Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 135 อีกสามวัน คืนบ้าน !

กูหลังหน้าถอดสี

มีประกายของความดุดันฉาบขึ้นในแววตาทันที จากนั้นจึงเดินจ้ำอ้าวไปยังประตูใหญ่

“หยุดเดี๋ยวนี้ !”

เฉินตงตะโกนด้วยความโมโห

“คุณเฉิน……”

กูหลังหันกลับไป กำลังจะอธิบาย แต่เมื่อสบตากับเฉินตง เขาก็รีบกลืนคำพูดกลับลงท้องไปในทันที

ตอนนี้บนใบหน้าของเฉินตงเต็มไปด้วยเลือด

แต่เขากลับไม่แสดงอาการเจ็บปวดออกมาแม้แต่น้อย เขาทำสีหน้าเย็นชา ในแววตาดูลึกล้ำและสงบกว่าปกติ

แววตาเช่นนี้ ต่อให้เป็นกูหลังก็ยังรู้สึกเสียวสันหลัง

ภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า ทำให้บรรดาผู้ซื้อที่กำลังแตกตื่นต่างก็สงบลงไปด้วยเช่นกัน

“ทุกท่าน ยี่เคอ กรุ๊ปประกาศระงับแผนการที่จะเข้ามาปักหลักในเมืองนี้ เป็นสิ่งที่ผมเองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน เรื่องนี้ส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อเมืองนี้ อีกทั้งยังทำให้ทุกท่านต้องคอยเป็นกังวลว่า เงินที่ทุกท่านหามาได้อย่างยากลำบากนั้น จะเกิดความเสียหายขึ้นหรือไม่”

น้ำเสียงของเฉินตงสงบนิ่ง แต่กลับพยายามตะโกนให้เสียงดัง เพื่อให้ทุกคำพูดทุกตัวอักษร ดังเข้าไปในหูของทุกคนอย่างชัดเจน

“สำหรับเรื่องนี้แล้ว ในฐานะที่ผมเป็นเจ้าของไท่ติ่ง ผมเองต้องขออภัยทุกท่านเป็นอย่างสูง ผมขอเป็นตัวแทนของพนักงานในไท่ติ่งทุกคน กล่าวขอโทษทุกท่านไว้ ณ ที่นี้ด้วย !”

เฉินตงพูดพลาง โน้มตัวคำนับ

ภาพที่เห็น ทำให้กูหลังและบรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปิดภัย ต่างมีความรู้สึกที่ซับซ้อน

ประธานบริษัท ต้องถูกบังคับให้โค้งคำนับเพื่อกล่าวขอโทษต่อหน้าสาธารณชน นี่มันช่างน่าขมขื่นแค่ไหนกัน ?

ยิ่งไปกว่านั้น อย่างน้อยในสายตาของคนทั่วไป เรื่องของยี่เคอ กรุ๊ป อันที่จริงแล้วก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับไท่ติ่ง อีกทั้งไท่ติ่งเอง ก็ถือเป็นผู้เสียหายด้วย

ตอนนี้ภาพที่ปรากฏคือ ผู้เสียหายคนหนึ่ง กำลังหันไปกล่าวขอโทษกับผู้เสียหายคนอื่นๆ เพื่อเป็นการขอความเห็นใจจากผู้เสียหายรายอื่นให้กับผู้เสียหายรายนี้ !

แต่ทว่า มนุษย์นั้นมีมากมายหลายแบบ

ในขณะที่สถานการณ์กำลังเงียบสงบ จู่ๆ ก็มีเสียงตะโกนด้วยความโกรธดังขึ้น

“แค่ขอโทษจะมีประโยชน์อะไร ? ถ้าหากต้องการแสดงความจริงใจจริงๆ ล่ะก็ เช่นนั้นก็คืนเงินที่พวกเราหามาอย่างยากลำบากให้กับพวกเราสิ ส่วนบ้าน พวกเราไม่ซื้อแล้ว !”

เหมือนมีเสียงฟ้าผ่าลงมา

ทันใดนั้น เสียงของฝูงชนก็เริ่มดังขึ้นอีกครั้ง

“ถูกต้อง ! ตอนแรกพวกเราเห็นราคาอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกทะยานสูงขึ้นถึงได้ตัดสินใจซื้อ แต่ตอนนี้ราคาอสังหาริมทรัพย์ไม่ขยับขึ้นอีกแล้ว แล้วพวกเราจะมาทนอาศัยอยู่ในที่โทรมๆ อย่างภาคตะวันตกเช่นนี้ทำไมกัน ?”

“ยี่เคอ กรุ๊ปไม่เข้ามาปักหลักแล้ว แล้วทำไมเราต้องมาพลอยสูญเสียเงินไปกับเมืองที่ยากจนข้นแค้นอย่างภาคตะวันตกด้วย ?”

“ถูกต้อง ! ในเมื่อคุณต้องการแสดงความจริงใจ เช่นนั้นก็ให้คืนบ้านสิ ?”

……

คำพูดที่รุนแรง

กูหลังกับบรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ยิน ต่างก็ขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว

ส่วนด้านในทางเดินของตึกที่ห่างออกไป เสี่ยวหม่ากับเหล่าพนักงาน ต่างก็ขมวดคิ้วแน่นเช่นกัน

เห็นได้ชัดว่าต่างตกใจกับคำพูดของคนเหล่านั้น !

“ได้ ผมรับปากพวกคุณ !”

สิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึงก็คือ เฉินตงจะรับปากอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย

ตูม !

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกตะลึง

สถานการณ์ที่วุ่นวาย เงียบสงบลงในทันที

มีบางคนแคะหูเพราะไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตนเองได้ยิน คิดว่าตนเองนั้นหูฝาด

เฉินตงยืนตัวตรง พูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง ไม่มีความรู้สึกยินดียินร้าย : “ในเมื่อทุกท่านต้องการที่จะคืนบ้าน ไท่ติ่งก็ยินดีที่จะตอบสนองความต้องการจองทุกท่าน !”

จริงหรือ ให้คืนจริงหรือ ?

บรรดาผู้ซื้อที่ยืนอยู่หน้าประตูต่างอึ้งไป

พวกเขาสร้างความวุ่นวายขนาดนี้ มิหนำซ้ำยังปิดล้อมทางเข้าเอาไว้ ก็เพื่อที่จะบีบให้ไท่ติ่งยอมให้พวกเขาคืนบ้าน เพื่อรักษาเงินลงทุนของพวกเขาเอาไว้

แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง จะยอมรับปากอย่างง่ายดายเช่นนี้ !

ข่าวการคืนบ้านของบรรดาผู้ซื้อที่ผ่านๆมา ไม่เคยมีครั้งไหนที่ง่ายดายเช่นนี้มาก่อน !

บริเวณทางเข้าของทางเดิน พนักงานทั้งหมดของไท่ติ่งต่างตกใจจนหน้าถอดสี

“พี่เสี่ยวหม่า รีบเข้าไปเตือนเร็วเข้าสิ พี่ตงรับปากง่ายๆ แบบนี้ การคืนบ้านพร้อมกันจำนวนมาก กระแสเงินสดในบริษัทของเราไม่มีทางหมุนเวียนได้ทันแน่ !”

“ใช่แล้ว เหตุการณ์แบบนี้เพิ่มจะเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก คนหนึ่งซื้อคนหนึ่งขาย แล้วจะมานึกสียใจภายหลังได้อย่างไร ?”

“นี่ไม่เท่ากับว่าเป็นการบังคับให้ประธานตง ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้แต่เพียงผู้เดียวหรอกหรือ ?”

……

เสี่ยวหม่าแสดงสีหน้าหดหู่ และยิ้มออกมาอย่างจนใจ

เขารู้ดีว่าไม่อาจเตือนเฉินตงได้ !

เฉินคงเหลือบมองฝูงชนที่กำลังยืนนิ่งอยู่ จากนั้นจึงฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อย

“ไท่ติ่งจะคืนเงินให้แก่ผู้ซื้อที่มีความประสงค์จะขายบ้านคืนเต็มจำนวน ขอเวลาให้ผมสามวัน ผมจะขอซ่อมแซมจุดศูนย์กลางที่ทำการขายอสังหาริมทรัพย์ทั้งสี่แห่งให้อยู่ในสภาพเดิม ถึงเวลานั้นทุกท่านสามารถนำหนังสือสัญญามายังจุดศูนย์กลางที่ทำการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อดำเนินการ”

พูดจบ เฉินตงก็หันหลังเดินกลับไป

เขายอมถึงขั้นนี้แล้ว

เรื่องที่จะตามมาหลังจากนี้ พวกของกูหลังคงจะสามารถรับมือได้เป็นอย่างดี

เมื่อเฉินตงเดินไปถึงทางเข้าลิฟต์ พวกเสี่ยวหม่าที่ยืนอยู่ตรงทางเข้าทางเดิน ต่างก็รีบวิ่งกรูกันออกมา

“พี่ตง พี่ตัดสินใจที่จะทำแบบนี้จริงๆ หรือ ?” เสี่ยวหม่าเป็นคนในบริษัทที่สนิทสนมกับเฉินตงมากที่สุด ตอนนี้เขาจึงเอ่ยถามขึ้นมาก่อน

เขาถามพลาง หยิบกระดาษทิชชูออกมายื่นให้เฉินตงซับเลือดบนใบหน้าไปพลาง

เฉินตงรับกระดาษทิชชูมา แล้วนำไปปิดบาดแผลบนศีรษะเอาไว้ และยิ้มออกมาอย่างจนใจ : “ตอนนี้สิ่งที่ฉันต้องการก็คือเวลา !”

เวลา ?

พนักงานทุกคนต่างยืนนิ่ง

ประตูลิฟต์เปิดออก

เฉินตงก้าวเข้าไปในลิฟต์

ยังไม่ทันที่จะรอให้เสี่ยวหม่าเข้ามา เขาก็กดหมายเลขชั้นและกดปุ่มปิดประตูลิฟต์เสียก่อนแล้ว

ภายในลิฟต์แคบๆ ที่ปิดสนิท เฉินตงยืนพิงผนังลิฟต์อย่างเหนื่อยล้า

“เวลาสามวัน จะพอรู้ผลหรือยังนะ ?”

ศึกภายในของตระกูลเฉิน ไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสามารถของเขาแล้ว

แม้แต่เฉินเทียนเซิงและเฉินเทียนหย่างที่เป็นผู้สืบทอดมรดกเช่นเดียวกัน ก็ยังไม่สามารถยื่นมือเข้าไปยุ่งได้ !

นี่เป็นปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของตำแหน่ง !

ถ้าหากระยะเวลาสามวัน ยังไม่เพียงพอที่จะให้พ่อควบคุมคุณหญิงใหญ่เอาไว้ได้ เช่นนั้นเขาเองก็คงทำได้เพียงเดินไปถึงจุดสิ้นสุด

เฉินตงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาโจวจุนหลง

“คืนนี้ให้ปล่อยข่าวที่คุณซื้อที่ออกไป !”

เฮ้อ !

หลังจากวางสาย เฉินตงก็ถอนหายใจออกมา : “หวังว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลง คงพอจะทำให้ผู้ซื้อเหล่านั้นลังเลและลองพิจารณาดูใหม่ได้บ้างนะ”

ด้วยความสามารถที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงมีนั้น ไม่มีทางที่จะกู้สถานการณ์ของภาคตะวันของเมืองกลับมาได้ทั้งหมด

แต่สิ่งที่เฉินตงคาดหวังก็คือ ต้องการสั่นคลอนความคิดที่แน่วแน่ของผู้ที่ต้องการขายบ้านคืนเหล่านั้น ให้พวกเขาเกิดความลังเลและลองพิจารณาดูใหม่ และเลื่อนเวลาการคืนบ้านออกไป

เช่นนี้ เขาก็พอจะมีเวลาเพิ่มมากขึ้น เพื่อรอ !

ช่วงบ่าย ข่าวเรื่องที่บริษัทไท่ติ่งรับปากที่จะรับซื้อบ้านคืน แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วเหมือนลมพายุ จนทำให้ทุกคนต่างตกใจจนอ้าปากค้าง

และสิ่งที่ทำให้ทุกคนยิ่งสับสนมากขึ้นก็คือ ในภาพบันทึกเหตุการณ์นั้น เฉินตงยอมรับปากอย่างไม่ลังเล

ไม่มีความเสแสร้ง และยิ่งไปกว่านั้นไม่มีการแสดงความรู้สึกหรือให้เหตุผลใดๆ

ภาพที่ปรากฏก็คือ หากคุณต้องการคืน ผมก็จะยอมคืนเงินให้คุณอย่างง่ายดาย !

แต่ทว่า สิ่งที่กลับทำให้เกิดความยินดีปรีดาขึ้นในจิตใจของผู้ซื้อที่ต้องการคืนบ้าน

พวกเขาต่างตัดสินใจว่า สามวันให้หลัง พวกเขาจะต้องรีบไปที่จุดศูนย์กลางที่ทำการขายอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อดำเนินเรื่องคืนบ้าน !

แต่พอถึงช่วงเย็น กลับมารายงานข่าวออกมาว่า

(บริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลง ประสบความสำเร็จในการซื้อที่ดินทางภาคตะวันตกของเมืองจำนวนสองแปลง มีรายงานว่า บริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงจะเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาภาคตะวันตกของเมือง !)

ข่าวนี้ทำให้ความคิดของคนทั้งเมืองปั่นป่วนอีกครั้ง

ในตอนแรกที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์โอนหุ้นให้แก่เฉินตง ก็เคยมีกระแสข่าวออกมาแล้ว

หรือนี่ เฉินตงกำลังพยายามช่วยเหลือตัวเองอยู่ ?

คิดที่จะยืมมือของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลง เพื่อที่จะรักษาเสถียรภาพของราคาอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกเอาไว้ ?

มีคนคาดเดาไปต่างๆ นานา บางคนก็กำลังลังเล บางคนก็ยังคงมีความคิดที่แน่วแน่ที่จะขายบ้านคืน

เฉินตงกลับถึงบ้านก็หมดเรี่ยวแรงทันที บนศีรษะของเขายังคงมีผ้าพันแผลพันเอาไว้อยู่

หลี่หลานผู้เป็นแม่ตุ๋นซุปให้ด้วยความเป็นห่วง จากนั้นจึงนำไปยื่นให้ที่มือของเขาโดยไม่ถามอะไรมาก ทำเพียงแค่พูดออกมาด้วยท่าทีอ่อนโยนว่า : “กินข้าวเสร็จก็รีบไปพักผ่อนซะ อย่าหักโหมเกินไป”

“แม่ ผมขอตัวกลับห้องก่อน”

เมื่อดื่มซุปเสร็จ เฉินตงไม่รู้สึกหิว เขาจึงเดินกลับเข้าห้องไป

เขาล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้า ทันใดนั้นข้อความก็กู้ชิงหยิ่งก็ส่งเข้ามา

“คุณนี่มันโง่จริงๆ เลย ทำไมจะต้องยอมออกมายืนให้คนทำร้ายด้วยนะ ? คุณเคยคำนึงถึงความรู้สึกของฉันบ้างไหม ?”

เฉินตงรู้สึกอบอุ่นในใจ ใบหน้าที่เหนื่อยล้ากลับปรากฏรอยยิ้มที่อ่อนโยนขึ้นมา

“ไม่เป็นไร เป็นแผลเล็กน้อยเท่านั้น”

“อะไรที่เรียกว่าไม่เป็นไร ? ในภาพที่บันทึกไว้มีเลือดไหลออกมาตั้งเยอะ คุณยังจะบอกฉันว่าไม่เป็นไรอีก ? ถ้าตอนบ่ายไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะมีผลกระทบถึงคุณล่ะก็ ฉันคงจะไปหาคุณด้วยตัวเองแล้ว !”

“ไม่เป็นไรจริงๆ”

เฉินตงถ่ายภาพตนเองทำท่ามินิฮาร์ดส่งไปให้กู้ชิงหยิ่งหนึ่งภาพ จากนั้นจึงส่งข้อความไปหนึ่งประโยค : “เสี่ยวหยิ่ง ผมขอตัวพักผ่อนก่อนนะ”

คลับสี่ยิ่น

หลังจากที่กู้ชิงหยิ่งแน่ใจว่าเฉินตงไม่เป็นอะไรมากก็รู้สึกโล่งใจ เหมือนยกภูเขาออกจากอก

เธอหันมองพ่อที่นั่งอยู่ข้างๆ

กู้โก๋ฮั๋วกลับยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ : “เสี่ยวหยิ่ง พ่อเองก็รีบช่วยเฉินตงอยู่ แต่ลูกก็รู้ดีว่า โครงการนี้ไม่ใช่ว่าพ่อแค่ออกไปยืนพูดต่อหน้าสื้อเพียงแค่ประโยคเดียวแล้วทุกอย่างจะสำเร็จได้ในทันที ต้องค่อยเป็นค่อยไป !”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset