Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 136 สถานการณ์เลวร้ายลงทุกวัน ทุกอย่างกำลังจะพังทลายลง

บทที่ 136 สถานการณ์เลวร้ายลงทุกวัน ทุกอย่างกำลังจะพังทลายลง

เฉินตงที่เหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ นอนหลับไปอย่างสนิท

จนกระทั่งถึงเช้าวันรุ่งขึ้น ตอนที่แม่ยกอาหารเช้าเข้ามาให้เขาที่เตียง ถึงได้ปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมา

เมื่อเห็นอาหารเช้าที่อยู่ตรงหน้า เฉินตงก็ยิ้ม : “แม่ ผมไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ ทำไมยังยกอาหารมาให้ผมถึงมืออีก ?”

หลี่หลานยิ้มแล้วพูดว่า : “ในสายตาของแม่ ลูกยังคงเป็นเด็กอยู่เสมอ”

เฉินตงยิ้ม จากนั้นจึงหยิบอาหารเช้าขึ้นมารับประทาน

หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ เข้าก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำ แล้วจึงเดินลงไปด้านล่าง

ในห้องรับแขก ท่านหลงและคุนหลุนกำลังนั่งดูข่าวช่วงเช้าอยู่

เมื่อเห็นเฉินตง ท่านหลงก็โบกมือ และพูดพร้อมรอยยิ้มแปลกๆ : “คุณชาย รีบมาดูข่าวนี้เร็วเข้า น่าสนใจไม่น้อยเลยครับ”

เฉินตงเดินเข้าไปด้วยความอยากรู้ เมื่อเห็นข่าว เขาก็ผงะไป : “โจวเย่นชิวเองก็ซื้อที่ในภาคตะวันตกแปลงหนึ่งด้วย ?”

“น่าสนใจใช่ไหมล่ะครับ ?” ท่านหลงยิ้มด้วยความประหลาดใจ

เฉินตงส่ายหัว : “จิ้งจอกเฒ่ามีแผนสำรอง”

คุนหลุนถามด้วยความสงสัย : “คุณชาย ท่านหลง นี่มันหมายความว่าอย่างไร ?”

ท่านหลงอธิบายอย่างอดทน : “ครั้งก่อนโจวเย่นชิวเลือกมที่จะเข้าข้างเฉินเทียนเซิง ก็เท่ากับว่ายืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับคุณชาย ต่อมาเขาล้มเลิกการคว่ำบาตรวัสดุ เท่ากับว่าตนเองกำลังเหยียบเรือสองแคมอยู่

ขณะที่กำลังพูด ท่านหลงก็ชี้ไปยังข่าวโทรทัศน์ : “ครั้งนี้ การที่เขารีบซื้อที่ดินตามบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงในทันที เพื่อแสดงให้เห็นว่า เขาตั้งใจที่สนับสนุนทางฝั่งไท่ติ่งของคุณชายด้วยหนึ่งทาง เพราะตอนนี้เขาเองก็ยังมองสถานการณ์ภายในตระกูลเฉินไม่ออก ดังนั้นจึงจงใจที่จะซื้อที่ดินแปลงนี้”

“ประการแรกเพื่อที่จะแสดงให้คุณชายเห็นว่า เขาเต็มใจที่จะสนับสนุนคุณชาย ประการที่สอง ที่ดินเพียงแค่ผืนเดียวไม่อาจชี้นำทิศทางของสถานการณ์ได้ หากทางฝั่งเฉินเทียนเซิงคิดที่จะสอบสวนขึ้นมา ก็คงไม่สามารถสอบสวนอะไรได้มากนัก”

คุนหลุนขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ : “เจ้าจิ้งจอกเฒ่าผู้นี้ ถือว่าฉลาดหลักแหลมจริงๆ”

“ฉันจะไปบริษัทก่อน”

เฉินตงพูดทิ้งท้ายเอาไว้ แล้วเดินออกไปด้านนอก

คุนหลุนรีบตามไปติดๆ เมื่อวานเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น ช่วงนี้เขาจึงจำเป็นต้องตามติดเฉินตงทุกฝีก้าว

ท่านหลงดูข่าวในโทรทัศน์ จากนั้นจึงหรี่ตาแล้วยแสยะยิ้มออกมา : “จับปลาสองมือ เกรงว่าสุดท้ายจะหลุดมือไปทั้งคู่นะสิ คนเราช่างไม่รู้จัดพอเสียจริงๆ !”

หลังจากโจวเย่นชิวซื้อที่ทางภาคตะวันตกของเมือง ข่าวก็แพร่สะพัดขึ้นอีกครั้ง

เดิมที การรายงานข่าวเมื่อคืนเรื่องที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงซื้อที่ดิน ก็สร้างความปั่นป่วนขึ้นไม่น้อยแล้ว

มาตอนนี้ บริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งและอันดับสองของเมืองต่างก็ยื่นมือเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

คนฉลาด แค่มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่า ต้องการที่จะสนับสนุนบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งของเฉินตง ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้

เหล่าบรรดาผู้ซื้อที่แต่เดิมตั้งใจที่จะคืนบ้าน มาตอนนี้มีบางคนเริ่มรู้สึกลังเลขึ้นมาแล้ว

บริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งและอันดับสองเข้าซื้อที่ดินพร้อมกัน แสดงให้เห็นว่าภาคตะวันตกของเมืองยังมีโอกาสที่จะพัฒนาได้ บ้านของตนเองก็มีโอกาสที่จะทำเงินได้

แต่แน่นอนว่ายังมีคนอีกจำนวนมาก ที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงความคิดที่จะคืนบ้าน

น่าขำจริงๆ !

ต่อให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งและอันดับสองจะยื่นมือเข้ามา ก็ยังเทียบกับยี่เคอ กรุ๊ปไม่ได้อยู่ดี

ยี่เคอ กรุ๊ปเป็นยักษ์ใหญ่ของธุรกิจนี้ทั้งหมด !

ยี่เคอ กรุ๊ประงับโครงการแล้ว ในความคิดของคนที่แน่วแน่ในการคืนบ้านนั้น ก็ยังคงรู้สึกว่ายังไงเสียราคาอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกของเมืองจะต้องลดฮวบลงอย่างแน่นอน ถึงขนาดลดลงไปเท่าราคาเฉลี่ยเดิม ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเมืองนี้ ไม่มีบริษัทไหนที่สามารถช่วยเมืองนี้เอาไว้ได้

อีกทั้งยังไม่สามารถค้ำจุนไท่ติ่งเอาไว้ได้อีกด้วย !

เหตุการณ์ในครั้งนี้อาจถึงขึ้นที่ทุกอย่างต้องพังทลายลง ไท่ติ่งอาจต้องล้มละลายจนปิดกิจการ ส่วนบ้านของพวกเขาเองก็ต้องพินาศไปด้วย หากไม่ให้ถอยตอนนี้แล้วจะให้ถอยตอนไหน ?

มีความคิดเห็นมากมายเกิดขึ้นในช่วงสองวันนี้ และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราวกับคลื่นที่ซัดเข้ามาเป็นระลอกๆ ต่อเนื่องกัน ยิ่งไปกว่านั้น ยังคงมีคนสงสัยเรื่องที่ไท่ติ่งรับปากที่จะให้คืนบ้าน ว่าอาจเป็นการพยายามถ่วงเวลาเพื่อเตรียมหาทางหนีทีไล่ !

สิ่งนี้ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกสับสน ทำให้เกิดการปิดล้อมตึกใหญ่ของไท่ติ่งอีกครั้ง

แต่ในครั้งนี้ เฉินตงไม่รู้สึกสับสนอีกต่อไปแล้ว เข้าแจ้งกับผู้ที่หน้าที่รับผิดชอบโดยตรง ว่าให้ไปตักเตือนผู้หวังดี ว่าการที่เขารับปากที่จะให้คืนบ้านอย่างง่ายดายนั้น

ไม่ได้หมายความว่าเขานั้นอ่อนแอ ถึงขั้นถูกบีบคั้นและกดดันในภาวะวิกฤตได้ง่ายๆ !

พริบตาเดียว วันที่เฉินตงนัดแนะกับเหล่าผู้ซื้อก็มาถึง

ศูนย์กลางที่ทำการซื้อขายตึกทั้งสี่แห่ง ภายในเวลาสามวัน ก็ได้รับการฟื้นฟูแล้วเสร็จ

เช้าตรู่ ด้านหน้าของศูนย์กลางที่ทำการซื้อขายทุกแห่ง มีการต่อแถวยาวเหยียด

เรียกได้ว่ามากที่สุดเป็นประวัติการณ์ !

คึกคักยิ่งกว่าการเปิดขายตึกทั้งสามตึกล่วงหน้า ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เสียอีก !

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากเช่นนี้ แน่นอนว่ามีสื่อนำไปรายงานข่าวมากมาย

“ไม่ทราบว่าคุณผู้ชายท่านนี้ เลือกที่จะคืนบ้านจริงๆ หรือคะ ?”

นักข่าวสาวคนหนึ่งเข้าไปสัมภาษณ์หนึ่งในคนที่กำลังต่อคิวเพื่อคืนบ้านอยู่

“ถ้าไม่คืนจะให้เก็บเอาไว้ฉลองปีใหม่หรือยังไง ?”

นักข่าวสาวยิ้มแล้วถามต่อว่า : “อะไรที่ทำให้คุณแน่ใจว่าต้องการจะคืนบ้านคะ ? มีรายงานว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ทั้งสองแห่งของเมืองนี้ได้เข้าไปซื้อที่ดินทางภาคตะวันตกของเมืองเอาไว้แล้ว ราคาอสังหาริมทรัพย์……”

ยังไม่ทันที่นักข่าวสาวจะพูดจบ ผู้ชายที่ถูกสัมภาษณ์ก็พูดขึ้นด้วยความตื่นเต้นว่า : “บริษัทอสังหาริมทรัพย์ทั้งสองแห่งนั้น นำมาเทียบกับยี่เคอ กรุ๊ปได้หรือ ? คุณกำลังพูดเรื่องตลกระดับชาติอยู่หรือยังไง ? ถ้าไม่มียี่เคอ กรุ๊ป ราคาอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกจะต้องดิ่งลงเหวอย่างแน่นอน ในเมื่อเจ้าของไท่ติ่งยินดีจะรับคืน แล้วทำไมพวกเราจะไม่คืนล่ะ ?”

นักข่าวสารรู้สึกเขินอายเล็กน้อย จากนั้นจึงถามต่อว่า : “นี่ถือเป็นการคืนบ้านครั้งใหญ่ที่สุดเป็นประวัติการณ์ของเมืองนี้ นี่พอจะบ่งชี้ได้ว่าไท่ติ่งอาจจะมีโอกาสล้มละลายจนต้องปิดกิจการ ไม่ทราบว่าคุณมีความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้คะ ?”

ชายผู้นี้แสยะยิ้มออกมา : “ไท่ติ่งล้มละลายแล้วเกี่ยวอะไรกับผมด้วย ? เขาเจ๊งของเขา ส่วนผมก็รอดของผม ขอแค่เงินของผมยังอยู่ครบก็พอแล้ว !”

ทันใดนั้น

บริเวณหัวแถวมีเสียงตะโกนดังขึ้นว่า : “ศูนย์กลางที่ทำการขายอสังหาริมทรัพย์เปิดแล้ว !”

ทันใดนั้นเอง แถวที่ต่อกันอย่าเป็นระเบียบ จู่ๆ ก็กระจัดกระจาย เหมือนกับฝูงผึ้งแตกรังที่กรูกันเข้าไปยังศูนย์กลางที่ทำการขาย

นักข่าวสาวดึงตัวชายคนนั้นเอาไว้เพราะต้องการจะสัมภาษณ์ต่อ แต่ชายคนนั้นกลับสะบัดนักข่าวสาวออกทันที

“พวกคุณนี่มันน่ารำคาญไหม ? ผมจะรีบไปคืนบ้าน อย่ามาขวางทาง !”

นักข่าวหญิงคนนั้นเดินโซเซแล้วล้มลงกับพื้น แขนของเธอมีแผลถลอกจนเลือดไหล

ส่วนคนที่ต้องการคืนบ้านที่อยู่โดยรอบ พยายามเบียดเสียดกันเข้าไปยังศูนย์กลางที่ทำการขายพลาง ต่อว่านักข่าวสาวคนนี้ไปพลาง

“สาวน้อย ทำไมเธอถึงได้น่ารำคาญอย่างนี้นะ ? รีบออกไปเร็ว อย่ามาขวางทาง !”

“จะสัมภาษณ์ก็สัมภาษณ์ไปสิ แต่อย่ามาทำให้เสียเรื่อง สมควรแล้วที่ล้มลงไป”

……

เช้าตรู่ สื่อทุกแขนงของเมืองนี้ ต่างก็ไปประจำการอยู่ด้านหน้าที่ทำการขายทั้งสี่แห่งของไท่ติ่งด้วยอุปการณ์ครบมือ เหตุการณ์ครั้งนี้ยิ่งใหญ่กว่าตอนที่หลงถิงฮัวหยวนเปิดขายล่วงหน้าเสียอีก !

หากนำเหตุการณ์ก่อนหน้าและตอนนี้มาเปรียบเทียบกัน ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกว่าเหตุการณ์ดูจะเลวร้ายลงทุกวัน และกำลังที่จะพังทลายลง

ตอนนี้ทุกคนต่างกำลังพูดถึงไท่ติ่ง

ไม่ว่าที่ไหนก็มีแต่คนปากเสียคอยพูดจาเสียดสี เยาะเย้ย กร่นด่า

ในเหตุการณ์วิกฤติเช่นนี้ ราคาของอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกก็ดิ่งลงทันที 20% !

แต่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติง ที่อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของเฉินตง กลับยังคงคืนเงินให้กับผู้ซื้อทั้งหมดต็มจำนวน ถึงขั้นที่แม้แต่ภาษีจากการซื้อบ้าน ไท่ติ่งก็รับผิดชอบแบกรับภาระเอาไว้ทั้งหมด !

การกระทำเช่นนี้ถือเป็นสิ่งที่โง่มากในสายตาของทุกคน !

แม้แต่โจวจุนหลงและโจวเย่นชิวเอง เมื่อรู้เรื่องนี้เข้าต่างก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง

เฉินตง……บ้าไปแล้วจริงๆ หรือ ?

บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง

เสี่ยวหม่ามองดูข้อมูลที่ส่งมาจากที่ทำการขายทั้งสี่แห่ง ก็รู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก มือของเขาสั่นเทา ใบหน้าซีดเผือด : “พี่ตง เงินในบัญชีของบริษัทเรากำลังไหลออกสู่ข้างนอกอย่างรวดเร็วแล้ว”

“อืม ไม่เป็นไร ฉันจะโอนเงินเข้าบริษัทให้”

แววตาของเฉินตงลึกซึ้ง เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอย่างใจลอย จากนั้นจึงโอนเงินจำนวนหนึ่งพันล้านออกจากบัตรธนาคารชงโค เข้าไปสู่บัญชีของบริษัท

ต่อให้ขาดทุน เขาก็ต้องอดืทนเอาไว้ !

เงินแค่พันล้าน เขายอมขาดทุนได้ !

แต่เวลาต่างหากคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้ !

การคืนบ้านยังคงดำเนินต่อไปตนถึงเวลาสองทุ่ม

บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งจึงเงียบสงบลง

พนักงานทุกคนต่างดูไร้ชีวิตชีวาและเศร้าหมอง

เวลานี้ ฟ้าถล่มลงมาแล้วจริงๆ !

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงแรก บวกกับการคืนบ้านครั้งมหาศาลนี้ หากไม่ใช่เพราะเฉินตงโอนเงินจำนวนพันล้านมาค้ำจุนบริษัทเอาไว้ ไท่ติ่งคงล้มลงนานแล้ว !

ในห้องทำงาน

ในดวงตาของเสี่ยวหม่าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา เขาพูดว่า : “พี่ พี่ตง ภายในวันเดียว บ้านที่เปิดขายไปล่วงหน้า ถูก……ถูกขายคืนกลับมา 70 % แล้ว !”

“ไม่เป็นไร !”

เฉินตงบิดเอวของเขาด้วยความเมื่อยล้า : “ถ้าหากพรุ่งนี้ยังมีคนต้องการขายบ้านคืนอีก ก็ให้รับคืนต่อ ยังไงเสียฉันก็ยังพอมีเงินอีกหลายร้อยล้าน”

เสี่ยวหม่ารู้สึกลังเลที่จะพูดออกมา เขาพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล

นี่เป็นเพียงแค่การคืนเงินเท่านั้นหรือ ?

นี่มันคือผ่านผลักไท่ติ่งให้ไปตายอย่างรวดเร็วต่างหากล่ะ !

และค่าใช้จ่ายในครั้งนี้ ยังหนักหนาสาหัสยิ่งกว่าการที่ไท่ติ่งเลือกที่จะล้มละลายตอนที่เซ็นสัญญาราคาสูงเสียดฟ้าเมื่อครั้งก่อนเสียอีก !

“ทุกคนยุ่งมาทั้งวันแล้ว รีบกลับบ้านไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ”

เฉินตงรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีแดง : “เสี่ยวหม่า ช่วยไปบอกทุกคนแทนฉันทีว่า ไท่ติ่งอาจล้มละลาย แต่ฉัน เฉินตง จะไม่มีวันทอดทิ้งทุกคนเด็ดขาด”

……

คลับสี่ยิ่น

กู้ชิงหยิ่งนั่งดูคลิปวิดีโอด้วยความหดหู่ ล้วนแล้วแต่เป็นข่าวเกี่ยวกับการคืนบ้านของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งทั้งสิ้น

การพูดคุยของคนในโลกออนไลน์ เต็มไปด้วยการเยาะเย้ยถากถาง

เธอดูจนรู้สึกโกรธ ดวงตาของเธอแดงก่ำ ทำให้เธออยากที่จะติดต่อกับเฉินตง

แต่สองสามวันนี้ เธอรู้ดีว่าเฉินตงเองคงร้อนใจและวิตกกังวลกว่าเธอแน่นอน เวลาเช่นนี้ การคอยเฝ้าดูอยู่ห่างๆ คงจะเป็นการปลอบใจที่ดีที่สุดสำหรับเฉินตง หากตนเองถามมากไป ก็ยิ่งจะเป็นการเพิ่มความกดดันให้แก่เฉินตง

คลิปวิดีโอที่เธอกำลังดู หนึ่งในนั้นมีคลิปที่นักข่าวสารถูกผลักจนล้มลงขณะทำการสัมภาษณ์ และด้านล่างของคลิป ยังมีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นว่า ภายในวันเดียวมีคนไปขายบ้านคืนกับบริษัทไท่ติ่งเกินกว่า 70 % แล้ว

กู้ชิงหยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย คนโง่เฉินตง ไม่คิดที่จะคำนึงถึงตัวเองสักนิดเลยหรืออย่างไร ?

ก๊อก ก๊อก !

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

“เสี่ยวหยิ่ง พ่อขอเข้าไปหน่อยได้ไหม ?” เสียงของกู้โก๋ฮั๋วดังขึ้น

“ค่ะ” กู้ชิงหยิ่งพยายามกลั้นน้ำตา แล้วขานรับ

กู้โก๋ฮั๋วเปิดประตูแล้วเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม : “เสี่ยวหยิ่ง อยากฟังข่าวดีไหม ?”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset