Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 154 เชื่อ !

บทที่ 154 เชื่อ !

โจวเย่นชิวเป็นทั้งวีรบุรุษและทรราช

คนแบบนี้ไม่ใช่คนที่ตรงไปตรงมาอย่างโจวจุนหลงจะเทียบได้

ถึงแม้ในสายตาของโลกภายนอก ทั้งสองคนจะเป็นคู่ต่อสู้กันมาตลอด แต่ในใจของโจวเย่นชิว มีความรู้สึกว่าโจวจุนหลงคือคู่ต่อสู้มากน้อยแค่ไหนกัน ?

การจัดการกับคนที่มีนิสัยตรงไปตรงมา ก็ต้องทำเพียงแค่ใช้ชีวิตมาเป็นเครื่องต่อรอง หรือใช้ผลประโยชน์ในการหลอกล่อก็เพียงพอที่จะควบคุมคนพวกนี้ได้แล้ว

แต่การจัดการกับทรราชนั้น ใช้แค่สองสิ่งนี้คงจะน้อยเกินไป

ที่ทรราชเป็นทรราช ก็เป็นเพราะมีเล่ห์เหลี่ยมที่ยากจะคาดเดา และมีความระแวงสงสัย ทำให้รู้จักที่จะแสวงหาข้อดีและหลีกเลี่ยงข้อเสีย และสามารถแสวงหาประโยชน์สูงสุดให้แก่ตัวเองจากการทำงานทุกอย่าง

เขามีความหยิ่งผยองและรักศักดิ์ศรีในตนเอง

หยิ่งทระนงจนกระทั่งถึงขั้นว่าสามารถมองทุกคนรอบตัวเป็น “คู่ต่อสู้” ไปเสียหมด

สิ่งที่นำให้กระดูกสันหลังของเขามีความยืดหยุ่นมากกว่าคนที่ตรงไปตรงมาอย่างโจวจุนหลง

ดังนั้น ในทุกๆ เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ต่อให้โจวเย่นชิวจะทรยศหักหลัง แต่ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ยังคงยืนเหยียบเหลือสองแคมได้อย่างปลอดภัย

ถึงขั้นว่า ตอนที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งเกิดวิกฤตครั้งใหญ่ขึ้น เขาก็ยังมีใจที่จะเข้ามาซื้อที่ดิน เพื่อผูกมิตรกับเฉินตง

เล่ห์เหลี่ยมเช่นนี้ การรู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหางเช่นนี้ กระดูกที่รู้จักยืดหยุ่นเช่นนี้

ทำให้เฉินตงรู้ดีว่า เขาไม่อาจให้โจวเย่นชิวเข้ามายืนอยู่ฝ่ายเดียวกับเขาอย่างง่ายดายได้

วิธีที่ดีที่สุด คือการตีกระดูกสันหลังของโจวเย่นชิวให้หัก ให้เขายอมละทิ้งความหยิ่งผยองและศักดิ์ศรีของตัวเองลง ให้เขารู้ว่าใครคือลูกน้อง และใครคือเจ้านาย

มิเช่นนั้น เฉินตงกล้ารับประกันได้เลยว่า ต่อให้ตอนนี้โจวเย่นชิวจะยอมก้มหัวให้กับเขา แต่ในอนาคต หากเฉินเทียนเซิงกลับเข้ามาในเมืองนี้อีก โจวเย่นชิวก็จะต้องหักหลังเขาอย่างแน่นอน

เมื่อครู่ที่โจวเย่นชิวคุกเข่าลง ถือว่าเขายอมละทิ้งความหยิ่งผยองและศักดิ์ศรีจนหมดสิ้นแล้ว กระดูกสันหลังของเขาหักลงแล้ว

ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ก็จะสามารถควบคุมเขาได้อย่างง่ายดายแล้ว !

“คิดไม่ถึงเลยว่าโจวเย่นชิวจะโหดเหี้ยมได้ถึงขนาดนี้ รู้สึกคลื่นไส้จริงๆ กินไม่ลงแล้ว”

ในหัวของเฉินตงมีภาพที่เกิดขึ้นเมื่อครู่วนเวียนซ้ำไปซ้ำมา จนทำให้เขารู้สึกอยากจะอาเจียน

ท่านหลงยิ้มออกมาอย่างสบายใจ : “กระผมเองก็รู้สึกเช่นนี้”

เฉินตงมองดูท่านหลงที่ยังคงกินข้าวต้นที่อญุ่ในมือของตนเองอย่างไม่สะทกสะท้าน ถึงขั้นว่าหยิบตีนไก่พะโล้ที่แม่ของเขาทำเอาไว้ขึ้นมาแทะ เขาจึงเริ่มรู้สึกสงสัยในสิ่งที่ท่านหลงพูด

ตอนนี้เอง

หลี่หลานเดินเข้ามาในบ้าน

เธอมีท่าทีเคร่งขรึม แววตาดูซับซ้อน เดินก้มหน้าก้มตาเข้ามาเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่

“แม่ครับ”

เฉินตงสังเกตเห็นหลี่หลาน และยิ่งไปกว่านั้นคือสังเกตเห็นสีหน้าท่าทีของหลี่หลานด้วย แต่ก็ยังคงแสร้งทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นจึงเอ่ยถามว่า : “เช้าขนาดนี้ ไปไหนมาหรือครับ ?”

“แม่ออกไปเดินเล่นหน่ะ”

ท่าทีของหลี่หลานอ่อนโยนลง พร้อมกับเอ่ยถามด้วยความสงสัย : “เมื่อกี้แม่เจอโจวเย่นชิวที่ด้านนอก เขามาที่บ้านของเราหรือ ?”

“ครับ” เฉินตงพยักหน้า แล้วชี้ไปที่อาหารเช้าที่วางอยู่บนโต๊ะ : “แม่ครับ ผมกินอิ่มแล้ว ขอตัวไปบริษัทก่อนนะครับ”

เมื่อออกจากบ้านไป เฉินตงก็ส่งข้อความกลับมาให้ท่านหลง เพื่อให้ท่านหลงสืบดูสถานการณ์ของแม่ให้กระจ่าง จากนั้นให้รีบรายงานเขาทันที

ขณะที่เฉินตงกำลังจะไปบริษัท จู่ๆ ก็มีหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่รู้จักโทรเข้ามา

เมื่อเห็นหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่รู้จักนั้น

เฉินตงก็ขมวดคิ้วแน่นทันที หมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่รู้จักนี้ ดูเหมือนก่อนหน้านี้เขาจะเคยรับสายแล้วครั้งหนึ่ง

เป็นเบอร์ของหวางหนันหนัน !

“สวัสดีครับ” ในที่สุดเฉินตงก็ตัดสินใจที่จะรับสาย

“มะรืนนี้ฉันก็จะไปแล้ว”

หวางหนันหนันหัวเราะพลางพูดว่า : “ไม่ต้องถามนะว่าฉันจะไปไหน”

เฉินตงพูดว่า : “ผมเองก็ไม่อยากถาม มีธุระอะไรหรือเปล่า ?”

บทสนทนาในสายโทรศัพท์เงียบไปครู่หนึ่ง

หวางหนันหนันจึงพูดขึ้นว่า : “มะรืนนี้มาส่งฉันได้ไหม ?”

“ขอโทษด้วย ผมไม่มีเวลา”

ตู๊ด !

เฉินตงวางสายโทรศัพท์อย่างไม่แยแส

อดีตมันผ่านไปแล้ว หากในขณะที่ยังมีรอยบาดแผลอยู่เต็มตัว การกลับไปรื้อฟื้นนึกถึงมันอีกครั้งหนึ่ง ก็เท่ากับว่ากำลังทำให้บาดแผลฉีกขาดขึ้นมาอีกครั้ง

เรื่องบางเรื่อง คนบางคน ไม่สามารถย้อนกลับไปเป็นเหมือนในอดีตได้อีกแล้ว

ในขณะเดียวกัน

ที่คลับสี่ยิ่น

ในลานป่าไผ่ ดอกไม้กำลังเบ่งบาน มีสีสันที่สวยสดงดงาม

กู้ชิงหยิ่งสวมใส่ชุดกระโปรงสีขาว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม กำลังฮัมเพลงไปพลาง พร้อมทั้งตัดแต่งและรดน้ำต้นไม้ด้วยความละเอียดลออไปพลาง

แสงอาทิตย์สาดส่องมา

ทำให้ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า สวยงามราวกับภาพวาด

หลังจากที่ได้ล่วงรู้ถึงการวางแผนของเฉินตงแล้ว หลายวันมานี้กู้ชิงหยิ่งก็อารมณ์ดีไม่น้อย

เธอไม่ได้ติดต่อกันเฉินตง เพราะเกรงว่าตัวเธอเองจะอดไม่ได้ที่จะพลั้งปากเอ่ยถามถึงรายละเอียดในการขอแต่งงานของเฉินตง

หากเป็นเช่นนี้ อาจทำให้ความประหลาดใจต้องลดน้อยลง

ในใจของกู้ชิงหยิ่งนั้น เฝ้ารอการขอแต่งงานอย่างใจจดใจจ่อ

ภายในบ้านที่มีกลิ่นอายแบบโบราณ และมีกลิ่นหอมของไม้จันทน์โชยอ่อน

กู้โก๋ฮั๋วกำลังนั่งจิบชาและชื่นชมดอกไม้อย่างผ่อนคลายอยู่กับหลี่หวั่นชิง

โดยปกติแล้วการที่ทั้งสามคนจะได้พักผ่อนอย่างสงบร่วมกันนั้นถือว่ายาก

“ที่รัก คืนนั้นผมเมาจนไม่ได้สติเลยหรือ ?” หลังจากสร่างเมาแล้ว สองสามวันมานี้ยังคงมีภาพที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ปรากฏขึ้นมาในหัวของกู้โก๋ฮั๋วเป็นครั้งคราว

แต่เพียงแค่ภาพไม่กี่ภาพที่ปรากฏขึ้นมานั้น ก็พอจะทำให้เขาหน้าแดงและหัวใจเต้นเร็วได้แล้ว

เขาพยายามอดทนมานาน แต่สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถามขึ้นมา

หลี่หวั่นชิงเลิกคิ้วแล้วหันมองเขาด้วยความประหลาดใจ : “คุณคิดว่าอย่างไรล่ะ ? จริงๆ แล้วเฉินตงตั้งใจที่จะมาหาคุณเพื่อแสดงความขอบคุณ และเพียงแค่ต้องการใช้โอกาสในคืนนั้น เป็นการพบปะกับผู้ใหญ่เป็นครั้งแรก แต่คุณกลับดื่มจนเมา กระทั่งว่าเอาแต่พูดบังคับให้เขาตกลงเรื่องการแต่งงานอยู่ตลอดเวลา”

“ผม นั่นเป็นเพราะผมคิดว่าเจ้าหมอนั่นมาก็เพื่อที่จะนำเงินไม่กี่ร้อยล้านมาให้เท่านั้น”

กู้โก๋ฮั๋วเกาหัวแล้วพูดแย้งว่า : “คุณลองคิดดูสิ เงินแค่ไม่กี่ร้อยล้านนั่นมีความหมายอะไรกับครอบครัวเรา แต่สำหรับฐานะครอบครัวของตงเอ๋อแล้ว ไม่กี่ร้อยล้านก็ถือเป็นเงินจำนวนมหาศาล ตอนนั้นผมปากไวไปสักหน่อย ใครจะไปคิดว่าความหวังดีของผมจะทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายกันล่ะ ?”

“เป็นเพราะคุณดื่มมากจนขาดสติ”

หลี่หวั่นชิงทำสีหน้าเบื่อหน่าย ท่าทีของเธอยังคงสง่างาม และพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลว่า : “ถ้าคืนนั้นไม่ใช่เพราะฉันขวางเอาไว้ล่ะก็ คำพูดพวกนั้นของคุณ คงจะต้องทำให้ลูกสาวของเราเสียใจไม่น้อย ในฐานะที่คุณเป็นพ่อ ตรงไหนที่แสดงออกถึงความเป็นพ่อของคุณกัน”

กู้โก๋ฮั๋วหน้าแดงก่ำ เขาเกาหัวแล้วยิ้มออกมา แต่ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากโต้เถียงอีก

จากนั้นเขาจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา : “แล้วคุณปลอบเสี่ยวหยิ่งอย่างไร ? สองสามวันมานี้เด็กคนนี้ถึงได้อารมณ์ดีเช่นนี้ !”

หลี่หวั่นชิงยิ้มเล็กน้อย : “ตงเอ๋อคนนี้เป็นคนรู้จักคิด ถ้าอาศัยเพียงแค่ฉันคนเดียว มีหรือที่จะปลอบใจเสี่ยวหยิ่งได้ง่ายดายขนาดนี้ เป็นเพราะตงเอ๋อส่งข้อความมาหาเสี่ยวหยิ่งหนึ่งฉบับ บอกว่าปลายเดือนนี้เขาจะขอเสี่ยวหยิ่งแต่งงาน”

“ขอแต่งงาน ? ปลายเดือน ?”

สีหน้าของกู้โก๋ฮั๋วเปลี่ยนไปทันที เขาขมวดคิ้วแน่น : “ถ้าเช่นนั้นไม่ใช่ว่าพวกเราจะต้องอยู่ที่นี่จนกระทั่งถึงปลายเดือนหรอกหรือ ? แล้วเรื่องที่ตระกูลเฉินจะทำเช่นไร ?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่หวั่นชิงหายไปในทันที และมีใบหน้าของความโกรธเข้ามาแทนที่

ปัง !

กาน้ำชาดินเผาที่อยู่ในมือถูกกระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรง

หลี่หวั่นชิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “มัวแต่คิดถึงแต่เรื่องของตระกูลเฉิน ธุรกิจของคุณสำคัญขนาดนี้เลยหรือ ? หรือตอนนี้พวกเรามีเงินไม่พอใช้หรืออย่างไร อีกหน่อยจะเอาใส่โลงไปด้วยหรืออย่างไร ? ฉันขอบอกคุณเอาไว้เลยนะว่า ลูกสาวของเราต่างหากที่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด แม้แต่ตระกูลเฉินก็ต้องหลีกทางให้ !”

“ตอนนี้เป้าหมายที่สำคัญที่สุดที่เราจะต้องจัดการให้เรียบร้อยก็คือ จัดการเรื่องงานแต่งงานของลูกสาวเราให้เรียบร้อย เด็กคนนี้ถ่วงเวลามาหลายปีแล้ว พูดได้ว่าเป็นการอดเปรี้ยวไว้กินหวาน แล้วคุณผู้ซึ่งเป็นพ่อยังกล้าเมินเฉยอีก คืนนี้อย่ามาโทษฉันก็แล้วกันนะถ้าหากฉันจะให้คุณนอนที่โซฟา !”

“โธ่ ผมจะไปกล้าได้อย่างไร ผมเพียงแค่รู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลยที่จะได้รับโอกาสเข้าพบตระกูลเฉินสักครั้งหนึ่ง ถ้าหากต้องพลาดโอกาสไปเช่นนี้ก็ต้องรู้สึกเสียดายเป็นธรรมดา”

กู้โก๋ฮั๋วดึงมือของหลี่หวั่นชิงเพื่อขอความเห็นใจ เมื่อเห็นสีหน้าของหลี่หวั่นชิงยังเต็มไปด้วยความโมโห เขาก็พูดด้วยท่าทีจริงจัง : “ได้ๆๆ เอาตามที่คุณว่าก็แล้วกัน รอให้เฉินตงขอเสี่ยวหยิ่งแต่งงานให้เรียบร้อยเสียก่อน แล้วพวกเราค่อยไปกัน”

ขณะที่พูด เขาก็ตบหน้าผากของเขา : “อย่างไรก็ยังรู้สึกไม่ยุติธรรมกับเสี่ยวหยิ่งอยู่ดี อุตส่าห์รอมาตั้งสามปี พยายามอดเปรี้ยวไว้กินหวาน แต่สุดท้ายกลับเป็นการแต่งงานครั้งที่สองของเฉินตงเสียนี่”

“หุบปาก !” หลี่หวั่นชิงทำสีหน้าเย็นชา “ถ้ายังพูดถึงเรื่องการแต่งงานครั้งที่สองอีกล่ะก็ ฉันจะให้คุณนอนนอกบ้าน !”

ขณะที่ทั้งสองคนกำลังโต้เถียงกัน

ที่ด้านนอกลานป่าไผ่ มีพนักงานของคลับสี่ยิ่นคนหนึ่ง กำลังเดินจ้ำอ้าวมาอย่างรวดเร็ว

หลังจากเคาะประตูแล้ว

ไม่ช้า กู้ชิงหยิ่งก็เปิดประตูให้

“คุณหนูกู้ ด้านนอกมีคนฝากของสิ่งนี้มาให้คุณครับ”

พนักงานยื่นซองจดหมายให้แก่กู้ชิงหยิ่ง จากนั้นจึงหันหลังเดินจากไป

กู้ชิงหยิ่งรู้สึกสงสัย จึงเปิดซองจดหมายออก

เมื่อเห็นของที่อยู่ในซองจดหมาย รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้ารูปไข่ของเธอก็จางหายไปในทันที เปลี่ยนเป็นใบหน้าของความโศกเศร้าอย่างสุดแสน

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset