War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 3510

ตอนที่ 3510 : หลิงเจวี๋ยอวิ๋นท้าหวงเฉวียนอัน
 
ถังซานเปาเป็นไพ่ตายที่ซ่อนอยู่ของวิหารเฟิงฮาวงั้นรี?
 
ตัววตนที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นเทพสงคราม 6 ดารา?
 
พอได้ยินคําของต้วนหลิงเทียน ซูหลี่ก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองถังซานเปา และพอเห็นสีหน้าท่าทีของถังซานเปาที่กําลังมองต้วนหลิงเทียน อารมณ์ความรู้สึกที่อีกฝ่ายส่งออกมา ก็เรียกว่าเปลี่ยนแปลงไปสะท้านสะเทือนแดนดินเลยทีเดียว!
 
เฉกเช่นตอนที่มันเปิดเผยพลังฝีมือระดับเทพสงคราม 5 ดาราเป็นครั้งแรกวันนั้นไม่มีผิด…ไม่เหลือความเฮฮาเหลวไหลอยู่เลย!
 
ปงงง!
 
ทันใดนั้นเองพลันมีเสียงระเบิดดังขึ้นสนั่น ดึงความสนใจของซูหลี่ไปทันที เป็นชื่อหม่ารุ่ยกับจงกุ้ยอวีที่ประลองกันอยู่ หนึ่งในนั้นครองอันดับ 2 ส่วนอีกคนอยู่ในอันดับ 7
 
หากซื้อหม่ารุ่ยชนะ ก็จะยึดครองอันดับ 2 ของจงกุ้ยอวีทันที
 
ด้านต้วนหลิงเทียนหลังจากละสายตาออกมาจากถังซานเปาครู่หนึ่ง เขาก็เลิกสนใจมันสืบไปในใจหวนคืนสู่ความสงบ ดั่งผิวน้ําไร้ระลอกคลื่น
 
เรื่องของถังซานเปา เขาก็ไม่ถึงขั้นเก็บเอามาใส่ใจอะไรนักหนา
 
ถึงแม้เขาจะรู้แล้วว่าอีกฝ่ายคือไพ่ตายใบสุดท้ายของวิหารเฟิงฮ่าว แต่เขาก็ไม่ได้อะไรมากมาย หากกจะกล่าวถามความรู้สึกจริงๆ เกรงว่าคงมีแต่…ความภูมิใจ? จะไม่ให้ภูมิใจได้อย่างไร?
 
ไม่ว่าถังซานเปาจะเข้าหาพวกเขาด้วยสาเหตุอันใด แต่จะมากจะน้อยก็ไม่พ้นเรื่องหยั่งวัดตื้นลึกหนาบางของพวกเขาหรือไง?
 
เรื่องนี้ต่อให้ถังซานเปายืนกรานปฏิเสธ ก็เปล่าประโยชน์!
 
“ชื่อหม่ารุ่ยดูท่าจะไม่รอด…เดี๋ยวก็คงแพ้แล้วล่ะ”
 
ความสนใจของต้วนหลิงเทียนเอง ก็ถูกเสียงอัจฉริยะรอบๆดึงกลับมาให้หยุดที่การประลองอีกครั้ง มองไปก็พบว่าตอนนี้ซื้อหม่ารุ่ยเริ่มตกเป็นรองจงกุ้ยอวี่แล้ว
 
ยิ่งไปกว่านั้นพอตกเป็นรอง จงกุ้ยอวีที่รุกไล่มาต่อไม่ถึงสิบกระบวนท่า ซือหม่ารุ่ยที่ไม่อาจต้านทานรับไหวสืบไป ก็ได้แต่เอ่ยคํายอมแพ้จงกุ้ยอวี่แต่โดยดี “ข้าแพ้แล้ว”
 
เรียกว่าเจริญรอยตามหงหยวนไปติดๆ อัจฉริยะระดับเทพสงคราม 5 ดาราของวิหารเฟิงฮ่าวก็ได้พ่ายแพ้ไปอีกคน
 
จงยอวี่ยังรักษาอันดับที่ 2 เอาไว้ได้
 
“อันดับที่ 6 หลิงเจวี๋ยอวิ๋น”
 
หลังจากที่ชื่อหม่ารุ่ยพ่ายแพ้จงกุ้ยอวี่ เสียงของฉีคงไห้รองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักที่เป็นผู้ดําเนินทั้งกํากับดูแลการประลองศึกอัจฉริยะก็ดังขึ้นอีกครั้ง
 
ทันใดนั้น ความสนใจของอัจฉริยะทั้งหลายก็ละออกจากร่างจงกุ้ยอวี่ที่พึ่งได้ชัย กลับมามองจ้องหลิงเจวี๋ยอวิ๋นทันที
 
และท่ามกลางสายตาของทุกคน หลิงเจวี๋ยอวิ๋น ก็ค่อยๆเห็นร่างขึ้นฟ้าไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน และก่อนจะเดินออกไปมันก็หันกลับมาส่งเสียงผ่านพลังคุยอะไรบางอย่างกับต้วนหลิงเทียน ด้านต้วนหลิงเทียนพอได้ยินก็ยิ้มกล่าวตอบกลับไปว่า “เอาสิ”
 
ฟุบ!
 
จากนั้นร่างหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็วูบหายไปปรากฏกลางฟ้าเหนือสนามประลองในพริบตา
 
“เลือกคู่ต่อสู้ของเจ้าเสีย”
 
กับหลิงเจวี๋ยอวิ๋น สีหน้าของชื่อหม่ารุ่ยก็ผ่อนคลายลงมาก ไม่แลดูขึงขังจริงจังเหมือนตอนพูดกับชื่อหม่ารุ่ยและหงหยวน
 
และแทบจะทันทีที่เสียงกล่าวของฉีคงไห้ดังจบคํา เสียงพูดเฉยเมยไม่แสของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ดังให้ทั่วสนามประลองได้ยินกันชัดถ “หวงเฉวียนอัน”
 
วาจา 3 พยางค์สั้นๆ ทําให้สนามประลองที่เต็มไปด้วยเสียงสนทนาพร้อมใจกันเงียบลงทันที!
 
หวงเฉวียนอัน!
 
หลังผ่านไปสักพัก เหล่าอัจฉริยะทั้งหลายก็ได้สติกลับคืน
 
บางคนหลังคืนสติแล้วก็ถึงกับลุกขึ้นยืน ก่อนจะโพล่งออกมาด้วยความประหลาดใจ “อะไร?! หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกล่าวท้าหวงเฉวียนอันงั้นเหรอ?!”
 
“ให้ตายเถอะ! หลิงเจวี๋ยอวิ๋นมั่นใจจริงๆหรือยังไง? หรือใช่อยากลองสัมผัสพลังของหวงเฉวียนอันอีกคน?”
 
“ยังต้องถามอีกหรือไง? หวงเฉวียนอันนั่นมันเชี่ยวชาญกฏเวลาถึงขั้นใช้แปรเปลี่ยนในหนึ่งห้วงคิดได้ หากไม่ใช่เพราะอยากรู้ว่าเป็นอย่างไรมันจะท้าหวงเฉวียนอันที่สมควรไร้พ่ายใต้เทพสงคราม 6 ดาราทําอะไร? เพราะสุดท้ายอย่างไรก็ต้องแพ้!”
 
“เป็นไปได้หรือไม่..ที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นผู้นี้จะเป็นเทพสงคราม 6 ดารา?”
 
“ไม่หรอก มันไม่ได้ท้าเพราะคิดอยากจะเอาชนะแน่นอนไม่พ้นอยากสัมผัสพลังของแปรเปลี่ยนในหนึ่งห้วงคิดกับตัวอีกคนมากกว่า!”
 
จังหวะนี้ไม่เพียงแต่เหล่าอัจฉริยะที่ลิ้งเพราะหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกล่าวท้าหวงเฉวียนอัน กระทั่งเหล่าจักรพรรดิสวรรค์ ไม่เว้นคนของวิหารเฟิงฮ่าวบนเกาะลอยเหนืออัฒจันทร์ทิศต่างๆยังอดแปลกใจไม่ได้
 
จากความแข็งแกร่งที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นเผยออกก่อนหน้า ทุกคนย่อมทราบว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นนับเป็นชนชั้นยอดฝีมือในบรรดาเทพสงคราม 5 ดารา…
 
อย่างไรก็ตาม พลังของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ยังมีจํากัด
 
นอกจากนั้นการลงมือก่อนหน้าของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ความเป็นไปได้ที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นจะซ่อนพลังอยู่ก็น้อยนิดนัก
 
แต่น้อยก็ไม่ใช่ว่าไม่มี เช่นนั้นที่แท้หลิงเจวี๋ยอวิ๋นเป็นเทพสงคราม 6 ดาราจริงๆ
 
หรือทั้งหมดก็แค่อยากทดสอบพลังอํานาจของหวงเฉวียนอัน?!
 
“เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
 
“มองไม่ออก..รอดูชมไปเถอะ”
 
จักรพรรดิสวรรค์หลายคนเริ่มถามความเห็นกัน แต่ส่วนมากก็พากันส่ายหัว ไม่กล้าชี้ชัด
 
เหล่าจักรพรรดิสวรรค์ย่อมระวังมาดตัวเองเสมอ ยังมีใครกล้าฟันธงส่งเดช? เพราะหากพูดผิด ไม่ใช่เป็นการตบหน้าตัวเองหรือไร?
 
“หลิงเจวี๋ยอวิ๋นผู้นี้ซ่อนอยู่ลึกนัก!”
 
จ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาเฟิงชิงเทียน อากู้โม่ ยอดฝีมือระดับเทพสงคราม 8 ดารา มองหลิงเจวี๋ยอวิ๋นอีกครั้งวันนี้ มันก็อดส่ายหัวพลางถอนหายใจไม่ได้
 
“ทุกคนเอาแต่พูดว่าต้วนหลิงเทียนกับซุหลี่นั้นมีพรสวรรค์สูงมาก อายุไม่ถึง 700 ปีก็ประสบความสําเร็จเลิศล้ําได้ขนาดนี้ แต่พวกมันคงไม่เคยคิดเคยฝัน ว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นคนนี้ก็มีอายุ ไม่ถึง 700 ปีเช่นกัน!”
 
อากู้โม่ลอบทอดถอนอยู่ในใจ “ข้าอากู้โม่ สามารถพาอัจฉริยะระดับนี้มาเข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์ในนามวิหารเชิงฮ่าวสาขาเฟิงชิงเทียนได้ นับว่าไม่เสียชาติเกิดแล้ว”
 
ในอดีตอัจฉริยะที่มากพรสวรรค์ที่สุดที่ข้าเคยยพามาเข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์ เต็มที่ก็เป็นแค่เทพสงคราม 5 ดาราทั่วไปเท่านั้น แถมยังมีไม่กี่คน…”
 
“ผู้ที่ทรงพลังอย่างหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ซึ่งจะมีเป็นคนแรก
 
“แค่ไม่ทราบว่ามันเป็นเทพสงคราม 6 ดารารึเปล่า…หากใช่ ข้าอากู้โม่ก็มีเรื่องให้คุยไปชั่วชีวิตแล้ว!”
 
สายตาที่อากู้โม่ใช้มองหลิงเจวี๋ยอวิ๋นยิ่งมาก็ยิ่งเปล่งประกายเจิดจ้า
 
และลึกลงไปในประกายตาเจิดจ้าของมัน ยังมากล้นไปด้วยความคาดหวัง!
 
ฟุบ!
 
ท่ามกลางสายตาของทุกผู้คน หวงเฉวียนอันก็ลุกออกจากที่นั่งก่อนจะเห็นร่างไปหยุดลอยเผชิญหน้ากับหลิงเจวี๋ยอวิ๋น มันที่แลดูไม่โดดเด่นอะไร บัดนี้ก็มองจ้องหลิงเจวี๋ยอวิ๋นด้วยสายตาจริงจัง เห็นได้ชัดว่ามันไม่กล้าดูเบาคู่ต่อสู้
 
“การต่อสู้รอบนี้…ข้าสังหรณ์ว่ามันอาจจะเป็นการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นที่สุดในศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้!”
 
เหล่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์ทั้งหลายพากันจับจ้อง 2 ร่างที่เผชิญหน้ากันกลางอากาศไม่วางตา ทําราวกับพวกมันกลัวว่าจะพลาดชมฉากเรื่องราวอันน่าตื่นเต้นไป
 
“น้องฟงท่าน…”
 
ติงฟู จักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนอดไม่ได้ที่จะหันไปกล่าวถามฟงชิงหยางข้างๆ “เจ้าหนุ่มหลิงเจวี๋ยอวิ๋นนั่นดูเหมือนจะเป็นสหายของศิษย์หลานต้วน เช่นนั้นท่านสมควรรู้จักมันดีใช่หรือไม่? ท่านว่ามันมีโอกาสชนะหรือไม่?”
 
ได้ยินคําถามของตงฟู ฟงชิงหยางได้แต่ส่ายหัวไปมาเบาๆ “ถึงเจ้าหนูนี่จะเป็นเพื่อนของเสี่ยวเทียน…แต่ข้าไม่เคยพบเจอหรือสนทนากับมันเลย”
 
“จะอย่างไรก็ตาม ลองมันกล้าท้าหวงเฉวียนอันแบบนี้ เห็นชัดว่ามันสมควรมั่นใจในพลังฝีมือของตัวเองไม่น้อย”
 
“แต่เป็นธรรมดาว่าไม่แน่ก็อาจเป็นเหมือนที่หลายๆคนพูดกัน มันอาจรู้ตัวดีว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหวงเฉวียนอัน ที่ท้าทายหวงเฉวียนอันก็แค่อยากรับทราบช่องว่างระหว่างมันกับผู้อื่นเขา สุดท้ายแล้วต่อให้มันแพ้พ่ายหวงเฉวียนกันไป ก็มิได้ส่งผลกระทบอะไรกับมันมาก”
 
ถึงแม้การที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นพ่ายแพ้หวงเฉวียนอัน จะทําให้ไม่อาจท้าทายหวงเฉวียนอันได้อีกรอบ
 
แต่สถานการณ์มันก็ไม่ได้แตกต่างจากการไม่ท้าหวงเฉวียนอันมากนัก
 
แน่นอนว่าการท้าทายหวงเฉวียนอันอาจไม่ใช่แค่แพ้พ่าย แต่เป็นไปได้ว่าจะบาดเจ็บจนส่งผลสืบเนื่องต่อการท้าสู้ไต่อันดับหลังจากนี้
 
ดังนั้นสําหรับอัจฉริยะรุ่นเยาว์คนอื่นๆที่มีพลังระดับเทพสงคราม 5 ดารา เมื่อรู้ว่าไม่มีทางเอาชนะหวงเฉวียนอันได้ ก็เลือกที่จะไม่ท้าประลองเพื่อแส่หาเรื่องเจ็บตัว..
 
ตอนนี้เมื่อหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกล้าท้าหวงเฉวียนอัน ไม่ต้องกล่าวถึงผลแพ้ชนะ แต่อย่างน้อยๆหลายคนก็ชื่นชมความกล้าหาญของมันแล้ว
 
“เจ้าลงมือเถอะ”
 
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นเหลือบมองหวงเฉวียนอันด้ววยสายตาไม่แยแส เอ่ยออกเสียงเบา “มิฉะนั้นข้าเกรงว่า เจ้าจะไม่มีโอกาสได้ลงมือ”
 
ไม่มีใครคิดใครผัน ว่าการเผชิญหน้ากันระหว่างหลิงเจยอนกับหวงเฉวียนอัน จะเป็นหลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่ริเริ่มกล่าวคําออกมาก่อน แถมยังพูดออกมาทํานองดังกล่าวอีกด้วย!
 
เรียกว่าสร้างความตกตะลึงให้กับผู้คนไม่น้อย
“หลิงเจวี๋ยอวิ๋นผู้นี้ช่างคุยโวเขื่องโขเสียจริง!”
 
“มันช่างกล้าหาญนัก! เอาเรื่องแท้!!”
 
“ปากมันพูดคําโตแบบนั้น แต่ฝีมือมันจะดีอย่างปากเปล่า?”
 
ได้ยินคําวาจาคําโตโอหังของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น หลายคนได้แต่มองชมด้วยความสงสัย
 
ความแข็งแกร่งของหวงเฉวียนอันสูงต่ําแค่ไหน ทุกคนรับทราบกันแล้ว พลังอํานาจของกฎแห่งเวลานั้นยอดเยี่ยมสมคําร่ําลือจริงๆ ยากจะหากฏใดเปรียบเทียบกับความอัศจรรย์ของมันได้ โดยเฉพาะแปรเปลี่ยนในหนึ่งห้วงคิดนั่น ทําให้หลายคนที่เห็นอดหนังศีรษะขาหนีบไม่ได้จริงๆ
 
แม้หลิงเจวี๋ยอวิ๋นคนนี้จะเคยเผยพลังฝีมืออันเข้มแข็งเทียบได้กับเทพสงคราม 5 ดาราชนชั้นยอดฝีมือ แต่ในแง่พลังสะกดข่มแล้ว เกรงว่ายังไม่สู้หวงเฉวียนอัน!
 
กลวิธีการลงมือของหวงเฉวียนอันนั้นร้ายกาจและน่าตกใจเกินไป
 
“ดี!”
 
อย่างไรก็ตาม ไม่เหมือนอัจฉริยะที่ชมดูอยู่บนอัฒจันทร์ที่คลางแคลงสงสัยวาจาของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น หวงเฉวียนอันในฐานะคนที่กําลังเผชิญหน้ากับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นอยู่ แม้จะเจอคําพูดเขื่องโขของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น แต่สีหน้าท่าทีของมันก็บอกชัดว่ายึดถือเป็นจริงจังไม่กล้าละเลย
 
ครูต่อมาพลังทั่วร่างมันก็ปะทุขึ้น จากนั้นก็อ้าปากพนพลังขุมหนึ่งออกมา พลังดังกล่าวยังแผ่ไปปกคลุมที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นรวมถึงอาณาบริเวณโดยรอบทันที
 
ในสายตาของทุกคน เมื่อพลังขุมดังกล่าวแผ่มาปกคลุมหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับพื้นที่โดยรอบแล้ว ไม่เพียงแต่ร่างของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นจะหยุดนิ่ง กระทั่งชุดคลุมที่โบกสะบัดตามแรงลมก็กลายเป็นนิ่งค้าง ไม่สะบัดอีกต่อไป ราวกับคนทั้งคนถูกแช่แข็งไปพร้อมๆกับห้วงเวลาถูกหยุดเวลาก็ว่า!
 
อันที่จริงก็เป็นเช่นนั้น!
 
ซัว! ซัว!
 
ในขณะที่ร่างกายของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นแน่นิ่งไป หวงเฉวียนอันก็เร่งลงมือจู่โจมต่อเนื่อง ลูกตาแต่ละข้างของมันเปล่งแสงจ้า ยิ่งพุ่งลําแสง 2 สายพุ่งเข้าใส่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นทันที!
 
ฉากเรื่องราวดังกล่าวสะท้านใจผู้คนไม่น้อย เพราะพวกมันคุ้นเคยกับฉากนี้ดี!
 
“แปรเปลี่ยนในหนึ่งห้วงคิด!”
 
การลงมือจู่โจมของหวงเฉวียนอัน เห็นได้ชัดว่าเป็นกระบวนท่าพิชิตชัยอย่างแท้จริง เพราะกระบวนท่านี้ทําให้อวี๋ตงฟางกับจงกุ้ยอวสิ้นท่าอย่างที่ไม่อาจทําอะไรได้มาแล้ว!
 
“หลิงเจวี๋ยอวิ๋นจะต้านทานได้หรือไม่?”
 
หลายคนจับจ้องหลิงเจวี๋ยอวิ๋นตาเขม็ง และทุกคนเห็นกันชัดเจนว่าตอนนี้หลิงเจวี๋ยอวิ๋นถูกพลังแห่งเวลากักขังเอาไว้โดยสมบูรณ์ ไม่อาจขยับเขยื้อนได้แม้แต่ปลายนิ้ว
 
“ไม่อาจหลีกหลบ! โดนเต็มๆแน่!”
 
“หากโดนแสงพลังนั่น มันก็สิ้นท่าทันที!”
 
“หลิงเจวี๋ยอวิ๋นจะแพ้แล้วรึ?”
 
ในขณะที่ใจของทุกคนกําลังเต้นระส่ำ แปรเปลี่ยนในหนึ่งห้วงคิดของหวงเฉวียนอันก็พุ่งหายเข้าไปในร่างหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเป็นที่เรียบร้อย และร่างกายหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็เริ่มขยับเขยื้อนอีกครั้ง
 
“มันจบแล้วล่ะ…”
 
“หลิงเจวี๋ยอวิ๋นแพ้แน่”
 
ในขณะที่คนส่วนใหญ่รู้สึกว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นต้องพ่ายแพ้แน่แล้ว มีเพียงต้วนหลิงเทียนกับคนไม่กี่คนเท่านั้นที่สองตาเป็นประกายจ้า
 
ด้านหวงเฉวียนกันเอง สีหน้าท่าที่เคร่งขรึมจริงจังของมันไม่เพียงแต่จะไม่ผ่อนคลาย แต่ยังเปลี่ยนไปเป็นอึมครึมทันที
 
“หืม? นี่มันยังไงกันแน่?”
 
ตอนนี้เองหลายคนค่อยได้สติกลับมาอีกครั้ง เพราะพวกมันค้นพบเรื่องหนึ่ง “พวกเจ้าเห็นหรือไม่…หลิงเจวี๋ยอวิ๋นไม่มีทีท่าว่าจะแก่ตัวลงเลย?”
 
“เกิดอะไรขึ้น?”
 
“ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ตอนอวี๋ตงฟางกับจงกุ้ยอวี่ พอโดนแสงที่พุ่งออกจากลูกตาของหวงเฉวียนอันเข้าไป แต่ละคนก็เริ่มเปลี่ยนเป็นชายชราแก่หง่อมรีไร แต่ไฉนหลิงเจวี๋ยอวิ๋นถึงไม่เปลี่ยนแปลงเลยล่ะ เห็นได้ชัดว่าโดนพลังของหวงเฉวียนอันเข้าไปแล้วนี่?”
 
“พวกเจ้าดูนั่นสีตาของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น มันเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนไหนกัน?!”
 
ในขณะที่ทุกคนกําลังตกใจเพราะหลิงเจวี๋ยอวิ๋นไม่แก่ตัวลง บางคนที่มีสายตาแหลมคมก็พบว่า บัดนี้ดวงตาของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นได้เปลี่ยนไปแล้ว แถมยังเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานปานก้อนเลือด ไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกใดๆ!
 
Related

War Sovereign Soaring The Heavens

War Sovereign Soaring The Heavens

Type: Author:
จิตวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธในโลกปัจจุบัน ได้ทะลุข้ามไปยังโลกอื่นรวมเข้ากับความทรงจำของของเด็กหนุ่ม ที่ถูกกลั่นแกล้งตลอดเวลา จนกระทั้งขาดใจตาย การฝึกฝนเทคนิค เก้ามังกรเทพสงคราม จะสามารถกวาดล้างศัตรูได้โดยไม่มีวันแพ้! ขณะที่เขา มีความสามารถในการปรุงยา การสร้างอาวุธ และเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ … ทักษะทั้งหมดนี้ คือวิถีทางแห่งราชันย์!

Options

not work with dark mode
Reset