Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 190 พ่อจะสอนลูกนะว่า รังแกคนต้องรังแกให้ถึงที่สุด !

น้ำเสียงทรงพลังและสงบนิ่งเป็นอย่างมาก

แต่กลับได้ยินอย่างชัดเจน ราวกับเสียงฟ้าผ่าลงตรงหูของทุกคน

ทำให้คนตระกูลหลี่ทุกคน อยู่ในท่าทีที่สงบเสงี่ยมเป็นอย่างยิ่ง

แววตาของคุณหลี่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ มือทั้งสองข้างกำแน่น

เฉินตงมองไปที่ชายผู้นั้นที่ค่อยๆ เดินมา

หากพูดอย่างตรงไปตรงมา นี่คือครั้งแรกที่เขาได้เจอกับพ่อแท้ๆ ของเขาด้วยตัวเอง

ใบหน้าอันหล่อเหลา และท่าทีที่สง่างามภูมิฐาน ทำให้ยากที่จะเชื่อว่านี่เป็นภาพลักษณ์ของชายวัยกลางคน

เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย แสยะยิ้มที่มุมปากอย่างดูถูก ดวงตาทั้งสองข้างที่แหลมคมดูเหมือนกำลังเฝ้ามองทุกสิ่งอยู่

เฉินตงเคยเห็นชนชั้นสูงมาหลายคน

มีหลายคนที่มีท่าทางที่สง่างามและน่าเกรงขาม

แค่คนที่จะสง่างามได้เหมือนกับพ่อของเขา เห็นทีว่าจะมีเพียงแค่คนที่อยู่ในตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลเฉินเพียงคนเดียวเท่านั้น ต้องใช้เวลาฝึกฝนและสั่งสมประสบการณ์มาเป็นเวลาหลายปี

สิ่งที่ทำให้เฉินตงรู้สึกประทับใจมากยิ่งขึ้นก็คือ คำพูดประโยคนั้นของพ่อเขา !

“นายท่าน”

ท่านหลงและคุนหลุนก้มหัวเพื่อคารวะโดยพร้อมเพรียงกัน

เฉินเต้าหลินทำเพียงแค่พยักหน้า จากนั้นจึงเดินเข้าไปหาเฉินตง

สองพ่อสูงความสูงต่างกันไม่มากนัก หน้าตาก็ละม้ายคล้ายคลึงกัน และนิสัยกลับแตกต่างกันเป็นอย่างมาก

“ตงเอ๋อ”

เฉินเต้าหลินรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย : “คิดไม่ถึงเลยว่าการเจอหน้ากับลูกครั้งแรก จะต้องมาเจอกันในสถานการณ์เช่นนี้ อีกทั้งยังเป็นสถานที่แย่ๆ แบบนี้ด้วย”

คำว่า “สถานที่แย่ๆ” แสดงถึงการดูถูกเหยียดหยามอย่างที่สุด

ทำให้ทุกคนในตระกูลเฉินสีหน้าบึ้งตึง แต่ไม่กล้าพูดแสดงความโกรธออกมา

ในขณะที่เฉินตงเผชิญหน้ากับพ่อของเขา

จู่ๆ เขาก็รู้สึกอึ้งไปทันที

สมองของเขาว่างเปล่า

ความรู้สึกเช่นนี้แปลกประหลาดอย่างมาก

เขาเคยกล่าวโทษพ่อของเขา แต่หลังจากที่รู้เรื่องบางอย่าง ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไป

เขาเคยลองจินตนาการการพบหน้ากันระหว่างตัวเขาและพ่อนับครั้งไม่ถ้วน ว่าควรจะมีท่าทีเช่นไร ควรจะพูดอะไร

แต่หลังจากสิ่งที่เขาเคยจินตนาการมานับครั้งไม่ถ้วนกลับกลายเป็นความจริงขึ้นมา ริมฝีปากของเขากลับขยับแต่พูดอะไรไม่ออก

เฉินเต้าหลินยิ้มอย่างอบอุ่น แล้วค่อยๆ ตบไหล่ของเฉินตงเบาๆ

ตาของเขาเหลือบมองไปยังคนตระกูลหลี่ที่ยืนล้อมอยู่โดยรอบ แล้วเลิกคิ้วพูดว่า : “พวกมากรุมพวกน้อย ? คุณท่านใหญ่หลี่ หรือคุณคิดว่า ผม เฉินเต้าหลิน สามารถรังแกได้ง่ายๆ หรืออย่างไร ?”

“เต้าหลิน เธอฟังฉันอธิบายก่อน……”

คุณท่านใหญ่หลี่แสร้งทำเป็นสงบ

“อธิบายบ้าอะไรกัน ! เจ้าบ้านตระกูลเฉิน คุณดูผมกับคุนหลุนเสียก่อน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายสิบคนพวกนี้ เมื่อครู่ถูกพวกเราสองคนสกัดเอาไว้ ถ้าไม่ใช่เพราะผมจัดการไปได้หลายคน ทำให้คนพวกนี้ตกใจได้ ตอนนี้ถูกชายสุดที่รักของคุณ เกรงว่าคงจะถูกตีตายไปแล้ว”

ฉินเย่พูดตัดบทคำพูดของท่านใหญ่หลี่ขึ้นมาทันที เขาชูมีดสั้นที่เปื้อนเลือดไปทางคนของตระกูลหลี่ : “คุณดูนี้ คนตระกูลหลี่พวกนี้ เมื่อครู่ก็เกือบจะล้อมวงเข้าไปจัดการเฉินตงกับท่านหลงแล้ว โอ้พระเจ้า ตีลูกชายของคุณก็ถือว่ามากพอแล้ว แต่นี่ คนที่อายุมากแล้วอย่างท่านหลง พวกเขายังไม่ยอมละเว้นเลย”

คำพูดที่ร่ายยาวเป็นชุด ทำให้คุณท่านใหญ่หลี่รู้สึกเหมือนจะกระอักเลือดออกมา

เขาอยากที่จะพุ่งเข้าไปฆ่าฉินเย่ให้ตายซะเดี๋ยวนี้

“ไอ้หนูตระกูลฉิน นี่ไม่ใช่ที่ที่จะให้แกมาเห่า ไม่ใช่ที่ที่จะให้แกมาแสดงความป่าเถื่อน !” หลี่เต๋อซานตะคอกด้วยความโกรธ

ต่อให้เขาจะโง่แค่ไหน ก็เขาก็ฟังออกว่าฉินเย่กำลังเติมเชื้อไฟอยู่

แต่ทว่า ฉินเย่กลับหันไปถ่มน้ำลายลงบนพื้น แล้วพูดออกมาด้วยไปหน้าที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง : “แม่แต่พ่อแท้ๆ ฉันก็ฆ่ามาแล้ว แล้วแกจะมาบอกว่านี่ไม่ใช่ที่ที่จะให้ฉันแสดงความป่าเถื่อนอย่างนั้นหรือ ?”

“แก……” ใบหน้าของหลี่เต๋อซานแดงก่ำ เขาโกรธจนพูดไม่ออก

“พอได้แล้ว !”

เฉินเต้าหลินตะโกนออกมาด้วยความโมโห แล้วพูดอย่างเย็นชา : “ตอนนั้นฉันกลับบ้านตระกูลเฉินเพื่อสืบทอดตำแหน่งเจ้าบ้าน แต่ถูกตระกูลเฉินควบคุมเอาไว้ คุณจึงรังแกหลานเอ๋อและตงเอ๋อซึ่งเป็นลูกกำพร้าและหญิงม่ายสองแม่ลูก คิดว่าผม เฉินเต้าหลินไม่รู้หรืออย่างไร ? คนของผม เฉินเต้าหลิน ไม่ใช่คนที่สุนัขแก่ๆ อย่างคุณจะมารังแกได้ง่ายๆ !”

เปรี้ยง !

หลังจากคำพูดนี้ดังออกไป ทุกคนก็รู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า

เผด็จการ นี่เป็นการแสดงออกถึงความเผด็จการชัดๆ !

แต่คนในตระกูลหลี่ต่างนิ่งเงียบกันไปหมดแล้ว

เพราะพวกเขารู้ดีว่า เฉินเต้าหลินมีสิทธิ์ที่จะเผด็จการ !

“เต้าหลิน ฉันเป็นพ่อตาของเธอนะ……” คุณท่านใหญ่หลี่คร่ำครวญด้วยความหวาดกลัว

เขาในตอนนี้ ทั้งโมโหทั้งตกใจ

การปรากฏตัวของเฉินเต้าหลิน เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของเขา !

ตั้งแต่ที่เขาวางแผนเรื่องการลักพาตัวหลี่หลาน จนไปถึงการข่มขู่เฉินตง ไม่ได้มีการวางแผนถึงเรื่องของเฉินเต้าหลินอยู่ในนั้นเลย

เป็นเพราะเขารู้ดีว่า ถึงแม้ตอนนี้เฉินเต้าหลินจะมีสิทธิ์ช่วยให้เฉินตงได้รับตำแหน่งผู้สืบทอดมรดก แต่หากคิดจะลงมือช่วยด้วยตนเอง ก็คงเป็นไปไม่ได้

ในตระกูลเฉิน ไม่ได้มีแค่เฉินเต้าหลินคนเดียวที่สามารถตัดสินใจเรื่องทุกอย่างได้ ไม่ต้องพูดถึงคนกลุ่มอื่น เพียงแค่คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินคนเดียว ก็เพียงพอที่จะควบคุมเฉินเต้าหลินเอาไว้ได้แล้ว !

เช่นเดียวกับในตอนนั้นที่เขาพาคนของตระกูลหลี่ไปขโมยมรดกที่เฉินเต้าหลินทิ้งเอาไว้ให้มา เฉินเต้าหลินที่ถูกควบคุมอยู่ จึงทำได้เพียงแค่นั่งดูมรดกของหลี่หลานถูกขโมยไปโดยไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ และต้องกัดฟันทนต่อความอัปยศอดสู

แต่ทว่าตอนนี้ ทำไมจู่ๆ ถึงมาที่บ้านตระกูลหลี่ได้ ?

ถ้าไม่ใช่เพราะยังรู้ดีว่าคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินยังมีชีวิตอยู่ การที่ได้พบกับเฉินเต้าหลินในวันนี้ คุณท่านใหญ่หลี่คงถึงขั้นที่คิดว่าคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินคงจะตายไปแล้วแน่ๆ

“พ่อตา ?”

เฉินเต้าหลินหัวเราะเยาะ : “ตั้งแต่ที่คุณไม่สนใจตัดขาดความสัมพันธ์ฉันท์พ่อลูกกับหลานเอ๋อ คุณก็ไม่ใช่พ่อตาของผมอีกต่อไป ผมกับหลานเอ๋อ ตงเอ๋อ และตระกูลหลี่ของคุณ ไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีก !”

“ฉัน……”

คุณท่านใหญ่หลี่อึ้งไปเล็กน้อย

ท่าทีที่เผด็จการของเฉินเต้าหลินกับท่าทีของเฉินตงเมื่อครู่เหมือนกันเป็นอย่างมาก

สองพ่อลูกราวกับถูกถอดออกมาจากแม่พิมพ์เดียวดัน

การจัดการกับเฉินตงเพียงคนเดียว เขาสามารถใช้กลอุบายได้

แต่การจัดการกับเฉินเต้าหลิน ต่อให้เขาใช่กลอุบายนับสิบ เฉินเต้าหลินก็สามารถรับมือได้ทั้งหมด และทำลายมันลงได้ในคราวเดียว !

นี่คือสิ่งที่ใช้ฐานะเป็นตัวกำหนด ไม่เกี่ยวกับเรื่องของอุบาย !

“ตงเอ๋อ ลูกบอกพ่อมาซิว่า พวกเขารังแกลูกใช่ไหม ?” เฉินเต้าหลินเพิกเฉยต่อคุณท่านใหญ่หลี่ หรือจะพูดให้ถูกก็คือ เพิกเฉยต่อคนในตระกูลหลี่ทั้งหมด

เฉินตงงุนงงเล็กน้อย แววตาของเขาไม่อยู่กับร่องกับรอย

เขารู้สึกมีมือใหญ่ๆ วางอยู่บนไหล่ของเขา

จู่ๆ เขาก็รู้สึกประทับใจ และรู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้

ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า เป็นสิ่งที่เขารอคอยมากว่ายี่สิบปี !

ตั้งแต่เล็กจนโต ทุกครั้งที่เขาถูกรังแกและได้รับความไม่เป็นธรรม เขาคาดหวังว่าจะให้มีมือใหญ่ๆ เช่นนี้ปรากฏขึ้น และถามคำถามเช่นนี้ออกมา !

ดังนั้น เฉินตงจึงรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

“ดี !” เฉินเต้าหลินแสดงท่าทีเด็ดขาดออกมา “พ่อจะช่วยลูกรังแกพวกมันกลับเอง !”

เมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ ดวงตาของเฉินตงก็แดงก่ำขึ้นมาทันที

แต่คุณท่านใหญ่หลี่กลับมีสีหน้าที่ซีดเผือดลง

ภายในห้องโถงใหญ่เงียบสงัด

ทุกคนต่างอยู่ในอาการตื่นตระหนก

แต่หลี่เต๋อซานกลับแสดงออกถึงความโกรธที่รุนแรงขึ้น เขาชี้นิ้วและตะโกนไปที่เฉินเต้าหลินด้วยความโมโห : “เฉินเต้าหลิน จริงอยู่ที่คุณเป็นเจ้าบ้านตระกูลเฉิน จริงอยู่ที่ตระกูลเฉินแข็งแกร่งกว่าตระกูลหลี่ แต่คุณก็ควรจะดูเสียก่อนว่า ที่นี่เป็นที่ของตระกูลหลี่คุณอย่า……รังแกคนอื่นให้มากเกินไป !”

ถึงแม้จะเป็นการตะคอก

แต่ประโยคด้านหลังที่ว่า “รังแกคนอื่นมากเกินไป” กลับทำให้ทุกคนรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย

เฉินเต้าหลินแสยะยิ้มออกมา และไม่แยแสหลี่เต๋อซาน

แต่กลับหันไปมองเฉินตงด้วยแววตาอันเฉียบคม

“ตงเอ๋อ พ่อจะสอนลูกนะว่า รังแกคนต้องรังแกให้ถึงที่สุด ! หากกลัวว่าจะเป็นการรังแกมากเกินไป ไม่สู้อย่ารังแกเสียดีกว่า !”

เป็นคำพูดที่เสียงดังฟังชัดและเผด็จการที่สุด

เฉินตงรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก เขารู้สึกเหมือนหัวใจเต้นเร็วจนแทบจะหลุดออกมาจากหน้าอก

ทันทีที่พูดจบ

ฟิ้ว……

ฟิ้ว……

ฟิ้ว……

มีเสียงดังสนั่นก้องกังวานอยู่บนท้องฟ้าอันมืดมิด

เสียงอึกทึก

จนถึงขั้นกลบเสียงของฟ้าผ่าที่ดังอยู่บนท้องฟ้า

ทันใดนั้น

ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ต่างแตกตื่นและหวาดกลัว จากนั้นจึงมีคนวิ่งออกไปจากห้องโถงใหญ่และแหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

เฉินตงได้ยินเสียงก็รู้สึกสะดุ้งเล็กน้อยเช่นกัน ตัวของเขาเริ่มสั่นเล็กน้อย

เป็นเพราะว่า เสียงนี้ เขารู้สึกคุ้นหูเป็นอย่างดี !

ตอนที่ขอกู้ชิงหยิ่งแต่งงาน พ่อก็ส่งของขวัญชิ้นนี้มาให้ !

“เครื่องบินรบ สวรรค์ ท่านเจ้าบ้าน มีเครื่องบินรบบินอยู่เหนือคฤหาสน์ปราสาทของเรา !”

ด้านนอก คนของตระกูลหลี่กรีดร้องด้วยความตกใจ

ส่วนด้านในห้องโถงใหญ่ คุณท่านใหญ่หลี่และคนตระกูลหลี่คนอื่นๆ ต่างก็ตกใจจนหน้าซีดเผือด แขนขาอ่อนแรง

เฉินเต้าหลินหันกลับไปมองพวกของคุณท่านใหญ่หลี่

“คืนภรรยาของฉันมาให้ฉัน มิเช่นนั้นอย่ามาโทษฉัน ถ้าฉันจะถล่มตระกูลหลี่จนราบเป็นหน้ากลอง !”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset