Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 209 ตระกูลโจวแห่งซีสู่

คำพูดเพียงประโยคเดียว แต่กลับทำให้บรรยากาศภายในห้องพักผู้ป่วยหนาวเหน็บราวกับอยู่ในถ้ำน้ำแข็งใต้ดิน

พวกของเฉินตงต่างตกตะลึง

ตระกูลตระกูลหนึ่ง ต้องผ่านความพยายามอย่างหนักของคนหลายชั่วอายุคนถึงจะสามารถประสบความสำเร็จขึ้นมาได้

ไม่เพียงแค่เรื่องของทรัพย์สินเท่านั้น แม้กระทั่งฐานะรวมไปถึงเรื่องอื่นๆ ต่างสร้างมาจากหยาดเหงื่อแรงงานของคนหลายชั่วอายุ

และการที่ทำให้คนตระกูลหนึ่งกลายเป็นแพะรับบาปได้นั้น ทำกับเป็นการทำลายความพยายามที่มีมาทั้งหมดของคนกี่ชั่วอายุกัน ผู้บงการคนนี้ จะต้องเป็นคนที่น่ากลัวขนาดไหน ?

อย่างน้อย กู้ชิงหยิ่งก็รู้สึกตกใจจนกระทั่งต้องยกมือขึ้นมาป้องปาก

“เฮ้อ……”

เฉินตงถอนหายใจ เขาหยิบข้อมูลขึ้นมาอ่านอีกครั้ง

“ตระกูลโจวแห่งซีสู่ ?”

ข้อมูลเขียนไว้ชัดเจนว่า ตระกูลโจวเป็นเพียงแค่ตระกูลเล็กๆ ภายในซีสู่เท่านั้น

หากเทียบกับตระกูลหลี่ ตระกูลฉู่ และตระกูลจางแล้วนั้น หรือแม้กระทั่งนำมาเปรียบเทียบกับโจวเย่นชิว ก็เป็นเพียงมดตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น

อาศัยอยู่ในพื้นที่เล็กๆ เป็นเหมือนผู้มีอิทธิพลประจำท้องถิ่นก็เท่านั้น

ทรัพย์สินโดยรวมของทั้งตระกูล ก็มีไม่เกินสามร้อยล้าน

แล้วมีคุณสมบัติอะไรที่จะมาเป็นผู้บงการ ?

อย่าว่าแต่เรื่องที่ไม่มีความแค้นต่อกันเลย ต่อให้มีความแค้นจริง ตระกูลโจวก็ไม่มีทางที่จะมีความกล้าขนาดนี้ !

ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีทางรอดพ้นจากการร่วมมือกันสืบหาอย่างพลิกแผ่นดินมาได้ถึงสามวันขนาดนี้

“น่าขำสิ้นดี !”

เฉินตงปิดข้อมูลกลับไปเหมือนเดิม แล้วโยนลงถังขยะ

โจวเย่นชิวหันมองถังขยะหนึ่งครั้ง แล้วพูดออกมาอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก : “แต่การร่วมมือกันสืบหาขนาดนี้……”

“สืบออกมาเหมือนกันขนาดนี้ ถึงได้เรียกว่ามีลับลมคมในอย่างไรล่ะ”

ท่านหลงพูดตัดบทโจวเย่นชิว : “ถ้าหากมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง ก็ยังพอจะมีความเป็นไปได้ แต่นี่เหมือนกันทุกตัวอักษรขนาดนี้ แล้วมันไม่เหมือนกับการลอกข้อสอบหรืออย่างไร ?”

โจวเย่นชิวผงะไป เขายืนนิ่งพูดอะไรไม่ออก

“ผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังคนนี้ก็น่าขำ ภายในเวลาสามวัน กลับหาแพะรับบาปออกมาได้ เขาทำอย่างไรกันแน่ ตระกูลโจวถึงยินดีที่จะยอมตายแทนเช่นนี้ ?”

เฉินตงรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก

ตระกูลตระกูลหนึ่งต้องใช้ความพยายามของคนหลายชั่วอายุ แต่สุดท้ายกลับยอมเป็นแพะรับบาป ถึงขั้นที่ตระกูลอาจต้องจบสิ้นลง

ความเสียสละเช่นนี้ จะยอมเต็มใจทำเพียงเพราะถูกบีบบังคับได้เช่นนั้นหรือ ?

แน่นอนว่าไม่มีทาง

“คุณชาย ตอนนี้จะทำอย่างไรต่อดีครับ ?”

เฉินตงยักไหล่ จากนั้นจึงยิ้มออกมาอย่างจนใจ : “พ่อว่าอย่างไร ก็จัดการอย่างนั้นเถอะ”

“เข้าใจแล้วครับ”

ท่านหลงหันหลังเดินกลับออกไป

โจวเย่นชิวลังเลอยู่สักครู่แล้วจึงเดินตามออกไป

ภายในห้องพักผู้ป่วย บรรยากาศเงียบสงัด

รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินตงจางหายไป เหลืออยู่เพียงแค่ความเย็นชาและความหดหู่

คนที่สามารถควบคุมตระกูลตระกูลหนึ่งให้เป็นแพะรับบาปแทนตนได้นั้น ช่างน่าสนใจจริงๆ

จิ้งจอกที่สามารถซ่อนหางเอาไว้ได้หนึ่งครั้ง จะสามารถซ่อนเอาไว้ตลอดไปได้หรือไม่ ?

“เฉินตง……”

กู้ชิงหยิ่งเอ่ยปากพูด

เฉินตงโบกมือ : “เสี่ยวหยิ่ง เอาข้อมูลมาให้ผม ผมอยากจะอ่านดูอีกสักหน่อย”

หลังจากได้รับข้อมูลมาแล้ว เฉินตงก็ถ่ายรูปหน้าแรกเอาไว้ จากนั้นจึงส่งไปให้ฉินเย่

“คุณเป็นคนซีสู่ รู้จักตระกูลโจวนี่แค่ไหนกัน ?”

“ผมจะไปคุยกับคุณที่โรงพยาบาล” ฉินเย่ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว

……

หมู่ตึกยู่ฉวน

ภายในเทียนเก๋อ

ฉู่เจียนเจีย คุณท่านใหญ่ตระกูลจางและจางหยู่หลันนั่งมองหน้ากัน

หาข้อมูลออกมาได้เหมือนกันในเวลาเดียวกัน

ด้วยประสบการณ์ของคุณท่านใหญ่ตระกูลจางแล้ว ทำไมถึงไม่สามารถสังเกตเห็นว่ามีลับลมคมในได้ ?

“หน่วยข่าวกรองผิด !” ฉู่เจียนเจียกล่าว

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางพยักหน้า ตอนนี้เขาเองก็พูดโดยไม่ได้คำนึงถึงความสงสัยก่อนหน้านี้ : “ผลของหน่วยข่าวกรองหลักออกมาเหมือนกันขนาดนี้ ดูอย่างไรก็เหมือนกับผู้บงการตั้งใจที่จะเปิดคำเฉลยให้พวกเราดูอย่างไรอย่างนั้น”

“อีกทั้งตระกูลโจวแห่งซีสู่นั้น ก็ไม่มีแรงจูงใจในการลงมือ ยิ่งไปกว่านั้นคงไม่มีความกล้าขนาดนั้นด้วย” ฉู่เจียนเจียกล่าว

“แล้วถ้าเป็นพวกเขาจริงๆ ล่ะ ?” จู่ๆ จางหยู่หลันก็เอ่ยถามขึ้นมา

ฉู่เจียนเจียขมวดคิ้วแน่นแล้วหันมองจางหยู่หลันด้วยสายตาเย็นชา : “หน้าอกใหญ่แต่ไม่มีสมอง”

“แก……” จางหยู่หลันโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

“หยู่หลัน หุบปาก !”

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางห้ามปรามจางหยู่หลันไว้

จากนั้น เขาก็ยิ้มออกมาอย่างเบิกบาน : “แต่ว่า ในเมื่อได้คำตอบออกมาแล้ว เราทั้งสองตระกูลก็คงจะกลับเมืองหลวงได้เสียที”

หลายวันมานี้ คุณท่านใหญ่ตระกูลจางไม่อาจข่มตาให้นอนหลับลงได้

พลังสมองของเขาทั้งหมด ใช้ไปกับการสืบหาตัวผู้บงการ

เพราะเขารู้ดีว่า ถ้าหากสืบออกมาไม่ได้แล้วล่ะก็ ใครก็ไม่อาจรองรับความโกรธของตระกูลเฉินได้ไหว !

อย่างไรก็ตาม

หลังจากคำพูดนี้พูดออกไป

โจวเย่นชิวก็กำลังเดินเข้ามาในเทียนเก๋อ

เขาได้ยินสิ่งที่คุณท่านใหญ่ตระกูลจางพูดเข้าพอดี

โจวเย่นชิวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “ขออภัยด้วย ทั้งสามท่านยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”

“หมายความว่าอย่างไร ?” จางหยู่หลันรู้สึกร้อนใจขึ้นมาทันที

โจวเย่นชิวกล่าวด้วยท่าทีจริงจัง : “หลังจากคุณเฉินออกจากโรงพยาบาลแล้ว เขาต้องการที่จะพูดคุยกับพวกคุณทั้งสามคนอีกสักครั้ง”

หลังจากได้ยิน

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางและจางหยู่หลันก็มีสีหน้าหมองหม่นลงพร้อมกันทันที

สืบสวนความผิด ?

ฉู่เจียนเจียขมวดคิ้วแล้วพูดว่า : “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับฉัน ฉันช่วยเขาด้วยความหวังดี แต่เขารับมีดเล่มนั้นด้วยตัวเอง ทำไมฉันถึงยังไปไม่ได้ ?”

เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น

ทั้งสองตระกูลเองต่างก็ถอดใจเรื่องการผูกมิตรกับเฉินตงเรียบร้อยแล้ว

สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ คือควรพาตัวเองกลับไปถึงเมืองหลวงโดยเร็วที่สุด

ส่วนเรื่องผูกมิตรนั้น คงต้องเลื่อนออกไปอีกยาว

“คุณหนูฉู่เข้าใจผิดแล้ว คุณเฉินมีเรื่องต้องการจะถามคุณ”

โจวเย่นชิวกล่าวอธิบายแล้วกวาดสายตามองคนทั้งสามหนึ่งครั้ง แล้วพูดว่า : “ดังนั้น ก่อนที่คุณเฉินจะออกจากโรงพยาบาล รบกวนทั้งสามท่านพักอยู่ที่หมู่ตึกยู่ฉวนอีกสักระยะ กระผมโจวเย่นชิวในฐานะเจ้าของตึก จะดูแลรับรองทั้งสามท่านเป็นอย่างดี ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง”

หลังจากพูดจบ

โจวเย่นชิวก็หันหลังเดินจากไปทันที

ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีความเป็น “มิตร” หลงเหลืออยู่เลย

“คุณปู่คะ เราจะทำอย่างไรกันดี ?”

จางหยู่หลันหน้าถอดสี เธอคว้าแขนของคุณท่านใหญ่ตระกูลจางเอาไว้

คูรท่านใหญ่ตระกูลจางถอนหายใจ และพูดอย่างหดหู่ว่า : “การสืบสวนความผิด อย่างไรเสียก็ต้องเกิดขึ้น การชดใช้เล็กน้อย ตระกูลจางก็ยังคงพอรับไหว เรื่องนี้สามารถสืบหาความจริงออกมาได้ ก็ถือเป็นพรที่ฟ้าประทานมาให้แก่ตระกูลจางแล้ว”

“แต่……” จางหยู่หลันสีหน้าซีดเผือด เธอรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน ทำไมคืนนั้นมือของเธอถึงได้แส่หาเรื่องขนาดนั้นนะ ?

ฉู่เจียนเจียส่ายหัว แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ จากนั้นจึงหันหลังเดินจากไป

“นังบ้า !” จางหยู่หลันตะโกนด่าทอด้วยความโกรธ

……

โรงพยาบาลลี่จิง

ภายในห้องพักผู้ป่วย มีเพียงแค่เฉินตงและฉินเย่อยู่กันตามลำพัง

กู้ชิงหยิ่งอยู่ดูแลเฉินตงที่โรงพยาบาลมาสามวันแล้ว

ก่อนหน้านี้เขาเคยอยู่ดูแลแม่ที่โรงพยาบาลมาก่อน เขาจึงรู้ดีว่าการอยู่ดูแลผู้ป่วยที่โรงพยาบาลนั้นเหนื่อยขนาดไหน

ถึงแม้กู้ชิงหยิ่งจะไม่สนใจ แต่เขาก็ยังรู้สึกเป็นห่วงอยู่ดี

เสียงของฉินเย่ดังขึ้นอยู่ภายในห้องพักผู้ป่วย

เฉินตงฟังไปพลาง อ่านข้อมูลของตระกูลโจวแห่งซีสู่ไปพลาง

ท่าทางของเขายิ่งดูเย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ รอยยิ้มที่ปรากฏออกมาที่มุมปากของเขายิ่งชัดเจนขึ้น

เมื่อฉินเย่พูดจบ

แควก !

เฉินตงฉีกข้อมูลที่ถืออยู่ในมือออกเป็นชิ้นๆ

แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า : “สุดยอดจริงๆ ผู้บงการคนนี้ดูเหมือนจะเป็นเทวดา ถึงได้สร้างข้อมูลของตระกูลโจวออกมาได้ไม่แตกต่างกับที่คุณพูดมา นี่มันเหมือนกับการท่องจำมาชัดๆ ใครเชื่อผลลัพธ์นี่ก็บ้าแล้ว !”

“ไม่มีใครเชื่อแน่นอน”

ฉินเย่ยักไหล่ จากนั้นจึงเบะปากแล้วพูดว่า : “ถ้าเป็นตระกูลฉินแห่งซีสู่ทำร้ายคุณ ผมยังพอรับได้ แต่ตระกูลโจวที่ไร้ความหมายคิดจะลอบสังหารคุณ ? คิดว่าตระกูลของพวกเขาจะทำได้อย่างไร”

“แต่ว่า นี่คือผลลัพธ์ที่คนผู้นั้นต้องการให้ปรากฏออกมา แล้วคุณคิดจะทำเช่นไร ?”

“ทน !” เฉินตงพูดออกมาเพียงคำเดียว แววตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

“สิ่งนี้สามารถทนกันได้ด้วยหรือ ?” ฉินเย่พูดด้วยความงุนงง : “ผมขอเตือนคุณสักหน่อย ความอดทนทำให้ลมพายุสงบลงชั่วขณะหนึ่ง ถอยหนึ่งก้าวเพื่อลืมความแค้นแล้วจบทุกอย่างลง แต่ถ้าเป็นผม ผมจะฆ่ามันให้ตายแน่นอน !”

เฉินตงส่ายหัว : “ในเมื่อเขามีใจคิดจะฆ่าผม ครั้งแรกไม่สำเร็จ อย่างไรเสียต้องมีครั้งต่อไป”

เฉินตงถูจมูก แล้วจู่ๆ ก็ยิ้มออกมา : “แต่ว่า ผมก็ยังรู้สึกสงสัยอยู่ดีว่า ทำไมมดตัวเล็กๆ อย่างตระกูลโจว จะต้องโชคดีขนาดไหนถึงได้รับเลือกมาเป็นแพะรับบาปเช่นนี้ อีกทั้งพวกเขายังเต็มใจที่จะปิดฉากตระกูลของตัวเองอีกด้วย ?”

ฉินเย่เองก็ขมวดคิ้วแล้วครุ่นคิด ดวงตาของเขากลอกไปมา

ตระกูลที่มีทรัพย์สินสามร้อยล้าน ในสายตาของคนธรรมดาถือเป็นตระกูลที่มั่งคั่ง

แต่ในสายตาของตระกูลที่มั่งคั่งจริงๆ พวกเขาก็เป็นเพียงแค่มดตัวเล็กๆ เท่านั้น

ในบรรดามดตัวเล็กๆ มากมาย ทำไมถึงได้เลือกมดอย่างตระกูลโจวขึ้นมาเพื่อรับโทษทัณฑ์ที่หนักหนาขนาดนี้ด้วย ?

สักพักใหญ่

“คิดไม่ออก”

ฉินเย่ส่ายหัว แววตาของเขาเป็นประกายและแสยะยิ้มออกมา : “แต่เมื่อกี้ผมนึกถึงเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับตระกูลโจวออกมาเรื่องหนึ่งได้……”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset