Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 132 ผู้คนต่างกำลังวิพากษ์วิจารณ์และตื่นตระหนก

บทที่ 132 ผู้คนต่างกำลังวิพากษ์วิจารณ์และตื่นตระหนก

มองดูท่านหลงที่มีสีหน้าเคร่งขรึม

ถึงแม้จะไม่ได้รับคำตอบกลับมา แต่แววตาที่ท่านหลงแสดงออกมานั้น ก็พอจะให้คำตอบกับหลี่หลานได้

ดวงตาของหลี่หลานเริ่มเป็นสีแดง

หลายปีมานี้ ความพยายามของลูกชาย เธอเห็นด้วยตาตัวเองทั้งหมด

ตลอดระยะเวลาสามปี เริ่มตั้งแต่เป็นนักศึกษาจบใหม่ มานะบากบั่นจนกระทั่งได้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธาน นี่ก็เพียงพอที่จะยืนยันได้ถึงความสามารถที่ลูกชายของเธอมี

ถ้าหากได้มองเห็นแสงสว่างแล้ว แต่สุดท้ายต้องกลับเข้าไปอยู่ในความมืดมิดอีกครั้ง

ถึงแม้ตัวเธอเองจะเป็นแม่ของเฉินตง แต่ก็ไม่กล้าจินตนาการเลยว่า สิ่งนี้จะทำร้ายเฉินตงหนักหนาสาหัสเพียงใด

สำหรับคนเป็นแม่แล้ว ใครจะไม่นึกสงสารลูกชายตัวเองบ้าง ?

ทันใดนั้น ก็มีความคิดที่บ้าบิ่นเกิดขึ้นในสมองของหลี่หลาน

เธอพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม : “ท่านหลง ฉันอยากกลับไปตระกูลเฉิน !”

“คุณผู้หญิง ไม่ได้นะครับ !” ท่านหลงหน้าถอดสีทันที

หากให้หลี่หลานกลับตระกูลเฉินตอนนี้ ก็เท่ากับเป็นการเติมเชื้อไฟให้กับเรื่องนี้โดยไม่ต้องสงสัย

ท่านหลงรีบพูดอธิบายว่า : “คุณผู้หญิงลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นไปแล้วหรือครับ ?”

หลี่หลานผงะไป จากนั้นจึงยกมือขึ้นตบหัวตัวเอง : “ฉัน ฉันเองก็ร้อนใจเสียจนเลอะเลือนไปแล้ว คุณหญิงใหญ่นั่น อยากจะเห็นฉันกับตงเอ๋อตายอยู่แล้ว ต่อให้ฉันกลับไป ก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น”

ยิ่งพูดยิ่งร้อนใจ มีน้ำตาเอ่อล้นในดวงตาของเธอ : “แล้วตอนนี้ควรจะทำอย่างไรกันแน่ ? ฉันพอจะทำอะไรเพื่อตงเอ๋อได้บ้าง ?”

“แม่……”

ทันใดนั้นก็มีเสียงที่ฟังดูอบอุ่นดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง

หลี่หลานสะดุ้ง หันกลับไปมองเห็นเฉินตงและคุนหลุนกำลังยืนอยู่ด้านนอกห้องรับแขก

“ตงเอ๋อ……”

เฉินตงเดินเข้ามาในห้องรับแขก แล้วสวมกอดหลี่หลาน จากนั้นจึงตบหลังของหลี่หลานเบาๆ

เหมือนกับตอนที่เขายังเด็ก เวลาที่เขารู้สึกกลัว แม่ก็จะคอยปลอบโยนเขาเช่นนี้เหมือนกัน

เขายิ้มพลางพูดว่า : “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมจัดการได้แน่นอน แม่ไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้สิ่งเดียวที่แม่ควรทำก็คือดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีๆ”

“แต่ว่า……” อารมณ์ของหลี่หลานค่อยๆ สงบลงเล็กน้อย

“ดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี แม่ยังต้องรออุ้มหลานอีกนะครับ”

เฉินตงยิ้มอย่างเบิกบาน แววตาแน่วแน่มั่นคง : “แม่สามารถแบกรับผืนฟ้าทั้งผืนเพื่อให้ผมเติบโตขึ้นมาได้ จนตอนนี้ผมสามารถชูผืนฟ้านี้ได้ด้วยตัวของผมเองแล้ว !”

หลี่หลานนิ่งเงียบไป หันมองเฉินตงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อน

ครู่หนึ่ง

เธอถึงจะเงยหน้าขึ้นมา แล้วยิ้มอย่างเศร้าหมอง : “จริงสิ ตงเอ๋อโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว”

“ทานข้าวค่ะ”

ตอนนี้เอง ฟ่านลู่เดินออกมาจากในครัว

“แม่ ทานข้าวก่อนเถอะครับ”

เฉินตงร้อนใจมาก มากกว่าใครทั้งหมด แต่เห็นสภาพของแม่ในตอนนี้ เขาจึงจำเป็นต้องแสดงท่าทีที่สงบออกมา

หลังจากที่พยายามข่มอารมณ์กินข้าวกับคนในครอบครัวจนเสร็จ เฉินตงก็ออกมาจากบ้านพร้อมกับคุนหลุน

ทันทีที่ขึ้นรถ สีหน้าของเฉินตงก็เคร่งเครียดในทันที เขาพูดกับคุนหลุนว่า : “รีบไปที่บริษัทให้เร็วที่สุด !”

……

ที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง ตอนนี้กำลังเป็นเวลาเข้างานพอดี

พนักงานต่างมารวมตัวกันด้วยความตื่นตกใจ

ข่าวเพียงแค่ข่าวเดียว กลับมีพลังอันมหาศาล จนทำให้พนักงานทั้งหมดของไท่ติ่งเกิดความโกลาหลขึ้นได้

ไม่มีใครคาดคิดเลยว่า ขณะที่เมื่อวานทุกคนต่างวุ่นวายอยู่กับการเปิดขายล่วงหน้า และปรึกษากันเรื่องจัดงานเลี้ยงฉลองว่าควรจะจัดอย่างไรหลังจากการขายสิ้นสุดลง

แต่เช้าตรู่วันนี้ แค่ลืมตาขึ้นมา กลับพบว่าฟ้าถล่มลงมาแล้ว !

“พี่เสี่ยวหม่า เฉินตงจะมาเมื่อไหร่ ? เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ จะเอายังไงกันดีล่ะ ?”

“ฉันเองก็แทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว แค่หลับไปตื่นเดียว ทำไมจู่ๆ ยี่เคอ กรุ๊ปประกาศระงับโครงการชั่วคราวเสียแล้ว ?

การระงับโครงการชั่วคราวในครั้งนี้ ไม่รู้ว่าจะเริ่มดำเนินการต่อเมื่อไหร่กัน ?”

“เหลวไหล ! คำแก้ตัวของบริษัทใหญ่ๆ หากพูดว่าระงับชั่วคราวก็หมายความว่าไม่มีอีกแล้ว เพียงแค่พูดให้สละสลวยเท่านั้น ตอนนี้สิ่งที่เราควรจะคำนึงถึงก็คือความรู้สึกของลูกค้าที่เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกของเมืองเหล่านั้น รวมไปถึงราคาของอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกว่าจะยังทรงตัวได้อยู่หรือจะตกฮวบ !”

……

คำว่า “ตกฮวบ” ที่พนักงานคนหนึ่งพูดออกมา ทำให้ทุกคนต่างยืนนิ่งไปในทันที

ราคาของอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกสูงขึ้น เพราะอาศัยปัจจัยจากข่าวที่ยี่เคอ กรุ๊ปประกาศจะเข้ามาปักหลักในเมืองนี้ตั้งแต่ต้น

แต่ตอนนี้เมื่อมีข่าวออกมาว่ามีการระงับโครงการชั่วคราว ราคาของอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกจะต้องเกิดความผันผวนอย่างหนักแน่นอน

เพราะเดิมทีภาคตะวันตกของเมืองเองก็ไม่ได้รับความนิยมจากคนในพื้นที่อยู่แล้ว

ตอนที่มีข่าวว่ายี่เคอ กรุ๊ปจะเข้ามาปักหลัก ทำให้ทุกคนต่างกระตือรือร้น

ส่วนตอนนี้ หลังจากที่ทุกคนต่างก็สงบลงแล้ว พวกเขาจะมีทัศนคติอย่างไรต่อภาคตะวันตกล่ะ ?

ตอนนี้เอง

มีคนสองคนปรากฏตัวขึ้นที่ประตูบริษัท

ในขณะเดียวกัน ก็มีเสียงที่ฟังดูสงบนิ่งเสียงหนึ่งดังขึ้น

“เช้าตรู่นี่ งานที่รับผิดชอบอยู่ในมือทำเสร็จกันแล้วหรือยัง ?”

ทันใดนั้นเอง ทุกสายตาต่างก็หันไปจับจ้องที่เฉินตง

“พี่ตง ในที่สุดคุณก็มาเสียที !”

เสี่ยวหม่ารีบเข้าไปต้อนรับ

เฉินตงจ้องมองเสี่ยวหม่า : “มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ตั้งแต่เช้าทำไม การเปิดขายล่วงหน้าของทั้งสามตึกในภาคตะวันตกยังจัดการไม่เรียบร้อย พาทุกคนกลับไปทำงานเร็วเข้า !”

น้ำเสียงฟังดูเย็นชา ไม่ได้อ่อนโยนเหมือนปกติ

นี่ทำให้เสี่ยวหม่าผงะไป แต่ก็ยังคงหันกลับไปเรียกทุกคนให้ไปกลับไปทำงาน

ขณะที่พนักงานแต่ละคนแยกย้ายกลับไปประจำที่ของตนเอง ต่างก็แอบมองไปที่เฉินตง

เมื่อเห็นเฉินตงเดินเข้าไปในห้องทำงานด้วยท่าทีที่สงบ ทำให้ทุกคนรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก

ฟ้าถล่มลงมาขนาดนี้แล้ว เจ้านายยังสงบอยู่เช่นนี้ได้อีกหรือ ?

“พี่เสี่ยวหม่า หรือว่าประธานเฉินจะรู้เรื่องนานแล้ว และได้เตรียมวิธีรับมือเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ?” พนักงานคนหนึ่งที่สนิทสนมกับเสี่ยวหม่าเอ่ยถาม

ตั้งแต่เฉินตงรับผิดชอบหน้าที่ดูแลบริษัท ก็เกิดวิกฤตต่อเนื่องกันถึงสองครั้ง แต่เฉินตงก็สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย

ภาพลักษณ์ของเฉินตงที่ปรากฏอยู่ในใจของเหล่าพนักงานนั้น ถือว่าเพิ่มขึ้นไปอยู่ในระดับที่สูงมาก

ทุกครั้งที่เห็นเฉินตงมีท่าทีที่สงบเยือกเย็น ก็เหมือนกับมีเสาหลักคอยค้ำจุนอยู่ ทำให้รู้สึกว่าเรื่องต่างๆ อาจไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น

เสี่ยวหม่าเองก็ยังรู้สึกสงสัยอยู่ในใจ เขาเกาหัว : “ก็คงจะเป็นเช่นนั้น ?”

น้ำเสียงที่ไม่มั่นใจนัก แต่กลับสร้างความมั่นใจให้แก่พนักงานได้ ไม่ช้าพนักงานก็กลับเข้าไปทำงานในตำแหน่งของตน

ภายในห้องทำงาน

เฉินตงนั่งอยู่บนเก้าอี้ เขาดึงผมของตนเองไม่หยุดด้วยความสิ้นหวัง

เขารู้ดีว่าเจ้าของบริษัทก็เป็นเหมือนเสาหลักของบริษัท

เขารู้ดีว่าหากตนเองแสดงท่าทีตื่นตระหนกออกมาต่อหน้าพนักงานแล้วล่ะก็ ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถจัดการกับปัญหาได้เท่านั้น แต่จะยิ่งส่งผลกระทบต่อทั้งบริษัทด้วย

ดังนั้นเมื่อครู่ขณะที่เขาเดินเข้ามา จึงต้องแสร้งทำท่าทีสงบ

ที่ทำท่าที่เฉยเมยต่อเสี่ยวหม่า เป็นเพราะต้องการลดเวลาที่จะต้องพูดอธิบายกับทุกคนให้น้อยลง ซึ่งอาจจะเพิ่มความเสี่ยงที่ทุกอย่างจะถูกเปิดเผยออกมา

ตอนนี้ในห้องทำงานมีเพียงแค่เขากับคุนหลุน จึงสามารถแสดงความวิตกกังวลออกมาได้

เฉินตงถูใบหน้าของเขา แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า : “คุนหลุน เวลาที่มีคนเอาดาบมาจ่อคอนาย นายจะทำอย่างไร ?”

คุนหลุนตอบว่า : “ฆ่ามันให้ตายครับ !”

เฉินตงนิ่งไป จากนั้นจึงยิ้มออกมาอย่างหมองเศร้า

ด้วยพลังการต่อสู้ของคุนหลุนแล้ว ต่อให้มีคนเอาดาบมาจ่อที่คอของเขา เขาก็สามารถโต้กลับได้อย่างง่ายดาย

แต่เขาทำไม่ได้ !

ครั้งนี้ คนที่เขาต้องเผชิญหน้าคือคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน !

การฆ่าให้สิ้นซากครั้งนี้ ก็เท่ากับทำให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งฟ้าถล่มลงมาจริงๆ เป็นการจัดการเขาแบบถอนรากถอนโคน

แล้วเขาควรโต้กลับเช่นไรดี ?

ขณะที่เฉินตงกำลังเป็นกังวลและยังไม่สามารถจัดการกับสถานการณ์ได้

เมืองทั้งเมืองก็กำลังมีพายุลูกใหญ่ก่อตัวขึ้น

นี่คงจะเป็นสิ่งที่สามารถบรรยายได้เหมาะสมที่สุดถึงความสงบก่อนที่จะเกิดพายุใหญ่ขึ้น

เพราะว่า ในขณะที่มีการรายงานข่าวนั้น ทุกคนต่างไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ ต่างก็นิ่งไปกันหมด

ภายในชั่วพริบตา บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งและโครงการปรับปรุงย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมือง ก็ถูกผลักให้ขึ้นไปเผชิญกับพายุพร้อมกัน

เรื่องสำคัญที่แทบจะทุกคนนำมาพูดคุยกันในตอนนี้ก็คือเรื่องนี้

ถ้าไม่ใช่เพราะยี่เคอกรุ๊ปเตรียมที่จะเข้ามาปักหลักในเมืองนี้ ราคาอสังหาริมทรัพย์ทางภาคตะวันตกของเมืองไม่มีทางสูงขึ้นได้ และไม่มีทางที่จะมีผู้ซื้อจำนวนมากมายขนาดนั้น เข้าไปแย่งซื้ออสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกอย่างแน่นอน

แต่ตอนนี้ ยี่เคอ กรุ๊ปได้ระงับโครงการแล้ว บรรดาผู้คนที่นิ่งสงบลง ต่างก็กำลังนึกย้อนไปถึงสภาพอันน่ารังเกียจของภาคตะวันตกในอดีต

ในขณะเดียวกันนี้

มีคนกลุ่มใหญ่กำลังไปรวมตัวกันอยู่ที่หลงถิงฮัวหยวนซึ่งอยู่ด้านหน้าตึกทั้งสามที่มีการเปิดขายไปล่วงหน้า

ใบหน้าของคนเหล่านี้เต็มไปด้วยความโมโห พวกเขาพุ่งตรงเข้าไปภายในจุดศูนย์กลางที่ทำการขายอสังหาริมทรัพย์ทั้งสี่แห่งด้วยความโกรธ……

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset