Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 242 ถากถาง ข้อบกพร่อง

เลือดสีแดงสด

ราวกับดอกเหมย ที่สาดส่องลงบนลานประลอง

เฉินตงเกิดมรสุมในใจ

มันต่างกัน…..ขนาดนั้นเชียวหรือ?

การต่อสู้ระหว่างเขากับป๋า ถึงจะรู้ว่าป๋าตั้งใจต่อให้ แต่ถ้าอยู่ภายใต้การประลองเป็นตาย เขาก็ใช่ว่าจะไม่มีทางสู้

และกำลังของหมียักษ์ จากที่ได้ยินมาจากพวกแนชวิลล์ ก็พอๆกับป๋า

หากประลองเป็นตาย ก็อาจมีโอกาสที่จะชนะได้

แต่เฉินตงนึกไม่ถึงเลยว่าการต่อสู้กับป๋าในเมื่อกี้ ฝ่ายตรงข้ามเขาต่อให้ขนาดนี้ !

ภายในห้องขังต่างๆ ส่งเสียงอึกทึกครึกครื้นดังมา

อย่างกับว่ามองการประลองเป็นตายครั้งนี้เป็นงานรื่นเริงที่ไม่ได้เห็นในคุกนี้มานาน

หมียักษ์ยืนยิ่งอยู่ที่เดิม และไม่ได้ไล่ตามเพื่อชัยชนะ

ใบหน้าอันดุร้ายที่เต็มไปด้วยความดูถูก“ แค่หมัดเดียวก็ทนไม่ไหวแล้ว แกยังจะประลองเป็นตายกับฉันได้อย่างไร?”

ด้วยกำลังอันแข็งแกร่งของตัวเอง ทำให้หมียักษ์มีความมั่นใจอย่างหาที่เปรียบมิได้

เขาหันไปมองป๋าที่ยืนโกรธอยู่ตรงหน้าประตูคุก

ยักไหล่แล้วพูดอย่างใจเย็นว่า“ ป๋า ผมให้หน้าคุณแล้วนะ และหลังจากนี้ คุณก็ต้องเป็นฝ่ายให้หน้าผมบ้างแล้วนะ!”

ป๋าอึ้งทึ่งพูดอะไรไม่ออก

จากคำพูดของหมียักษ์ ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นการเตือนเขาไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการประลองเป็นตายในครั้งนี้

แต่ว่า……..

ป๋ามองไปทางเฉินตงด้วยสีหน้าที่มืดครึ้มไม่นิ่ง แค่หมัดเดียวก็ถึงกับกระอักเลือด ยังจะสู้ต่อได้อย่างไร?

ฮูววว…….

เฉินตงถอนหายใจอย่างหนัก และคายเลือดออกจากปาก

เขาหันหลังกลับ แล้วมองไปที่หมียักษ์อย่างเย็นชา

ทันใดนั้น ก็ยิ้มอย่างชั่วร้าย

“หมัดของแก หนักได้แค่นี้แล้วเหรอ? ”

บูม!

หมียักษ์เขม่นหางตา

เขาจ้องเฉินตงอย่างโกรธเคือง “แกยั่วโมโหฉันเหรอ? ”

“แกมีค่าพอที่จะให้ฉันยั่วเหรอ? ”

รอยยิ้มของเฉินตงยิ่งดูชั่วร้ายกว่าเดิม เขาเช็ดเลือดที่มุมปาก “กำปั้น มันเบาเกินไปจริงๆ”

กล้ามเนื้อบนร่างหมียักษ์ที่ราวกับหิน เส้นเอ็นปูดเว้าราวกับไส้เดือนที่กระเพื่อมสั่นสะท้าน

ดวงตาที่ดุร้าย เขาโกรธมาก

หมัดเดียวก็ถึงกับกระอักเลือด

ยังกล้าพูดแบบนี้อีก รู้จักฉันน้อยไปละ!

“ฮื้อ!”

ทันใดนั้น หมียักษ์ก็แหงนหน้าคำรามขึ้นฟ้า

เสียงดังสนั่นราวกับฟ้าร้อง ทำให้นักโทษในห้องขังเงียบสงัดไปพร้อมๆกัน

ตูม ตูม ตูม………..

เสียงฝีเท้าที่วิ่งอย่างบ้าคลั่ง ราวกับตีกลอง

ร่างของหมียักษ์ ราวกับภูเขาลูกใหญ่ที่กำลังจะถล่ม และพุ่งเข้าใส่เฉินตง

เฉินตงหรี่ตาลง หลังจากที่เข้าใจถึงพลังของหมียักษ์อย่างลึกซึ้งแล้ว

เขาไม่กล้าที่จะเผชิญโดยตรง

ด้วยลักษณะรูปร่างที่ต่างกันมาก ทำให้หมียักษ์มีร่างเป็นอาวุธสังหารที่น่ากลัวที่สุดอยู่แล้ว

เขาเหยียบพื้นอย่างแรง และเคลื่อนตัวตรงไปด้านข้าง เพื่อหลบการโจมตีของหมียักษ์

ทันใด

เฉินตงกระโจนขึ้น มีดฝ่ามือฟันลงบนคอของหมียักษ์อย่างดุดัน

เสียงดังทุ้ม ปัง! หมียักษ์ชะงักฝีเท้า

แต่เพียงครู่เดียว และแล้วหมียักษ์ก็โกรธคำราม แขนที่ราวกับงูยักษ์ของเขาพลิกกลับแล้วพุ่งเข้าใส่เฉินตง

เฉินตงสีหน้านิ่งเฉย เท้าเตะพื้นแล้วกระโดดถอยหลัง

มือใหญ่ของหมียักษ์ล่องผ่านเอวของเขา

ทุกอย่างดูเหมือนจะผ่านการคาดการณ์มาอย่างแม่นยำ

ฉากนี้ ทำให้ทุกคนอุทานออกมาด้วยความตกใจ

นักโทษทุกคนงงงวยไปหมดแล้ว

แม้จะเป็นป๋าหรือเจ้าหน้าที่ที่อยู่ทางประตูใหญ่ของคุก ทุกคนต่างตกตะลึง

วินาทีแรกเพิ่งถูกชกจนกระอักเลือด วินาทีต่อมาก็สามารถหลบหลีกได้ขนาดนี้แล้วหรือ?

นี่มันต้องเป็นแผนต่อสู้ที่น่าสยองขนาดไหน?

ไม่มีใครรู้สึกว่ารูปร่างของหมียักษ์จะทำให้เขาเคลื่อนไหวได้ช้า

อันที่จริงเนื่องจากรูปร่างที่ใหญ่โตของหมียักษ์ เลยทำให้ดูเหมือนว่าจะเคลื่อนไหวช้าเมื่อมองด้วยตาเปล่า แต่ในความเป็นจริงกลับว่องไวจนน่ากลัว!

ในการโจมตีครั้งแรก เฉินตงมีเหตุประมาท

แต่ในครั้งนี้ มันเป็นการปะทะกันแบบตัวต่อตัวจริงๆ!

ต่อให้เป็นป๋า ภายใต้การถูกหมียักษ์พลิกมือโจมตีเข้าใส่เช่นนี้ ก็ไม่สามารถมั่นใจว่าจะทำได้อย่างไหวพริบเท่าเฉินตง

“ทำไมการเคลื่อนไหวของแกช้าขนาดนี้?”

หลังจากหลบหลีกการโจมตี เฉินตงก็รีบถอยออกไปอย่างรวดเร็ว ดึงระยะห่างออกไป และใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เหยียดหยาม

เขาดูหมิ่นเหยียดหยามหมียักษ์อย่างออกหน้าออกตา

เยาะเย้ยอย่างออกหน้าออกตา

หมียักษ์อึ้งทึ่งพูดอะไรไม่ออก

จากนั้นใบหน้าที่ดุร้ายของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธอย่างรุนแรง

ดวงตาแดงก่ำขึ้นมาในทันที

และในตอนนี้ หางตาของเขาเขม่นอย่างรัว

ยิ่งในขณะที่โกรธ กล้ามเนื้อทั้งตัวของเขามีเสียง แคร่ก แคร่ก ดังออกมาก

ในฐานะจ่าฝูงแห่งคุก กำลังของเขาไม่ได้ถูกคนอื่นโม้ขึ้นมา ซึ่งมันได้มาจากการฆ่าที่นับไม่ถ้วน

ไม่ว่าจะเป็นกำลังกายหรือไหวพริบที่เร็ว ภายในคุกนี้ไม่มีใครสามารถเทียบได้

แม้แต่ป๋า หากเผชิญกับเขา ก็ยังต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก

แต่ดัน ไอ้เด็กใหม่คนนี้ หลังจากที่หลบหลีกการโจมตีจากเขาได้ ยังพูดจาเหิมเกริมเช่นนี้

แกมันรนหาที่ตาย

เสียงคำรามที่ราวกับสัตว์ใหญ่

เขาพุ่งเข้าไปที่เฉินตงอย่างโหดเหี้ยม ราวกับรถถังขนาดสองที่นั่ง และเสียงที่น่ากลัว

สองฝ่ามือที่ผลักกันต่อเนื่องจนทำให้เกิดภาพติดตา ราวกับดอกแพร์บานท่ามกลางพายุฝน

“ฝ่ามือซูโม่?”

เฉินตงตกใจ แต่ภายนอกยังคงดูสงบราวกับน้ำนิ่ง

ไม่สามารถปะทะกับหมียักษ์โดยตรงได้ เขารีบถอยกลับอย่างรวดเร็ว

ด้วยความร่างเล็ก เขาขยับไปมาและวิ่งรอบๆหมียักษ์อย่างรวดเร็ว ลื่นเหมือนปลาไหล

ฉากนี้ ทำให้นักโทษในห้องขังเปล่งเสียงโห่ร้องดังสนั่น

ได้แค่หลบหนี ก็ยังคงดูเหมือนไร้ความสามารถในสายตาของนักโทษอยู่ดี

“ช้าเกินไป ช้าเกินไปแล้ว!”

“กำปั้นหนักได้แค่นี้เหรอ? มีแรงแค่นี้เหรอ? ”

“ไอ้ตัวใหญ่ แกก็เหมือนสัตว์ป่า นอกจากจะดูน่ากลัวไปหน่อย นอกนั้นก็ไม่มีอะไรดีเลย!”

………….

ในขณะที่เฉินตงหลบเลี่ยงการโจมตีของหมียักษ์ เสียงหัวเราะเย้ยหยันดังก้องไปทั่วลานประลอง

และการตอบสนองที่ตามมาคือเสียงคำรามของหมียักษ์ และการโจมตีที่รุนแรงมากขึ้น

ส่วนในห้องขัง เสียงโห่ร้องของนักโทษได้เปลี่ยนเป็นเสียงต่อว่าไปแล้ว

ในสายตาพวกเขา การประลองเป็นตายเช่นนี้ มันช่างน่าเบื่อมาก ไม่มีกะจิตกะใจทนดูอีกต่อไป

พวกเขาคุ้นเคยกับกำปั้นที่ถึงเลือดถึงเนื้อทุกหมัด

แต่ป๋าที่อยู่ทางหน้าประตูคุก กลับดูนัยน์ตาลึกล้ำสุดๆ

ไม่ว่าการโจมตีของหมียักษ์บนลานประลองจะดุเดือดเพียงใด

สายตาของเขาอยู่ที่เฉินตงเพียงคนเดียวตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้

ภายใต้แสงไฟ เขายังสามารถมองเห็นเหงื่อหยดเล็กๆที่หน้าผากของเฉินตง และสายตาที่เคร่งขรึม

เห็นได้ชัดว่าเฉินตงต้องคอยรับมืออย่างระมัดระวังที่สุด ไม่ได้ง่ายเหมือนกับคำพูดเย้ยหยันที่เขาพูดออกมา

และนี่ก็คือความจริง

ในขณะที่หลบการโจมตีของหมียักษ์

หัวใจของเฉินตงเต้นรัวอย่างรุนแรง และเขาต้องพยายามสงบสติอารมณ์ที่กระวนกระวายใจของตัวเอง

ด้วยกำลังและความเร็วของหมียักษ์ เขารู้ว่าหากถูกโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียว ร่างกายของเขาจะต้องสาหัสอย่างหนัก

และเขาต้องการที่จะชนะการประลองเป็นตายติดต่อกันในสิบวัน

หากยิ่งได้รับบาดเจ็บในระยะแรกมากเท่าไหร่ ในระยะหลังก็จะยิ่งเข้าใกล้ความตายมากเท่านั้น

“สงบ สงบ ……ใจต้องนิ่งเหมือนน้ำ ข้อบกพร่อง มันต้องมีข้อบกพร่องแน่ๆ”

เฉินตงคอยเตือนใจตัวเองอยู่ตลอดเวลา

ระหว่างความเป็นและความตาย ความสงบเท่านั้นที่จะช่วยให้เขาเป็นฝ่ายควบคุมสถานการณ์ได้มากขึ้น มุ่งมั่นเพื่อจะรอดชีวิตให้ได้

และการที่เขายั่วโมโหหมียักษ์ ก็เพื่อที่จะได้เป็นฝ่ายควบคุมสถานการณ์และรอดชีวิตให้ได้ !

เพียงพริบตา

เฉินตงก็ถูกหมียักษ์บีบบังคับไปจนถึงสุดมุม และไม่สามารถถอยหลังได้อีก

ซึ่งด้านหลังก็เป็นใต้ลานสูง

หากก้าวลงจากลานประลอง นั่นก็หมายถึงพ่ายแพ้การประลองเป็นตาย

ฮื้อ…

แววตาของหมียักษ์ส่องประกายอย่างกระหายเลือด แขนทั้งสองข้างพับขึ้น สองหมัดประสานกัน ตามด้วยเสียงคำราม สองมือราวกับค้อนใหญ่ พุ่งเข้าใส่เฉินตงอย่างดุดัน

ในการโจมตีครั้งนี้ เขาจะต้องทุบหัวของชายผู้อวดดีที่อยู่ตรงหน้าเขา ราวกับทุบแตงโมแน่ๆ

“ตอนนี้แหละ!”

ขณะเดียวกันดวงตาของเฉินตงก็เปล่งประกาย

การเผชิญกับการโจมตีที่ร้ายแรงของหมียักษ์

ทันใด การกระทำของเฉินตงก็ทำให้เกิดความโกลาหล

เขาไม่ได้ถอยหลัง และไม่ได้หลีกหลบ

แต่กลับเป็นดั่งนักฆ่ากล้าตาย ที่ไม่เกรงกลัวความตาย และกระโจนพุ่งเข้าใส่หมียักษ์……..

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset