Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 226 ตัวแทน

แอ๊ด !

กู้ชิงหยิ่งเปิดประตูออก

เร็วจนคุนหลุนมองแทบไม่ทัน

ขณะที่ประตูเปิดออก

ไปหน้าที่คุ้นเคยก็ปรากฏออกมา

“เฉินตง !”

กู้ชิงหยิ่งไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป เธอร้องไห้ออกมาและพุ่งเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเฉินตง มือทั้งสองข้างของเธอโอบเอวของเฉินตงเอาไว้แน่น : “คุณทำให้ฉันตกใจแทบแย่ คุณทำให้ฉันตกใจแทบแย่จริงๆ”

เฉินตงยิ้มออกมาอย่างอ่อนแรง : “ขอโทษ เป็นความผิดของผมเอง”

กู้ชิงหยิ่งกัดริมฝีปากแดงระเรื่อของเธอ จากนั้นจึงร้องไห้ออกมาพลางส่ายหน้า

ตอนที่เห็นเฉินตง คุนหลุนและกูหลังเองก็รู้สึกโล่งใจพร้อมกัน ราวกับว่าได้ยกภูเขาออกจากอกแล้ว

ถึงแม้สภาพของเฉินตงในตอนนี้จะดูอิดโรยเป็นอย่างมาก

เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง เนื้อตัวแปดเปื้อนไปด้วยเลือดและโคลน แม้กระทั่งบริเวณแขนและศีรษะเองก็มีบาดแผลจนมีเลือดสีแดงสดไหลออกมา

แต่อย่างไรเสีย ก็ถือว่ายังสามารถเอาชีวิตรอดกลับมาได้

“คุณชาย รีบเข้ามาเร็วครับ”

คุนหลุนพูดด้วยท่าทีที่เคร่งขรึมและรีบเร่ง

กู้ชิงหยิ่งไม่ยอมปล่อยมือจากเฉินตง เธอทำราวกับว่าถ้าหากเธอปล่อยเฉินตงไป เขาจะสลายหายไปต่อหน้าต่อตาอย่างไรอย่างนั้น

มีเพียงแค่การได้เผชิญกับการแยกจากกันด้วยความเป็นความตายเท่านั้น ที่จะสามารถทำให้เธอเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่า อันที่จริงแล้วตัวเธอเองนั้นรักเฉินตงมากมายเพียงใด

เฉินตงยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เขาจึงจำเป็นต้องเดินโซเซเข้ามาในห้อง ในขณะที่มีกู้ชิงหยิ่งอยู่ในอ้อมกอด

คุนหลุนชะโงกหน้าออกไปมองโถงทางเดิน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามมา

จากนั้นจึงปิดประตูและล็อกให้แน่นหนา

ส่วนกูหลังเองก็รีบเดินไปปิดหน้าต่างในห้องพักและดึงผ้าม่านลงมา

“คุณชาย คุณหนีกลับมาเองหรือ ?”

คุนหลุนถามด้วยความประหลาดใจและรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย

ตอนนี้ทางฝั่งของตระกูลเฉินยังไม่ส่งข่าวกลับมา แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะอำนาจของตระกูลเฉิน ที่ทำให้เฉินตงรอดพ้นจากความตายมาได้

มีเพียงแค่เฉินตงที่ช่วยเหลือตัวเองจนรอดออกมาได้เท่านั้น !

เฉินตงรับผ้าขนหนูมาจากกูหลัง หลังจากนั้นจากนั้นจึงเอามาปิดบาดแผลบนศีรษะเอาไว้ แล้วจึงพยักหน้าและพูดออกมาอย่างอ่อนแรงว่า : “ฉันเริ่มรู้สึกผิดสังเกตเมื่อรถวิ่งไปได้ครึ่งทาง รถของตำรวจมุ่งหน้าไปยังเขตชานเมือง คพวกนั้นล้วนแล้วแต่เป็นตำรวจปลอม เป็นคนที่ตระกูลฉินส่งมา”

“ฉันต่อสู้อย่างสุดกำลัง จัดการกับพวกตำรวจปลอมที่อยู่ภายในรถ จนกระทั่งรถตำรวจเกิดพลิกคว่ำ จากนั้นฉันจึงอาศัยโอกาสนี้ วิ่งเข้าไปในพื้นที่ทุรกันดารที่อยู่ข้างทาง ฉันพยายามหลบหลีกจนสามารถหนีเอาตัวรอดมาได้”

น้ำเสียงของเขาเรียบเฉย

คำพูดที่พูดออกมาก็ธรรมดาไม่ซับซ้อน

แต่เมื่อพวกของกู้ชิงหยิ่งได้ยินแล้ว มันทำให้ตกอกตกใจเป็นใหญ่เลย

จากคำพูดเพียงไม่กี่คำ ก็รับรู้ได้ถึงอันตรายที่เกิดขึ้นในตอนนั้นทันที

และตอนนี้บาดแผลบนร่างเฉินตง ก็ได้บ่งบอกความโหดร้ายในตอนนั้นได้อย่างเต็มที

“กลับมาก็ดีแล้ว ขอแค่คุณปลอดภัยกลับมาก็พอแล้ว”

กู้ชิงหยิ่งกอดเฉินตงเอาไว้ตลอดเวลา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นว่า : “ฉันสามารถสูญเสียทุกอย่างได้ แต่ฉันไม่สามารถสูญเสียคุณไปได้ คุณรับปากกับฉันแล้วว่าจะถ่ายภาพแต่งงานกับฉัน และจะแต่งงานกับฉัน !”

เฉินตงยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน : “เด็กโง่ของผม ผมก็กลับมาแล้วไม่ใช่หรือ ?”

ดวงตาของกู้ชิงหยิ่งสั่นไหวเล็กน้อย

ส่วนคุนหลุนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็พูดขึ้นมาว่า : “ผมจะพาคุณชายไปทำแผลที่โรงพยาบาลก่อน และผมจะรีบติดต่อกับคนของสำนักงานตระกูลเฉินทันที หากมีคนของตระกูลเฉินอยู่ ตระกูลฉินก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีกต่อไป”

ขณะที่พูด คุนหลุนก็หันไปมองกูหลัง : “กูหลัง นายดูแลเสี่ยวหยิ่งให้ดี”

กูหลังพยักหน้ารับอย่างเคร่งขรึม

เฉินตงเองก็ไม่ปฏิเสธ เขาพูดปลอบใจสองสามประโยคให้กู้ชิงหยิ่งสงบลง จากนั้นจึงลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไปพร้อมกับคุนหลุน

ตอนนี้เฉินตงหนีกลับมาได้แล้ว

ตระกูลฉินเองจึงไม่อาจลงมือได้อีกต่อไป

สถานการณ์ทุกอย่างกลับพลิกผัน

หากไห่ย่าถูกอำนาจของตระกูลเฉินควบคุมเอาไว้อยู่ ตระกูลฉินก็อย่างหวังเลยว่าจะมีโอกาสแตะต้องเฉินตงอีก

“เสี่ยวหยิ่ง ไม่เป็นไรหรอก”

กูหลังเห็นเสี่ยวหยิ่งมัวแต่จ้องมองไปที่ประตู จึงกล่าวปลอบใจออกมา

ถึงแม้คุนหลุนและเฉินตงจะออกไปแล้ว แต่ประตูก็ถูกปิดสนิทเหมือนเดิม กู้ชิงหยิ่งเองก็ไม่ยอมละสายตาออกจากประตู

กู้ชิงหยิ่งจ้องมองประตูแล้วร้องไห้ออกมา แววตาของเธอดูลึกซึ้ง

เมื่อได้ยินคำพูดของกูหลัง เธอก็ตั้งสติได้ จากนั้นจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า : “กูหลัง เมื่อก่อนเฉินตงเอาแต่เรียกฉันว่ายัยโง่มาโดยตลอด แต่ไม่เคยเรียกว่าเด็กโง่ของผม”

กูหลังผงะไป

จากนั้นจึงหัวเราะออกมา : “แล้วมันต่างกันตรงไหน ? วันนี้คุณชายสามารถหนีพ้นจากความตายมาได้ อารมณ์ของเขากำลังตึงเครียด จึงอาจจะเรียกผิดไปบ้าง

“เป็นอย่างนั้นจริงหรือ ?”

กู้ชิงหยิ่งรู้สึกสงสัยอยู่สักพัก จากนั้นจึงหัวเราะเยาะตัวเอง อาจเป็นเพราะเมื่อครู่ฉันตกใจเกินไป ตอนนี้จึงอ่อนไหวกับอะไรได้ง่าย

……

“หึ”

ในความมืด เสียงที่ฟังดูอ่อนแรงอุทานขึ้นมา

เฉินตงค่อยๆ ลืมตาขึ้น และพบว่าตนเองอยู่ในที่ที่มืดสนิท

รอบข้างมองไม่เห็นอะไรเลยแม้แต่น้อย

เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่รุนแรงทั้งบนหัวและบนร่างกายของเขา

ที่นี่คือที่ไหน ?

เฉินตงรู้สึกสงสัย เขาลองขยับมือและเท้า แต่กลับพบว่าบริเวณโดยรอบแน่นขนัด และมีพื้นที่ให้ขยับเขยื้อนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

อีกทั้งเขาเองก็กำลังนอนขดตัวอยู่

“กล่อง ?”

จู่ๆ เฉินตงก็นึกถึงสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ออกมา

ถึงแม้จะมีพื้นที่จำกัด แต่มือและเท้าของเขาก็ยังพอขยับเขยื้อนได้บ้างเล็กน้อย

เขาค่อยๆ ยกมือขึ้นไปลูบศีรษะ

ภาพความทรงจำสุดท้ายก่อนที่เขาจะหมดสติไปก็คือ ศีรษะของเขาได้รับบาดเจ็บอย่างมาก

ถ้าหากไม่ได้รับการรักษา คงจะต้องเสียเลือดจนตายอย่างแน่นอน ?

ขณะที่มือเพิ่งจะสัมผัสกับศีรษะ เฉินตงก็รู้สึกตกตะลึง

บนศีรษะของเขามีผ้าพันแผลหนาพันเอาไว้ !

มีคนรักษาฉัน ?

เฉินตงรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก

ในความมืด เขาไม่สามารถมองเห็นอะไรได้อย่างชัดเจน แต่ความคิดของเขากลับแล่นไปอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม ในสภาพแวดล้อมที่มืดมิดและคับแคบ เฉินตงกลับพบว่าตนเองนั้นไม่สามารถควบคุมความคิดของตนเองได้

อีกทั้งความคิกส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นยังเต็มไปด้วยความน่ากลัว ความตึงเครียด และความตื่นตระหนกที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

เขาพยายามสูดหายใจเข้าเต็มปอด เพื่อที่จะสามารถควบคุมสติอารมณ์ของตนเองเอาไว้ได้

พวกเขาจะส่งฉันไปที่ไหนกันแน่ ?

ทำไมหลังจากที่ตระกูลฉินจับฉันได้แล้ว ถึงไม่ยอมฆ่าฉันให้ตายเสีย แต่กลับรักษาแผลให้แก่ฉัน ให้ฉันได้มีโอกาสมีชีวิตอยู่ต่อไป ?

ตระกูลฉินทำเช่นนี้ มีจุดประสงค์อะไรกันแน่ ?

ความสงสัยค่อยๆ ปรากฏขึ้นในหัวของเฉินตงเต็มไปหมด

แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เฉินตงไม่สามารถคิดหาคำตอบออกมาได้จริงๆ

แม้กระทั่ง……ตัวเขาเองหมดสติไปนานขนาดไหน เขาเองยังไม่รู้เลย

เสียงด้านนอกเงียบสงัด

หากเงี่ยหูฟังก็ยังพอได้ยินเสียงลมพัดผ่านอยู่บ้าง

เฉินตงลองใช้จมูกสูดกลิ่นสองครั้ง และพบว่าลมที่พัดผ่านนั้นมีความชื้นและมีกลิ่นอายของความเค็ม

“นี่คือ……ลมทะเล ? ฉันอยู่บนทะเล ?”

จู่ๆ เขาก็ตั้งสติได้ ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาและกู้ชิงหยิ่งเดินเล่นบนหาดทราย ก็ได้กลิ่นลมในลักษณะนี้

“พวกแก พวกแกคิดจะส่งฉันไปที่ไหนกันแน่ ?”

เฉินตงลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกกังวลกับความกลัวที่ไม่อาจคาดเดาได้ว่าเป็นอะไร สิ่งนี้ทำให้เขาพยายามกระเสือกกระสนดิ้นรนโดยไม่สนอะไรอีกต่อไป

ตุ๊บๆๆ……

เสียงของกล่องไม้ดังขึ้นอย่างรุแรง เนื่องจากเขากำลังดิ้นรนอยู่ภายใน

ในระหว่างที่กำลังต่อสู้ดิ้นรนอย่างหนัก เฉินตงรู้สึกว่าตนเองน่าจะอยู่ในตำแหน่งที่สูง เพราะในขณะที่เขาดิ้นรนอยู่นั้น รัศมีการสั่นสะเทือนค่อนข้างรุนแรง

ไม่แน่ว่า……หากหล่นลงไปจากตรงนี้ อาจจะทำให้กล่องไม้แตกออกก็เป็นได้ ?

เมื่อคิดได้เช่นนั้น เฉินตงจึงพยายามต่อสู้ดิ้นรนอย่างสุดชีวิต

พื้นที่ภายในกล่องไม้ที่มีอยู่อย่างจำกัด ทำให้เขาไม่สามารถออกแรงทุบกล่องไม้ให้แตกได้

แต่หากอาศัยความสูง น่าจะเพียงพอ !

ส่วนจะสูงขนาดไหนนั้น และผลลัพธ์หลังจากที่ตนเองร่วงลงไปจะเป็นเช่นไรนั้น

สิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่สิ่งที่เฉินตงควรจะมานั่งครุ่นคิดอีกต่อไป

จากนั้น

ตุ๊บ !

จู่ๆ มีเสียงดังขึ้นด้านนอกกล่อง

การต่อสู้ดิ้นรนของเฉินตงหยุดนิ่งลง

เขารู้สึกว่ากล่องที่ถูกเขาเตะจนเอียงกลับมาตั้งตรงเหมือนเดิม

ในขณะเดียวกัน ด้านนอกก็มีเสียงตะโกนด่าเสียงดังดังขึ้น

“ร่างกายของแกแข็งแรงไม่เบานะ สลบไปแค่ห้าชั่วโมงก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว อย่าขยับมั่วซั่วเลย ด้านล่างเป็นทะเล หากตกลงไป แกจะต้องจมดิ่งลงไปอยู่ก้นทะเลแน่นอน”

เฉินตงผงะไป จากนั้นจึงรีบเอ่ยถามว่า : “พวกแกจะพาฉันไปไหนกันแน่ ?”

“จะพาแกไปในที่ที่แกไม่มีวันนึกถึงได้แน่นอน เป็นที่ที่แม้แต่ตระกูลเฉินของแกก็ไม่มีวันหาเจอ”

เสียงนั้นพูดไปพลางหัวเราะไปพลาง จากนั้นจึงออกคำสั่งว่า : “พวกแกยังไม่รีบมานี่อีก มัดกล่องนี่ให้อยู่นิ่งกับที่เดี๋ยวนี้ ถ้าหากหล่นลงไปกลางทางแล้วละก็ อย่าหาว่าฉันใจร้ายใจดำกับพวกแกก็แล้วกัน !”

ก๊อกๆ !

จากนั้น เฉินตงได้ยินเสียงเคาะกล่องไม้สองครั้ง

จู่ๆ เสียงนั้น ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา

“แกเดินทางอย่างสบายใจได้เลย ของของแกทุกอย่างมีคนคอยรับช่วงต่อแล้ว เอ๊ะ……ได้ยินมาว่าคู่หมั้นของแกเป็นหญิงสาวที่หน้าตาสวยสดงดงามเสียด้วยนี่ ฮ่าๆๆ……”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset