Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 219 กำหนดวันแต่งงาน?

ตระกูลฉินที่นิ่งเฉยมาหลายวัน แม้แต่อากาศยังรู้สึกกดดันแทน

ทุกคนในกระกูลฉิน อัดอั้นราวกับก้างปลาติดคอ

แม้แต่เวลาเดิน ก็ก้มหน้าก้มตา เดินอย่างเร่งรีบ

ทุกคนต่างรู้ดี ว่าหลายวันมานี้ เจ้าบ้านอารมณ์แปรปรวนไม่เบา

ในวันนี้ เจ้าบ้านที่เก็บตัวอยู่แต่ในห้องมาเป็นเวลาหลายวัน ในที่สุดก็ออกมา

และยิ้มอย่างมีความสุข ไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของความโกรธเคือง

เมื่อเจ้าบ้านตระกูลฉินเดินออกจากห้อง เขาก็สั่งลูกสายตรงของตระกูลออกไปพร้อมกัน

หนึ่งชั่วโมงต่อมา ที่สนามบินซีสู่

รถหรูหลายสิบคันขับเข้าไปยังรันเวย์ของสนามบินโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง จอดเรียงเป็นแถว ตรงขอบรันเวย์

เจ้าบ้านตระกูลฉินรีบลงจากรถ และพาคนของตระกูลฉินทุกคน เดินตรงไปยังเครื่องบินที่ลงจอดสนิทอยู่ตรงหัวมุมของรันเวย์

“ ยินดีต้อนรับคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน ! ”

เมื่อเจ้าบ้านตระกูลฉินยกมือคารวะ

“ยินดีต้อนรับคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน ! ”

กลุ่มคนตระกูลฉินทุกคนก็ได้ยกมือก้มลงคารวะในเวลาเดียวกัน อย่างเสียงดังฟังชัด

เมื่อประตูผู้โดยสารเปิด

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินค่อยๆก้าวออกจากเครื่องบิน

นางกวาดตามองกลุ่มคนตระกูลฉิน และยิ้มอย่างสง่า “ ตามสบายเถอะ”

“ คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน ทุกอย่างจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ระหว่างทางคงเหนื่อยน่าดู โปรดพักผ่อนดีๆ ” เจ้าบ้านตระกูลฉินใบหน้ายิ้มแย้ม

ในเมืองซีสู่ ตระกูลฉินถือเป็นมหาเศรษฐีอันดับต้นๆ

ระดับมหาเศรษฐีที่สูงส่ง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับตระกูลเฉิน เขาก็เป็นได้แค่ผู้คนต่ำต้อยที่ต้องก้มหน้าก้มตา ยิ้มแย้มเอาใจ

“ ช่วงนี้ตระกูลฉินดูวุ่นวายยิ่งนัก”

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินยิ้มและพูดหยอกล้อ

เจ้าบ้านตระกูลฉินถึงกับยิ้มไม่ออก ถอนหายใจอย่างท้อแท้ “ไอ้ลูกไม่รักดี เวรกรรมจริงๆ”

“เมื่อเป็นเช่นนี้ ควรจัดการให้เร็วที่สุด เพื่อเป็นแบบอย่างเตือนคนในตระกูล ไม่ให้ทำตาม”

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินดูท่าทีเฉยๆ แต่ดวงตากลับฉายแววเยือกเย็น “ความสามารถในการปกครองราชวงศ์ของเจ้าบ้านตระกูลฉิน ฉันก็เคยได้ยินมาบ้างแล้ว ลูกไม่รักดี ดื้อรั้นและไม่กตัญญูเช่นนี้ ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความเกี่ยวพันกับคนของตระกูลเฉินด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะไอ่ลูกสวะของตระกูลเฉินคอยก่อเรื่องในครั้งนี้ เจ้าบ้านตระกูลฉินก็คงไม่ถึงกับจะจัดการกับลูกทรยศคนนี้ไม่ได้”

เจ้าบ้านตระกูลฉินยิ้มอย่างหมดหนทาง “คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินได้โปรดตรวจสอบให้ชัดเจน เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเพราะเฉินตงจริงๆ ที่คอยก่อเรื่อง ”

ตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่ได้แสดงความประหลาดใจใด ๆ

กำลังของตระกูลเฉิน ถ้ามีใจที่จะสืบหาความจริง ยังไงก็ต้องสืบหาเบาะแสได้อยู่แล้ว

อีกทั้งเจ้าบ้านตระกูลฉินยังรู้ถึงสถานการณ์ของเฉินตงที่อยู่ในตระกูลเฉินด้วย

“ไปกันเถอะ ครั้งนี้ฉันตั้งใจมาเพื่อเรื่องนี้โดยเฉพาะ ยังไงก็ต้องให้ความยุติธรรมกับตระกูลฉินแน่นอน ” ระหว่างคิ้วของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน ดูเยือกเย็นกว่าเดิม

เจ้าบ้านตระกูลฉินดีใจยิ่งนัก ที่นิ่งเฉยมาหลายวันนี้ ก็เพราะเกรงกลัวอำนาจของตระกูลเฉิน จึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม

ในเมื่อวันนี้คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินได้ให้เกียรติเสด็จมาถึงที่นี่ และแสดงจุดยืน แน่นอนนี่เป็นการให้ความอุ่นใจแก่เจ้าบ้านตระกูลฉิน

นี่เป็นความแค้นที่ต้องชำระ

เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องถึงภาพลักษณ์ของตระกูลฉินมหาเศรษฐีแห่งเมืองซีสู่ หากไม่จัดการให้เร็วที่สุด ผลที่ตามมาจะไม่ต่างกับกระกูลหลี่ในเมืองหลวง !

ทั้งคู่หัวเราะพูดคุยและเดินไปยังขบวนรถ

และด้านหลัง เป็นกลุ่มคนตระกูลฉินและตระกูลเฉินที่เดินตามมาอย่างนอบน้อม

…………..

อีกฝั่งหนึ่ง

เมื่อกลับถึงบริษัท กู้ชิงหยิ่งก็ได้โทรเรียกเฉินตงออกไปในทันที

เมื่อเห็นกู้ชิงหยิ่ง เฉินตงรีบถาม “เกิดอะไรขึ้น? กลางวันแสกๆอยู่เลย เรื่องอะไรร้อนใจขนาดนี้”

กู้ชิงหยิ่งยิ้มหวาน “พ่อแม่ฉันจะกลับมาแล้ว ”

เฉินตงอึ้งไปสักพัก

ครั้งล่าสุดที่พ่อแม่ของกู้ชิงหยิ่งจากไป ก็เพื่อไปบ้านตระกูลเฉิน

ด้วยความสัมพันธ์ของเขา ครั้งนี้กู้โก๋ฮั๋วคงจะเคาะประตูตระกูลเฉินได้อย่างราบรื่นแล้ว

“มาเมื่อไหร่ ผมจะได้จัดเตรียมไว้ก่อน ” เฉินตงถาม

“ คืนนี้แหละ ”

กู้ชิงหยิ่งกล่าว “ คุณยุ่งขนาดนี้ ฉันจัดการเองดีกว่า พ่อแม่ฉันไม่มาอยู่นานหรอก พรุ่งนี้ก็กลับละ ที่มาครั้งนี้ ก็เพราะว่าอยาก……. ”

“ พูดถึงตรงนี้ ใบหน้างดงามของกู้ชิงหยิ่งแดงเล็กน้อย และรู้สึกเขินอาย

อะไรนะ? ” เฉินตงไม่เข้าใจ

“ คุณขอฉันแต่งงานแล้วนิ ” กู้ชิงหยิ่งพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

กำหนดวันแต่งงาน?

เฉินตงเข้าใจในทันที

ในเมื่อขอแต่งงานแล้ว ก็ควรจะตกลงเรื่องของการแต่งงานกันละ

เฉินตงขยี้จมูก แล้วยิ้มพูด “ ผมเข้าใจแล้ว งั้นคืนนี้ก็จะขอคุยเรื่องสินสอดกับคุณลุงคุณป้าทีเดียวเลยนะครับ ”

พิธีงานแต่งตามหลักประเพณีนิยม สินสอดทองหมั้น ต้องทำตามอย่างเคร่งครัดทุกขั้นตอน

ในเมื่อจะกำหนดวันแต่งงานแล้ว ก็ควรทำตามหลักธรรมเนียมอย่างเคร่งครัด

ในเรื่องนี้ เฉินตงไม่เคยคิดที่จะละเลย

ถ้าเขาละเลย เขาคงต้องรู้สึกผิดต่อกู้ชิงหยิ่งไปตลอดชีวิต

“งั้นผมไปจัดการนะ สถานที่ยังคงเป็นคลับสี่ยิ่นของลุงเมิ่งเหมือนเดิมนะครับ ”

กู้ชิงอิ่งเขย่งปลายเท้าขึ้น แตะแก้มเฉินตงเบาๆ

จากนั้นเขาก็จากไปอย่างร่าเริง

เฉินตรงมองดูกู้ชิงหยิ่งเดินไป และสัมผัสถึงความอบอุ่นที่ยังหลงเหลืออยู่บนแก้ม

ในความมึนงง เขารู้สึกประหม่าเล็กน้อย

ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ตกลงคบกับกู้ชิงหยิ่ง หรือฉากที่ของแต่งงาน

เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อน

แม้ว่าเขาจะแต่งงานครั้งที่สองแล้ว แต่พอนึกถึงกู้ชิงหยิ่ง เขาก็ยังรู้สึกประหม่าทำตัวไม่ถูก

หายใจเข้าลึกๆ

เฉินตงส่ายหน้า แล้วรู้สึกขำตัวเอง “จะตื่นเต้นอะไรขนาดนี้เนี่ย? ทั้งชีวิตของชิงหยิ่งก็มอบให้ฉันแล้ว นับภาษาอะไรกับเรื่องแค่นี้ ยังจะมาตื่นเต้น ”

………..

แวบเดียวก็ถึงเวลาหกโมงเย็น

พอเฉินตงเลิกงาน ท่านหลงกับหลี่หลานก็ได้ขับโรลส์-รอยซ์ไปรอรับอยู่ที่ข้างถนนแล้ว

หลังจากที่ขึ้นรถ ก็ได้ขับตรงไปยังคลับสี่ยิ่น

ระหว่างทาง บรรยากาศบนรถก็ดูอบอุ่นมีความสุข

สิ่งที่ทำให้เฉินตงถึงกับพูดไม่ออกก็คือ หลี่หลานเริ่มปรึกษากับท่านหลง ว่าลูกของเขากับกู้ชิงหยิ่งจะชื่ออะไรดี

เฉินตงทนฟังต่อไม่ได้จริงๆ “ คุณแม่ นี่เพิ่งจะตกลงเรื่องงานแต่งงานกันนะ แม่ก็เริ่มตั้งชื่อให้ลูกผมแล้ว แม่จะใจร้อนไปไหนครับเนี่ย?”

“ เด็กโง่เอ๊ย นี่เรียกว่าใจร้อนเหรอ? คิดไว้ตั้งแต่ตอนนี้ ถึงตอนนั้นจะได้ไม่ต้องวุ่นวายไงล่ะ” หลี่หลานมองอย่างไม่พอใจ

เฉินตงถึงกับพูดไม่ออก

ฟังจากที่แม่พูด อย่างกับว่าแค่หลับตาแล้วลืมตา ลูกก็จะกระโดดออกมาเลยงั้นเหรอ?

แต่เขาก็เข้าใจหัวอกของคนเป็นแม่

สามปีที่แต่งงานกับหวางหนันหนัน

เนื่องจากอาการป่วยของแม่ ตระกูลหวางไม่เคยแสดงสีหน้าดีๆให้เลย ทำให้คุณแม่ก็ต้องคอยทนรับอารมณ์และลำบากไปด้วย

ส่วนเรื่องอุ้มหลาน นั้นยิ่งเป็นความหวังที่เป็นไปไม่ได้เลย

และในตอนนั้น นับครั้งไม่ถ้วนที่ตระกูลหวางต้องการให้เฉินตงย้ายทะเบียนเข้าตระกูลหวางด้วยซ้ำ เพื่อที่ลูกเกิดมาจะได้แซ่หวาง นี่มันต้องการแต่งเขยเข้าบ้านชัดๆ

เรื่องนี้ยังไงคุณแม่ก็ไม่ยอมรับ และเฉินตงเองก็ไม่เต็มใจแน่นอน

ซึ่งด้วยเหตุนี้ ตลอดสามปีที่ผ่านมาหวางหนันหนันจึงไม่ยอมมีลูกกับเฉินตง

ที่สุดฟ้าก็สว่างสักที สถานการณ์ทางบ้านดีขึ้นเรื่อยๆ

ส่วนกู้ชิงหยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นความกตัญญูกตเวทีต่อมารดาหรือความดูแลเอาใจใส่ต่อเขา ก็ไม่มีข้อบกพร่องใดๆเลย

งานแต่งเช่นนี้ คุณแม่ไม่มีความสุขก็แปลกแล้ว

รถโรลส์-รอยซ์ขับเข้าไปในคลับสี่ยิ่น

หลังลงจากรถ ทั้งสามก็เดินตรงไปที่ลานป่าไผ่

ขณะนี้ ภายในลานป่าไผ่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนาน

“ ไอ้กู้เอ๊ย ครั้งนี้ก็นับว่ามาไม่เสียเที่ยวนะ”

ท่านเมิ่งพูดคุยและหัวเราะเบาๆ

กู้โก๋ฮั๋วหน้าแดงเปล่งประกาย ด้วยความภาคภูมิใจ รอบนี้มาไม่เสียเที่ยวจริงๆ ก็ถือว่าคุ้มค่าจริงๆ กับความพยายามตลอดหลายปีที่ผ่านมาของผม

ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเฉินตง

การเดินทางไปบ้านตระกูลเฉินในครั้งนี้ เขาได้รับการต้อนรับที่ดีมาก

เจ้าบ้านตระกูลเฉินใด้ออกไปต้อนรับด้วยตัวเอง ได้ยินแค่ “พ่อตา” คำเดียวก็ทำเอากู้โก๋ฮั๋วหัวใจเบิกบาน

ส่วนเรื่องการร่วมงาน เฉินเต้าหลินก็ตอบตกลง โดยไม่มีความลังเลใดๆ

แม้แต่เงื่อนไขที่ออกให้ ก็ทำเอากู้โก๋หัวดีอกดีใจจนอกสั่นขวัญแขวน

“เขย ตงเอ๋อเป็นลูกเขยของตระกูลกู้จริงๆ”

กู้โก๋ฮั๋วแอบชื่นชมอยู่ในใจ ภายใต้ความปิติยินดี เขาพูดกับท่านเมิ่งด้วยความระมัดระวัง “ ท่านเมิ่ง ผมไม่กลัวคุณจะหัวเราะเยาะ ”

“ ผมกลับมาในครั้งนี้ ก็เพราะอยากให้ลูกทั้งสองแต่งงานกันให้ไวที่สุด ไม่อย่างนั้นผมคงจะกังวลใจตลอดเวลา ”

หลี่หวั่นชิงมองอย่างทำอะไรไม่ถูก แล้วส่ายหน้าหัวเราะเบาๆ

“ กลัวเขาจะหนีรึ? ” ท่านเมิ่งเลิกคิ้วขึ้นและกล่าว

กู้โก๋ฮั๋วพยักหน้าอย่างจริงจัง

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset