Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 212 ยอมรับผิด

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา

บริษัทสื่อบันเทิงของฉู่เจียนเจียก่อตั้งขึ้นอย่างราบรื่น โดยใช้ชื่อว่า บริษัท ชูตง เอ็นเตอร์เทนเม้นท์

หลังจากได้ยินชื่อนี้ เฉินตงก็หลุดขำออกมาทันที

เขาตีปากตัวเอง : “ชูตง……ฉู่ตง ?”

แต่เฉินตงก็ไม่ได้ใส่ใจ ในเมื่อตัดสินใจร่วมมือกันมาถึงขั้นนี้แล้ว ชื่อนี้ฉู่เจียนเจียคงจะแสดงออกถึงการให้เกียรติเขามากกว่า

และในสัปดาห์ที่ผ่านมา

หลังจากที่ตระกูลโจวแห่งซีสู่ได้รับโทษ

ไม่ช้า ตระกูลโจวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับไอน้ำที่ระเหยไป

เมื่อข่าวนี้รู้ไปถึงหูของบรรดาตระกูลใหญ่ ต่างก็รู้สึกตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

จากนั้นบรรดาตระกูลใหญ่ก็ได้แต่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น

ใครๆ ก็รู้ดีว่า ตระกูลโจวแห่งซีสู่เป็นแพะรับบาป

แต่ก็ไม่มีใครกล้าออกมาขัดขวาง ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีใครกล้าแสดงความสงสารต่อตระกูลโจว

แต่การก่อตั้ง “บริษัท ชูตง เอ็นเตอร์เทนเม้นท์” กลับทำให้เกิดกระแสเป็นคลื่นลูกใหญ่ขึ้นในเมืองหลวง

หน่วยข่าวกรองของตระกูลใหญ่ สามารถสืบหาข้อมูลออกมาได้อย่างแม่นยำภายในระยะเวลาอันรวดเร็วว่า บริษัทนี้เป็นการร่วมมือกันระหว่างเฉินตงและตระกูลฉู่

สิ่งนี้ส่งสัญญาณให้ทุกคนเข้าใจอย่างชัดเจนว่า ตอนนี้เฉินตงจับมือกับตระกูลฉู่แล้ว

คาดว่าหลังจากนี้ น่าจะเป็นการพลิกโฉมครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมด้านสื่อบันเทิงอย่างแน่นอน

ตระกูลหลี่ถูกโจมตี ทำให้เมืองหลวงเกิดพายุลูกใหญ่ขึ้น

และการก่อตั้งของ “บริษัท ชูตง เอ็นเตอร์เทนเม้นท์” เห็นได้ชัดว่าเป็นการเติมเชื้อไฟให้กับเมืองหลวงในช่วงที่ไฟกำลังลุกโชนอยู่ ทำให้ไฟยิ่งร้อนระอุมากขึ้น

แต่ทว่า ในขณะที่ตระกูลใหญ่กำลังตกอยู่ในความตื่นตะลึง ก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่กำลังหัวเราะเยาะกับความใจร้อนของตระกูลฉู่ที่รีบวิ่งเข้าไปหา

เพียงแค่ต้องการพึ่งใบบุญของมังกร ก็เพียงพอที่จะทำให้ตระกูลฉู่ยอมกระโดดเข้าหาได้แล้ว

แล้วถ้าหากว่าคนที่เข้าไปพึ่งใบบุญไม่ใช่มังกร แต่เป็นเพียงแค่หนอนล่ะ ?

หัวกะทิของตระกูลเฉินมีมากมายนับไม่ถ้วน ตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกเองก็ใช่ว่าจะตบมือข้างเดียวได้

เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลเฉินในอนาคต ผู้สืบทอดมรดกของตระกูลเฉินแต่ละคนเองก็ล้วนทำตัวลึกลับและสูงส่ง

ผู้สืบทอดมรดก “นอกคอก” ของตระกูลเฉินคนหนึ่ง ก็สามารถทำให้คนจำนวนมากรู้สึกถึงโอกาสได้

แต่เมื่อลองคิดดูอย่างละเอียดแล้ว ผู้สืบทอดมรดก “นอกคอก” ของตระกูลเฉิน จะมีความแข็งแกร่งขนาดไหน ที่จะไปต่อสู้กับบรรดาผู้สืบทอดมรดกคนอื่นๆ กัน ?

ความเป็นไปได้ที่เฉินตงจะได้ขึ้นเป็นเจ้าบ้านตระกูลเฉิน ในสายตาของตระกูลใหญ่เหล่านี้นั้น ถือว่ามีโอกาสน้อยมาก

และถ้าหากเฉินตงเกิดพ่ายแพ้แล้วล่ะก็ ตระกูลฉู่เองก็จะต้องรอฟังข่าวร้ายเช่นกัน

ในสายตาของบรรดาตระกูลใหญ่เหล่านี้ ตระกูลฉู่กำลังเอาชีวิตไปแขวนไว้กับอนาคต เข้าร่วมการเดิมพันครั้งใหญ่ไปพร้อมกับเฉินตง !

แต่ทว่า โอกาสชนะมีอยู่น้อยมาก !

หมู่ตึกยู่ฉวน

หลังจากการรอมาหนึ่งสัปดาห์

ทำให้คูรท่านใหญ่ตระกูลจางและจางหยู่หลันรู้สึกหมดความอดทนนานแล้ว

การก่อตั้งบริษัท ชูตง เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ทำให้สถานการณ์ในเมืองหลวงเปลี่ยนไป สิ่งนี้ทำให้คุณท่านใหญ่ตระกูลจางไม่อาจข่มตาหลับลงได้ รู้สึกเหมือนตนเองนั่งอยู่บนเข็มที่คอยทิ่มแทงอยู่ตลอดเวลา

“คุณปู่ แล้วพวกเราจะต้องรอต่อไปอย่างนี้หรือคะ ?”

เที่ยงวันนี้ จางหยู่หลันมองดูจานอาหารอันโอชะมากมายที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้า แต่กลับไม่รู้สึกหิวเลยสักนิด

ถึงแม้ตอนนี้ เธอกับปู่จะอยู่อย่างอิสระภายในหมู่ตึกยู่ฉวน มีทั้งเสื้อผ้าที่หรูหราและอาหารอันโอชะมากมาย

แต่นี่ก็ไม่ต่างกับการถูกกักบริเวณเลยสักนิด !

เหนือจากสิ่งอื่นใด ตั้งแต่เล็กจนโต จางหยู่หลันไม่เคยต้องรับโทษในลักษณะเช่นนี้เลยสักครั้ง !

“รอไม่ได้อีกแล้ว ปู่จะรีบวางแผนกลับเมืองหลวงให้ได้โดยเร็วที่สุด ธุรกิจหลักของตระกูลเรา คงจะต้องล้างไพ่ใหม่ทั้งกระดานเสียแล้ว”

แววตาของคุณท่านใหญ่ตระกูลจางเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น : “ถ้าหากยังรอต่อไปเช่นนี้ สถานการณ์ในเมืองหลวงจะต้องเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือจริงๆ แน่นอน !”

เขาโลดแล่นอยู่ในวงการธุรกิจมาหลายสิบปี จึงรู้ถึงความสำคัญของเวลาดี

ถ้าหากไม่สามารถกลับไปถึงเมืองหลวงได้ภายในการเปลี่ยนแปลงระยะเริ่มต้น เพื่อทำการคำนวณและวางแผนใหม่

รอให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างเต็มรูปแบบ ต่อให้ตระกูลจางจะเป็นมหาอำนาจในอุตสาหกรรมด้านธุรกิจบันเทิง ก็ไม่มีทางที่จะมีกำลังมากพอในการเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีก

ในสถานการณ์เช่นนี้ ทางเดียวที่จะรอดคือต้องพุ่งชน

ขณะที่พูดเขาก็ลุกขึ้น จากนั้นจึงเดินไปที่ประตู : “เด็กๆ ฉันต้องการพบโจวเย่นชิว !”

สิบนาทีผ่านไป

โจวเย่นชิวก็เดินมาถึง

ในช่วงนี้ เข้าไปได้เข้าไปที่บริษัท แต่ประจำอยู่ที่หมู่ตึกยู่ฉวนเป็นการชั่วคราว

เพื่อช่วยเฉินตงจับตาดูสองปู่หลานตระกูลจางเอาไว้

“คุณท่านใหญ่ตระกูลจาง มีอะไรให้รับใช้หรือครับ ?” โจวเย่นชิวเอ่ยถาม

“ฉันต้องการพบคุณเฉิน !”

สีหน้าของคุณท่านใหญ่ตระกูลจางเคร่งขรึม แววตาแน่วแน่จริงจัง

“เอ่อ……” โจวเย่นชิวลังเลอยู่สักพัก

“ฉันอยากจะไปขอรับผิดกับคุณเฉิน !”

คำพูดประโยคนี้ ทำให้โจวเย่นชิวยอมพยักหน้าตอบรับ

หนึ่งชั่วโมงต่อมา

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางและจางหยู่หลันเดินทางไปถึงโรงพยาบาลลี่จิง ภายใต้การนำทางของโจวเย่นชิว

ตอนนี้เพิ่งจะพ้นเวลาที่ยงมาได้เพียงไม่นาน

เฉินตงกำลังนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย เขากำลังกินแอปเปิลที่กู้ชิงหยิ่งปอกเปลือกให้อย่างสบายใจ

ส่วนฉินเย่และท่านหลงนั่งมองหน้ากันอยู่บนโซฟาที่อยู่ข้างๆ

ฉินเย่หยิบแอปเปิลขึ้นมาด้วยความโกรธ แล้วกัดเข้าไปเต็มแรงหนึ่งคำ

“ยังไม่ได้ล้าง” ท่านหลงกล่าว

ฉินเย่เคี้ยวไปพลาง เอ่ยปากตอบไปพลางว่า : “ต่อให้หมาตายไป ก็ไม่มีคู่รักคู่ไหนเขาสนใจหรอก !”

พรวด !

คำพูดประโยคนี้ ทำให้เฉินตงและกู้ชิงหยิ่งหลุดขำออกมา

เฉินตงยิ้มแล้วพูดว่า : “อย่าลืมเสียล่ะ สิ่งที่ฉันรับปากนายเอาไว้ อีกเดี๋ยวขึ้นอยู่กับนายแล้วว่าจะแสดงออกมาได้ดีแค่ไหน”

ฉินเย่สะดุ้ง จากนั้นจึงมองตาปริบๆ

เขาคายแอปเปิลที่อยู่ในปากลงถังขยะ จากนั้นจึงพูดด้วยความดีใจว่า : “มาแล้วเหรอ ?”

“ในที่สุดก็ทนไม่ไหวแล้ว” เฉินตงยิ้มกว้างออกมาอย่างมีเลศนัย และเหลือบไปมองท่านหลง

ท่านหลงยิ้มเล็กน้อยเป็นการตอบรับ

อันที่จริงแล้ว การที่ให้สองปู่หลานตระกูลจางพักอยู่ที่หมู่ตึกยู่ฉวนตลอดทั้งสัปดาห์ โดยไม่เข้าไปสนใจนั้น เป็นความคิดของท่านหลง

ถ้าหากเฉินตงกล่าวโทษตระกูลจางอย่างรุนแรง สำหรับตระกูลจางแล้ว ถือเป็นความเจ็บปวดเพียงชั่วคราวเท่านั้น

แต่ถ้าปล่อยให้เวลาผ่านไปสักระยะ ให้ตระกูลจางเกิดความกดดันขึ้นภายในจิตใจอย่างต่อเนื่อง ให้พวกเขาเข้ามาขอรับผิดด้วยตัวเอง สิ่งนี้จึงจะทำให้ตระกูลจางสามารถจดจำความเจ็บปวดในครั้งนี้เอาไว้ได้

นี่คือวิธีการที่ผู้บังคับบัญชาควรมี

ก๊อกๆ !

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

“เข้ามา”

เฉินตงเลิกคิ้ว ส่งสัญญาณให้ฉินเย่

ฉินเย่ส่งสัญญาณมือว่า OK จากนั่งจึงนั่งพิงลงที่โซฟา แล้วแสดงทีท่าไม่สนใจ

“คุณเฉิน คุณท่านใหญ่ตระกูลจางมาเยี่ยมคุณที่โรงพยาบาลแล้ว”

หลังจากโจวเย่นชิวเข้ามาแล้ว ก็พูดด้วยความนอบน้อมอย่างมาก

ส่วนคุณท่านใหญ่ตระกูลจางและจางหยู่หลันก็เดินตามติดๆ มาทางด้านหลัง

ถึงแม้คุณท่านใหญ่ตระกูลจางจะอยู่ในท่าทีที่สงบ แต่แววตาของจางหยู่หลันกลับไม่อยู่กับร่องกับรอบ แสดงให้เห็นถึงความวิตกกังวลที่สองปู่หลานมี

“คุณเฉิน ผมมาเพื่อจะขอรับโทษกับคุณ”

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางยิ้มออกมา จากนั้นจึงโค้งคำนับ

จู่ๆ เฉินตงก็หัวเราะออกมา

เขามองตรงไปยังคุณท่านใหญ่ตระกูลจางด้วยแววตาที่เหมือนมีเปลวไฟลุกโชนอยู่ภายใน : “คุณท่านใหญ่ตระกูลจางพูดเล่นไปได้ คุณมีความผิดอะไรกัน ? ทำไมจะต้องมาขอรับโทษด้วย ?”

หลังจากได้ยิน

แววตาของคุณท่านใหญ่ตระกูลจางก็เป็นประกายขึ้นมา เขาขมวดคิ้วแน่นทันที

ส่วนจางหยู่หลันนั้นก็โกรธจนหน้าแดงและยืนลังเลอยู่

ผู้หญิงที่หยิ่งยโสอย่างเธอ ไม่ชินกับการท่าต้องก้มหัวเพื่อขอโทษคนอื่น

แต่เมื่อเห็นปู่ต้องยอมก้มศีรษะเพราะความผิดพลาดที่เธอก่อเอาไว้ รวมไปถึงสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในเมืองหลวง

ในที่สุด เธอก็ยอมกัดฟันหันไปโค้งคำนับเฉินตง แล้วพูดว่า : “คุณเฉิน ขออภัยด้วย คืนนั้นเป็นความผิดของฉันเองที่ทำให้คุณต้องเกือบถูกทำร้าย ขอคุณอภัยให้ด้วย”

“อ่อ ?”

เฉินตงแสยะยิ้มออกมา : “แผลที่อยู่บนหลังของผม ยังปิดไม่สนิทเลยนะ”

คำพูดประโยคเดียว แต่กลับทำให้บรรยากาศภายในห้องพักผู้ป่วยหนาวเหน็บในทันที

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางและจางหยู่หลันรู้สึกใจเต้นระส่ำพร้อมกัน

จู่ๆ คุณท่านใหญ่ตระกูลจางก็ตะคอกออกมาว่า : “หยู่หลัน คุกเข่าลง !”

จางหยู่หลันมองตาปริบๆ แต่ในที่สุดเธอก็ยอมคุกเข่าลงบนพื้น

“คำนับลงที่พื้นเพื่อยอมรับความผิดกับคุณเฉินซะ !”

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางดุพลาง ก็หันกลับไปมองเฉินตงด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม : “คุณเฉิน หวังว่าคุณจะเห็นแก่ที่หยู่หลันยังเป็นเด็ก ไม่รู้ประสีประสา ยกโทษให้กับเธอ พวกเราตระกูลจาง ยินดีที่จะชดใช้ให้แก่คุณเป็นเงินพันล้าน”

เปรี้ยง !

คำพูดประโยคนี้ ทำให้จางหยู่หลันรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า

ผลักแค่ครั้งเดียว ต้องชดใช้ถึงพันล้านเชียวหรือ ?

เฉินตงไม่ได้ตอบรับในทันที

แต่เขากับนิ่งเงียบไป แล้วเหลือบไปมองฉินเย่

บรรยากาศภายในห้องพักผู้ป่วยเงียบลงไปชั่วขณะ ยิ่งทำให้คุณท่านใหญ่ตระกูลจางและจางหยู่หลันกระวนกระวายใจเพิ่มขึ้น

ทันใดนั้น

ฉินเย่ที่นั่งอย่างไม่สนใจอะไรก็ลุกพรวดขึ้นมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า : “เฉินตง เห็นแก่ความเป็นพี่เป็นน้องที่ดีต่อกัน ตระกูลจางเองก็กล่าวขอโทษด้วยความจริงใจแล้ว ในฐานะที่คุณเองก็เป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง มีเรื่องอะไรที่คุณยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่อีกหรือ ?”

ท่าทีที่กล้าหาญและน้ำเสียงที่จริงจัง

ทำให้ท่านหลงและกู้ชิงหยิ่งรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันที

นี่เริ่มต้นการแสดงแล้วหรือ ?

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset