Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 176 มีใครกล้ารับคำขอโทษจากผมบ้าง ?

ตอนที่เฉินตงมาถึงคลับสี่ยิ่นก็เป็นเวลาเที่ยงวันพอดี

ถึงแม้จะไม่มีการยื่นเรื่องขอเข้าพบใดๆ แต่คุนหลุนก็ยังคงขับรถโรลส์-รอยซ์เข้าไปในคลับได้โดยไม่ไม่มีใครเข้ามาขวาง

นี่เป็นเพราะท่านเมิ่งได้กำชับไว้แล้วว่า ถ้าหากเฉินตงเข้ามาในคลับสี่ยิ่น ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องขอเข้าพบ

หลังจากจอดรถเรียบร้อยแล้ว

“คุณชาย ให้ผมเข้าไปกับคุณชายนะครับ ?”คุนหลุนกล่าว

ในเมื่อคุณชายบอกแล้วว่าเขาจะมาที่คลับสี่ยิ่นเพื่อที่จะมาดูสุนัขที่กัดคนตัวนั้นว่าเป็นพันธุ์อะไร

แน่นอนว่าเขาต้องคอยติดตามคุณชายอย่างใกล้ชิด มิเช่นนั้นหากคุณชายถูกสุนัขกัดเข้าล่ะก็จะทำเช่นไร ?

“อืม”

เฉินตงตอบรับแล้วลงจากรถ

เขากวักมือเรียกพนักงานของคลับคนหนึ่งให้เข้ามาหา : “คุณท่านใหญ่หลี่อยู่ที่ไหน ?”

“ลานซานไห่ครับ”

“นำทางไปหน่อย”

พวกเขาเดินตามพนักงานเข้าไปด้านในของคลับสี่ยิ่น

เฉินตงแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย

เฉินตงเข้าออกคลับสี่ยิ่นหลายครั้ง เข้าจึงพอเข้าใจเกี่ยวกับข้อกำหนดต่างๆ ของคลับสี่ยิ่นดี

ลานซานไห่ถือเป็นสถานที่ต้อนรับระดับเฟิร์สคลาส

แต่เมื่อเทียบกับลานป่าไผ่ซึ่งถือว่าเป็นอันดับหนึ่งแล้วนั้น ยังถือว่าห่างไกลกันนัก

ตระกูลหลี่ซึ่งคิดว่าตนเองสูงส่ง แล้วทำไมแม้กระทั่งพ่อตาของเขายังทำให้ออกจากลานป่าไผ่ไม่ได้ ?

เฉินตงมองเห็นเรือนสี่ประสานอยู่ท่านกลางสนามหญ้าและสวนดอกไม้จากที่ไกลๆ

เป็นความสันโดษที่แตกต่างไปจากลานป่าไผ่

ถึงแม้จะพูดว่าลานซานไห่อยู่ในระดับมาตรฐานสูง แต่สิ่งที่เผยให้เห็นคือความงดงามและเคร่งขรึม

ส่วนทั้งสี่ด้านก็มีลานอยู่ล้อมรอบ

เพียงแค่มีทำเลที่ตั้งและสภาพแวดล้อมที่แตกต่างจากลานป่าไผ่เท่านั้น

เอี๊ยด…..

ประตูแบบโบราณสีชาดหนักอึ้งค่อยๆ ถูกผลักให้เปิดออก

เฉินตงค่อยๆ เดินนำไปด้านหน้า โดยมีคุนหลุนเดินตามอยู่ด้านหลัง

ที่นี่ไม่ได้ดูสง่างามเหมือนลานป่าไผ่ เมื่อมองเข้าไปด้านใน สามารถอธิบายได้ด้วยคำว่า “บรรยากาศหรูหรา”

เดินเข้าไปเพียงเล็กน้อย ก็พบกับชายหนุ่มสวมใส่ชุดสูทและรองเท้าหนังยืนต้อนรับอยู่

เป็นหนึ่งในบอดี้การ์ดของคุณท่านใหญ่หลี่

“คุณชาย คุณท่านใหญ่รออยู่ที่ห้องอาหารนานแล้ว คุณมาสายแล้ว”

บอดี้การ์ดโค้งคำนับ แล้วแสดงท่าที่เชื้อเชิญให้เข้าไปด้านในพร้อมกับบอกทิศทาง

แต่เฉินตงกลับไม่ยอมก้าวเท้าเดิน

กลับหันมองบอดี้การ์ดด้วยสายตาเย็นชา แล้วพูดว่า : “สุนัขรับใช้มีสิทธิ์มาตำหนิฉันด้วยหรือ ?”

สีหน้าของบอดี้การ์ดเปลี่ยนไป

ปัง !

คุนหลุนใช้เท้าเตะบอดี้การ์ดจนกระเด็นออกไป

เขาก้าวขึ้นไปข้างหน้าด้วยรูปร่างที่สูงตระหง่าน แล้วจ้องมองลงไปที่บอดี้การ์ด : “คุณชายของฉันมาถึงที่นี่ ก็ถือว่าให้เกียรติพวกแกมากแล้ว !”

“ไปกันเถอะ คุนหลุน”

เฉินตงเอามือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋า จากนั้นจึงเดินตรงไปยังห้องอาหารด้วยท่าทีสบายใจ และมีรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา : “นายจัดการได้เยี่ยมจริงๆ สุนัขที่สุนัขกัดคนเลี้ยงเอาไว้ จะต้องตีให้หนัก”

“คุณชาย เข้าใจแล้วครับ” คุนหลุนพยักหน้า

ภายในห้องอาหาร เต็มไปด้วยบรรยากาศของความคลาสสิก

ทั้งสีและกลิ่นอายมีความโบราณ

มีเสียงเครื่องดนตรีกู่เจิงดังก้องกังวาน และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของไม้จันทน์

บนโต๊ะกลมขนาดใหญ่ มีอาหารอันโอชะค่อยๆ หมุนอยู่ อาหารเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นของหายากและมีราคาแพง

คุณท่านใหญ่หลี่นั่งอยู่ตรงที่นั่งหลัก โดยมีท่านเมิ่งนั่งอยู่ข้างๆ ที่นั่งหลัก

โดยมีคนอื่นๆ อีกหลายคนนั่งถัดกันออกไป

ในบรรดาคนเหล่านั้นมีผู้อำนวยการหลิวของโรงพยาบาลลี่จิงและโจวเย่นชิวนั่งรวมอยู่ด้วย

คุณท่านใหญ่หลี่มีความคิดที่จะเปิดเผยความสัมพันธ์ที่ถูกเก็บงำเอาไว้ภายในตระกูลหลี่ออกมา โดยมีท่านเมิ่งเป็นผู้ให้การช่วยเหลือ จึงมีการเชิญคนใหญ่คนโตและผู้ที่มีอำนาจในเมืองนี้มาเป็นธรรมดา

ผู้อำนวยการหลิวถือเป็นผู้ที่กว้างขวางอยู่ในแวดวงการแพทย์และโรงพยาบาล ส่วนโจวเย่นชิวเองก็ถือเป็นผู้นำด้านห้างสรรพสินค้าของเมืองนี้ การที่สองคนมาปรากฏตัวพร้อมกันที่นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

โจวเย่นชิวกวาดสายตามองทุกคนที่อยู่บนโต๊ะอาหาร

ถึงแม้จะมีแว่นตาขอบทองคอยคั่นกลางอยู่ แต่ก็ไม่อาจกั้นขวางดวงตาที่มีไฟลุกโชนเป็นประกายของเขาได้

เมื่อพิจารณาดูอย่างละเอียดแล้ว ทุกคนที่นั่งอยู่ ไม่มีใครด้อยไปกว่าเขาเลยแม้แต่คนเดียว หากไม่ใช่คนที่อยู่ระดับเดียวกันกับเขา ก็เป็นคนที่อยู่ในระดับที่สูงกว่า

ท่านเมิ่งเปรียบเสมือนแผ่นฟ้าของเขา

ส่วนคุณท่านใหญ่หลี่นั้น เป็นคนที่แม้กระทั่งแผ่นฟ้าของเขายังต้องคอยนั่งอยู่ข้างๆ

ที่นั่งอยู่ตรงหน้าคือคนที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวง โจวเย่นชิวรู้สึกหูอื้อเหมือนได้ยินเสียงฟ้าผ่า

เขาเป็นนักธุรกิจที่เก่งที่สุดในด้านแสวงหาผลประโยชน์เข้าตัว

มิเช่นนั้นโจวเย่นชิวก็คงไม่เอาแต่เหยียบเรือสองแคมระหว่างฝั่งของเฉินตงและเฉินเทียนเซิง

ถ้าหากเขาสามารถผูกมิตรกับตระกูลหลี่ได้ สำหรับโจวเย่นชิวแล้ว ถือเป็นโอกาสที่ดีโอกาสหนึ่งเลยทีเดียว

ถึงจะไม่ใช่โอกาสที่สามารถทำให้เขาพลิกชะตาชีวิตได้เหมือนกับตระกูลเฉิน แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาก้าวขึ้นไปอยู่บนท้องฟ้าได้

“คุณท่านใหญ่หลี่ได้โปรดวางใจ หลังจากวันนี้ไป ทายาทของท่านจะต้องยอมกลับไปกลับท่านแต่โดยดีอย่างแน่นอน”

ในเมื่อมีโอกาสได้รับเชิญมาแล้ว โจวเย่นชิวจึงรู้จุดประสงค์ในการมาครั้งนี้ดี เขาจึงเอ่ยปากพูดด้วยท่าทียิ้มแย้มแจ่มใสเสียก่อน

หากจะว่ากันตามตรงแล้ว งานเลี้ยงในครั้งนี้ จัดขึ้นก็เพราะเจ้าบ้านใหญ่ ต้องการแสดงให้ลูกชายตัวแสบของตระกูลได้เห็นว่า ตระกูลของเจ้าบ้านใหญ่มีความสามารถในการเรียกเจ้าบ้านเล็กๆ มาได้มากมายขนาดไหน จากนั้นก็ให้ลูกชายตัวแสบ ยอมกลับไปตระกูลไปกับเขาด้วยความเต็มใจ เพื่อไปทำหน้าที่เจ้าบ้านมิใช่หรือ ?

“ฉันรู้สึกซาบซึ้งใจมาก”

คุณท่านใหญ่หลี่ยกมือขึ้นคารวะด้วยท่าทีเรียบเฉย แต่กลับไม่ได้แสดงออกถึงความรู้สึกขอบคุณเลยแม้แต่น้อย

ในความเป็นจริงแล้ว เขาเองไม่ต้องแสดงความขอบคุณต่อโจวเย่นชิวเลยด้วยซ้ำ

เขาเป็นเจ้าของตระกูลที่รวยที่สุดของเมืองหลวง

ในสายตาของเขาแล้ว ผู้มีอำนาจในท้องที่เล็กๆ อย่างโจวเย่นชิว ก็เป็นแค่มดตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น

“มากันมากมายขนาดนี้เชียว ?”

ตอนนี้เอง มีเสียงหัวเราะเยาะดังเข้ามาจากนอกห้อง

ทุกคนหันไปมองโดยพร้อมเพรียงกัน

โจวเย่นชิวที่เดิมทีใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม จู่ๆ กลับมีความตกตะลึงปรากฏขึ้นมาแทนที่รอยยิ้มนั้นในทันที

ผู้อำนวยการหลิวเองก็รู้สึกตกตะลึงไม่แพ้กัน มือทั้งสองข้างของเขากดลงบนโต๊ะอาหาร แทบจะกระโดดตัวลอย

ขึ้นมา

ท่านเมิ่งเองก็ตกใจจนกระทั่งมุมปากกระตุก เขาหันไปมองคุณท่านใหญ่หลี่ผู้สูงส่งและเย่อหยิ่งด้วยความประหลาดใจ

ส่วนคนอื่นๆ ก็ค่อยๆ แสดงอาการตกใจออกมาเช่นกัน

ตอนนี้เฉินตงและบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งถือได้ว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลของเมืองนี้

ด้วยฐานะของทุกคนที่นั่งอยู่ในตอนนี้ หากไม่รู้จักเฉินตง ก็คงจะเป็นเรื่องแปลก

อันที่จริงแล้ว ขณะที่เฉินตงได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของคนที่นั่งอยู่ภายในห้องเหล่านั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาเองก็หายไปทันทีเช่นกัน

บังเอิญขนาดนี้เลยหรือ ?

ท่านเมิ่ง ผู้อำนวยการหลิว และเหล่าสหายของกู้โก๋ฮั๋ว นั่งอยู่ในห้องนี้มากกว่าครึ่ง

อีกทั้งยังมีโจวเย่นชิวเอง ที่เพิ่งจะถูกเขาจับหัก “กระดูกสันหลัง” มาหมาดๆ เมื่อไม่นานมานี้เอง !

แต่ทันใดนั้นเอง เฉินตงก็เข้าใจทุกอย่างในทันที เขาแสดงสีหน้าเย็นชาออกมา

นี่มันเป็นการนัดพูดคุยที่ไหนกัน เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเป็นการข่มขู่ !

ถึงแม้คนที่เหลือเขาจะไม่ค่อยคุ้นหน้าคุ้นตานัก แต่คนที่เคยคุ้นเคยเป็นอย่างดีทั้งสามคน ต่างก็เป็นคนที่มีอิทธิพลในเมืองนี้ทั้งนั้น

หากเป็นการนัดพูดคุยจริงๆ ทำไมจะต้องเชิญคนใหญ่คนโตมามากมายขนาดนี้ด้วย ?

ตึง !

มีเสียงหนึ่งดังสนั่นขึ้นภายในห้องอาหาร

คุณท่านใหญ่หลี่ใช้ไม้เท้าหนักอึ้งของเขาเคาะลงไปบนพื้นด้วยท่าทีโมโห และตะคอกออกมาด้วยน้ำเสียงดุดัน

“ตงเอ๋อ วันนี้มีทั้งมิตรสหายและผู้หลักผู้ใหญ่นั่งอยู่รวมกันเต็มไปหมด ล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ที่เธออยู่ทั้งนั้น เธอมาสายแบบนี้ ถือว่าเป็นการเสียมารยาท ทำไมถึงยังไม่กล่าวขอโทษอีก ?”

ทันทีที่ได้ยิน

ท่านเมิ่งก็นั่งนิ่งด้วยความตกตะลึง

นี่……ต้องขอโทษด้วยหรือ ?

“ขอโทษเรื่องอะไร ?”

เฉินตงเลิกคิ้วแล้วยิ้มเยาะ : “คุณนัดผมให้มาถึงที่นี่ตอนเที่ยง ผมก็มาถึงตรงเวลา ผมเสียมารยาทตรงไหน ?”

คุณท่านใหญ่หลี่ยืดตัวตรง แล้วขมวดคิ้วด้วยความโมโห : “เธอให้พวกเราทุกคนที่นี่รอเธอคนเดียว ถือว่าเสียมารยาท !”

“เหอะ !”

รอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้าของเฉินตงเริ่มปรากฏชัดเจนขึ้น : “คุณวางมาดให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะ ถ้าคิดจะขู่ผมก็แสดงออกมาตรงๆ จะมัวทำอวดเบ่งอยู่ทำไม ?”

ขู่ ?

พวกของท่านเมิ่งต่างขมวดคิ้วแน่นและใจเต้นระส่ำ

คนของตระกูลหลี่ก็คือเฉินตง เรื่องนี้เพียงพอที่จะทำให้พวกเขารู้สึกตกใจได้ไม่น้อย

การจะให้เฉินตงรู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ยิ่งดูจะเป็นเรื่องใหญ่

แล้วทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นเรื่องของการข่มขู่ไปได้อีก ?

ทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ ล้วนแล้วแต่อยู่ในวัยที่มีความคิดรอบคอบกันทั้งนั้น ไม่ช้าพวกเขาก็เข้าใจในทันทีว่า อาหารมื้อนี้นั้นไม่อร่อยเอาเสียเลย

แกล้าแข็งข้ออย่างนั้นหรือ ! ฉันบอกให้เธอขอโทษ !”

คุณท่านใหญ่หลี่รู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก เขาตะคอกด้วยความโกรธ

“มีสิทธิ์อะไรมาใช้ให้ผมขอโทษ ?”

เฉินตงส่ายหัวอย่างไม่แยแส เขาส่ายหน้าพลางโบกมือพร้อมกับหย่อนก้นลงบนเก้าอี้ วางมือข้างหนึ่งลงบนที่พักแขนอย่างเกียจคร้านและนั่งไขว่ห้าง

จากนั้นจึงกวาดสายตามองดูทุกคน จนกระทั่งมาหยุดที่คุณท่านใหญ่หลี่เป็นคนสุดท้าย

“คุณลองถามดูซิว่า พวกเขาในที่นี้มีใครกล้ารับคำขอโทษจากผมบ้าง ?”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset