Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 206 แม้แต่เทวดาก็อย่าคิดหนี

ภายในห้องพักผู้ป่วย

หลังจากท่านหลงพูดออกมาแล้ว บรรยากาศภายในห้องก็เย็นยะเยือกขึ้นทันที

ไม่เพียงแต่โจวเย่นชิวและฉู่เจียนเจียที่รู้สึกหนาวจนเสียวสันหลังเท่านั้น

แม้กระทั่งกู้ชิงหยิ่งเองก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน

เป็นไปได้ว่า หากเรื่องนี้จัดการตามที่ท่านหลงกล่าวมาจริง ครั้งนี้คงจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างอย่างแน่นอน

คงจะเหมือนพายุที่เข้าถล่มเมืองทั้งเมืองให้ราบเป็นหน้ากลอง !

ถึงขั้นว่าอาจมีผลกระทบแผ่กระจายเป็นวงกว้างออกไปไกล

สีหน้าของท่านหลงเคร่งขรึม และเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า : “ในเมื่อกล้าลอบสังหารคุณชายของผม เช่นนั้นทุกคนบนโลกนี้ก็จะได้รู้ว่า เวลาตระกูลเฉินโกรธน่ากลัวขนาดไหน !”

ริมฝีปากของโจวเย่นชิวขยับ แต่สุดท้ายเข้าก็เลือกที่จะเงียบ

เขาก้มหน้าก้มตารับคำสั่ง แล้วรีบหันหลังเดินกลับออกไป

เขาไม่อยากจะกลายเป็นหนึ่งใน “คนที่ถูกฆ่า”

ฉู่เจียนเจียหันมองกู้ชิงหยิ่ง จากนั้นจึงหันมองท่านหลง

แล้วค่อยๆ เอ่ยปากพูดว่า : “ในเมื่อพวกคุณอยู่ที่นี่แล้ว ถ้าเช่นนั้นเจียนเจียขอตัวก่อน”

กู้ชิงหยิ่งพยักหน้า

จากนั้นฉู่เจียนเจียจึงกลับออกไป

ขณะที่เธอเดินไปถึงประตู ด้านหลังก็มีเสียงที่เย็นชาของท่านหลงดังตามมา

“ก่อนที่ความจริงจะกระจ่าง รบกวนให้คุณหนูตระกูลฉู่อยู่ต่อในเมืองนี้อีกสักระยะ ค่าใช้จ่ายในการเข้าพักที่หมู่ตึกยู่ฉวนทั้งหมด กระผมจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง”

ฉู่เจียนเจียตัวสั่น เธอกัดริมฝีปากสีแดงระเรื่อของเธอแล้วพยักหน้า : “ยินดีทำตามคำแนะนำของท่านหลงค่ะ”

เธอมาที่นี่ก็เพื่อหาโอกาสใกล้ชิดเฉินตง ผู้ซึ่งเป็นผู้สืบทอดมรดก “นอกคอก” คนนี้ ที่สุดท้ายอาจจะกลายเป็นปลาคาร์ฟที่กระโดดเข้าสู่ประตูมังกรก็ได้

ต่อให้มีโอกาสเพียงเล็กน้อย แต่ก็ถือว่ายังมีหวัง ดีกว่าไม่มีเลย

แต่ทว่าตอนนี้ คำพูดของท่านหลง ไม่ได้เป็นคำพูดที่พูดแทนเฉินตงเพียงคนเดียวเท่านั้น

แต่กำลังพูดแทนคนตระกูลเฉินทั้งตระกูล !

หลังจากที่ฉู่เจียนเจียกลับออกไปแล้ว

กู้ชิงหยิ่งก็พูดออกมาอย่างอ่อนโยน : “ท่านหลง ทำเช่นนี้ ดูจะโหดร้ายเกินไปหรือเปล่าคะ ?”

“โหดร้ายหรือครับ ?”

ท่านหลงยิ้มเล็กน้อย : “ฮูหยินน้อยถูกคุณพ่อคุณแม่ดูแลประคบประหงมมาอย่างดีจนเกินไป หากไม่ใจร้ายบ้าง ก็เท่ากับว่าเรากำลังบอกคนที่พยายามลอบสังหารนายน้อยเหล่านั้น ให้กระทำการซ้ำอีกในครั้งต่อไปอย่างนั้นหรือ ?”

ฮูหยินน้อย ? !

กู้ชิงหยิ่งแววตาเป็นประกาย เธอหันไปมองเฉินตงที่นอนไม่ได้สติอยู่ แล้วพยักหน้า : “ท่านหลงพูดถูก”

ผ่านไปสักครู่ กู้ชิงหยิ่งก็เอ่ยถามขึ้นอีกว่า : “คุณบอกว่ามีตระกูลจางแห่งเมืองหลวงอยู่ด้วยไม่ใช่หรือ ?”

ท่านหลงแสยะยิ้ม : “กระผมกำลังคิดที่จะไปเยี่ยมตระกูลจางสักหน่อย ขอให้ฮูหยินน้อยช่วยดูแลคุณชายด้วย”

กู้ชิงหยิ่งพยักหน้า แล้วหันมองท่านหลงเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยไป

……

หมู่ตึกยู่ฉวน

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางและจางหยู่หลันตกอยู่ในอาการหวาดผวาตลอดทั้งคืน

เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เป็นเหตุการณ์นองเลือดที่น่ากลัวจริงๆ

ต่อให้เป็นคุณท่านใหญ่ตระกูลจางที่โลดแล่นอยู่ในวงการธุรกิจมานาน ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ก็ไม่อาจจะเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างสงบได้

ความตาย มีเพียงแค่ผู้ที่ผ่านประสบการณ์มาเท่านั้น ถึงจะรู้ดีว่าน่ากลัวขนาดไหน

แต่น่ากลัวก็ส่วนน่ากลัว คุณท่านใหญ่ตระกูลจางเองก็สามารถวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน

ไป !

ต้องไปเดี๋ยวนี้ !

การลอบสังหารที่มีความเกี่ยวพันถึงตระกูลเฉิน จะต้องเกิดการนองเลือดขึ้นอย่างแน่นอน

ถ้ายังอยู่ที่นี่ต่อไป คงจะต้องถูกคุมตัวเอาไว้จนกว่าความจริงจะกระจ่างอย่างแน่นอน

ดังนั้น เขาจึงเรียกให้จางหยู่หลันเก็บข้าวของตั้งแต่เช้าตรู่

“คุณปู่ ไม่ใช่ว่าพวกเราควรไปเยี่ยมเฉินตงที่โรงพยาบาลหรอกหรือ ?” จางหยู่หลันรู้สึกสงสัย

“เด็กโง่ ตอนนี้ที่นี่คือที่ที่อันตรายที่สุด ถ้าไม่รีบไปตอนนี้ ก็จะไปไม่ได้อีกแล้ว !”

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางถอนหายใจออกมา : “ยิ่งไปกว่านั้น หนูอย่าลืมสิว่า เมื่อคืนหนูทำอะไรเอาไว้ !”

เมื่อนึกถึงภาพที่จางหยู่หลันผลักเฉินตงและฉู่เจียนเจียเข้าไปหามีดเมื่อคืน คุณท่านใหญ่ตระกูลจางก็รู้สึกหัวใจเต้นระส่ำทันที

หากยังมีเรื่องนี้อยู่ ต่อให้การลอบสังหารจะไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา หลังจากที่เฉินตงฟื้นขึ้นมาแล้ว ก็ไม่มีทางยอมปล่อยตระกูลจางไปแน่นอน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะดึงเฉินตงมาอยู่กับตนต่อไปอีก

จางหยู่หลันตัวสั่นเทา สีหน้าซีดเผือด เธอรีบอธิบายอย่างตื่นตระหนก : “หนู หนูไม่ได้ตั้งใจ ตอนนั้นหนูเองก็กลัวมาก ดังนั้นในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานถึงได้……”

“หนูอธิบายได้ แต่จะอธิบายให้เข้าใจได้หรือเปล่า ?”

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางถอนหายใจอย่างจนใจ : “ตกอยู่ในความกลัวเหมือนกัน ตกอยู่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเหมือนกัน แต่สิ่งที่ฉู่เจียนเจียทำคืออะไร ?”

คำพูดประโยคนี้ทำให้จางหยู่หลันหน้าถอดสี

ราวกับถูกพูดแทงใจดำ

จางหยู่หลันกระทืบเท้าด้วยความโกรธ : “นังนั่นจะต้องเสแสร้งอย่างแน่นอน มันตั้งใจแสดงออกมา มันจะต้องกลัวมากกว่าหนูแน่ๆ”

เธอพูดพลางก็กัดฟันกรอดๆ ด้วยความโกรธ

เธอต่อสู้แข่งขันกับฉู่เจียนเจียมาตั้งแต่เล็กจนโต และเธอก็รู้สึกไม่พอใจฉู่เจียนเจียมาโดยตลอด

เสแสร้ง ? !

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับคำพูดของจางหยู่หลัน ในใจรู้สึกหดหู่ ถ้าหากเมื่อคืนหลานสาวของตนเสแสร้งเช่นนั้นบ้าง ก็คงจะดีไม่น้อย ?

แต่ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น จะใช้เพียงแค่คำว่า “เสแสร้ง” มาอธิบายได้เท่านั้นหรือ ?

สำหรับคนที่อายุขนาดเขาแล้ว ภาพที่ปรากฏขึ้นนั้น แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นสัญชาตญาณ ไม่ใช่การเสแสร้ง !

ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เป็นการเสแสร้งจริงๆ ก็ถือว่าเป็นการเสแสร้งที่ดูจะสมจริงสมจังเกินไปแล้ว !

“ไปกันเถอะ ถ้ายังไม่รีบไปอีกล่ะก็ คงจะไม่มีโอกาสไปอีกแล้ว” คุณท่านใหญ่ตระกูลจางพูดพลางถอนใจ

จางหยู่หลันไม่กล้าพูดอะไรอีก เธอรีบตามปู่ของเธอไป ภายใต้การอารักขาของบอดี้การ์ด จนกระทั่งออกจากหมู่ตึกยู่ฉวนไป

และในตอนนี้เอง โจวเย่นชิวก็กำลังรีบเดินทางกลับมา

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหมู่ตึกยู่ฉวนยังไม่ได้รับถ่ายทอดคำสั่งใดๆ

เมื่ออยู่ภายใต้การอารักขาของบอดี้การ์ด สองปู่หลานจึงสามารถเดินทางออกจากหมู่ตึกยู่ฉวนได้ในที่สุด

“เฮ้อ……”

ภายในรถ คุณท่านใหญ่ตระกูลจางแอบถอนหายใจออกมา

จางหยู่หลันเอ่ยถามออกมาด้วยความตื่นตระหนก : “คุณปู่คะ เราน่าจะหนีพ้นแล้วใช่ไหม ?”

“รอให้เราบินขึ้นเหนือน่านฟ้าเสียก่อน ถึงจะถือว่าหนีได้สำเร็จ” ดวงตาของคุณท่านใหญ่ตระกูลจางเหมือนมีประกายไฟลุกโชนขึ้นมา : “หลังจากกลับถึงเมืองหลวงแล้ว เมื่อเราอยู่ในอาณาเขตของเรา หากตระกูลเฉินต้องการสอบสวนเอาความผิดจริงๆ พวกเราก็ยังพอมีที่ว่างให้หลบเลี่ยงอยู่บ้าง ไม่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้”

สนามบินแถบชานเมือง

หลังจากที่รถแล่นมาถึง

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางและจางหยู่หลันก็มุ่งหน้าเข้าไปในสนามบินภายใต้การอารักขาของบอดี้การ์ด จากนั้นจึงขึ้นไปนั่งบนเครื่องบินส่วนตัวที่ทำการเตรียมเอาไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว

เครื่องบินบินขึ้นอย่างราบรื่นและไร้อุปสรรค

ในขณะเดียวกัน โจวเย่นชิวเองก็กลับมาถึงหมู่ตึกยู่ฉวน

หลังจากที่รู้ว่าสองปู่หลานตระกูลจางเดินทางออกไปแล้ว เขาก็หน้าถอดสีทันที และรีบรายงานเรื่องนั้นให้ท่านหลงทราบ

ท่านหลงที่ยังอยู่ระหว่างทาง เมื่อทราบเรื่องนี้เข้า เขาก็เปลี่ยนเส้นทางและรีบมุ่งหน้าตรงไปยังสนามบินแถบชานเมืองในทันที

เขาเร่งความเร็วไปพลาง ต่อสายโทรศัพท์ไปพลาง

“ท่านเมิ่ง คุณชายถูกสอบสังหาร ขอรบกวนให้คุณช่วยเรื่องหนึ่ง”

ท่านหลงหยุดพูดชั่วขณะ จากนั้นจึงกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

“ให้เครื่องบินส่วนตัวที่เพิ่งบินขึ้นเมื่อครู่ บินกลับมาที่เดิมและลงจอดในทันที มิเช่นนั้น กระผมคงต้องใช้กำลัง ยิงพวกเขาให้ร่วงลงมาเอง”

หลังจากวางสายโทรศัพท์แล้ว

แววตาของท่านหลงก็ดูดุดัน สีหน้าแข็งกร้าว : “ถ้าเรื่องนี้ยังไม่กระจ่าง ต่อให้เป็นเทวดาก็อย่าคิดที่จะหนีไปไหน !”

บนเครื่องบิน

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางกำลังนั่งดูก้อนเมฆที่ล่องลอยอยู่ด้านนอกหน้าต่าง

“หยู่หลัน สบายใจได้แล้ว นอนไม่หลับมาทั้งคืน รีบพักผ่อนสักประเดี๋ยวเถอะ” คุณท่านใหญ่ตระกูลจางรู้สึกโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก

“คุณปู่คะ จะเกิดเรื่องไม่คาดคิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ?” จางหยู่หลันยังรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางยิ้มออกมาเล็กน้อย : “นี่คือเครื่องบินส่วนตัวของตระกูลจาง หลังจากบินขึ้นแล้ว ต่อให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นจริง เครื่องบินก็ต้องฟังคำสั่งของปู่อยู่ดี”

หลังจากพูดจบ

พนักงานต้องรับบนเครื่องบินคนหนึ่งก็รีบเดินตรงเข้ามาอย่างรีบร้อน

“คุณท่าน คุณหนู เมื่อครู่พวกเราได้รับคำสั่งจากศูนย์วิทยุการบินให้ทำการบินกลับไปที่เดิมและลงจอดในทันทีค่ะ”

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก จึงพูดว่า : “ไม่ต้องไปสนใจ บินไปยังเมืองหลวงต่อไป”

กลัวสิ่งไหนก็เจอสิ่งนั้นจริงๆ

ใบหน้าอันงดงามของจางหยู่หลันซีดเผือด เธอรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย

แต่คำพูดของปู่ ทำให้เธอรู้สึกใจชื้นขึ้นมา

อย่างไรก็ตาม

หลังจากเวลาผ่านไปห้านาที

มีเสียงดังอึกทึกครึกโครมดังก้องขึ้นบนท้องฟ้า

เสียงที่ทำให้คุณท่านใหญ่ตระกูลจางและจางหยู่หลันที่กำลังนอนหลับสะลึมสะลืออยู่ตื่นขึ้นในทันที

ทั้งสองมองออกไปนอกหน้าต่าง และรู้สึกตกตะลึงในทันที

เครื่องบินรบสองลำกำลังบินขนาบเครื่องบินส่วนตัวอยู่

อีกทั้งปีนยิงกระสุนบนเครื่องบินรบ ก็ถูกปล่อยออกมาเรียบร้อยแล้ว

และกำลังเล็งเป้ามาที่เครื่องบินส่วนตัวของพวกเขา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset