Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 241 การประลองเป็นตาย

ภายในห้องขังดังก้องไปด้วยเสียงหัวเราะ

แนชวิลล์และนักโทษอีกสี่คน ต่างก็ตกตะลึง

เฉินตง……..จะบ้าเหรอ?

แนชวิลล์รู้สึกจะบ้าตาย

เขาคิดว่าสิ่งที่ตัวเองพูดมันคงชัดเจนพอ ที่จะทำให้เฉินตงท้อถอยได้

แต่นึกไม่ถึงเลยว่าผลที่ได้กลับมาจะเป็นเช่นนี้!

สถานะของห้องขังแต่ละห้องในคุกแห่งนี้ ที่จริงแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดภายในห้องขัง

ยิ่งอันดับของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในคุกสูงเท่าใด ตำแหน่งสถานะและทรัพยากรที่พวกเขาสามารถแบ่งปันได้ก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

ก่อนหน้าเฉินตง แนชวิลล์คือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดภายในห้องขังนี้ แต่ถ้าพูดถึงทั้งเรือนจำ ก็คงดูน่าละอายเล็กน้อย

และชัยชนะในการต่อสู้ของเฉินตงช่วงสามวันที่ผ่านมานี้ ทำให้อันดับในห้องขังของพวกเขาได้อัปสูงขึ้นไปอย่างรวดเร็ว

ถ้าหากเฉินตงตายไป อันดับห้องขังของพวกเขา ก็จะได้กลับสู่สถานะเดิม

ดังนั้น แนชวิลล์จึงพยายามที่จะห้ามอีกครั้ง “ต้องคิดให้ดีนะเฉินตง จ่าฝูงในสิบคุกที่เสียงดัง แต่ละคนนั้นเก่งไม่แพ้ป๋าเลยนะ”

เฉินตงขมวดคิ้วอย่างแน่น

พลังการต่อสู้ในสายตานั้น ยิ่งลุกเป็นไฟ

เขาไม่ใช่คู่แข่งของป๋า

คำพูดของแนชวิลล์ เห็นได้ชัดว่าถ้าหากเขาจะประลองเป็นตายกับสิบจ่าฝูงจริงๆ ผลสุดท้ายจะมีแต่ตายกับตายเท่านั้น

แต่ เขาไม่กลัวตาย !

จู่ๆ เฉินตงก็ยิ้มขึ้นมา

ในสายตาแนชวิลล์ รอยยิ้มนั้นมันคล้ายว่ากำลังบ้าคลั่ง

เขาพูดขึ้นช้าๆ ด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่และหนักแน่น “ต่อสู้เพื่อภรรยาของผม แม่ของผม และพี่น้องของผม!”

เมื่อพูดจบ

เฉินตงก็ลุกขึ้น แล้วเดินไปยังประตูห้องขัง

“ผม เฉินตง ต้องการประลองเป็นตาย!”

บูม!

เสียงที่สงบและหนักแน่น ราวกับเสียงฟ้าร้อง ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณคุก

หลังจากที่สงบไปสักพัก

เสียงก็ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั้งเรือนจำ

ทั้งเสียงตะโกน ร้องเชียร์ และเสียงเป่าปาก

เพดานคุกที่อยู่เหนือหัวศีรษะราวกับจะถูกรื้อทิ้งออกไป

“โอ้พระเจ้า! ไอ้เด็กนี่มันบ้าไปแล้ว”

“เขาจะประลองเป็นตาย? ฉันหูฝาดไปใช่ไหมเนี่ย? ไม่กลัวตายจริงๆเลย”

เขาอยากจะท้าทายสิบจ่าฝูง? เขาเอาความมั่นใจมาจากไหน หรือว่าไม่อยากจะทนมีชีวิตอยู่แบบนี้อีกต่อไปแล้ว อยากจะตายๆไป?

“เจ้าหนู เยี่ยมมาก นายทำให้ความคิดที่ฉันเคยมองเด็กใหม่เปลี่ยนไปเลย !”

……….

หน้าประตูใหญ่คุก

หลังจากที่มีเจ้าหน้าที่หน่วยลาดตระเวนได้ยินเหตุการณ์ที่สะพรึงใจ จึงรีบรายงานให้กับป๋าที่กลับสำนักงานไปแล้ว

เมื่อทราบถึงเหตุการณ์

หนวดเคราที่ขึ้นเต็มบนใบหน้าของป๋าถึงกับสั่นเทาเล็กน้อย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“เขา.. เขาบ้าไปแล้วเหรอ? เขาคิดว่าตัวเองเป็นคุนหลุนเหรอ? บ้าเอ๊ย!”

“กว่าคุนหลุนจะออกจากคุกมืดแห่งนี้ไปได้ ยังต้องใช้เวลาหนึ่งปี ที่อยู่บนเส้นบางๆระหว่างความเป็นและความตาย และเกือบตายมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แค่ฉันเขายังเอาชนะไม่ได้เลย จะเอาอะไรไปประลองเป็นตายกับสิบจ่าฝูง?”

ปัง!

ป๋าโกรธมากจนปาแก้วแตกลงบนพื้นอย่างแรง

เขาแนะนำวิธีที่สามารถออกจากคุกมืดให้กับเฉินตง

เพราะต้องการให้เฉินตงมีความหวัง

ความหวังที่จะพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น เพื่อที่จะออกจากคุกมืดในอนาคต

แต่นี่มันอะไร เพิ่งก้าวเท้าออกมาจากคุกมา ไม่ทันไรข่าวที่เฉินตงจะประลองเป็นตายก็ตามมาติดๆ

จะรีบตายไปไหน

“หยุดเลยนะ บอกให้เขาหยุดเดียวนี้ ”

ป๋าตะโกนดังๆว่า “สิบปีจะเกิดมังกรตัวหนึ่ง เขาถึงว่าเขาคือมังกรตัวนั้นรึ? ”

และแล้ว เจ้าหน้าที่หน่วยลาดตระเวนก็ทำหน้าอ้ำอึ้ง “หัวหน้า คุกมืดไม่เคยมีกฎห้ามการประลองเป็นตายนะครับ ทางคุกน่าจะเริ่มกันแล้วล่ะ”

คำพูดเดียว ปลุกสติเขาขึ้นมาในทันที

ป๋าลุกขึ้นอย่างโกรธ และก้าวเท้าเดินออกไป

ในคุกมืดนี้ ชีวิตไร้ค่ายิ่งกว่ากระดาษ

ศพถูกยกออกไปจากคุกทุกวัน ทั้งถูกเฆี่ยนตายบ้าง ถูกลอบทำร้ายบ้าง อีกทั้งยังมีคนที่หิวตายและป่วยจนตาย

และชีวิตที่เสียไปแล้วก็เสียไปเลย เป็นเรื่องปกติในคุกมืดอยู่แล้ว

ในสถานที่ที่ถูกทอดทิ้งแบบนี้ ไม่มีใครจะมองเห็นคุณค่าของชีวิต

และยิ่งไม่มีการดำเนินโทษ เพียงเพราะชีวิตใครแน่นอน

ขณะเดียวกัน

ภายในคุก

เสียงดังสั่นสะท้านอย่างดุเดือด เหมือนดั่งภูเขาคำรามทะเลบ้าคลั่ง

ขณะนี้ มีคนสองคนกำลังยืนอยู่บนลานสูงที่อยู่ในสนามกว้าง

“ยืนยาม” เวลาผ่านไป

แต่กับจ่าฝูง ที่มีสถานะเหนือสูงในคุก แม้จะเป็นผู้คุมโดยตรงของเขา ก็ยังคงมีความเกรงใจอยู่เล็กน้อยด้วยศักดิ์ศรีที่ถูกเชิดชูศรัทธาของจ่าฝูง เขาสามารถก่อจลาจลขึ้นในคุกได้ตลอด

การต่อสู้ท้าประลองเป็นตายกับจ่าฝูง ทางคุกย่อมต้องมีการดูแลเป็นกรณีพิเศษอยู่แล้ว

ทุกคนต่างโห่ร้องเชียร์กัน ตื่นเต้นจนหน้าแดง

ไม่มีใครคาดคิด ว่าเด็กใหม่คนหนึ่ง จะทำให้คุกมืดมีเหตุการณ์ที่สุดยอดสยิวใจได้ครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นนี้!

เพียงเวลาไม่กี่วัน คุกที่เงียบกริบจนไร้ชีวิตชีวา กลับเต็มไปด้วยพลังชีวิตที่เปี่ยมล้น

“หมียักษ์ ฆ่ามันซะ ต้องฆ่ามันให้ได้!”

หมียักษ์ เอามันให้ตายซะ อย่าไปมืออ่อนเหมือนป๋า

“เร็วเข้า รีบขึ้นสิ! ฉันอยากเห็นนายหักหัวไอ้เด็กนี่ลงมาเตะเล่นเหมือนลูกบอล!”

……

เมื่อเทียบกับเสียงที่กำลังตะโกนโห่ร้องในแต่ละห้องขัง

บนลานประลองในขณะนี้ กลับเต็มไปด้วยบรรยากาศการฆ่าที่เคร่งขรึม

จิตสังหารพลุ่งพล่าน ที่มองไม่เห็น

เฉินตงยืนอยู่บนขอบลานประลองอย่างภาคภูมิใจ ด้วยสีหน้าที่เย็นชาและแววตาอันดุดัน

ฝั่งตรงข้ามของเขา เป็นชายร่างสูงประมาณสองเมตร ที่ดูแข็งแกร่งเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อทั้งตัว

สมกับที่ชื่อ—-หมียักษ์

รอยแผลขรุขระบิดเบี้ยวสามแผลที่อยู่บนใบหน้าของเขา ทำให้ใบหน้าที่ดุร้ายอยู่แล้วยิ่งดูโหดไปอีก

“ไอ้เด็กใหม่ ในฐานะที่เห็นแก่ป๋า ฉันให้โอกาสแกตัดสินใจใหม่อีกครั้ง”

หมียักษ์ค่อยๆหมุนคอไปมา“อันที่จริงความสามารถของแกก็ไม่เลวหรอกนะ แต่ถ้าคิดจะท้าประลองตำแหน่งจ่าฝูงของฉันละก็ แกยังต้องกลับไปฝึกฝนอีกหลายปีเลยแหละ”

เขาไม่ใช่พวกที่เก่งแต่กำลังไร้สมอง

ในคุกมืดที่คนกินคนแบบนี้ หากไม่มีปัญญา ก็ไม่มีทางได้ครองตำแหน่งจ่าฝูงแน่นอน และจะถูกกลืนกินจนไม่เหลือซาก

ในฐานะจ่าฝูงของคุก ตำแหน่งของหมียักษ์อยู่เหนือสูง

แต่ด้วยเหตุที่ไม่มีคนใหม่เข้ามาเป็นเวลานาน พอจู่ๆมีเด็กใหม่เข้ามาคนหนึ่ง ก็ยังคงดึงดูดถึงความสนใจของเขา

การต่อสู้ระหว่างเฉินตงกับป๋า เขามองออกอย่างชัดเจน

ด้วยกำลังฝีมือของป๋าเท่าที่เขาเคยรู้มา มันเห็นได้ชัดว่ากำลังต่อให้เฉินตงชัดๆ

แค่เด็กใหม่คนหนึ่ง กลับได้รับความเมตตาจากป๋าขนาดนี้ เพราะอะไร?

“เข้ามาสิ ผมต้องการออกจากคุกมืด!”

ริมฝีปากของเฉินตงเปิดขึ้นเบาๆ และน้ำเสียงที่เย็นชา

“เหอะ!”

หมียักษ์ยิ้มเยาะ

ด้วยสองมือของเขาที่ยกขึ้น เสื้อคลุมบนตัวของเขาก็ลื่นไหลลงมา จึงเผยให้เห็นถึงกล้ามเนื้อสีบรอนซ์ที่แข็งแรงราวกับหิน

กล้ามเนื้อที่แทบจะระเบิดของเขาเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นที่สยดสยอง ทำให้ผู้คนรู้สึกมีแรงบีบคั้นและกดดันสุดๆ

เมื่อกล้ามเนื้อถูกเปิดเผย ทุกคนต่างก็ส่งเสียงตะโกนออกมา

แม้แต่เฉินตงก็ยังตกใจกับกล้ามเนื้อของหมียักษ์

“ให้โอกาสแกแล้ว แกไม่เอา งั้นก็ตายซะ!”

จิตสังหารของหมียักษ์พลุ่งพล่าน และร่างที่สูงใหญ่เกือบสองเมตรราวกับจะไม่มีสิ่งใดกีดขวางได้ พุ่งเข้าปะทะกับเฉินตง

ถึงเขาจะเห็นแก่ป๋า แต่ไม่ได้หมายความว่าจ่าฝูงแห่งคุกอย่างเขา จะเมตตากับเด็กใหม่คนนี้

กล้าท้าประลองกับจ่าฝูง มีแต่ตายอย่างเดียว!

กฎดังกล่าว แม้จะเป็นหมาป่าที่อยู่ในป่าตามธรรมชาติ ก็เช่นเดียวกัน!

“หมียักษ์ หยุดเดียวนี้!”

ขณะที่หมียักษ์กำลังจะเริ่ม ก็มีเสียงตะโกนของป๋าดังขึ้นจากหน้าประตูคุกอย่างโกรธเกรี้ยว

อย่างไรก็ตาม

หมียักษ์ยังคงไม่หยุด และมือที่ใหญ่ราวกับงูเหลือม กำหมัดอย่างแน่น แล้วพุ่งไปทางเฉินตงอย่างดุดัน

ปัง!

เฉินตงสีหน้าเปลี่ยนไป และสัมผัสได้ถึงแรงลมที่พัดผ่านข้างหู เขายกแขนขึ้นป้องกันทันที

แต่เมื่อมีเสียงดังขึ้น เฉินตงรู้สึกเหมือนถูกรถบรรทุกชน แขนทั้งสองข้างเจ็บปวดอย่างรุนแรง เท้าทั้งสองข้างถูกับพื้น และล้มสไลด์ออกไป

“พู่ม!”

หลังจากที่สไลด์ไปได้ไม่กี่เมตร พอทรงตัวได้ เลือดสดๆก็ไหลออกมาจากปากของเฉินตง

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset