War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 3344

War sovereign Soaring The Heavens

WSSTH ตอนที่ 3,344 : เจ้าตัวเล็กทั้ง 3 โตแล้ว
 
จักรพรรดิอมตะสลายกําเนิด จื่อวี่เหนียน
 
ในบรรดาจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้งหลายที่อยู่ที่นี่ตอนนี้ มีเพียงเมิ่งชวน จักรพรรดิอมตะหยกกุ้ง คนเดียวที่เคยเห็นหน้าตาของจักรพรรดิอมตะสลายกําเนิด จื่อวี่เหนียน ส่วนจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่าเคยพบเจอแต่ตอนที่อีกฝ่ายใส่หน้ากากเท่านั้น
 
ด้วยเหตุนี้จักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่าจึงรู้สึกว่าจี้อวี่เหนียนให้ความรู้สึกคุ้นๆ แต่จดจําไม่ได้ว่าเป็นผู้ใด
 
มันพึ่งจะจําได้ว่าอีกฝ่ายคือจื้อวี่เหนียนเอาตอนที่ สตรีชุดขาวที่แลดูสง่างามเลอค่า นั่นกล่าวถึงเรื่องไม่ได้สวมหน้ากากออกมา
 
พอมันจดจําได้ว่าอีกฝ่ายคือจักรพรรดิอมตะสลายกําเนิด จี้อวี่เหนียน ด้านจักรพรรดิอมตะเพลิงผลาญก็ปะทุพลังลงมือไปแล้ว กว่ามันจะตะโกนหยุดเรื่องราวจบคํา จักรพรรดิอมตะเพลิงผลาญก็ถูกฆ่าตายไปซะก่อน
 
“เจ้านั่นก็คือจักรพรรดิอมตะสลายกําเนิด จี้อวี่เหนียน อาวุโสใหญ่ของเผ่ามังกรแห่งว่านโช่วเทียน?”
 
“ให้ตายเถอะ ข้าได้ยินชื่อเสียงจักรพรรดิอมตะสลายกําเนิดจี้อวี่เหนียนผู้นี้มานานแล้ว พอได้พบเจอนับว่าสมคําร่ําลือจริงๆ จักรพรรดิอมตะเพลิงผลาญนั่นจะอย่างไรก็เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์อู่หยาเทียน แต่ต่อหน้ามันกลับคล้ายตัวอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง.. “
 
“ร้ายกาจยิ่ง”
 
นอกจากเมิงชวนกับจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่า จักรพรรดิอมตะสมญานามคนอื่นๆที่อยู่ที่นี่ส่วนใหญ่ ก็เคยได้ยินแต่ชื่อของจี้อวี่เหนียนเท่านั้น เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นอีกฝ่ายตัวเป็นๆ
 
จังหวะนี้กระทั่งสองงตาของจักรพรรดิอมตะสมญานามที่หลบหนีออกจากคุกหมื่นพันธนาการไม่เว้นเผยหยวนจี้ก็ทอแสงจ้าขึ้นมา
 
การมาถึงของจี้อวี่เหนียน ย่อมเหนือความคาดหมายของพวกมันเช่นกัน
 
และจากการกระทําของจี้อวี่เหนียนตั้งแต่ตอนปรากฏตัวนั้น พวกมันเห็นได้ชัดเลยว่า..
 
จี้อวี่เหนียนเป็นมิตร ไม่ใช่ศัตรู!
 
“อาวุโสจี้”
 
จ้าววังเทียนฉือ โหยวเฟิงอวี้ มองจี้อวี่เหนียนด้วยใบหน้าอัปลักษณ์นั้นยาก เพราะไม่ว่าจะจักรพรรดิอมตะเพลิงเผลาญ จักรพรรดิอมตะไม้เท้าวารี หรือจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่า ก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนของตามัน จักรพรรดิสวรรค์แห่งอู่หยาเทียนส่งมาช่วยเหลือ
 
แต่จักรพรรดิอมตะเพลิงผลาญ กลับถูกอีกฝ่ายฆ่าทิ้งต่อหน้าต่อตา
 
“จักรพรรดิอมตะเพลิงผลาญ จะอย่างไรก็เป็นคนที่ท่านตาข้าส่งมาเพื่อช่วยเก็บกวาดนักโทษแหกคุกน…ท่าน ไฉนถึงต้องลงมือสังหารผู้คนด้วย? ท่านไม่คิดจะอธิบายให้ข้าฟังหน่อยหรือ?”
 
เสียงกล่าวของโหยวเฟิงอวี้ ยิ่งมาน้ําเสียงก็ยิ่งมืดมนมากขึ้น
 
คนอื่นๆอาจจะหวาดกลัวความแข็งแกร่งของจื่อวี่เหนียน แต่มันไม่ได้กลัวเลย เพราะนี่ก็เหมีอนมันที่ไม่กล้าลงมือกับเมิ่งชวน จี้อวี่เหนียนก็ไม่กล้าแตะต้องมันง่ายๆแน่ เพราะเบื้องหลังมันมีตาที่เป็นจักรพรรดิสวรรค์แห่งอิหยาเทียนหนุนหลังอยู่
 
สําหรับจักรพรรดิอมตะเพลิงผลาญ มันก็รู้ว่าไฉนจี้อวี่เหนียนถึงกล้าฆ่า ไม่พ้นอีกฝายคงต้องคิดว่าจักรพรรดิอมตะเพลิงผลาญเป็นแค่ลิ่วล้อคนหนึ่งของตามันเท่านั้น ไม่ได้สลักสําคัญอะไรถึงจะตายไปก็เท่านั้น
 
อย่างไรก็ตาม แม้มันจะรู้เหตุผลดี แต่มันก็ยังอยากฟังคําอธิบายจากปากของอีกฝ่าย
 
เพราะสุดท้ายแล้ว ตอนนี้มันก็จําต้องเรียกขวัญกําลังใจกลับคืน
 
มันเดาได้ไม่ยากเลย ว่าตอนนี้จักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่า กับจักรพรรดิอมตะไม้เท้าวารีคงหวาดกลัวจนหัวหดหมดแล้ว ไม่พ้นต้องคิดแต่จะล่าถอยจากไปถ่ายเดียว
 
“ให้ข้าอธิบาย?”
 
จี้อวี่เหนียน กลอกตามองไปยังโหยวเฟิงอวี้ กล่าวออกเสียงเฉย “คิดจะให้ข้าซื้อเหนียนอธิบาย อาศัยจ้าววังเทียนฉืออย่างเจ้ายังไร้คุณสมบัติ หากตาของเข้ามาด้วยตัวเอง ถ้าอารมณ์ดีหน่อย ข้าอาจจะอธิบายให้มันฟังอยู่บ้าง”
 
“กล่าวเช่นนี้หรืออาวุโสจี้ตั้งใจเป็นปกปักษ์กับวังเทียนฉือข้า? กระทั่งคิดจะเป็นศัตรูกับพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู่หยาเทียน?”
 
โหยวเฟิงอวี้ ไม่คิดเลยว่าจี้อวี่เหนียนจะไม่ไว้หน้ามันสักนิด สีหน้ามันจึงกลายเป็นอัปลักษณ์ดูไม่ได้ สองตายังฉายแววเย็นชาแหลมคมปานมีดดาบ
 
เรียกว่าหากสายตาฆ่าคนได้ ไม่ทราบจี้อวี่เหนียนจะถูกมันฆ่าตายไปแล้วกี่รอบ
 
“เจ้าจะคิดแบบนั้นก็ได้”
 
จี้อวี่เหนียนตอบคําเสียงเฉย ไม่ได้สนใจคําขอะไรของโหยวเฟิงอวี้สักกะฝึก
 
“ท่าน!”
 
จังหวะนี้โหยวเฟิงอวี้วมีโฒโหแทบกระอัก ขณะเดียวกันมันก็เร่งติดต่อไปหาตาของมันทันที
 
ด้านจักรพรรดิสวรรค์แห่งอิหยาเทียน ก่อนหน้าก็ได้รับการติดต่อขอความช่วยเหลือจากโหยวเฟิงอวี่มาแล้วรอบหนึ่ง จึงส่งจักรพรรดิอมตะสมญานามใต้บัญชาไป 3 คน เพราะคิดว่าเพียงเท่านี้ก็คงพอจะช่วยจัดการนักโทษให้โหยวเฟิงอวี้ได้แล้ว
 
มันเองก็สุดที่จะจินตนาการได้ออก ว่าเรื่องราวกลับบานปลายไปกันใหญ่ ถึงขั้นอาวุโสใหญ่เผ่ามังกรอย่างจี้อวี่เหนียนจะมาด้วย!
 
“แล้วเจ้าจี้อวเหนียนนั่น มันไม่ไว้หน้าข้าเลยรึ?”
 
“เจ้ารอข้าที่นั่น ข้าจักรีบไปเดี๋ยวนี้!”
 
หลังได้รับทราบถึงความเหิมเกริมของอวเหนียน เสียงตอบข้อความของจักรพรรดิสวรรค์อูหยาเทียนก็ฟังดูมืดมนนัก
 
ด้านโหยวเฟิงอวี้ พอรับทราบว่าตามันจะมาด้วยตัวเอง สองตาก็ลุกวาวสว่างจ้าทันที
 
“อาวุโสจี้ ตอนนี้ท่านตาของข้ากําลังมา ว่าแต่ท่านจักอยู่รอท่านตาข้า หรือจักวิ่งหนีเยี่ยงมุสิกข้ามถนนถูกคนไล่เล่า?”
 
โหยวเฟิงอวี้ หันไปมองจี้อวี่เหนียนด้วยสายตาแหลมคมปานมีสายฟ้าแลบลั่น เอ่ยถามออกมาเสียงเข้มแฝงความเย้ยหยัน
 
“หึ!”
 
และพร้อมๆกันกับที่โหยวเฟิงอวี้วี่กล่าวจบคํา สีหน้าจี้อวี่เหนียนก็มีดลงทันที เสียงพ่นลมสบถอย่างไม่สบอารมณ์ดังขึ้น จากนั้นร่างก็ไปวูบไปโผล่เบื้องหน้าโหยวเฟิงอวี้ราวภูตผี
 
ปงงง!!
 
โหยวเฟิงอวี้ ที่รู้สึกตัวว่าผิดท่า ก็พยายามเร่งเร้าพลังขึ้นมาป้องกันตัวเอง อนิจจานไหนเลยจะไปสู้จี้อวี่เหนียนได้? พลังมิติของอีกฝ่ายสามารถปนนี้ม่านพลังสายลมของมันได้ง่ายดายก่อน จะซัดกระแทกเข้ากลางอกอย่างจัง จนคนตัวปลิวกระเด็นไปไม่เป็นท่า
 
“อั๊คค-”
 
โหยวเฟิงอวี้วี่ที่ร่างปลิวไปไปไม่เป็นท่าราวว่าวสายปานขาด กระอักโลหิตออกปากเป็นสายลากยาวไปกว่า 100 หมี ค่อยขึ้นร่างหยุดลงกลางหาวได้อีกครั้ง! สารรูปแลดูอนาถราวขอทานเฒ่าใกล้ตาย…
 
“จ้าววัง!”
 
พอเห็นโหยวเฟิงอวี้ถูกซัดจนบาดเจ็บสาหัส สีหน้าเหล่าจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนถือก็มีดไปเป็นแถบ พวกมันหันไปมองจี้อวี่เหนียนอย่างไม่พอใจทั้งหวาดระแวง แต่ที่มากกว่าใดอื่นคือความกลัว
 
จี้อวี่เหนียนที่ลอยร่างอยู่ตรงนั้น สีหน้ายังคงเฉยเมยไร้แยแส “ผ่านไปหลายปีดีดัก แต่โหยวเฟิงอี้เจ้ากลับก้าวหน้าแค่เล็กน้อย กระทั่งนังหนูผู้นั้นยังดีกว่าเจ้าเสียอีก!”
 
สิ้นคํากล่าว จี้อวี่เหนียนก็หันไปมองร่างที่สตรีลอยอยู่ไม่ไกล
 
เป็นฉือหย่าชี
 
ได้ยินคําพูดดังกล่าวของจี้อวี่เหนียน ทุกคนพลันตระหนักได้ถึงเรื่องหนึ่งที่แท้จื้อเหนียนมาถึงนานแล้ว! แต่อีกฝ่ายเลือกจะซ่อนตัวหลังม่านเมฆเพื่อชมดูเรื่องราว!!
 
“ทําไม? พวกเจ้าอยากฉะกับข้ารึ?”
 
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือ จี้อวี่เหนียนก็กวาดตามองหน้าพวกมันทุกคพลางกล่าว “หากข้องใจนัก พวกเจ้าก็มัดรวมกันเข้ามาเลยเถอะ!”
 
ต้องบอกเลยว่าจี้อวี่เหนียนนั้นหยิ่งผยองมาก!
 
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าใครขอเพียงสายตาไม่ฝ้าฟาง ย่อมแลเห็นเรื่องหนึ่งชัดเจน
 
อีกฝายมีทุนรองให้หยิ่ง!!
 
“หืม?”
 
ทันใดนั้นเอง จื่อวี่เหนียนที่กวาดตามองท้าจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉืออย่างไม่แสรอบหนึ่ง ก็วกกลับมาหยุดมองยังจักรพรรดิอมตะหอนฟ้าอีกครั้ง ค่อยเลิกคิ้วกล่าวขึ้นว่า “ไม่แปลกใจเลยที่ไฉนข้ารู้สึกคุ้นๆหน้าเจ้าแต่แรกที่เท้าเจ้าคือหมาน้อยที่ติดตามอยู่ข้างกายเจ้า 3 ตาไม่ใช่รึไง?”
 
“แล้วไฉนหมาน้อยเจ้าถึงมาอยู่ร่วมก๊วนกับพวกวังเทียนฉือได้เล่า? ติดตามอยู่กับเจ้า 3 ตา ดีๆไม่ชอบกลับถ่อมาถึงวังเทียนฉือทําอะไร? เจ้ายิ่งมายิ่งเหลวไหลใหญ่แล้ว!”
 
กล่าวจบจี้อวี่เหนียนก็ส่ายหัวไปมา
 
“อาวุโสจี้”
 
โดนจี้อวี่เหนียนตําหนิ ไม่เพียงจักรพรรดิอมตะหอนฟ้า หยางเซี่ยวเทียน จะไม่โกรธ แต่ยังดูลกลี้ลุกลนราวเด็กน้อยทําผิด “ข้ากับพี่ใหญ่ทะเลาะกันเล็กน้อย…ข้าก็เลยออกมาหาที่พักใจบ้างอะไรบ้าง”
 
จักรพรรดิอมตะหอนฟ้าต่อหน้าจี้อวี่เหนียนแล้ว ช่างแลดูเรียบๆร้อยๆไม่น้อย แววตายังฉายความยําเกรงอยู่หลายส่วน
 
จี้อวี่เหนียนคนนี้ ในอดีตมันเคยพบเจออีกฝ่ายหลายครั้งแล้ว แน่นอนว่าทุกครั้งที่เจอเป็นอีกฝ่ายมาหาพี่ใหญ่ของมัน
 
ไม่หยางเจี้ยนไปหาซื้อเหนียน จี้อวี่เหนียนก็มาหาหยางเจียนเพื่อพบปะสนทนา บ้างก็ประมือกันชมดูความก้าวหน้า
 
ตอนแรกก็ไม่ได้เป็นแบบนี้ เป็นพวกมันมีเรื่องมีราวกับจี้อวี่เหนียนจนต้องปะทะไล่ฆ่ากัน แต่ ลังๆมาทั้งคู่ก็ค่อยๆคลี่คลายเรื่องราวความบาดหมาง จนกลับกลายเป็นสหาย
 
จื่อวี่เหนียนคนนี้ ก็เป็นตัวตนที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าหยางเงี่ยนเลย
 
“อ้อ ที่แท้เจ้าหอบข้าวหอบของหนีมานี้ เพราะงอนพี่ใหญ่เจ้างั้นสิ?”
 
อวี่เหนียนหยีตากล่าวอย่างระอา
 
“อาวุโสจี้”
 
ตอนนี้เอง โหยวเฟิงอวี้วี่ที่ถูกจี้อวี่เหนียนซัดจนเจ็บหนัก หลังตบโอสถอมตะเข้าปากกับเดินพลังไม่กี่รอบ ลมหายใจมันก็ค่อยๆฟื้นกลับมาเป็นปกติ สองตามองจ้องไปยังจี้อวี่เหนียนไกลๆ เอ่ยถามออกมาเสียงหนักว่า “ท่านไฉนต้องสอดมือเข้ามาแทรกแซงเรื่องราวภายในของวังเทียนฉือข้าด้วย?”
 
“อ้อ เรื่องนี้เจ้าต้องถามเจ้าตัวเล็กทั้ง 3 นั่นแล้วล่ะ”
 
จี้อวี่เหนียนเอ่ยออกเสียงเบา โดยเฉพาะตอนกล่าวคํา เจ้าตัวเล็ก น้ําเสียงของมันก็อ่อนโยนขี้นมาก ไม่เฉยเมยหัวนแข็งเหมือนก่อนหน้า
 
ได้ยินดังว่า สายตาของโหยวเฟิงอวี้ และคนอื่นๆ ไม่เว้นต้วนหลิงเทียนก็เบนไปตกลงบนร่างของชายหนุ่มหญิงสาวทั้ง 3 ด้านหลังสตรีสะสวยชุดขาวแลดูสูงศักดิ์ไม่ไกลทันที
 
“ฮ่าๆๆๆ!!”
 
และตอนนี้เอง สตรีในชุดทองก็หันหน้าไปมองกล่าวกับหญิงสาวชุดขาวและชายหนุ่มชุดดําข้างกายด้วยเสียงหัวเราะ สองตากลมสดใสดั่งมณียังแลดูสนุกสนานนัก “ไล่ล่ะๆๆ เสี่ยวเฮยเสี่ยวไป ข้าบอกพวกเจ้าแล้วพี่ใหญ่หลิงเทียนจําพวกเราตอนโตไม่ได้หรอกเห็นแล้วรึยังเล่า?”
 
“เอาล่ะๆ เจ้าชนะแล้ว”
 
หญิงสาวในชุดขาวกล่าวออกมาอย่างช่วยไม่ได้
 
เนื่องจากบรรยากาศตอนนี้มันค่อนไปทางตึงเครียดอยยู่บ้าง ทําให้ค่อนข้างเงียบ แม้เสียงของสตรีทั้ง 2 จะไม่ได้ดังอะไรมากมาย แต่ก็ยังดังมากพอเข้าหูทุกคน
 
ทันใดนั้นสายตาของทุกคนไม่เว้น เผยหยวนจี้กับโหยวเฟิงอวี้ ก็เบนมาตกยังร่างต้วนหลิงเทียนทันที
 
เมื่อครู่สตรีชุดทองนั่กล่าวคํา “พี่ใหญ่หลิงเทียน” ออกมาไม่ผิดแน่ และในที่นี้ก็มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ชื่อ “หลิงเทียน
 
“เสี่ยวเฮย? เสี่ยวไป?”
 
ในขณะที่ทุกคนหันมามองต้วนหลิงเทียน ต้วนหลิงเทียนก็กําลังอื้ออึงราวตัวโง่งมอยู่บ้างเพราะเขารู้สึกตกตะลึงกับบทสนทนาระหว่างสตรีทั้ง 2 แล้วจริงๆ
 
เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป..
 
ช่างเป็นชื่อที่คุ้นเคย และทําให้เขาคิดถึงนัก
 
ตอนนี้พอมองไปยังร่างชายหนุ่มหญิงสาวทั้ง 3 อีกรอบ ใจต้วนหลิงเทียนก็สะท้านไปทันใดยิ่งมาก็ยิ่งเต้นไปไม่เป็นจังหวะ “ใช่พวกมันหรือไม่….พวกมัน….ที่แท้…กลับโตขนาดนี้แล้วหรือ?”
ในความทรงจําของต้วนหลิงเทียนนั้น แม้เจ้าตัวน้อยทั้ง 3 ในอดีตจะจําแลงกายเป็นมนุษย์ได้แล้ว แต่ก็ยังอยู่ในรูปลักษณ์เด็กน้อยไม่กี่ขวบอยู่
 
ส่วนทั้ง 3 คนเบื้องหน้า ตอนนี้แลดูเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ไม่ได้แตกต่างไปจากเขาสักเท่าไหร่
 
นอกจากนั้น แรกเห็นทั้ง 3 เขาก็รู้สึกคุ้นเคยทั้งสนิทใจแปลกๆ ยังนึกไม่ออกว่าไฉนถึงได้รู้สึกแบบนั้น…พอมาตอนนี้ ทุกอย่างกระจ่างแล้ว ที่แท้ทั้ง 3 ก็คืออดีตอสรพิษน้อยทั้ง 2 กับเจ้าหนูขนทองแสนซนตัวกลมนั่น!
 
“พี่ใหญ่หลิงเทียน”
 
สุดท้ายก็เป็นชายหนุ่มชุดดําที่ใบหน้าเย็นชาคนแรกที่ปั้นหน้าเข้มต่อไปไม่ไหว เห็นร่างมาหยุดลงเบื้องหน้าตัวนหลิงเทียน ใบหน้าเย็นชาแต่เดิมบัดนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใส สองตากลายเป็น อ่อนโยน ร่างสูงใหญ่ยังสะท้านไปเบาๆ
 
“เสี่ยวเฮย?
 
ตัวนหลิงเทียนมองขึ้นๆลงๆชายหนุ่มชุดดําเบื้องที่สูงเท่าๆเขา แม้จะพอคาดเดาตัวตนอีกฝ่ายได้แล้ว แต่ก็ยังไม่กล้าปักใจเชื่อทั้งหมด ได้แต่เอ่ยถามออกไปเสียงเบา
 
“ข้าเองพี่ใหญ่”
 
ชายหนุ่มชุดดําพอได้ยินถ้วนหลิงเทียนเรียกหาว่า “เสียวเฮย” สองตาก็ทอประกายจ้าแลดูสดใส จากนั้นก็ก้าวออกไปเบื้องหน้ากางมือทั้งสองออก ร่างยังสั่นสะท้านไปด้วยความตื่นเต้น
 
สองตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน ยังเริ่มมีน้ําตาเอ่อคลอ
 
“ฮ่าๆๆๆ เสี่ยวเฮย! เป็นเจ้าจริงๆด้วย!”
 
ต้วนหลิงเทียนก็ไม่รอช้าดึงร่างเสียวเฮยมากอดด้วยความคิดถึง แลดูเสมือนพี่น้องที่พรัดพรากจากกันมานานได้มาพบเจอกันอีกครั้ง กระชับวงแขนแน่น สองตาฉายชัดถึงความตื่นเต้นยินดียากระงับอารมณ์สืบไป
 
นานนักยังเนิ่นนานกว่า 200 ปีแล้ว
 
เขาไม่ได้พบเจอเสี่ยวเฮย เสี่ยวไป และเสี่ยวจินมา 200 กว่าปี
 
บัดนี้เจ้าตัวเล็กในวันวาน เติบโตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว
 

War Sovereign Soaring The Heavens

War Sovereign Soaring The Heavens

Type: Author:
จิตวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธในโลกปัจจุบัน ได้ทะลุข้ามไปยังโลกอื่นรวมเข้ากับความทรงจำของของเด็กหนุ่ม ที่ถูกกลั่นแกล้งตลอดเวลา จนกระทั้งขาดใจตาย การฝึกฝนเทคนิค เก้ามังกรเทพสงคราม จะสามารถกวาดล้างศัตรูได้โดยไม่มีวันแพ้! ขณะที่เขา มีความสามารถในการปรุงยา การสร้างอาวุธ และเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ … ทักษะทั้งหมดนี้ คือวิถีทางแห่งราชันย์!

Options

not work with dark mode
Reset