Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 160 ปลายเดือนแล้ว……

บทที่ 160 ปลายเดือนแล้ว……

แสงแดดจ้า

ต่อให้เป็นฤดูร้อนที่มีแสงแดดแผดเผา แต่เขตวิลล่าเขาเทียนซานก็ยังถูกปกคลุมไปด้วยผืนป่า ทำให้รู้สึกสดชื่นและร่มเย็น

ท่านหลงนั่งไกวตัวเบาๆ อยู่บนชิงช้าในสวนดอกไม้อย่างสบายใจ

ส่วนคุนหลุนยังอยู่ที่โรงพยาบาล ถึงแม้เขาจะฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่ยังต้องรักษาตัวอีกสักระยะถึงจะออกจากโรพยาบาลได้

ฟ่านลู่ยังคงอยู่ดูแลในโรงพยาบาลเป็นอย่างดี

หลังจากหลี่หลานรับประทานอาหารเที่ยงเสร็จก็ออกจากบ้านไป

ท่าหลงรู้ดีว่าหลี่หลานไปที่ไหน แต่เพราะเป็นเพียงคนรับใช้ เขาจึงไม่มีสิทธิ์เข้าไปขัดขวาง และไม่กล้านำเรื่องนี้ไปบอกเฉินตง เพราะเขารู้ดีว่าหลี่หลานจะใช้ความตายในการขู่บังคับเขา

วิลล่าที่ใหญ่โต กลับเหลือเขาอยู่เพียงคนเดียว

ทำให้รู้สึกอ้างว้างเล็กน้อย

แต่ว่าท่านหลงเองกลับไม่ได้สนใจ เขายังคงใช้ชีวิตอย่างสบายใจ

ท่านหลงวางกาน้ำชาที่ถืออยู่ในมือ จากนั้นก็เอนตัวลงบนชิงช้าอย่างผ่อนคลาย

แต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังเข้ามา ทำให้ความสบายใจของเขาต้องสิ้นสุดลง

ชื่อที่ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์คือ “นายท่าน” ท่านหลงมีท่าทางเคร่งขรึมขึ้นในทันที

“นายท่าน มีอะไรให้กระผมรับใช้หรือครับ ?”

“นายบอกว่า ปลายเดือนนี้เฉินตงจะขอผู้หญิงแต่งงานอย่างนั้นหรือ ?”

เรื่องนี้ ตอนแรกหลังจากที่เฉินตงตัดสินใจแล้ว ท่านหลงก็รีบรายงานให้เฉินเต้าหลินรู้ในทันที

ตอนนี้ลองนับดูแล้ว ก็ห่างจากปลายเดือนอีกเพียงไม่กี่วัน

“นายท่าน การขอแต่งงานจะมีขึ้นในวันสุดท้ายของเดือนครับ” ท่านหลงพูด

“อืม ฉันเป็นพ่อแท้ๆ ของเฉินตง ควรจะทำอะไรสักหน่อย”

ในสายโทรศัพท์ เสียงของเฉินเต้าหลินแสดงออกถึงความรู้สึกผิดไม่น้อย : “ในฐานะที่เป็นพ่อ ฉันไม่ได้อยู่ดูเขาเติบโตขึ้นมา ไม่ได้อยู่ร่วมในการแต่งงานครั้งแรกของเขา ตอนนี้เป็นการแต่งงานครั้งที่สอง ดูเหมือนว่าจะยังทันอยู่ จึงควรชดเชยอะไรให้กับเขาบ้าง”

“นายท่าน เรื่องนี้กระผมจะจัดการให้เรียบร้อย ขอให้ท่านอยู่ในตระกูลเฉินอย่างสบายใจ ถ้าหากเข้ามาใกล้ชิดกับคุณชายมากเกินไปแล้วล่ะก็ เกรงว่าคุณหญิงใหญ่……” ท่านหลงรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย

แต่ ยังไม่ทันจะพูดจบ

ในสายโทรศัพท์ก็มีเสียงโมโหของเฉินเต้าหลินดังขึ้น

ท่านหลงเคร่งขรึมขึ้นทันที

หลังจากนั้น เฉินเต้าหลินก็พูดขึ้นมาด้วยความโมโหว่า : “พวกเขาคิดว่าฉันยังเป็นเฉินเต้าหลินคนเก่าอยู่ แต่กลับมองไม่เห็นเลยว่าที่ตระกูลเฉินมีทุกวันนี้ได้เพราะใคร ! ถ้าหญิงชราคนนั้นยังกล้าก่อเรื่องอีกล่ะก็ ฉันจะใช้อำนาจของเจ้าบ้านตระกูลเฉิน เชิญให้เธอเข้าไปอยู่ในห้องโถงบรรพบุรุษ ให้ลูกหลานตระกูลเฉินกราบไหว้บูชา !”

เป็นการแสดงออกถึงเจตนาฆ่าที่รุนแรงและน่ากลัว

แม้แต่ท่านหลงเองก็ยังรู้สึกกลัวจนเสียวสันหลัง

“นายไม่ต้องเป็นห่วงอีกแล้ว เรื่องการขอแต่งงานของเฉินตง ขอให้นายตั้งใจจัดการอย่างเต็มที่ ส่วนการเตรียมการของฉัน นายเองก็ไม่ต้องเป็นกังวล”

ตู๊ดๆ

ปลายสายวางโทรศัพท์ไป

ท่านหลงยิ้มออกมาอย่างเล็กน้อย แววตาของเขาเต็มไปด้วยความโหยหา : “แม้แต่นายท่านก็เตรียมที่จะช่วยคุณชายขอแต่งงานแล้ว วันสุดท้ายของเดือนวันนั้น การขอแต่งงานจะยิ่งใหญ่ขนาดไหนกันนะ ?”

ท่านหลงเอามือลูบคาง มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนหน้าของเขาอย่างชัดเจนขึ้น : “กู้โก๋ฮั๋วปรารถนาที่จะก้าวเข้าไปในตระกูลเฉิน เพื่อที่จะขอร้องให้ตระกูลเฉินช่วยเหลือเขาในการขยายอาณาจักรธุรกิจอีกครั้ง ถ้าหากเขาล่วงรู้ว่า ความปรารถนาอันแรงกล้าที่เขามีมากว่าครึ่งชีวิต สำเร็จได้เพียงเพราะการรอคอยเป็นเวลาสามปีของลูกสาว ทำให้ได้แต่งงานกับผู้สืบทอดมรดกของตระกูลเฉิน ชายชราคนนั้นจะมีปฏิกิริยาเช่นไรกันนะ ?”

ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ท่านหลงถึงขนาดจินตนาการไปถึงท่าทางของกู้โก๋ฮั๋วขณะที่ล่วงรู้ความจริง

รอบยิ้มบนใบหน้าของเขายิ่งดูแปลกประหลาด เขาเอนตัวลงบนชิงช้าอย่างสบายใจ จากนั้นจึงแกว่งชิงช้าเบาๆ : “พรหมลิขิต……เป็นเรื่องที่วิเศษจริงๆ !”

ตอนนี้เอง

ประตูของวิลล่าเปิดออก

หลี่หลานกลับมาแล้ว

ท่านหลงหันกลับไปมองโดยไม่รู้ตัว เขาขมวดคิ้วทันที เขารู้สึกตงิดใจเล็กน้อย

หลังจากหลี่หลานเดินเข้ามาในลาน ก็เดินก้มหน้าก้มตาด้วยความรวดเร็ว

แต่ท่านหลงก็ยังคงสังเกตเห็นว่า บนใบหน้าของหลี่หลานมีรอบฝ่ามือสีแดงปรากฏอยู่ !

“คุณผู้หญิง คุณถูกทำร้ายมาหรือครับ ?”

ท่านหลงลุกขึ้น แล้วเขาไปขวางหลี่หลานที่เพิ่งกลับมาบ้านเอาไว้

“อย่าทายุ่ง” หลี่หลานพยายามเดินเลี่ยงท่านหลง แล้วเดินมุ่งหน้าต่อไปยังบ้าน : “ท่านหลง ขอร้องนายอย่าบอกเรื่องนี้กับเฉินตง เรื่องนี้ฉันสามารถจัดการได้แน่นอน”

“แต่รอยฝ่ามือบนหน้าของคุณ……” ท่านหลงทำใจไม่ได้

“ฉันบอกว่า ห้ามบอกตงเอ๋อ !”

จู่ๆ หลี่หลานก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาของเธอทั้งสองข้างบวมแดง เห็นได้ชัดว่าร้องไห้มา !

เธอกัดฟันอย่างดื้อรั้น แล้วค่อยๆ พูดว่า : “ฉันทำให้ต้องเอ๋อต้องเหนื่อยมานานแล้ว เขาเป็นลูกชายของฉัน ฉันเป็นห่วงเขา เขาเหนื่อยมามากพอแล้ว !”

ท่านหลงสีหน้าเศร้าหมองและพูดด้วยความจนใจ : “แต่กระผมคิดว่า คุณผู้หญิงไม่มีทางจัดการกับเรื่องนี้ได้ ก่อนหน้านี้เคยพูดว่า ต้นไม้ใหญ่ยังไหวเอนตามแรงลมได้ ตอนนี้ต้นไม้ใหญ่อย่างคุณชายได้เติบโตขึ้นมาแล้ว แม้แต่คุณผู้หญิงเองก็ยังหลบซ่อนอยู่ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ต้นนี้ แล้วคุณผู้หญิงคิดว่าตัวเองจะจัดการกับเรื่องนี้ได้อย่างไร ?”

“พอแล้ว !” หลี่หลานตะคอกอย่างเด็ดเดี่ยว ไม่หลงเหลือท่าทีที่อ่อนโยนและมีเมตตาเหมือนอย่างเคยอีกต่อไป

ท่านหลงมองดูหลี่หลานเดินเข้าไปในบ้าน ความปรารถนาดีของเขาถูกทำลายจนหมดสิ้น

เขาถอนหายใจอย่างจนปัญญา : “หมาจิ้งจอกที่หิวกระหายและเสือที่ดุร้าย จะไปเข้าใจความดีงามในหัวใจของมนุษย์ได้อย่างไร ? การได้กินเนื้อและดื่มเลือดต่างหาก ถึงจะเป็นธรรมชาติของพวกมัน ทำไมคุณผู้หญิงถึงไม่ยอมเข้าใจ ?”

……

เวลาค่อยๆ ผ่านไปช้าๆ

สำหรับเฉินตงแล้ว ทุกๆ วันผ่านไปอย่างเงียบสงบ แต่กลับทำให้เขารู้สึกอิ่มเอมใจอย่างยิ่ง

ทางด้านหนึ่งเขาก็ยุ่งอยู่กับงานของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง ส่วนอีกด้านหนึ่งเขาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมการขอแต่งงานที่จะเกิดขึ้นปลายเดือนนี้

ด้วยระยะเวลาและแรงดึงดูดที่มากขึ้น ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายในระยะเวลาเพียงครึ่งปี ก็เติบโตขึ้นถึง 50% อีกทั้งยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลงอีกด้วย

สำหรับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งแล้ว นี่ถือเป็นข่าวดีอย่างมาก

เมื่อราคาของอสังหาริมทรัพย์เกิดเสถียรภาพแล้ว ไท่ติ่งก็จะสามารถยกระดับตัวเองขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูงขึ้นได้

เฉินตงมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่า หลังจากที่ปฏิรูปพื้นที่ทางภาคตะวันตกเรียบร้อยแล้ว ความสามารถของเขาอาจจะสูงเกินกว่าที่จะพูดถึงตระกูลเฉินอีกก็เป็นได้

แต่เขาจะไม่มีทางกลับไปเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ที่ถูกตระกูลเฉินกดขี่ข่มเหงและบงการชีวิต !

ขอเพียงแค่เขาสามารถพาตัวเองออกมาจากความช่วยเหลือของพ่อและท่านหลงที่คอยประคับประคองเขาเอาไว้ได้เมื่อนั้น จึงจะถือว่าเป็นเวลาที่เขาสามารถยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเองอย่างแท้จริง !

การขอแต่งงานถูกดำเนินการอย่างต่อเนื่องภายใต้การวางแผนอย่างรอบคอบของเฉินตง

เพื่อการขอแต่งงานครั้งนี้ เฉินตงยอมทุ่มเทความสามารถทั้งหมดที่มี มากยิ่งกว่าที่ทุ่มเทให้กับไท่ติ่งเสียอีก

เขาอยากให้การขอแต่งงานในครั้งนี้ออกมาสมบูรณ์แบบ เพื่อเป็นความทรงจำที่งดงามที่สุดในชีวิตของกู้ชิงหยิ่ง

รายละเอียดทุกอย่างต้องลงมือทำด้วยตัวเอง

เวลาที่คนคนหนึ่งทุ่มเทกับความรัก เขาจะยอมอุทิศทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามี

กู้ชิงหยิ่งยอมกลับมาอยู่ข้างกายเขาในช่วงเวลาที่เขาลำบากมากที่สุด ความรู้สึกเช่นนี้ ทำให้เฉินตงรู้สึกคุ้มค่าที่จะยอมทำทุกสิ่ง

หลังจากที่เขากลับถึงบ้านด้วยความอ่อนล้าในทุกๆ วัน

เฉินตงก็จะส่งข้อความเพื่อพูดคุยกับกู้ชิงหยิ่งโดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย

ถึงแม้กู้ชิงหยิ่งจะตอบกลับมาเพียงไม่กี่คำ เป็นเฉินตงที่ “พูดเองเออเอง” เสียส่วนใหญ่ แต่สำหรับเฉินตงแล้ว นี่คงจะเป็นช่วงเวลาที่กู้ชิงหยิ่งกำลังรอคอยด้วยความคาดหวัง เพื่อรอการขอแต่งงานที่จะเกิดขึ้นปลายเดือนนี้

ก่อนหน้านี้กู้ชิงหยิ่งก็เคยบอกเฉินตงแล้วว่า จะไม่พบหน้ากัน ก็เพื่อที่จะสร้างความประหลาดใจให้เพิ่มมากขึ้นไม่ใช่หรือ ?

เรื่องนี้ เฉินตงไม่นึกสงสัยเลยแม้แต่น้อย

เพียงพริบตาเดียว

วันสุดท้ายของเดือนก็มาถึง

วันนี้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งไม่เปิดทำการ

ถึงขึ้นที่ว่าตึกที่ทำการขายทั้งสี่แห่งก็หยุดทำการไปด้วย นี่ทำให้ผู้คนภายนอกคาดเดากันไปต่างๆ นานา

ภายใต้คำสั่งของเฉินตง พนักงานทุกคนมารวมตัวกันอยู่ที่เขตวิลล่าเขาเทียนซานตั้งแต่เช้าตรู่เขตวิลล่าเขาเทียนซาน ไม่เพียงแต่ตั้งอยู่ในมุมหนึ่งของของเขาเทียนซานเท่านั้น

แต่ยังเป็นจุดชมวิวบนยอดเขาเทียนซาน ที่ถูกได้รับการพัฒนามานานแล้ว เรียกได้ว่าเป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดของเมืองนี้

เมื่อมองลงมา จะเห็นวิวทิวทัศน์ทั่วทั้งเมือง

ตั้งแต่เช้าตรู่ การมาถึงของเฉินตงและพนักงานของเขา ทำจุดชมวิวบนภูเขาเทียนซานถูกปิดบริการเช่นกัน

สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของสื่อภายในเมืองนี้เป็นอย่างมาก

รู้ไหมว่า ตั้งแต่ที่จุดชมวิวภูเขาเทียนซานเปิดให้บริการมา ยังไม่เคยปิดให้บริการมาก่อน !

แต่ไม่ว่าสื่อมวลชนจะพยายามสอบถามเช่นไร ก็ไม่มีข่าวรั่วไหลออกมาเลยแม้แต่น้อย

ประชาชนภายในเมืองค่อยๆ มีการแสดงความคิดเห็นออกมามากขึ้นเรื่อยๆ

สายตาของคนทั้งเมืองต่างกำลังจับจ้องไปที่จุดชมวิวบนเขาเทียนซาน ภายใต้การดึงดูดของสื่อ

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง

เฉินตงยืนอยู่ตรงถนนบนภูเขาแล้วมองลงไป จากจุดนี้สามารถมองลงไปเห็นถนนหลวงที่อยู่เชิงภูเขาได้พอดิบพอดี เมื่อมองไกลออกไป ก็จะเห็นบรรยากาศยามค่ำคืนของเมืองทั้งเมือง

เขายกโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วยิ้มเล็กน้อย : เสี่ยวหยิ่ง พวกคุณมาถึงกันหรือยัง ?”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset