Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 267 คืนที่งดงามที่สุด

ฟิ้ว !

ลมพัดแรง

เฉินเต้าหลินยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน และไม่คิดจะหลบหลีกแม้แต่น้อย

แต่หมัดของเฉินตงกลับไปหยุดอยู่ตรงหน้าของเขา

จากนั้นก็ค่อยๆ ลดมือลง

ใบหน้าของเฉินตงเย็นชาราวกับน้ำแข็ง แววตาที่ลึกซึ้งของเขาแสดงออกถึงความเกลียดชังอย่างถึงที่สุด

“ทำไมถึงไม่ต่อยพ่อ ?”

เฉินเต้าหลินยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เอารู้สึกอ้างว้างอย่างที่สุด : “ผมสมควรจะต่อย”

ภาพนี้ถ้าให้คนอื่นมาเห็นเขา คงต้องตกใจจนอ้าปากค้าง

เจ้าบ้านตระกูลเฉินผู้สง่างามและมั่งคั่งที่สุดในโลก กลับมีท่าทีที่หดหู่เช่นนี้ ?

“ต่อยพ่อแล้ว แม่จะกลับมาได้ไหม ?”

เฉินตงหันหลังกลับ จากนั้นจึงมองทัศนียภาพยามค่ำคืนของเขาเทียนซานที่อยู่ไกลๆ จากนั้นจึงพึมพำกับตัวเองว่า : “ยังไงมันก็ผ่านไปแล้ว คนเราต้องมองไปด้านหน้า ไม่ใช่หรือ ?”

เฉินเต้าหลินยืนนิ่งไม่พูดอะไร ในใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

เหตุการณ์ในครั้งนี้ เขาอาศัยแผนการของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน เพื่อถือโอกาสฝึกฝนเฉินตง

แต่การที่โจวสวนสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างจึงได้ระเบิดอารมณ์ออกมา เป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของเขา

แต่กลายเป็นสาเหตุที่ทำให้หลี่หลานต้องถึงแก่ความตาย

สิ่งนี้กลายเป็นปมที่ติดอยู่ในใจของเขา

เมื่อก่อนเขาไม่อาจรับรองชะตากรรมของเฉินตงและหลี่หลานได้ ดังนั้นจึงยอมถูกตราหน้าว่าเป็นคนที่ละทิ้งครอบครัว แล้วกลับไปยังตระกูลเฉิน

แต่มาวันนี้ ต่อให้เขาเป็นถึงเจ้าบ้านตระกูลเฉินแล้ว เขาก็ยังไม่อาจรักษาชีวิตของคนที่เขารักเอาไว้ได้อยู่ดี

ความเจ็บปวดและความรู้สึกผิดนี้ ทำให้เฉินเต้าหลินไม่อาจปล่องวางได้

แต่เมื่อเทียบกับเฉินตงแล้ว เขายังสามารถเก็บซ่อนความรู้สึกได้ดีกว่า เขาเก็บซ่อนความรู้สึกผิดและความคับข้องใจเอาไว้ลึกๆ ในใจเขา

“ตอนนั้นพ่อเป็นคนส่งลุงเต้าจูนเข้าคุกมืด แล้วทำไมเขากลับช่วยผมให้ออกมาจากคุณมืดนั่นล่ะ ?” จู่ๆ เฉินตงก็ถามขึ้นมา

แววตาของเฉินเต้าหลินลึกซึ้งขึ้นทันที จากนั้นเอาจึงยิ้มออกมาอย่างเป็นนัย

“ตระกูลเฉินมีลำดับชั้นที่ซับซ้อน ผู้สืบทอดมรดกจะคอยควบคุมแต่ละฝ่าย และคอยต่อสู้กัน จึงยากที่จะหลีกเลี่ยงการมีความแค้นต่อกัน ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร”

ศัตรูของศัตรู ?

เฉินตงกระพริบตาปริบๆ เขารู้จักตระกูลเฉินน้องมากจริงๆ

ตระกูลเฉินไม่ได้มีผู้สืบทอดมรดกที่เป็นทายาทโดยตรงเหมือนตระกูลมั่งคั่งตระกูลอื่นๆ เท่านั้น เพราะหากเป็นเช่นนี้ ก็คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าใจตระกูลเฉิน

แต่ตระกูลเฉินใช้วิธีคนเก่งคือผู้ชนะ ส่วนคนแพ้ก็ต้องถูกคัดทิ้ง คนชนะจะได้ขึ้นเป็นราชา

ไม่แน่ว่า นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ตระกูลเฉินอยู่ค้ำฟ้ามาจนถึงทุกวันนี้

เพราะมีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นที่จะได้รับหน้าที่ดูแลตระกูล

เฉินตงสูดหายใจเข้าเต็มปอด จากนั้นจึงไม่ได้พยายามเอ่ยถามถึงความลับที่ซ่อนอยู่ภายในคุกมืดอีก

เขาหันหน้ากลับมามองเฉินเต้าหลิน : “พ่อครับ พ่อบอกผมหน่อยว่า จะสามารถฆ่าคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินได้ไหม ?”

น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย็นชาและเจตนาฆ่าที่รุนแรง

เวลาตลอดหนึ่งสัปดาห์ ถึงจะพูดว่ามัวแต่ยุ่งอยู่กับงานศพของแม่

แต่คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินก็ยังอยู่ที่ตระกูลเฉิน ถ้าพอมีความคิดจริงๆ ก็คงจัดการกับเธอไปเรียบร้อยแล้ว

“ตอนนี้ยังไม่ได้”

เฉินเต้าหลินส่ายหัว มีความโกรธแค้นปรากฏขึ้นในแววตาของเขา เขาพยายามระงับเจตนาฆ่าเอาไว้ : “ตระกูลเฉินไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่ลูกคิด เธอเป็นผู้อาวุโส ถึงแม้จะเรียกเธอเพียงแค่น้าสาม แต่ถ้าหากสามารถฆ่าเธอได้ง่ายดายจริงๆ แล้วพ่อจะต้องทนรอมาเป็นเวลายี่สิบกว่าปีหรือ ?

“ครับ !”

เฉินตงพยักหน้าแล้วขานรับอย่างเย็นชา : “ถ้าอย่างนั้นผมจะขอฆ่าล้างตระกูลฉิน เพื่อสังเวยให้แม่ผม !”

หางตาของเฉินเต้าหลินกระตุก แต่ก็ไม่แสดงท่าทีแปลกใจออกมามากนัก

เรื่องทั้งหมดนี่ อยู่ในการคาดการณ์ของเขา

เพียงแต่วิธีจัดการอย่างเด็ดขาดของเฉินตง ทำให้เขารู้สึกตกใจเล็กน้อย

“ได้ !”

เฉินเต้าหลินไม่พูดอะไรมาก น้ำเสียงของเขาก็เย็นชาเหมือนกับน้ำแข็ง : “บัญชีเลือดในครั้งนี้ ต้องมีคนสังเวยให้แม่ของเธอ”

“ขอบคุณครับ”

เฉินตงตอบกลับมาอย่างสงบหนึ่งคำ จากนั้นจึงหันหลังเดินกลับลงไปชั้นล่าง

ตัวของเฉินเต้าหลินสั่นเทาอยู่ครู่หนึ่ง

เขาหันมองเฉินตงที่เดินจากไป ใบหน้าของเขาถอดสี

คำพูดขอบคุณเพียงประโยคเดียว ทำให้เขารู้สึกเหมือนตนเองเป็นคนแปลกหน้า ในใจรู้สึกว่างเปล่า

ในห้องรับแขก

พวกขอกู้ชิงหยิ่งกำลังนั่งรออยู่อย่างเงียบๆ

ตอนที่เฉินตงเดินเข้าไปในห้องรับแขก เขากลับมองตรงไปที่ฉินเย่

“อยากกลับตระกูลฉินไหม ?”

ฉินเย่ผงะ แล้วถามว่า : “ฉันไม่ใช่คนตระกูลฉินแล้ว จะกลับไปทำไมอีก ?”

“แก้แค้น !”

คำพูดที่เฉินตงโพล่งออกมาด้วยท่าทีเรียบเฉย

ทำให้บรรยากาศภายในห้องรับแขกเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า

พวกของท่านหลงและกู้โก๋ฮั๋วต่างรู้สึกตกใจ

กู้ชิงหยิ่งขยับริมฝีปากแดงระเรื่อของเธอเหมือนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่พูดออกมา

แม้กระทั่งฉินเย่เองก็คาดไม่ถึง

แววตาของเขาเป็นประกายขึ้นมา แต่ไม่ช้า ก็ดูหดหู่ลงอีกครั้ง : “ตอนนี้เรายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตระกูลฉิ””

อย่างไรเสียอูฐที่ผอมโซก็ยังตัวใหญ่กว่าม้าอยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลฉินไม่ได้เป็นอูฐที่หิวโซ แต่เป็นอูฐที่แข็งแกร่งเต็มวัย !

ตระกูลที่มั่งคั่งเช่นนี้ ไม่มีทางที่ตระกูลหลี่แห่งเมืองหลวงจะเทียบได้

“เกี่ยวกันไหม ?”

เฉินตงลิกคิ้วแล้วยิ้ม ความบ้าดีเดือดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา : “ในนามของตระกูลเฉิน จะต้องล้างตระกูลฉินด้วยเลือด ความแค้นของแม่ จะต้องมีคนชดใช้ !”

“ดี !”

ฉินเย่ยิ้มออกมาอย่างโหดเหี้ยมและตอบกลับอย่างเด็ดขาด

ไม่มีใครสังเกตเห็นว่า มือทั้งสองข้างของเขากำหมัดแน่นอยู่

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง

กู้โก๋ฮั๋วสองสามีภรรยากลับไปได้สักพักใหญ่แล้ว

ภายในห้องนอน แสงไฟสลัวๆ

เฉินตงนั่งอยู่ที่หัวเตียง ฟังเสียงน้ำที่ดังลอดออกมาจากห้องน้ำ ท่าทีของเขาดูเคร่งขรึมเล็กน้อย

เขามองดูห้องที่ฟ่านลู่เพิ่งจะทำความสะอาดเสร็จเมื่อครู่ ทั้งห้องยังคมเต็มไปด้วยของขวัญในวันแต่งงานวันนั้น

เพียงแค่อาทิตย์เดียว ทุกอย่างกลับถูกเขาทำให้กลับกลายจากหน้ามือเป็นหลังมือ

และด้วยการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นกับงานแต่งงาน ทำให้การแต่งงานของเขาและกู้ชิงหยิ่ง เต็มไปด้วยความผิดหวัง

การจากไปของแม่ เป็นสิ่งที่เขายากเกินจะรับไหว

แต่สำหรับกู้ชิงหยิ่งแล้ว เฉินตงเองก็รู้สึกผิดในใจเป็นอย่างมาก

งานแต่งงานที่งดงาม กลายเป็นงานศพของแม่ และความสุขที่กู้ชิงหยิ่งควรจะได้รับในวันแต่งงาน กลับกลายเป็นความโศกเศร้าเสียใจเข้ามาแทนที่

แต่ตลอดทั้งสัปดาห์ที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้านี้ กู้ชิงหยิ่งกลับไม่เคยที่จะเอ่ยปากบ่นเลยสักคำ แต่กลับคอยอยู่เคียงข้างเขามาตลอด แต่พยายามชี้ทางสว่างให้แก่เขา

สำหรับกู้ชิงหยิ่งแล้ว นี่ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรมกับเธอเอาเสียเลย

แอ๊ด !

ประตูห้องน้ำเปิดออก

ไอน้ำลอยออกมา

เฉินตงหันไปมองโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็เหม่อลอยไป

ภายใต้แสงสว่างของโคมไฟ กู้ชิงหยิ่งห่อตัวด้วยผ้าขนหนูแล้วค่อยๆ เดินออกมาจากห้องน้ำ ด้านล่างเผยให้เห็นขาอันเรียวงามของเธอ

ผมที่เปียกโชก และไหล่ที่ขาวนวลเนียนของเธอยังมีหยดน้ำเกาะอยู่

ใบหน้าที่งดงามของเธอ แดงระเรื่อเพราะอุณหภูมิของน้ำ

เมื่อสังเกตเห็นสายตาของเฉินตง กู้ชิงหยิ่งก็รู้สึกเขินจนก้มหน้าก้มตา จากนั้นจึงหันไปพูดอย่าเขินอายว่า : “มองอะไร ?”

“มานี่สิ”

เฉินตงพูดเบาๆ

กู้ชิงหยิ่งตัวสั่น เธอกัดริมฝีปากแดงระเรื่อของเธอ แล้วค่อยๆ เดินเข้าไปหาเฉินตง จากนั้นจึงนั่งลง

เฉินตงโอบไหล่ของกู้ชิงหยิ่งเบาๆ กลิ่นหอมลอยเตะจมูกของเขา เขาให้กู้ชิงหยิ่งค่อยๆ พิงตัวลงมาบนไหล่ของเขา

แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นว่า : “ช่วงที่ผ่านมา ต้องลำบากคุณแล้ว”

“คนโง่ พูดอะไรกัน ? ฉันลำบากอะไร ?”

กู้ชิงหยิ่งเงยหน้าขึ้น เธอจ้องมองเฉินตงด้วยแววตาที่เป็นประกายราวกับดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้า แล้วพูดกับเฉินตงด้วยท่าทีจริงจังว่า : “การจากไปของคุณแม่ พวกเราทุกคนต่างโศกเศร้าเสียใจ แต่สภาพของคุณในช่วงที่ผ่านมา ทำให้พวกเรารู้สึกตกใจอย่างมาก รับปากฉันนะ ต่อไป ห้ามอยู่ในสภาพแบบนี้อีกแล้ว”

“คุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว คุณยังมีฉัน ฉันเป็นภรรยาของคุณ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ฉันก็จะขอต่อสู้ไปพร้อมกับคุณ แต่ช่วงที่ผ่านมา แม้กระทั่งฉันคุณเองก็ไม่ยอมพูดด้วยสักคำ ถ้าหากต้องรู้สึกลำบาก นี่แหละคือความลำบากที่ฉันเจอ คุณทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันไม่ใช่ภรรยาของคุณ”

เฉินตงผงะไป เขารู้สึกมีความอบอุ่นวนเวียนอยู่ในใจของเขา

“ผมรับปากคุณ ! ต่อไปจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก”

“ค่ะ”

กู้ชิงหยิ่งยิ้มเล็กน้อย เธอชี้ไปที่ห้องน้ำ : “ไปอาบน้ำเถอะค่ะ”

จากนั้น เธอก็เข้าไปกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของเฉินตง : “คืนนี้ เป็นคืนที่งดงามที่สุด !”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset