Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – # ตอนที่ 178 ที่คุณเรียกว่า “ศักยภาพ” อยู่แค่ใต้เท้าของผมเท่านั้น !

ในห้องอาหาร

เสียงเงียบสงัด

บรรยากาศเริ่มแปลกไป

คุณท่านใหญ่หลี่นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยความงุนงง

คำพูดที่ผู้อำนวยการพูดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนเดินออกไป ทำให้เขาเกิดความรู้สึกสับสน ร่างกายของเขารู้สึกรุ่มร้อนเหมือนถูกไฟเผาและรู้สึกตื่นตระหนก

ด้วยตำแหน่งและฐานะของเขา ทำให้เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดราวกับใช้หมัดชกลงไปที่ฝ้าย

ก่อนหน้าที่ ตอนที่เขารู้ว่ากู้โก๋ฮั๋วแห่งบริษัทชิงหยิ่งพักอยู่ที่ลานป่าไผ่ ยังคิดที่จะไปขอเข้าพบ

เพียงชั่วพริบตาเดียว กลับพบว่าเฉินตงเป็นลูกเขยของกู้โก๋ฮั๋ว ?

ตระกูลหลี่ของเขาถูกบริษัทชิงหยิ่งกดเอาไว้อยู่

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีตระกูลเฉินอีก

แล้วมื้ออาหารของเขาในวันนี้……มันคือเรื่องตลกอะไรกัน ?

ตอนนี้เอง

คนที่นั่งอยู่ต่างก็ค่อยๆ ทยอยลุกขึ้น แล้วหันไปยกมือคารวะคุณท่านใหญ่หลี่ จากนั้นจึงหันหลังเดินกลับออกไป

เป็นไปตามคาด เมื่อทุกคนเดินไปถึงตรงหน้าเฉินตง ต่างก็ทยอยกันกล่าวคำขอโทษ

อีกทั้งท่าทีที่แสดงออกนั้น ช่างแตกต่างกับตอนที่หันไปคารวะคุณท่านใหญ่หลี่ราวฟ้ากับดิน

เพียงชั่วพริบตา

ในห้องอาหาร ก็เหลือเพียงแค่โจวเย่นชิวที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้

คุณท่านใหญ่หลี่หันไปมองโจวเย่นชิวด้วยความชื่นชม : “เสี่ยวโจว เธอ……”

ยังไม่ทันที่จะพูดจบ รอยยิ้มบนใบหน้าของคุณท่านใหญ่หลี่ก็หายไปทันที

เขามองดูด้วยความตกใจ

สิ่งที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้าคือ โจวเย่นชิวค่อยๆ ลุกขึ้น

จากนั้นจึงหันมาคารวะคุณท่านใหญ่หลี่ : “ขออภัยด้วยคุณท่านใหญ่หลี่ ฐานะของผมต้องต่ำที่สุดในที่นี้ ถ้าหากจะกลับก่อน ก็คงเป็นการเสียมารยาท”

พูดจบ แววตาของคุณท่านใหญ่หลี่ก็เต็มไปด้วยความโกรธราวกับจะสามารถกินคนได้

โจวเย่นชิวเดินไปตรงหน้าของเฉินตง

จากนั้น

เขาก็โค้งคำนับอย่างนอบน้อม

“คุณเฉิน ขออภัยด้วย ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย”

เปรี้ยง !

ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า ราวกับค้อนหนักๆ ที่ฟาดลงมาบนลูกตาของคุณท่านใหญ่หลี่อย่างแรง

ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกหายใจเหนื่อยหอบ ลูกกระเดือกของเขาขยับราวกับจะกระอักเลือดออกมาเสียให้ได้

เขารู้ดีว่า บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ตงของเฉินตงที่อยู่ในเมืองนี้ กำลังทะยานขึ้นไปเรื่อยๆ

แต่อย่างไรเสีย ศักยภาพก็ยังไม่อาจเทียบได้กับโจวเย่นชิว

คนหนึ่งเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ ส่วนอีกคนเป็นผู้นำด้านห้างสรรพสินค้าที่มีชื่อเสียงมานานแล้ว

ทั้งสองคนนี้ ต่อให้เฉินตงจะมีตระกูลเฉินและตระกูลกู้คอยหนุนหลังอยู่ แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่จะทำให้โจวเย่นชิวรู้สึกต่ำต้อยถึงขั้นนี้ได้

“อืม ไปเถอะ”

เฉินตงพยักหน้าอย่างเย็นชา

ถูกดัดหลังแล้ว ต่อไปก็อย่าคิดที่จะมาเหิมเกริมต่อหน้าเขาอีก

หลังจากที่โจวเย่นชิวกลับไปแล้ว

เฉินตงจึงหันไปมองคุณท่านใหญ่หลี่ที่นั่งนิ่งเป็นท่อนไม้ ด้วยแววตาที่เย็นชา บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มของความเย้ยหยัน

เขายักไหล่ แล้วพูดว่า : “การขู่ของคุณ จบลงแล้ว”

ถึงแม้จะพูดเพียงเบาๆ แต่นำเสียงกลับเต็มไปด้วยการดูถูกเยาะเย้ย ทำให้คุณท่านไหล่หลี่โกรธจนตัวสั่ง และได้สติคืนมา

เขาหันมองเฉินตงด้วยแววตาที่ซับซ้อน ริมฝีปากของเขาขยับ แต่ไม่รู้ว่าควรจะพูดตอบโต้กลับไปเช่นไร

เขาต้องการแสดงฐานะของตระกูลหลี่ให้เฉินตงได้เห็น เพื่อให้เฉินตงเชื่อฟังและยอมก้มหัวให้

แต่คิดไม่ถึงเลยว่า อาหารมื้อนี้ จะกลายเป็นเช่นนี้ไปได้

“เมื่อก่อนพวกคุณรังแกพวกเราสองแม่ลูกซึ่งเป็นเด็กกำพร้าและหญิงม่าย เอารัดเอาเปรียบตระกูลของเรา คุณมันเป็นพ่อประสาอะไร !

เฉินตงค่อยๆ ลุกขึ้น และพูดด้วยความเดือดดาล : “กลับไปตระกูลหลี่ที่แสนอำมหิตของคุณซะ อย่ามาวุ่นวายกับแม่ของผมอีก ตอนนั้นแม่ของผมตั้งท้องผมอยู่ เลยไม่อยากมีปัญหากับพวกคุณ แต่ตอนนี้ ถ้าคุณยังกล้ามายุ่งวุ่นวายอีก ผมจะเป็นคนส่งคุณไปตายเอง !”

“ตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลหลี่ของคุณ ผมไม่อยากได้เลยสักนิด !”

คุณท่านใหญ่หลี่ใบหน้าซีดเผือด แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แทบจะครวญครางว่า : “ตงเอ๋อ ถ้าเธอกลับไปตระกูลหลี่ รับหน้าที่ผู้สืบทอดมรดก ด้วยศักยภาพที่ตระกูลหลี่มี เส้นทางในอนาคตของเธอ จะต้องราบรื่นราวกับโรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างแน่นอน สำหรับเธอและตระกูลหลี่ นี่ถือเป็นทางออกที่ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย !”

“ดังนั้น คุณเลยสร้างเรื่องวันนี้ขึ้น ?”

เฉินตงแสยะยิ้มออกมา ใบหน้าเต็มใบด้วยการดูถูกเยาะเย้ย : “คุณคิดที่จะแสดงศักยภาพของตระกูลหลี่ให้ผมดู แต่ศักยภาพของคุณ กลับอยู่เพียงแค่ใต้เท้าของผมเท่านั้น คุณว่ามันน่าขำไหมล่ะ ?”

คำพูดดูถูกเพียงคำเดียว แต่กลับเป็นเหมือนมีดที่ถูกเผาจนร้อน แล้วนำมากรีดลงไปตรงหัวใจของคุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่

เฉินตงไม่คิดจะอยู่ต่อ เขาหันหลังแล้วเดินจากไปทันที

แต่บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่หน้าประตูกลับขวางเขาเอาไว้

“อยากตายเหรอ ?”

เฉินตงเอามือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋าแล้วเลิกคิ้วถาม

แววตาอำมหิตของเขา ทำให้บรรยากาศโดยรอบหนาวเย็นขึ้นมาในทันที

คุนหลุนเดินก้าวเข้ามา รูปร่างที่สูงตระหง่านของเขาทำให้บอดี้การ์ดทั้งสองต้องผงะไป

“หลีกไป !”

คุนหลุนตะคอกด้วยความโมโห

บอดี้การ์ดทั้งสองคนรีบเปิดทางให้ทันที

เฉินตงยิ้มแล้วหันกลับไปพูดกับคุณท่านใหญ่หลี่ว่า : “ต่อให้คนของคุณจะมีมากกว่านี้ ก็ยังเทียบไม่ได้กับคุนหลุนของผมแค่คนเดียว”

ทั้งการดูถูก เยาะเย้ย เสียดสี ถูกรวมอยู่ในคำพูดประโยคนี้ประโยคเดียว

ที่เขามาวันนี้ ไม่ได้มาเพื่อที่จะก้มหัวให้

แต่เขามาเพื่อที่จะบอกคุณท่านใหญ่หลี่ว่า เขาไม่ใช่คนที่จะหาเรื่องได้ง่ายๆ และไม่ใช่คนที่จะข่มขู่ได้

วิธีที่ดีที่สุดที่จะใช้จัดการกับคนใจดำอำมหิตที่ไร้ยางอายและชอบยกตนข่มท่านก็คือ ต้องทำตัวให้โหดเหี้ยมและอำมหิตกว่าเขา

คุณท่านใหญ่หลี่แววตาเศร้ามอง มองดูเฉินตงเดินจากไปด้วยความผิดหวัง

มือทั้งสองข้างของเขาที่จับไม้เท้าอยู่สั่นเทา เส้นเลือดบนหลังมือปูดโปนขึ้นมา

เขาเป็นเจ้าบ้านตระกูลหลี่ เป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวง

บารมีที่สั่งสมมาตลอดหลายสิบปี ความเชื่อมั่นในตนเองและความเย่อหยิ่งที่มีมาหลายทศวรรษ

คิดไม่ถึงเลยว่า บัดนี้ จะถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของหลานชายแท้ๆ ของเขา !

ในเมืองหลวง ใครไม่รู้จักคุณท่านใหญ่หลี่บ้าง ? ใครไม่ไว้หน้าคุณท่านใหญ่หลี่บ้าง ? ใครที่ไม่คิดจะเลียแข้งเลียขาตระกูลหลี่บ้าง ?

แต่ที่นี่ ทุกอย่างกลับสูญสิ้นไปหมดแล้ว !

เขารู้สึกว่าความภาคภูมิใจและศักยภาพที่มี ถูกเหยียบย่ำอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเฉินตงเรียบร้อยแล้ว !

“ดี ดีมาก เป็นหลานชายที่ดีของฉันจริงๆ……”

คุณท่านใหญ่หลี่กัดฟันกรอด แต่จู่ๆ กลับยิ้มออกมาอย่างเบิกบานใจ : “ยิ่งแกแข็งแกร่งเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งต้องดึงแกกลับมาที่ตระกูลหลี่ให้ได้ มีเพียงแกเท่านั้นที่จะมาค้ำจุนตระกูลหลี่ที่กำลังสั่นคลอนในตอนนี้ได้ จะว่าไปแล้ว หลี่หลานเอง ก็ถือว่าได้ให้กำเนิดลูกชายที่ยอดเยี่ยมออกมาคนหนึ่ง !”

ในสายตาของเขา สนใจก็เพียงแค่เรื่องผลประโยชน์เท่านั้น

หากมีผลประโยชน์วางอยู่ตรงหน้า เขาก็ยอมที่จะละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง

เช่นเดียวกับในตอนนั้น เมื่อเขาได้เห็นมรดกที่เฉินเต้าหลินทิ้งเอาไว้ เขาก็รู้สึกหวั่นไหว ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลที่จะใช้อำนาจของตระกูลหลี่ บีบบังคับหลี่หลาน กอบโกยผลประโยชน์โดยไม่รู้สึกละอายใจ

แต่ในตอนนี้ ตระกูลหลี่กำลังจะพ่ายแพ้และพังทลาย

คุณท่านใหญ่หลี่มองออกอย่างชัดเจนและรู้ดีอยู่แก่ใจ

ในตระกูลไม่มีทายาทคนไหนที่จะสามารถแบกรับภาระของตระกูลหลี่ไว้ได้อีกต่อไป

การให้เฉินตงเข้ามารับช่วงตระกูลหลี่ต่อ ถือเป็นทางรอดเพียงทางเดียวของตระกูลหลี่

ถึงแม้วิธีนี้อาจกระทบต่อผลประโยชน์ของคนในตระกูล แต่เขาก็ไม่มีทางเลือก

สิ่งที่เขาสนใจคือต้องการให้ตระกูลหลี่ยังคงยืนหยัดต่อไปได้ โดยไม่ได้สนใจว่าใครจะขึ้นมาเป็นเจ้าบ้าน

ขอเพียงแค่ตระกูลหลี่ยังคงเจริญรุ่งเรืองสืบต่อไปได้ หน้าตาและศักดิ์ศรีของเขาก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญ

เมื่อออกจากลานซานไห่แล้ว

เฉินตงและคุนหลุนก็ไม่ได้กลับออกจากคลับสี่ยิ่นในทันที

ไหนๆ ก็มาแล้ว เขาจึงถือโอกาสตรงไปยังลานป่าไผ่

ขณะที่เขาเดินเข้าไปในลานป่าไผ่ กลับพบว่ากู้ชิหยิ่งมายืนรอเขาอยู่นานแล้ว

เมื่อเห็นเฉินตง กู้ชิงหยิ่งก็วิ่งเข้าไปหาอย่างร่าเริง : “คนโง่ เกิดเรื่องอะไรขึ้น ?”

เฉินตงผงะไป เขาเลิกคิ้วแล้วมองเข้าไปในห้องรับแขก : “ท่านเมิ่งกับผู้อำนวยการหลิวมาที่นี่แล้ว ?”

“อืม พวกเขาเล่าให้ฟังหมดแล้ว”

กู้ชิงหยิ่งมองดูเฉินตงด้วยแววตาที่แปลกประหลาด เธอมองพิจารณาเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นจึงพูดติดตลกว่า : “คนโง่ ทำไมตอนเรียนมหาวิทยาลัยฉันถึงไม่รู้เลยว่าคุณยอดเยี่ยมขนาดนี้ ? ภูมิหลังของคุณ เหนือกว่าฉันหลายเท่านัก !”

“ผมเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน”

เฉินตงถูจมูกไปมา แล้วขำตัวเอง

กว่าสองทศวรรษที่ผ่านมา เขาพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะยกระดับตัวเอง

ใครจะไปรู้ว่าพ่อและแม่ของตนเอง จะมียักษ์ใหญ่ที่แข็งแกร่งอยู่เบื้องหลัง ?

“คุณช่างเป็นบุคคลล้ำค่าเสียจริงๆ ยิ่งนานวันฉันยิ่งรู้สึกสงสัยว่า คุณยังจะมีฐานะอะไรที่จะสามารถทำให้คนอื่นรู้สึกตกตะลึงได้อีก ?”

กู้ชิงหยิ่งลูบคางแล้วกล่าว

“บุคคลล้ำค่า ?”

เฉินตงเลิกคิ้วแล้วยิ้ม เขาเอาใบหูของเขาแนบเข้าที่ใบหูของกู้ชิงหยิ่ง จากนั้นจึงกระซิบเบาๆ พร้อมด้วยลมหายใจที่ร้อนผ่าว : “เด็กโง่ ผมมีของล้ำค่าชิ้นใหญ่อยู่จริงๆ คุณอยากจะดูไหมล่ะ ?”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset