ทําอะไร…”
 
หม่าฉือกล่าวอย่างคึกคัก
 
ถึงแม้ตอนนี้บรรยากาศแลดูจะผ่อนคลายสบายๆกันมาก
 
อย่างไรก็ตามทุกคน ไม่เว้นหม่าฉือกับไป๋ลู่ที่กล่าวติดตลกล้วนรู้ดีแก่ใจ ว่าพวกมันสามารถผ่อนคลายได้แค่ในคุกหมื่นพันธนาการแห่งนี้เท่านั้น เพราะในคุกหมื่นพันธนาการแห่งนี้ ไม่มีแม้แต่จักรพรรดิอมตะสมญานามสักคน
 
พอออกไปนอกคุกหมื่นพันธนาการ เรื่องราวจะแปรเปลี่ยนกลับกลายแล้ว!
 
หลังจากนั้นไม่ทันไร ทุกคนก็โผล่ออกจากช่องทางแคบๆ จนแลเห็นลานกว้างของโถงกิจการภายใน และเป็นธรรมดาว่าการมาของกลุ่มคนเป็นร้อยแบบนี้ ย่อมดึงดูดความสนใจของอาวุโสในโถงกิจการภายในเช่นกัน
 
“นรกเถิด! นั่นเผยหยวนจี๋ มันมันไฉนแหกคุกออกมาได้เล่า!?”
 
เมื่อได้เห็นชายชุดขาวที่ห้อเหยียดนําขบวนนักโทษหลบหนี อาวุโสของโถงกิจการภายในที่จดจําอีกฝ่ายได้ว่าเป็นใครก็เร่งโพล่งออกมาอย่างหวาดกลัว ตอนนี้ต่อให้พวกมันมีความกล้าเพิ่มขึ้นอีกหมื่นเท่า พวกมันก็ไม่กล้าโผล่หัวไปขวางให้ตายเปล่า!
 
เผยหยวนจี๋คนนี้ กระทั่งจ้าววังเทียนฉือของพวกมันยังรับมือไม่ไหวด้วยซ้ำ แล้วพวกมันจะไปมีปัญญาทําอะไรได้?
 
“หืม!? เจ้าหนุ่มนั่นมิใช่ต้วนหลิงเทียนหรือไร? ศิษย์คนที่ 7 ของจักรพรรดิอมตะทุ่งขจีฉือหล่าง ทั้งยังเป็น 1 ใน 5 ศิษย์อัจฉริยะคนใหม่ของวังเทียนฉือเราไฉนมันไปอยู่กับเผยหยวนจี๋ได้เล่า กระทั่งดูจากท่าทีแล้วไม่คล้ายถูกเผยหยวนจี๋จับเป็นตัวประกันหรือโดนข่มขู่อันใด แลดูยังคล้ายสหายที่รู้จักเผยหยวนจี๋มานานปีอีก!!”
 
“อย่าบอกนะว่าเจ้าต้วนหลิงเทียนนั่น มันมาที่นี่เพื่อช่วยเผยหยวนจี๋!?”
 
“จักเป็นไปได้อยย่างไร ต่อให้มันคิดมาช่วยคน แต่มันก็ต้องมีความสามารถช่วยคนก่อน…”
 
“แล้วเจ้าจักอธิบายสถานการณ์ตรงหน้าเจ้าอย่างไร? หากไม่ใช่มันมาช่วยเผยหยวนจี๋ ไฉนถึงแจ้นตามหลังเผยหยวนจไปติดๆเช่นนั้นเล่า! แล้วเจ้าเห็นหรือไม่…ด้านหลังมันยังมีจักรพรรดิอมตะสมญานามที่เหลือบนชั้น 3 อีก 5 คนนั่นด้วย!”
 
“โอทวยเทพ.นี่จักรพรรดิอมตะสมญานามที่ถูกขังไว้บนชั้น 3 พวกมันแหกคุกออกมาได้หมดเลยหรือ!?”
 
“กําลังจักเกิดเรื่องใหญ่แล้ว คราวนี้เป็นเรื่องใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนแล้วจริงๆ!!”
 
“แล้วพวกเราไม่ต้องออกไปรายงานเรื่องราวหรือ?”
 
“รายงาน? เจ้ากล้าออกจากห้องโถงกิจการภายในนี้ไปไหม? ข้าแทงร้อยเอาหนึ่งเลยว่าเจ้าต้องตายก่อนได้เหยียบจัตุรัสสิ้นสุด…เจ้าลองดูหรือไม่ หากเจ้าเป็นอะไรข้าจักดูแลเมียเจ้าอย่างดีให้เหมือนเมียข้าเลย?”
 
“หุบปากไปเสีย!”
 
วันนี้อาวุโสที่ทําหน้าที่อยู่ในโองกิจการภายในก็ไม่ได้มีมากมายอะไร แน่นอนว่าต่อให้มีคนมากกว่านี้ พวกมันก็ไม่คิดออกไปหาเรื่องตายแน่นอน
 
“อันใด พวกมันอยู่เป็นขนาดนี้เชียว”
 
พอเห็นว่าขบวนนักโทษวิ่งมาถึงจัตุรัสสิ้นสุดแล้ว แต่กลับไม่มีอาวุโสของโถงกิจการภายในออกมาสกัดขัดขวางแม้แต่คนเดียว จักรพรรดิอมตะอัสนีกัมปนาท หม่าฉือ ก็รู้สึกหดหู่อยู่บ้าง “ไฉนผู้คนในโถงกิจการภายในมันรู้มากนักเล่า ไม่หาญกล้าเหมือนคนของหอชําระบาปหน่อยหรือ? น่าเบี่อจริง…”
 
“นับว่าคนของโถงกิจการภายในนี้ฉลาดกว่าพวกโง่งมนั้นเยอะ”
 
จักรพรรดิอมตะกวางขาว ไป๋ลู่กล่าว
 
“พวกเจ้าหยุดเล่นกันได้แล้ว เตรียมตัวให้พร้อม….ตอนนี้พวกเจ้าอาจจะยังระรื่นอยู่ได้ รอให้ฝ่าจัตุรัสสิ้นสุดแล้วออกจากคุกหมื่นพันธนาการก่อนเถอะ หากเจอจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือ ขอให้พวกเจ้าคึกคักได้เหมือนตอนนี้แล้วกัน”
 
จักรพรรดิอมตะผกาทอง เชี่ยจินฮัวกล่าวเตือนเสียงขรึม “ภายในคุกหมื่นพันธนาการ เพราะถูกตัดจากโลกภายนอก เช่นนั้นเว้นเสียแต่จะมีผู้ใดออกไปรายงาน หาไม่แล้วภายนอกก็มิอาจล่วงรู้สถานการณ์ภายในได้”
 
“อย่างดีที่สุด จากการแตกของลูกแก้ววิญญาณของเจ้าพวกนั้น ก็ทําให้ด้านนอกรู้ว่าที่นี่มีคนตายติดๆกันหลายสิบคนเท่านั้น แต่มิทราบเป็นเรื่องราวใด”
 
“รอให้พวกเราออกไปนอกคุกหมื่นพันธนาการเมื่อไหร่..พวกหน่วยลาดตระเวนกับคนเฝ้าด้านนอกย่อมต้องเร่งรุดส่งข่าวออกไปแน่ ถึงตอนนั้นพวกเจ้าเตรียมตัวรอรับการมาของจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือได้เลย!”
 

War Sovereign Soaring The Heavens

War Sovereign Soaring The Heavens

Type: Author:
จิตวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธในโลกปัจจุบัน ได้ทะลุข้ามไปยังโลกอื่นรวมเข้ากับความทรงจำของของเด็กหนุ่ม ที่ถูกกลั่นแกล้งตลอดเวลา จนกระทั้งขาดใจตาย การฝึกฝนเทคนิค เก้ามังกรเทพสงคราม จะสามารถกวาดล้างศัตรูได้โดยไม่มีวันแพ้! ขณะที่เขา มีความสามารถในการปรุงยา การสร้างอาวุธ และเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ … ทักษะทั้งหมดนี้ คือวิถีทางแห่งราชันย์!

Options

not work with dark mode
Reset