Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 167 เขาไม่ได้เป็นเจ้าบ้าน ตระกูลเฉินก็ควรจะล่มสลายแล้ว!

บทที่ 167 เขาไม่ได้เป็นเจ้าบ้าน ตระกูลเฉินก็ควรจะล่มสลายแล้ว!

ไม่มีคำพูดตลอดคืน

ภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจบนเขาเทียนซาน ดึงดูดความสนใจของคนทั้งเมือง

เต็มไปด้วยความอิจฉาของสาวๆ ทำให้นอนไม่หลับกันเลยทีเดียว

เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น

เฉินตงได้เสร็จสิ้นการฝึกวิชาปีศาจ กลับถึงบ้านพร้อมกับคุนหลุน พอดีเจอกับท่านหลงที่กำลังดูข่าวเช้า

“คุณชาย ข่าวรายงานเรื่องเมื่อคืนแล้ว” ท่านหลงพูดอย่างอารมณ์ดี

เฉินตงยักไหล่ “คงไม่มีอะไรน่ารายงาน ไม่มีอะไรให้ดู”

ท่านหลงยิ้มแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้น “สื่อสำนักใหญ่ไม่มีเนื้อหาอะไรรายงาน แต่ว่านักข่าวอิสระมีนะ”

เฉินตงเดินเข้าไปดู ก็หัวเราะทันที

【ช็อกสนั่น! การเคลื่อนไหวของเขาเทียนซานในชั่วข้ามคืน พระเอกที่ไม่รู้ว่าเป็นใครดึงดูดให้คนจินตนาการ!】

นอกจากเรื่องที่เขาเทียนซานเป็นเรื่องจริง

รายงานที่เกี่ยวข้องพระเอกอย่างเฉินตง ล้วนเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมา

ถึงขนาดสร้างข่าวว่าเฉินตงเป็นลูกคนรวยที่มีชาติตระกูล เพื่อต้องการเอาใจเมียน้อย จึงได้ทำเรื่องฮือฮาแบบนี้

ที่ไม่กล้าปรากฏตัว เพราะกลัวเมียหลวงจะจับได้

เขาส่ายหัว เฉินตงไม่ได้สนใจ ทั้งครอบครัวหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ก็มุ่งหน้าไปบริษัท

คลับสี่ยิ่น ในสวนป่าไผ่

กู้โก๋ฮั้วตื่นเต้นจนนอนไม่หลับทั้งคืน ดวงตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดก็ยังไม่สามารถปิดบังความตื่นเต้นดีใจนี้เอาไว้ได้

ทุกสิ่งอย่างของเมื่อคืน จนกระทั่งตอนนี้เขายังรู้สึกเหมือนฝัน

ตัวเองที่มีอายุมานานขนาดนี้ ขอร้องตระกูลเฉินอย่างไม่มีหนทาง ทุกครั้งก็ถูกท่านหลงปฏิเสธ

แต่สถานการณ์กลับพลิก ลูกสาวกลับได้นำลูกเขยมังกรอย่างตระกูลเฉินเข้าบ้าน

มีความสัมพันธ์นี้อยู่ เขาไม่สงสัยเลย ขอเพียงตระกูลเฉินยื่นมือช่วย คอขวดของบริษัท ก็จะสามารถก้าวข้ามไปได้อย่างราบรื่น

ตระกูลเฉินไม่ใช่เจ้าเดียวที่จะช่วยขจัดปัญหาเรื่องคอขวด แต่ในใจเขา มันกลับเป็นสิ่งดีที่สุดเหมาะสมที่สุด

“ไม่ได้นอนมาทั้งแล้ว ไปนอนพักก่อนเถอะ?”

หลี่หวั่นชิงเดินเข้าในห้องโถง มองกู้โก๋ฮั้วอย่างสงสาร

“ผมไม่ง่วง พลังยังมีอีกเยอะ!”

กู้โก๋ฮั้วบิดขี้เกียจ กล่าวอย่างมีพลัง “เตรียมตัวหน่อย คืนนี้ยังต้องไปทานข้าวบ้านลูกเขย”

“คุณดูตัวเองซิ เมื่อก่อนพูดจายังตะคอกเฉินตงอยู่เลย เฉินตงแค่ขอเสี่ยวหยิ่งแต่งงาน ตอนนี้คุณก็เรียกเขาว่าลูกเขยแล้ว” หลี่หวั่นชิงมองค้อน ยิ้มอย่างต่อว่า

“ในเมื่อขอแต่งงานแล้ว ยังห่างจากการแต่งงานไกลมั้ย?”

กู้โก๋ฮั้วหัวเราะฮ่าๆ หันไปแล้วทำหน้าบึ้งกล่าว “เรื่องนี้คุณห้ามว่าผม ผมเป็นพ่อของเสี่ยวหยิ่ง แม้ว่าก่อนหน้านี้จะรู้ว่าเฉินตงเป็นคุณชายของตระกูลเฉิน ผมก็ต้องตะคอกใส่เขา มันคือหลักการ!”

“จ้าๆๆ รู้ว่าคุณสงสารลูกสาว พอใจแล้วนะ?”

หลี่หวั่นชิงขณะที่พูดก็ถอนหายใจ “พวกคุณสองพ่อลูก คนหนึ่งนอนถึงป่านนี้ก็ยังไม่ตื่น อีกคนถึงตอนนี้ก็ยังไม่นอน ไม่รู้จะทำยังไงกับพวกคุณดี”

ก๊อกๆ!

หน้าสวนประตูดังขึ้นด้วยเสียงเคาะประตู

กู้โก๋ฮั้ววิ่งไปเปิดประตูอย่างรีบร้อน

ด้านนอกประตู ก็คือท่านเมิ่ง

“ไอ้เมิ่ง มาแต่เช้ามีเรื่องอะไรเหรอ?”

กู้โก๋ฮั้วมีความสงสัยเล็กน้อย ท่านเมิ่งนั้นเป็นคนที่มีอำนาจบารมี ทุกวันมีเรื่องยุ่งๆตั้งมากมาย

แม้ว่าเพื่อนรักจะอยู่ในคลับสี่ยิ่น โดยปกติก็พบเจอได้ยาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเช้าๆแบบนี้เลย

ท่านเมิ่งยิ้มๆ “มีธุระจะหานาย”

ทั้งสองคนเดินเข้ามาในห้องโถง หลี่หวั่นชิงได้ชงชาเสร็จแล้ว ยังได้เตรียมขนมทานเล็กไว้อีกสองสามอย่าง

หลังจากนั่งลงแล้ว ท่านเมิ่งก็หยิบขนมมาทานหนึ่งชิ้น ทานค่อนข้างเร็ว เห็นได้ชัดว่ายังไม่ได้ทานอาหารเช้า

หลังจากขนมลงท้องไปสองชิ้น รู้สึกจุกเล็กน้อย ท่านเมิ่งจึงยกแก้วชาขึ้น แล้วจิบชา

กู้โก๋ฮั้วกับหลี่หวั่นชิงรออย่างเงียบๆ

ในที่สุด ท่านเมิ่งก็เอ่ยปากกล่าว “ไอ้กู้ จริงๆแล้วมีคำพูดหลายคำพูด เกี่ยวกับเฉินตง มีบางสิ่งอยากจะบอกนาย”

“ไม่เป็นไรพูดมาเลย” กู้โก๋ฮั้วกล่าว

ท่านเมิ่งนิ่งไปสักพัก แล้วกล่าว “นายน่าจะรู้กฎการสืบทอดตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลเฉินใช่มั้ย?”

กู้โก๋ฮั้วขมวดคิ้ว “จากรุ่นคนหนุ่มสาว คัดเลือกผู้เก่งกาจมาฝึกฝน แล้วก็เลือกจากผู้เก่งกาจที่มีสิทธิ์ในการสืบทอด มาแข่งแข็งกัน คนที่โดดเด่นที่สุดจึงจะได้เป็นเจ้าบ้านตระกูลเฉินคนต่อไป สิ่งที่เรียกว่าการอยู่รอดของผู้ที่เหมาะสมที่สุด ผู้ชนะก็คือราชา”

“ในเมื่อนายรู้ ก็พูดง่ายหน่อย”

ท่านเมิ่งพยักหน้า “เฉินตงแม้จะเป็นคุณชาย แต่ในความเป็นจริงยังไม่ถูกทำนองคลองธรรมนัก เพราะเขาเป็นลูกนอกสมรส ลูกนอกสมรสที่ตระกูลเฉินไม่ยอมรับ!”

โครม!

กู้โก๋ฮั้วกับหลี่หวั่นชิงเหมือนถูกฟ้าผ่า

พวกเขาก็คือตระกูลมหาเศรษฐี โดยธรรมชาติรู้ดีว่า ถูกหลักทำนองคลองธรรมนั้นมันสำคัญมากแค่ไหน!

ตระกูลเฉินเป็นผู้ควบคุมความมั่งคั่งของโลก อำนาจล้นฟ้า ถูกหลักทำนองคลองธรรม ก็ยิ่งสำคัญมาก!

ลูกนอกสมรสที่ไม่ได้รับการยอมรับจากครอบครัว พูดให้ชัดเจนก็คือเป็นคนตระกูลเฉินแค่ในนาม เป็นคนที่ไม่มีความหวังเลย

ไม่นับเป็นคนตระกูลเฉินด้วยซ้ำ

เมิ่งจับภาพความตกใจของกู้โก๋ฮั้วและภรรยาของเขาได้อย่างชัดเจน ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เขาคาดการณ์ไว้

เขารู้เป้าหมายของกู้โก๋ฮั้วดี ดังนั้นหลังจากบอกตัวตนที่แท้จริงของเฉินตงแล้ว กู้โก๋ฮั้วและภรรยาจะมีอาการแบบนี้ ก็เป็นเรื่องปกติ

นี่เท่ากับเป็นการดับเปลวไฟแห่งความหวัง ที่กู้โก๋ฮั้วเพิ่งจะจุดขึ้น

นิ่งไปสักพัก ท่านเมิ่งก็พูดต่อ “เพียงแต่ ลูกนอกสมรสอย่างเฉินตง ก็ไม่เหมือนกับลูกนอกสมรสทั่วไป พ่อของเขานั้นเป็นเจ้าบ้านตระกูลเฉินคนปัจจุบัน และเจ้าบ้านตระกูลเฉิน ก็ยอมรับลูกชายคนนี้ แม้ว่าคนทั้งตระกูลเฉินจะไม่ยอมรับก็ตาม”

ไม่ได้ปิดบังเลย พูดกันอย่างตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม

ท่านเมิ่งกับกู้โก๋ฮั้วเป็นเพื่อนรักกัน ดังนั้นเขาคิดทบทวนมาทั้งคืน รู้สึกว่าจำเป็นต้องบอกความจริงกับกู้โก๋ฮั้ว

ไม่ใช่ว่าจะให้กู้โก๋ฮั้วชั่งใจเลือก แต่เพราะเขากังวลว่ากู้โก๋ฮั้วที่รู้ว่าเฉินตงเป็นคุณชายตระกูลเฉินแล้ว ก็จะรีบวางแผนธุรกิจให้มันใหญ่ขึ้นมาทันที

หากเป็นแบบนี้ มันต้องล่วงเกินบุคคลอื่นๆในตระกูลเฉิน

ตระกูลเฉินที่ยิ่งใหญ่ แม้ว่าเจ้าบ้านตระกูลเฉินจะเพิกเฉย แต่ว่าคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน ไม่เพียงแต่คุณหญิง ไม่ว่าคนตระกูลเฉินคนใดคนหนึ่งก้าวออกมา ควบคุมอำนาจตระกูลเฉิน มันก็เพียงพอที่จะผลักกู้โก๋ฮั้วลงเหวลึก

กู้โก๋ฮั้วมีอารมณ์ที่สับสนลังเล “นายจะเตือนให้ฉัน ให้เสี่ยวหยิ่งเลิกกับเฉินตงเหรอ?”

ท่านเมิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ยิ้มอย่างขมขื่น “ต่อให้ต้องรื้อวัดสิบวัด ก็ไม่ทำลายชีวิตคู่ของคนอื่น ฉันแค่เตือนนาย ตอนที่ยังไม่รู้ว่าใครจะเป็นคนได้ตำแหน่ง ก็อยากเพิ่งเปิดเผยแผนการธุรกิจของนาย ไม่อย่างนั้นหากทำให้ตระกูลเฉินไม่พอใจ ปัญหามันก็จะไปกันใหญ่”

“แต่นายก็พูดชัดเจนแล้วนี่นา เฉินตงนั้นไม่มีความหวังแล้ว ตระกูลเฉินไม่ยอมรับเขา แม้ว่าเจ้าบ้านตระกูลเฉินที่เป็นพ่อจะยอมรับ ก็ไม่มีประโยชน์”

กู้โก๋ฮั้วถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อย “นายก็รู้ ท่ามกลางคนรวย แม้ว่าจะเป็นเจ้าบ้านก็ไม่มีสิทธิ์ขาดในการพูด!”

“ดังนั้น นี่คือสิ่งที่นายจะให้ฉันเลือก เลือกที่จะให้เสี่ยวหยิ่งเลิกกับเฉินตง หรือไม่ก็ลองเดิมพันสักตั้ง!”

ท่านเมิ่งมองด้วยสายตาที่ลึกๆ “ต่อให้นายจะเดิมพัน ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสชนะ เพราะในตระกูลเฉิน แม้ว่าจะมีเพียงแต่เจ้าบ้านที่ยอมรับเฉินตง มันก็เพียงพอแล้ว เพราะเจ้าบ้านตระกูลเฉินได้มอบสิทธิ์ในการเป็นผู้สืบทอดให้กับเฉินตงแล้ว!”

น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ แต่กลับมีพลัง

ขณะที่พูด ในหัวของท่านเมิ่งก็เกิดภาพวันนั้นที่เฉินเต้าหลินยืนอยู่หลังป่าไผ่ ข่มขู่คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

มีเจ้าบ้านตระกูลเฉินปกป้องสุดชีวิต เฉินตงนั้นมีโอกาสจริง และเป็นมังกรแท้ตัวหนึ่ง!

สิทธิ์ผู้สืบทอดตำแหน่งยังอยู่ แพ้ชนะยังไม่รู้ แต่มีโอกาสค่อนข้างสูง

ในห้องโถง เงียบเหมือนป่าช้า

กู้โก๋ฮั้วกับหลี่หวั่นชิงเข้าสู่ห้วงแห่งการคิด

ครู่ใหญ่ๆ

กู้โก๋ฮั้วก็หัวเราะขึ้นมา “ยังจะเลือกอะไรได้อีก เสี่ยวหยิ่งได้เลือกแทนฉันไปแล้ว เดิมพันก็เดิมพัน ชั่วชีวิตของฉันกู้โก๋ฮั้วก็เดิมพันมาถึงวันนี้ เปลี่ยนชะตาชีวิตตัวเอง ก็ไม่เสียหายที่จะเดิมพันเป็นเพื่อนเฉินตงอีกสักครั้ง?”

ท่านเมิ่งยิ้มเล็กน้อย ลุกขึ้น “แผนการธุรกิจของนายก็วางไว้ก่อน สิ่งที่สำคัญตรงหน้าก็คือการเดิมพันนี้ หากชนะ เหมือนช่วยฮ่องเต้ได้บัลลังก์ บวกกับนายก็เป็นพ่อตาของมังกร อนาคตก็จะขาดนายไม่ได้”

กู้โก๋ฮั้วพยักหน้า

ท่านเมิ่งก็เดินไปข้างนอก พลางเดิน พลางยิ้มแล้วกล่าว “ไอ้กู้จริงๆแล้ว เรื่องนี้หากเป็นฉัน ฉันก็จะเลือกเฉินตง ด้วยจิตใจที่เมตตาและมีความสามารถอย่างเขา เขานั้นเก่งกว่าผู้สืบทอดคนอื่นๆในตระกูลเฉินที่ฉันเคยเห็น หากเขาไม่ได้เป็นเจ้าบ้าน ตระกูลเฉินก็ควรจะล่มสลายได้แล้ว!”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset