Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 223 แผนการ !

ลมเย็นโชยอ่อนยามค่ำคืน

บริเวณชายหาด มีเกลียวคลื่นหมุนวนเข้ามากระทบฝั่ง

หลังจากดื่มด่ำกับอาหารมื้อใหญ่แล้ว

เฉินตงและกู้ชิงหยิ่งก็จูงมือกันเดินเล่นบนชายหาด

คุนหลุนกับกูหลังแยกตัวออกไปสักพักแล้ว เพื่อที่จะไปรอต้อนรับทีมช่างภาพที่เพิ่งจะเดินทางมาถึง

ลมทะเลที่มีกลิ่นอายของความเค็มเล็กน้อยพัดมาทำให้ความร้อนเบาบางลง

“เฉินตง”

จู่ๆ กู้ชิงหยิ่งก็หยุดเดิน เธอเงยหน้าขึ้นมองเฉินตงด้วยแววตาที่เป็นประกายราวกับดวงดาวที่ระยิบระยับอยู่บนท้องฟ้า เป็นแววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังอย่างแรงกล้า : “พวกเรามาเต้นรำที่นี่กันไหม ?”

เต้นรำ ?

เฉินตงรู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย เขาส่ายหัว : “ผมเต้นรำไม่เป็น”

เขาเหลือบมองผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมารอบๆ จากนั้นจึงยักไหล่ : “อีกอย่าง คนเยอะขนาดนี้ น่าอายจะตายไป”

“ช่างเถอะ”

กู้ชิงหยิ่งมุ่ยปากด้วยความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

เธอปล่อยมือเฉินตง แล้วเอามือทั้งสองข้างไขว้หลัง จากนั้นจึงเดินต่อไปบนชายหาด

เฉินตงลังเลและตัดสินใจไม่พูดอะไรออกมา

เขาเต้นรำไม่เก่งจริงๆ

เวลาสี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัยของเขาหมดไปกับการต่อสู้ดิ้นรน ทำงานและเรียนหนังสือ

เข้าเคยเข้าเป็นสมาชิกหลายชมรม แต่นั่นก็เพื่อพัฒนาศักยภาพของตัวเขาเอง

ส่วนการเต้นรำนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรแก่เขาในเวลานั้น

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนั้นพวกเขาทั้งสองอยู่บนชายหาดที่มีผู้คนมากมายขนาดนี้

ทันใดนั้น เฉินตงเหลือบตาไปมอง และนึกแผนการขึ้นมาในใจ

มีทั้งสองข้างของกู้ชิงหยิ่งไขว้อยู่ด้านหลัง เธอเดินเตะพื้นทรายอย่างไร้จุดหมาย ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดหวัง

ฉากหลังที่งดงามขนาดนี้ ถูกตระเตรียมเอาไว้สำหรับถ่ายภาพแต่งงาน

เธออยากเต้นรำร่วมกับเฉินตงสักครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งที่เธอจะได้อยู่กับเฉินตงตามลำพัง

จึงน่าจะมีอะไรที่พิเศษ เพื่อเก็บเอาไว้เป็นความทรงจำถึงจะถูก ?

“คงโง่นี่ช่างไม่รู้จักความสนุกสนานในชีวิตเอาเสียเลย”

กู้ชิงหยิ่งบ่นพึมพำ

หลังจากพูดจบ

“เสี่ยวหยิ่ง !”

มีเสียงของเฉินตงดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง

กู้ชิงหยิ่งหันกลับไปมอง ใบหน้าของเธอถูกปกคลุมไปด้วยแสงสว่างจ้า ทำให้แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาทันที

ดอกไม้ไฟถูกจุดขึ้น เป็นประกายไฟสวยงาม

มือข้างหนึ่งของเฉินตงถือดอกไม้ไฟเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งถือลูกโป่งแฟนซีช่อใหญ่หลากหลายสีสัน และยืนนิ่งอยู่กับที่

และบนพื้นทรายที่เขายืนอยู่นั้น มีรูปศรปักหัวใจวาดอยู่บนพื้นทราย

ภาพนี้ ดูเป็นภาพที่เรียบง่าย

แต่เมื่อปรากฏขึ้นภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน กลับกลายเป็นฉากที่มีสีสันงดงามตระการตา

และระยิบระยับจากลูกโป่งและดอกไม้ไฟที่งดงาม ทำให้รู้สึกถึงบรรยากาศชวนฝันและแสนวิเศษ

ทำให้ผู้คนที่อยู่โดยรอบต่างก็ค่อยๆ หันมามอง

เฉินตงค่อยๆ เดินเข้าไปกู้ชิงหยิ่ง แล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน : “อย่าโกรธเลยนะ ผมเต้นรำไม่เป็น แต่ผมก็มอบลูกโป่งให้คุณได้นะ”

ขณะที่พูดอยู่นั้น เข้าก็ยื่นลูกโป่งหลากสีช่อใหญ่ที่อยู่ในมือให้กับกู้ชิงหยิ่ง

กู้ชิงหยิ่งตกอยู่ในภวังค์ จากนั้นเธอก็ยิ้มหวานออกมา

“ถือว่าคุณฉลาด ไปกันเถอะ กลับโรงแรมกัน คนหันมามองใหญ่แล้ว”

กู้ชิงหยิ่งคล้องแขนของเฉินตงแล้วยืนก้มหน้าก้มตาด้วยความเขินอาย จากนั้นจึงพากันเดินกลับโรงแรมไป

เป็นเพราะสายตาที่ผู้คนจับจ้องมา ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความอิจฉาอย่างรุนแรง ถึงขั้นที่ว่า เธอแอบได้ยินหญิงสาวคนหนึ่งกำลังกล่าวตำหนิแฟนหนุ่มของตนเอง ว่าทำไมถึงไม่รู้จักเลียนแบบเฉินตงเสียบ้าง

สิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกทั้งดีใจและเก้อเขินในเวลาเดียวกัน

ขณะที่เฉินตงและกู้ชิงหยิ่งกลับถึงโรงแรม

ก็เห็นคนกลุ่มใหญ่ยืนอยู่ที่หน้าประตูโรงแรมที่อยู่ห่างออกไปไกลๆ

เสียงของผู้คนดังเซ็งแซ่

ยิ่งไปกว่านั้นมีเสียงสัญญาณเตือนภัยของรถตำรวจดังขึ้นอีกด้วย

และห่างออกไม่ไกล มีรถตำรวจที่เปิดไฟฉุกเฉินเอาไว้อีกหลายคัน

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น ?”

กู้ชิงหยิ่งรู้สึกประหลาดใจ

เฉินตงขมวดคิ้ว

ทั้งสองเดินตรงไปยังประตูโรงแรมด้วยความอยากรู้

ขณะที่กำลังเดินเข้าไปท่ามกลางฝูงชน

ทันใดนั้น ก็มีคนสองคนกระโจนออกมาจากพุ่มไม้ด้านข้าง

รวดเร็วราวกับสายฟ้า

กู้ชิงหยิ่งตกใจจนกรีดร้องออกมา แต่กลับถูกคนคนหนึ่งยกมือขึ้นมาปิดปากเอาไว้

เฉินตงตอบสนองอย่างรวดเร็วและรุนแรง เขาใช้หมัดต่อยเข้าใส่คนที่อยู่ตรงหน้า

ตุ๊บ !

มีมือขนาดใหญ่จับข้อมือของเฉินตงเอาไว้

“คุณชาย ผมเอง !”

ตอนนี้เอง เฉินตงเพิ่งจะมองเห็นอย่างชัดเจนว่าคนที่อยู่ตรงหน้าก็คือคุนหลุน

อีกทั้งคนที่จับกู้ชิงหยิ่งเอาไว้ข้างๆ ก็คือกูหลัง

ทั้งสองสีหน้าเยือกเย็นราวกับน้ำ

“มากับผม”

คุนหลุนไม่เปิดโอกาสให้เฉินตงได้เอ่ยถาม เขารีบพาเฉินตงและกู้ชิงหยิ่งเดินไปยังที่ลับตาคนที่อยู่ห่างออกไปในทันที

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ?”

เฉินตงรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นท่าทีของคุนหลุนและกูหลัง เขาก็รู้ได้โดยทันทีว่าจะต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่นอน

รถตำรวจที่จอดอยู่หน้าโรงแรม ก็คงมาเพราะเหตุผลเดียวกัน

แต่ที่เขารู้สึกสงสัยก็คือ เขาและกู้ชิงหยิ่งเพียงแค่ต้องการเข้าไปสังเกตการณ์เท่านั้น ทำไมคุนหลุนและกูหลังต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย ?

จากนั้น

คำพูดหนึ่งประโยคที่ออกมาจากปากของคุนหลุน ทำให้เฉินตงอึ้งไปในทันที

“พวกเขามาจับคุณชายครับ ?”

เปรี้ยง !

เฉินตงรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า เขารู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก

จับฉัน ?

ฉันทำความผิดอะไรเอาไว้อย่างนั้นหรือ ?

“จับเฉินตงทำไมกัน ? พวกเขาจะต้องมาจับผิดคนแน่ๆ !”

กู้ชิงหยิ่งใบหน้าแดงก่ำ เธอตอบกลับไปด้วยท่าทีตื่นตระหนก

ที่เธอและเฉินตงมาที่ไห่ย่าครั้งนี้ ก็เพื่อที่จะมาถ่ายภาพแต่งงาน

ทำไมเมื่อมาถึง ก็จะมีคนมาจับเฉินตงเช่นนี้ ?

อีกทั้งยังเป็นคนของทางการอีกด้วย

“ตอนนี้ห้องของคุณเฉินถูกปิดล้อมเอาไว้หมดแล้ว ตำรวจกำลังกระจายกำลังค้นหาตัวอยู่”

น้ำเสียงของกูหลังเคร่งขรึมและเย็นชา

คุนหลุนสูดหายใจเข้าเต็มปอด แล้วพูดออกมาอย่างจริงจังว่า : “คุณชาย ยังจำข่าวเกี่ยวกับตระกูลฉินแห่งซีสู่ข่าวนั้นได้ไหมครับ ?”

ดวงตาของเฉินตงเป็นประกาย

เขาเข้าใจทุกอย่างในทันที

นี่คือแผนการของตระกูลฉินอย่างนั้นหรือ ?

จงใจประโคมข่าวให้ทุกคนได้รับรู้ จากนั้นจึงให้ทางการออกหน้าจัดการกับตนเอง ?

เมื่อเห็นเฉินตงเข้าใจเรื่องทุกอย่างแล้ว

คุนหลุนจึงพูดต่อว่า : “ตอนนี้ทางการต้องการจับกุมคุณ เพราะมีการปล่อยข่าวออกมาว่า คุณชายคือผู้ต้องสงสัยที่ลอบสังหารฉินเจิ้ง !”

คำพูดประโยคนี้ ทำให้กู้ชิงหยิ่งหน้าถอดสีทันที

เธอยกมืออันเรียวงามของเธอขึ้นป้องปากเอาไว้ ดวงตากลมโตของเธอลุกวาวด้วยความตกใจ

เฉินตงหัวเราะออกมาด้วยท่าทีแปลกๆ และแสดงสีหน้าโกรธแค้นออกมา

อะไรที่เรียกว่าผู้ต้องสงสัย ?

ก็หมายความว่าเป็นคนทำอย่างไรล่ะ !

แผนการของตระกูลฉินในครั้งนี้ ทำให้เขากลายเป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดีในไห่ย่าทันที

จะไม่ชมว่าจัดการได้อย่างยอดเยี่ยมก็คงไม่ได้ !

ไม่แน่ว่า ตั้งแต่ที่มีการปล่อยข่าวเรื่องนั้นออกมา ตระกูลฉินก็ได้หาโอกาสที่เขาจะเดินทางเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

ถึงแม้จะไม่ได้เดินทางเพราะเรื่องการถ่ายภาพแต่งงาน แต่หากคอยจับตามองอยู่ตลอดเวลาเช่นนี้ อย่างไรเสียก็จะต้องหาโอกาสที่เขาออกเดินทางเจอจนได้

“เฉินตง นี่มัน นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ?”

กู้ชิงหยิ่งยืนเหม่อลอย หัวใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ

เธอรู้เรื่องที่เฉินตงช่วยฉินเย่เอาไว้

แต่รู้ด้วยว่าคนที่จับฉินเย่ไปวันนั้นก็คือฉินเจิ้งตระกูลฉินแห่งซีสู่

แต่ทว่าตอนนี้เรื่องไปถึงมือของทางการแล้ว แม้แต่กู้ชิงหยิ่งเอง ก็รู้สึกสับสนไม่น้อย

เฉินตงลูบจมูกแล้วยิ้มออกมา : “เสี่ยวหยิ่ง เป็นไรหรอก”

“คุณชาย ผมติดต่อท่านหลงเรียบร้อยแล้ว อาศัยบารมีของตระกูลเฉิน ไม่ช้าพวกเราคงเดินทางออกจากไห่ย่าได้” คุนหลุนกล่าว

เฉินตงทำสีหน้าจนใจ แต่ท้ายที่สุดก็พยักหน้าออกมา

ตอนนี้ไห่ย่าเป็นที่ที่อันตรายที่สุด จึงไม่ควรจะอยู่ที่นี่ต่อไปแม้สักวินาทีเดียว

เพียงแต่เมื่อเห็นกู้ชิงหยิ่งที่ยืนตกตะลึงอยู่ตรงหน้า เฉินตงก็รู้สึกโทษตัวเองและรู้สึกผิดไม่น้อย

เฉินตงกอดกู้ชิงหยิ่งเอาไว้ แล้วพูดว่า : “ขอโทษด้วยเสี่ยวหยิ่ง พวกเราออกไปจากที่นี่กันก่อน จะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน เชื่อผมนะ”

ตอนนี้กู้ชิงหยิ่งรู้สึกสับสนจนทำอะไรไม่ถูก

เมื่อได้ยินคำว่าไปจากที่นี่ ดวงตาของเธอก็แดงก่ำทันที

เพื่อการมาไห่ย่าครั้งนี้ เพื่อการถ่ายภาพแต่งงานครั้งนี้

เธอเตรียมการมาเป็นอย่างดี

ถึงขั้นว่า เธอได้จินตนาการภาพของตนเองที่ได้สวมใส่ชุดแต่งงานเอาไว้เป็นเวลานานแล้ว

แต่ทว่าตอนนี้……ยังมันทันจะสวมใส่ชุดแต่งงาน เธอก็จะต้องไปจากที่นี่เสียแล้ว ?

จากนั้น

ยังไม่ทันจะรอให้กู้ชิงหยิ่งตอบกลับมา

จู่ๆ ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นมาจากที่ไกลๆ

“เขาอยู่นี่ !”

ทันใดนั้น ก็มีเสียงตะโกนขู่ดังขึ้น : “ยกมือขึ้นแล้วคุกเข่าอยู่กับที่ ห้ามขยับ !”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset