Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 255 จลาจล?บดขยี้!

ปัง!

หมัดนี้พุ่งตรงไปยังใบหน้าของเต้าจูน

ด้วยพลังอันมาก ทำให้ใบหน้าของเต้าจูนเสียรูป

แต่สีหน้าของเขา ก็ไม่ได้แสดงความเจ็บปวดออกมาเลยแม้แต่น้อย

ตรงกันข้าม กลับเผยรอยยิ้มที่อ่อนโยนออกมา !

เฉินตงตกตะลึง

มองดูเต้าจูนด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ ในตอนนี้เขาไม่รู้สึกถึงไอสังหารที่มีในตัวของเต้าจูน หรือแม้แต่ความเด็ดเดี่ยวก็ไม่มีเหลืออยู่

มีเพียง ความอ่อนโยน และเข้าถึงง่าย

“คุณ ทำไมถึงไม่หลบ ? ”

น้ำเสียงของเฉินตงสั่นเครือเล็กน้อย นี่เป็นหมัดสุดท้ายของเขา

ความอ่อนล้าของกำลังในหมัดสุดท้าย ด้วยสภาพร่างกายและความสามารถที่มีของเต้าจูน หากจะหลบ ก็เพียงแค่เบี่ยงหน้าเท่านั้น

“แล้วทำไมต้องหลบ?”

เต้าจูนยิ้ม แล้วพูดว่า :“พ่อของนาย สบายดีไหม?”

พ่อ?!

ในใจเฉินตงเหมือนมีคลื่นลูกใหญ่ เขาก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว :“สบาย สบายดี”

จู่ๆ ในหัวก็ยุ่งเหยิงไปหมด

เต้าจูน……รู้จักพ่อ ?

ในเวลานี้ ภายในคุกมืดก็เงียบกริบ

ภาพเมื่อครู่นี้ เกินความคาดหมายของทุกคน

บรรดานักโทษ รวมไปถึงผู้คุมในคุกมืดทุกคนต่างตกตะลึงอ้าปากค้างทำอะไรมาถูก

นี่คือเต้าจูนผู้อยู่เหนือคนทั้งปวง ?

ผู้กุมอำนาจที่น่ากลัวในเรือนจำนี้เลือกที่จะรับหมัดนี้ไว้ ?

“ฟู่~”

เต้าจูนพ่นลมหายใจ ยกมือขึ้นลูบไปยังใบหน้าที่เจ็บปวด พึมพำว่า :“ฝีมือนายไม่เลว ต่อยได้เจ็บจริงๆ สังเวียนนี้ นายชนะ!”

อะไรนะ?!

ร่างกายเฉินตงสั่นไหว จ้องมองไปยังเต้าจูนด้วยความตกใจจนทำอะไรไม่ถูก

ทันใดนั้น

เต้าจูนก็เงยหน้าขึ้น แล้วมองไปยังกล้องวงจรปิดเหนือศีรษะ

จากนั้น ภายใต้สายตาของทุกคน เขายกมือขวาขึ้น ชูนิ้วกลางอย่างเปิดเผยและไม่มีปิดบังอะไร

“เย็บแม่ง!”

พอด่าเสร็จ เขาก็หันหลังแล้วกระโดดลงเวที

“เด็กน้อย นายเก่งมาก !”

เต้าจูนเดินไป ยิ้มแล้วก่นด่าไปว่า :“คนอย่างเฉินเต้าหลินมีลูกชายแบบนายได้ ทำไมเขาถึงได้พบเจอแต่เรื่องอะไรที่มันดีๆกัน?”

นี่เขากำลังชมเรา ? หรือกำลังด่าพ่อเรากัน ?

เฉินตงรู้สึกสับสนและมึนงง

เพียงไม่นานเขาก็ได้สติและคิดขึ้นมาได้ว่า ……เขาชนะแล้ว!

ราวกับฝันไป สิบสังเวียนและสิบชัยชนะ!

ตึกตัก!

เฉินตงล้มลงไปบนเวที ความเจ็บปวดและความเหนื่อยล้าแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย แม้แรงที่จะลุกขึ้นนั่งก็ยังไม่มี

แต่ใบหน้าของเขา ก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่แวววาวสดใส

“ได้กลับบ้านแล้ว ในที่สุดก็ได้ไปแต่งงานกับคุณซะที !”

การต่อสู้เวทีสุดท้าย ทำให้คุกมืดเกิดความโกลาหล

หลังจากความตื่นตกใจผ่านไป สิบคุกที่เสียงดัง ก็กึกก้องไปด้วยเสียงคำรามที่ไม่พอใจ

ในการต่อสู้กันระหว่างเฉินตงกับเต้าจูน คนโง่ก็ยังมองออกว่าเต้าจูนจงใจอ่อนข้อให้

สิ่งนี้ทำให้นักโทษทุกคน ต่างก็รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม

ทำไมเฉินตงสามารถเอาชนะได้ทั้งสิบสังเวียน และออกไปจากคุกมืดนี้ได้ ?

แล้วทำไมเต้าจูนถึงต้องอ่อนข้อให้เฉินตงด้วย ?

การลุกฮือในคุกมืด

ทำให้ผู้คุมในห้องควบคุมจำนวนมากต่างก็มีท่าทีเคร่งขรึม สุขุมและหนักแน่นขึ้นมาทันที

นักโทษที่ถูกคุมขังในคุกมืดนี้ล้วนเป็นเทพสังหารทั้งนั้น

นับตั้งแต่ที่ก่อตั้งคุกมืดมา ก็อาศัยสิบคุกที่เสียงดังคอยถ่วงดุลอำนาจซึ่งกันและกัน เพื่อรักษาความมั่นคงภายใน

แต่ตอนนี้ การต่อสู้กันระหว่างเต้าจูนกับเฉินตง ทำให้ความโกรธของนักโทษสิบคุกที่เสียงดังพันกันจนเป็นเกลียว

ความโกรธแค้นนี้ ผู้คุมของคุกมืด ต่างก็ไม่มีใครแบกรับมันได้ !

“ท่านพัศดี การต่อสู้ครั้งนี้ไม่นับ!ไม่เช่นนั้นคุกมืดได้เกิดจลาจลแน่ !”

“ท่านพัศดี ตัดสินใจเร็วๆเถอะ เฉินตงจะออกไปจากคุกมืดนี้ไม่ได้ หากเขาออกไปแล้ว การต่อสู้สิบสังเวียนที่ต้องได้รับเพียงชัยชนะหลังจากนี้ก็จะไม่มีศักดิ์ศรีอีกต่อไป !”

“เต้าจูนทำแบบนี้ ก็เพื่อต้องการทำลายคุกมืดให้ราบคาบ !”

……

ในชั่วพริบตา สถานการณ์ในห้องควบคุมก็ชุลมุนขึ้นมา

ต่างก็เอ่ยพูดห้ามปรามกับชายชราผมหงอก

“ฟู่……”

ชายชราผมหงอกถอนหายใจออกมาอย่างแรง กำลังจะยกมือขึ้นพูด

แกร็ก!

ประตูห้องถูกเปิดออก

เต้าจูนเดินเข้ามาช้าๆ เลิกคิ้วแล้วยิ้ม:“โอ้ คึกคักกันจัง ?”

หลังจากพูดจบ ทุกคนต่างก็เงียบลง

ชายชราผมหงอกยิ้มแล้วหันกลับมา:“นายมาได้จังหวะพอดี ผลการต่อสู้สังเวียนเมื่อกี้นี้ นายคิดว่าทำยังไงดี ?”

“ง่ายนิดเดียว!”

เต้าจูนเดินไปยังแท่นเวทีในห้องควบคุมอย่างใจเย็น

หยิบไมโครโฟนขึ้นมา ส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่กระจายเสียงไปยังเรือนจำในคุกมืดทั้งหมด

หลังจากนั้น

เขายิ้มเยาะแล้วพูดว่า :“ฉันรู้ว่าทุกคนไม่พอใจ แต่ฉันพอใจที่จะปล่อยให้เฉินตงออกไป ใครที่ไม่พอใจก็สามารถมาลองดูว่าจะทำให้ฉันพอใจได้หรือไม่ ”

“ฉันไม่ได้จะเจาะจงใครในคุกมืด กฎของการออกไปจากคุกมืดก็มีอยู่ ทุกคนสามารถมาท้าประลองได้ หรือจะมาท้าประลองกับฉันเต้าจูนก็ได้ !”

น้ำเสียงที่หยาบกระด้าง พูดแบบไม่ได้ประโยชน์แก่ผู้ฟังแต่ก็เป็นคำพูดที่ไม่ได้ผิดอะไร

คำเดียว “ฉันพอใจ”ทำให้คนที่รู้สึกอัดอั้น พูดอะไรไม่ออก

จาก คุกมืดที่เสียงดังกึกก้อง ก็กลับมาเงียบสงบลงอีกครั้ง

นักโทษทุกคนต่างก็รู้สึกจะกระอักเลือดกันขึ้นมา ท้าประลองกับเต้าจูนคงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วละมั้ง ?

เต้าจูนพอใจที่จะปล่อยเฉินตงออกไป แต่เต้าจูนก็ไม่ใช่คนที่จะอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลานี่นา !

คนที่มีกำลังมากพอที่จะควบคุมทั้งเรือนจำไว้ได้ ตอนนี้ออกมาพูดเปิดเผยแบบนี้ !

ป้าบ!

เต้าจูนโยนไมโครโฟนทิ้ง

หันกลับไปมองผู้คนที่อยู่ในอาการตกใจ แล้วยิ้มเย้ย :“เรียบร้อย หากพวกนายยังปัญหา ก็สามารถมาลองทำให้ฉันพอใจได้ ?”

คำพูดเดียว ทำให้ทุกคนเสียวสันหลังไปตามๆกัน

ทุกคนต่างก็รู้ดีว่า คำว่า “พอใจ”ของเต้าจูนหมายถึงอะไร

ท้าประลองกับเต้าจูน เพื่อโอกาสที่จะได้ทำให้เต้าจูนพึงพอใจ ?

ตลกละ!

นั่นมันตายสถานเดียว!

แต่สิ่งที่ผู้คุมทั้งหลายต่างก็ประหลาดใจนั้นก็คือ ความสัมพันธ์ระหว่างเต้าจูนกับเฉินตงนี่มันยังไงกัน ?

ไม่มีสาเหตุและเหตุผลที่จะพอใจหรือไม่พอใจ

ทุกคนต่างก็เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว และใช้ชีวิตเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกันมามาก

และต่างก็รู้ดี ความสามารถส่วนตัวนั้นสำคัญมาก แต่บางครั้งเมื่อเจอคนที่ถูกใจ ต่อให้ความสามารถไม่มากพอ ก็สามารถที่จะบินทะยานขึ้นไปสู่ท้องฟ้าได้

เห็นได้ชัดว่า เฉินตงเมื่อได้เจอกับเต้าจูน ถึงได้ออกไปจากคุกมืดนี้ได้

“โอเค ลงไปกันได้แล้ว ”

ชายชราผมหงอกก็พูดออกมา :“ช่วงนี้ทุกเรือนจำก็เสริมกำลังเวรยาม เพื่อป้องกันการเกิดจลาจลด้วย ส่วนเต้าจูนกับป๋าอยู่ก่อน ”

ผู้คุมทุกคนต่างพยักหน้า ทำความเคารพแล้วถอยกลับไป

เต้าจูนที่ควบคุมทั้งเรือนจำ ไม่เพียงแต่กับนักโทษเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้คุมในเรือนจำนี้ด้วย

เมื่อห้องควบคุม เหลือเพียงเต้าจูนกับชายชราผมหงอก และป๋าสามคนเท่านั้น

เต้าจูนก็นั่งไปบนเก้าอี้อย่างสงบนิ่ง เอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน หยิบซิการ์ออกจากกระเป๋าแล้วจุดสูบ

ป๋าขมวดคิ้ว แล้วมองไปยังเต้าจูนกับชายชราผมหงอกด้วยความสงสัย

ไม่กี่วินาทีต่อมา

เมื่อเต้าจูนพ่นควันแรกออกมา ชายชราผมหงอกก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย

“ฉันไม่คิดว่า นายจะปล่อยเฉินตงไปง่ายๆแบบนี้”

โครม!

ร่างกายของป๋าสั่นไหว ภายในใจหวาดวิตก

คำพูดเดียวของท่านพัศดี เผยถึงบางอย่าง สำหรับเขาแล้วมันราวกับฟ้าผ่าตอนกลางวัน

ตั้งแต่ต้นจนจบ……มันมีการวางแผนเอาไว้แล้วงั้นเหรอ ?

เต้าจูนเหลือบมองไปยังชายชราผมหงอกแวบหนึ่ง :“คุณ เคยขู่ผมเอาไว้แล้วไม่ใช่เหรอ?”

ชายชราผมหงอกยักไหล่ :“นายก็รู้ คำขู่ของฉันไม่เคยมีผลอะไรกับนาย”

เต้าจูนยิ้มเยาะออกมา

แล้วเงยหน้าขึ้นมองป๋า :“ตอนนี้นายคงจะกำลังสงสัยอยู่ใช่ไหม ? ”

“ใช่แล้วเต้าจูน”ป๋าตอบไปตรงๆ

“สงสัยว่าทำไมฉันถึงจงใจปล่อยเฉินตงไป ? และรู้อยู่ว่าเฉินตงไม่สามารถมีชีวิตรอดมาขึ้นสังเวียนสุดท้ายกับฉันได้ และฉันก็ยังช่วยเขาปูทางกำจัดเสี้ยนหนามที่มี?”

ป๋าพยักหน้าอย่างเงียบๆ

เต้าจูนยักไหล่:“คนอื่นสงสัยก็ไม่แปลก แต่ทำไมนายถึงสงสัยด้วย ? เหตุการณ์เดียวกัน สิบปีที่แล้วนายก็เคยเห็นแล้วไม่ใช่เหรอ ? ”

ความสงสัยที่มีของป๋าก็ยิ่งทวีมากขึ้น

แต่ชายชราผมหงอกกลับตบไปที่ไหล่ของป๋า

“ไปพาตัวเฉินตงมาเถอะ เขาเองก็คงสงสัยเหมือนกันกับคุณ”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset