Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 259 ในวันงานมงคล

เมื่อแสงตะวันแรกสาดส่องลงมายังพื้นโลก

หน้าคลับสี่ยิ่น ก็ยังคงคึกคักเหมือนเดิม

ประตูด้านหน้าคลับสี่ยิ่นที่สูงตระหง่าน

โคมระยิบระยับ สีสันสดใส

ประตูด้านข้างทั้งสอง มีประทัดเก้าสิบเก้านัดเรียงแถวอยู่ทั้งสองด้าน ซึ่งหมายถึงยืนยาวนานเท่านาน

สถานที่จัดงานแต่งงาน ถูกเลือกจัดขึ้นที่คลับสี่ยิ่น

สิ่งนี้ทำให้คลับสี่ยิ่นที่ลึกลับถูกเปิดเผยต่อหน้าสาธารณชน

งานแต่งงาน ทุกคนต่างเฝ้าดูอย่างตั้งใจ

ที่ด้านหน้าของคลับสี่ยิ่น ผู้คนมากมาย

รถยนต์คันหรูขับเข้าไปในคลับสี่ยิ่นอย่างต่อเนื่อง

สื่อต่างๆที่รู้ข่าว ต่างก็อยากที่จะเข้ามาทำข่าว แต่ถูกคลับสี่ยิ่นขวางเอาไว้ และทำได้เพียงวางตั้งขากล้องทั้งเล็กและใหญ่เรียงกันในที่โล่ง

“ดูนั่นสิ โจวเย่นชิว!คนที่นั่งอยู่หลังรถเขาคือโจวจุนหลง!”

“พวกเขาไม่เท่าไรหรอก ? เมื่อกี้ฉันเห็นท่านเมิ่งเข้าไปแล้วด้วย !”

“โอ้พระเจ้า งานแต่งครั้งนี้ เป็นงานที่รวมเอาอภิมหาเศรษฐีมาไว้ด้วยกัน ? หากได้เข้าไปถ่ายภาพในคลับสี่ยิ่น ข่าวนี้จะต้องโด่งดังเป็นแน่!”

นักข่าวทุกคนต่างมีท่าทีเงียบเหงาไม่คึกคัก

ความคิดแบบนี้ มีใครไม่คิดมั้ง ?

แต่ว่า การรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดของงานแต่งงานครั้งนี้ ทำให้ทุกคนต่างก็ทำอะไรไม่ได้

แม้แต่ แขกที่ได้รับเชิญ ยังต้องผ่านการตรวจอย่างเข้มงวดเช่นกัน

แต่ทุกคนต่างรู้ดี ผู้ที่ได้รับเชิญให้เข้าคลับสี่ยิ่น เพื่อร่วมงานแต่งงานในวันนี้ คือคนที่มีอำนาจบารมีที่ยิ่งใหญ่จริงๆ

แม้แต่กับ โจวเย่นชิวและโจวจุนหลงเจ้าสัวห้างสรรพสินค้าในเมือง และดารามากมายที่อยู่ในงานนี้ การรวมตัวกันของอภิมหาเศรษฐี ก็ยังถูกจัดอยู่ปลายแถว

ในส่วนของ“บุคคลชนชั้นสูง”ในเมืองนี้ คาดว่าคงไม่มีคุณสมบัติพอที่จะได้รับเชิญเลยด้วยซ้ำ!

“ตระกูลฉู่ในเมืองหลวง เดินทางมาถึงแล้ว!”

ที่หน้าประตูคลับสี่ยิ่น เสียงขานเรียกดังราวกับเสียงฟ้าร้อง

ว้าว!

นักข่าวต่างแตกตื่น ทุกคนมีสีหน้าที่ตกใจ

ด้วยข้อกำหนดของงานแต่งนี้ ครอบครัวที่ได้รับการขานเรียกชื่อ คือผู้ที่อยู่บนยอดของพีระมิดจริงๆ คือยักษ์ใหญ่ในสิ่งมีชีวิตทั้งหมด!

ที่ปรกติทั่วไปนั้น กลัวว่าแทบจะไม่มีคุณสมบัติได้รับการขานเรียกเรียนเชิญเลยด้วยซ้ำ!

เช่นเดียวกับรถหรูที่ขับเข้าไปในคลับสี่ยิ่นก่อนหน้าแทบไม่มีการขานเรียกที่พิเศษอะไรแบบนี้เลย

“โอ้พระเจ้า!ตระกูลฉู่ ในเมืองหลวง……”

นักข่าวคนหนึ่งโพล่งออกมาอย่างประหลาดใจ

แต่ยังไม่ทันได้พูดจบ

ที่ด้านหน้าของคลับสี่ยิ่น ก็มีการขานเรียกขึ้นอีกครั้ง

“ตระกูลจางในเมืองหลวง เดินทางมาถึงแล้ว !”

ว้าว!

นักข่าวก็แตกตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

“ตระกูลจางในเมืองหลวง?ตระกูลฉู่ในเมืองหลวง?นี่เล่นตลกอะไรกัน ทั้งสองเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการบันเทิง ที่ไม่ลงรอยกัน!”

ในฐานะผู้ประกอบวิชาชีพด้านงานสื่อ ทุกเรื่องในวงการบันเทิงรู้แจ้งเห็นกระจ่างทุกเรื่อง

“ตระกูลหลี่ในเมืองหลวง เดินทางมาถึงแล้ว !”

โครม!

เสียงขานเรียก ราวกับเสียงฟ้าร้อง

นักข่าวทุกคนต่างตกตะลึงด้วยความตกใจ

เมืองหลวง……มหาเศรษฐีตระกูลหลี่ ?

เหลอหลากันอยู่ชั่วครู่ แต่แล้วนักข่าวทุกคนต่างก็ได้สติ

สารพัดเลนส์กล้องทั้งสั้นและยาว ก็ลั่นชัตเตอร์กันรัวๆ เก็บภาพกันอย่างบ้าคลั่ง

ข่าวใหญ่!

นี่เป็นข่าวใหญ่เลยล่ะ!

ต่อให้เข้าไปในคลับสี่ยิ่นไม่ได้ แค่เก็บภาพของเหล่าเศรษฐีผู้มีอำนาจที่มาร่วมงาน ก็น่าทึ่งมากพอแล้ว!

และในตอนนี้

เสียงขานเรียกที่หน้าประตูคลับสี่ยิ่นก็เริ่มทยอยมากขึ้นเรื่อยๆ

“ซีสู่ตระกูลฉิน เดินทางมาถึงแล้ว !”

“ปรมาจารย์ภาพวาดจีนเจิ้งเทียนหมิง เดินทางมาถึงแล้ว !”

“หนานหลงตระกูลหวาง เดินทางมาถึงแล้ว !”

……

เสียงขานเรียกครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับเสียงฟ้าร้อง

ให้นักข่าวทุกคนเลือดกายพลุ่งพล่าน

แขกทุกคนที่มา ไม่ใช่มหาเศรษฐี ก็เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในสายงานอื่น!

งานเลี้ยงตระกูลมหาเศรษฐีที่ยากจะอธิบาย!

และการมาถึงของบุคคลผู้ยิ่งใหญ่แต่ละคน บนถนนที่คดเคี้ยวทอดยาว มีรถยนต์หรูเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ต่อแถวเป็นขบวนรถที่ยาวเหยียด และเป็นภาพที่ยิ่งใหญ่และงดงาม

ใครจะไปคิดว่า งานเลี้ยงงานแต่งงาน จะทำให้เกิดการจราจรที่คับคั่งได้ทั้งในช่วงเช้าและเย็น ?

ในที่สุด เจ้าของรถหรูบางคนก็ลงจากรถ แล้วเดินเข้ามาแทน

แต่เมื่อพวกเขามาถึงที่ประตู ก็หยุดลง แล้วให้ของขวัญ จากนั้นก็หันหลังแล้วเดินจากไป

พวกเขา เป็นบุคคลชนชั้นสูงในเมืองนี้

แต่บุคคลชนชั้นสูงนี้ เมื่อเทียบกับผู้ทรงอิทธิพลที่เข้ามาในคลับสี่ยิ่นแล้วก็ยังจะดูไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึงเลยด้วยซ้ำ

พวกเขาไม่ได้โง่ งานมงคลแบบนี้ต่อให้จะไม่มีคุณสมบัติได้เข้าร่วม แต่แค่ส่งคำอวยพรเพื่อแสดงไมตรี มันก็เพียงพอแล้ว

และนักข่าวทุกคน เมื่อเห็นบุคคลชนชั้นสูงเหล่านี้ ให้ของขวัญแล้วจากไป ต่างก็พากันตกตะลึงจนอ้าปากค้าง

คนเหล่านี้…… เป็นบุคคลชนชั้นสูงในเมืองนี้จริงๆ หรือ ?

ในเวลาเดียวกัน

ภายในคลับสี่ยิ่น

งานรื่นเริง

สำหรับงานมงคลสมรสนี้ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลเฉินหรือตระกูลกู้ ต่างก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจ

ในส่วนของเรื่องค่าใช้จ่าย เฉินตงก็ทุ่มไม่อั้น เพื่อความดีงามและสมบูรณ์แบบ

คลับสี่ยิ่นทั้งหมดใหญ่พอๆกับศาลา และต้นไม้ดอกไม้ขนาดเล็ก ก็ถูกตกแต่งทั้งหมดด้วยเช่นกัน

ราวกับโลกทั้งโลกได้เปลี่ยนไป

เข้าสู่โลกแห่งความฝัน

เจ้าหน้าที่ที่ดูแลแขก

หลี่หลานกับท่านหลงและกู้โก๋ฮั๋วสองสามีภรรยาต่างก็ใบหน้ายิ้มแป้น สุขสมหวัง

และพบปะทักทายกับแขกเหรื่อที่มาในงาน

ในบรรดาแขกรับเชิญเหล่านี้ มีแขกของตระกูลกู้ แต่ส่วนมากก็เป็นแขกของตระกูลเฉิน !

งานมงคลของบุตรชายเจ้าบ้านตระกูลเฉินผู้มั่งคั่งของโลก นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง !

แม้ก่อนหน้าจะไม่เคยได้ยินข่าวของเฉินตงผู้มีอำนาจล้นฟ้ามาก่อน แต่ต่างก็เต็มใจที่จะมาเพื่ออวยพร

กู้โก๋ฮั๋วและหลี่หวั่นชิงสองสามีภรรยา มองดูภาพผู้คนในงานมากมาย

ทำให้ภายในใจของสองสามีภรรยานั้น เต็มไปด้วยความตื่นเต้น และมีความสุขเกินจะควบคุมตัวเองได้

สิ่งนี้ เป็นเหมือนกับความสูงตระหง่านที่อยู่เหนือเมฆแล้วมองลงมาสู่สิ่งมีชีวิตทั้งหมด !

แม้การเข้าสังคมของกู้โก๋ฮั๋วในแต่ละวัน ก็ไม่เคยคิดเลยว่า งานมงคลของลูกสาว จะสามารถรวมเอามหาเศรษฐีที่ร่ำรวยไว้ได้ !

หลี่หลานก็มีความสุขมากเช่นกัน กี่เพ้าสีแดงในงานเลี้ยง เสริมบุคลิกภาพของเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบ

แต่ยังไงเสีย ในขณะที่มีความสุข หลี่หลานก็ยังคงกังวลเล็กน้อย

“ท่านหลง เจ้าฉินเย่ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม ? ”

หลังจากที่ท่านหลงทักทายแขกคนหนึ่งเสร็จ หันกลับมายิ้มแล้วตอบว่า :“เมื่อคืนถูกแทงไปแผลหนึ่ง เจ้าเด็กนั้นโชคดีนัก ช่วยชีวิตเอาไว้ได้แล้ว กระผมได้ให้กูหลังกับหยู่หลันคอยดูแลเขาที่โรงพยาบาลแล้วครับ ”

“ดีแล้ว ดีแล้ว”

หลี่หลานเหมือนยกภูเขาออกจากอก มองดูแขกผู้มีเกียรติที่มากันมากมายจนล้นงาน และพูดเสียงเบาว่า :“เต้าหลินจะมาถึงเมื่อไหร่ ? แขกเหล่านี้ล้วนเป็นคนใหญ่คนโต ฉันกับพ่อแม่เจ้าสาวรับหน้าไม่ไหวหรอกนะ ”

“นายท่านอยู่ระหว่างมาแล้วครับ ”

ท่านหลงพูดอย่างเคารพ ทันใดนั้นดวงตาก็เปล่งประกาย :“นายหญิง คุณชายมาแล้วครับ ”

หลี่หลานมองตามสายตาของท่านหลง

เฉินตงที่อยู่ในชุดสูทเดินมาอย่างช้าๆ

ด้วยรูปร่างที่สูงสง่า กับชุดสูทและรองเท้าหนัง บวกกับรูปลักษณ์ใบหน้าที่งดงาม เฉินตงที่ค่อยๆก้าวเข้ามา ดึงดูดสายตาอันน่าทึ่งของทุกคนให้หันมอง

รู้สึกได้ถึงการมองมาของผู้คนรอบข้าง

บนใบหน้าของเฉินตงอดไม่ได้ที่จะเผยความเย่อหยิ่ง รอยยิ้มที่มุมปากก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน

“คนใหญ่คนโตเหล่านี้……อดีตเคยเป็นคนตระกูล แม้จะพยายามทั้งชีวิต ก็คงไม่สามารถที่จะเชิญใครมาได้หรอกมั้ง ? แต่ตอนนี้กลับอยู่ในงาน เพื่อร่วมยินดี การได้รับเกียรตินี้ ไม่เสียเปล่าที่ตระกูลโจวถูกกำจัดทั้งครอบครัว”

เมื่อคิดในใจ เฉินตงก็เดินมาอยู่ตรงหน้าของหลี่หลานกับกู้โก๋ฮั๋วและคนอื่นๆ

“แม่ครับ คุณน้าคุณอาครับ ”

เฉินตงยิ้มแล้วเอ่ยเรียก :“ทางฝั่งเจียนเจียบอกว่า เสี่ยวหยิ่งเตรียมตัวใกล้จะเสร็จแล้วครับ”

งานฉลองมงคลสมรสนี้ เพราะมันยิ่งใหญ่เกินไป

ตระกูลเฉินและตระกูลกู้ ได้คาดการณ์เอาไว้แล้ว ดังนั้นเลยไม่ได้จัดเตรียมขบวนรถเพื่อรับตัวเจ้าสาวไว้

กู้ชิงหยิ่งในตอนนี้กำลังแต่งหน้าอยู่ในกระท่อมไม้ไผ่

“จ้าๆๆ”หลี่หลานกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เมื่อถึงเวลาฤกษ์ ก็เริ่มพิธีได้”

และในตอนนี้เอง

ท่านหลงก็รู้สึกประหลาดใจ

“ฉินเย่ คุณมาได้ยังไง ?”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้

ทุกคนต่างก็หันไปมอง

ท่ามกลางผู้คน ฉินเย่นั่งอยู่บนรถเข็น ชุดสูทปิดบังบาดแผลของร่างกาย มีเพียงใบหน้าที่ซีดเซียว เผยให้เห็นถึงความอ่อนแอ

และด้านหลังของเขา มีกูหลังคอยเข็นรถเข็นให้ และมีจางหยู่หลันคอยเดินตามอยู่ข้างๆอย่างจนใจ

ดวงตาของเฉินตงเย็นชา ท่าทีบูดบึ้ง :“จางหยู่หลัน ให้เธอดูแลฉินเย่อยู่ที่โรงพยาบาล ทำไมถึงพาเขามาที่นี่ได้ ?”

โดยไม่ทันให้จางหยู่หลันได้ตอบ

ฉินเย่ก็ยิ้มแล้วพูดว่า :“ผมเป็นคนขอให้พามาเอง งานแต่งงานของพี่ชายผมทั้งที หากผมไม่ตาย ยังไงก็ต้องมาร่วมยินดี ”

แม้เขาจะกำลังยิ้ม แต่ดวงตาของเขาไม่ได้ยิ้มตาม ……

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset