Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 268 จิตใจอันชั่วร้ายของฉินเย่

คืนที่งดงามที่สุด ?

เฉินตงอึ้งไป จากนั้นเมื่อเขาตั้งสติกลับมาได้ หัวใจเขาก็เต้นระส่ำทันที

“มัวแต่อึ้งอยู่ทำไม ?”

กู้ชิงหยิ่งเลิกคิ้ว เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่เย้ายวน

ความงามอันน่าทึ่งเช่นนี้ เพียงแค่รอยยิ้ม ก็สามารถโปรยเสน่ห์ที่ยากเกินข้ามใจได้แล้ว

เพียงแต่แววตานี้ ทำให้เฉินตงรู้สึกประหลาดใจ

เขาคิดไม่ถึงเลยว่า แววตาของกู้ชิงหยิ่งจะ “มีเสน่ห์เกินต้านทาน” เช่นนี้

เฉินตงสูดหายใจเข้าเต็มปอด แล้วลุกขึ้น เดินตรงไปยังห้องน้ำ

หลังจากการอาบน้ำอย่างพิถีพิถันแล้ว เขาก็ห่อผ้าขนหนูเดินออกมาจากห้องน้ำ

บรรยากาศภายในห้องมืดลง กู้ชิงหยิ่งเป็นคนปิดไฟ

เหลือเพียงแค่โคมไฟตรงหัวเตียงดวงเดียวเท่านั้น ที่ยังคงส่องแสงสลัวๆ

ส่วนกู้ชิงหยิ่ง เข้าไปนอนซุกตัวอยู่ในผ้าห่มเรียบร้อยแล้ว ผ้าขนหนูผืนเมื่อครู่วางทิ้งอยู่บนพื้น เธอนอนวูบตัวอยู่ในผ้าห่ม และดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดถึงจมูก

แล้วหันมองเฉินตงด้วยท่าทีเขินอายไม่หยุด

เพียงแค่สายตาที่ส่งมา ก็แทนคำพูดได้เป็นหมื่นคำ

เฉินตงแทรกตัวเข้าไปในผ้าห่ม ตอนนี้กู้ชิงหยิ่งเหมือนลูกแมวน้อยๆ เธอซุกตัวเข้ามาในอ้อมกอดของเขา

“ฉันเคยบอกแล้วว่า จะเก็บครั้งนี้ไว้ในคืนที่งดงามที่สุด !” ริมฝีปากแดงระเรื่อ กระซิบเบาๆ ที่หูของเฉินตง “คืนนี้ขอให้สามีโปรดอ่อนโยนกับฉันด้วย”

เฉินตงยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน เขายกมือขึ้นมาปิดไฟ

ความรู้สึกทั้งหมด ถูกปลดปล่อยออกมาภายใต้ความมืด

การรอคอยมาสามปี ความรู้สึกที่ยาวนาน

ความรักทั้งหมดที่มี ถูกระบายออกมาทั้งหมดภายใต้ความมืด

……

ทั้งคืนไม่มีการพูดคุยอะไรกัน

เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่แสงอาทิตย์ลอดผ่านช่องผ้าม่านเข้าไปในห้อง

เฉินตงกับกู้ชิงหยิ่งก็ค่อยๆ ตื่นจากความฝัน

หลับอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน ทั้งสองลืมตาขึ้น ก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องมองตนเองอยู่

เวลาหนึ่งคืน ทำให้ทั้งสองรู้สึกอ่อนเพลียเป็นอย่างมาก บนใบหน้าของกู้ชิงหยิ่งยังคงเป็นสีแดงระเรื่ออยู่

“ตื่นเช้าขนาดนี้เลยหรือ ?”

เฉินตงเลิกคิ้วแล้วยิ้ม

“ตื่นมาเพราะความเจ็บ” กู้ชิงหยิ่งขมวดคิ้ว

เฉินตงผงะไป เมื่อตั้งสติได้ เขาก็หัวเราะออกมา

กู้ชิงหยิ่งรีบยกมือขึ้นมาปิดปากเฉินตงที่มีท่าทีตกใจเหมือนลูกแมวเอาไว้ : “คนบ้า คุณยังจะหัวเราะอีกหรือ ?”

“ทำไมจะหัวเราะไม่ได้ ? คุณเป็นภรรยาของผมนะ” เฉินตงลูบดั้งจมูกของกู้ชิงหยิ่งเบาๆ

ทั้งสองมองห้ากันและกันโดยไม่พูดอะไร

พักใหญ่

กู้ชิงหยิ่งจึงค่อยๆ เอ่ยปากพูดขึ้น : “คุณตัดสินใจจะไปที่ตระกูลฉินจริงๆ หรือ ?”

“ใช่” เฉินตงตอบออกมาอย่างสงบ

“รอให้ผ่านไปสักพักก่อนได้ไหม ?” กู้ชิงหยิ่งถาม “ในบ้านเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้นเช่นนี้ ฉันอยากให้เรื่องทุกอย่างสงบสักพัก ไม่อยากให้คุณต้องเข้าไปเสี่ยงอันตรายอีก”

“ไม่เป็นไรหรอก พ่อผมอยู่ สำหรับตระกูลเฉินแล้ว ตระกูลฉินไม่อยู่ในสายตาเสียด้วยซ้ำ” เฉินตงยิ้มออกมาเล็กน้อย

“แต่ยังไงฉันก็รู้สึกว่าทำเช่นนี้มันอันตรายอยู่ดี ตระกูลฉินยิ่งใหญ่ขนาดนี้ หากตระกูลเฉินคิดจะจัดการพวกเขาก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก”กู้ชิงหยิ่งพูดว่า “อีกทั้ง คุณยังเรียกฉินเย่ไปด้วยอีก เขาเองก็เคยเป็นคนตระกูลฉิน คุณทำเช่นนี้ เคยคำนึงถึงความรู้สึกของเขาบ้างไหม ?”

เฉินตงยิ้มออกมาอย่างเบิกบาน : “ยัยโง่ เพราะผมคิดถึงความรู้สึกของฉินเย่อย่างไรล่ะ ผมถึงได้เรียกเขาไปด้วย”

คำพูดนี้ ทำให้กู้ชิงหยิ่งรู้สึกงุนงง

ให้ฉินเย่……มองดูตระกูลฉินถูกฆ่าล้างตระกูล แบบนี้เรียกว่าคิดถึงความรู้สึกของฉินเย่หรือ ?

“สิ่งที่ฉินเย่ต้องเผชิญในตระกูลฉิน น่าเวทนายิ่งกว่าที่พวกเราคิดเสียอีก”

จู่ๆ แววตาของเฉินตงก็ลึกซึ้งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขาบ่นพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม : “เพื่อที่จะดึงผมออกมาจากขุมนรก เขาไม่เพียงแต่ยอมเปิดบาดแผลออก ถึงขั้นโรยเกลือลงบนแผลอีกด้วย”

“เขากำลังดูถูกว่าผมเทียบเขาไม่ติด เขาสามารถปีนออกมาจากขุมนรกได้ แต่ผมกลับติดอยู่ในขุมนรก”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ จู่ๆ ดวงตาของเฉินตงก็แดงก่ำ

อารมณ์ของเขาเปลี่ยนไปในทันที ทำให้กู้ชิงหยิ่งรู้สึกตื่นตระหนก

เฉินตงยังคงพูดต่อไป : “คุณยังจำภาพตอนที่ฉินเย่ฆ่าโจวสวนในงานแต่งงานได้ไหม ?”

“จำได้ค่ะ” ใบหน้าอันงดงามของกู้ชิงหยิ่งแสดงออกถึงความหวาดกลัว “ตอนนั้นฉินเย่ทำให้ทุกคนรู้สึกตกใจมาก ถ้าไม่ใช่เพราะคุณลงมือกับเขา ก็คงไม่มีใครสามารถขวางเขาได้”

“ดังนั้น……”

เฉินตงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น : “เขาพยายามที่จะปีนออกมาจากขุมนรกอยู่ตลอด แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขายังคงอยู่ในขุมนรก เพียงแต่ผู้ชายคนนี้ เข้าใช้ท่าทางขวางโลกของเขา มาปิดบังความโหดเหี้ยมที่แอบซ่อนอยู่ส่วนลึกภายในใจของเขาเท่านั้น

“แต่ทั้งหมดนี่ก็มีสาเหตุมาจากตระกูลฉิน !”

“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ” กู้ชิงหยิ่งพยักหน้า เธอพูดพึมพำออกมาเบาๆ : “ฉันรู้ว่าคุณอยากแก้แค้น และอยากจะพาฉินเย่เดินออกมาด้วย แต่คุณต้องรับปากฉัน ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้ความปลอดภัย ถ้าหากไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ ต้องรีบกลับมาทันที”

ขณะที่พูด เธอตบท้องแล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ : “ฉันกับลูกยังรอคุณอยู่นะ”

“อะไรจะเร็วขนาดนั้น ?” เฉินตงมองกู้ชิงหยิ่งด้วยความประหลาดใจ

กู้ชิงหยิ่งเลิกคิ้วเล็กน้อย ใบหน้างดงามของเธอแดงก่ำ เธอพูดว่า : “ไม่สน ฉันจะแสร้งทำเป็นว่าฉันอุ้มท้องลูกของเราแล้ว”

เฉินตงและกู้ชิงหยิ่งอาบน้ำกันสักพัก ขณะที่กู้ชิงหยิ่งกำลังเลือกเสื้อผ้า ก็หยิบชุดสูทที่ดูเรียบหรูขึ้นมาใส่

จากนั้นก็ส่องกระจกมองดูตนเองด้วยท่าทีที่กระปรี้กระเปร่า ส่วนเฉินตงนั่งดูด้วยท่าทีเหม่อลอย

มีเพียงสิ่งเดียวที่ต่างออกไป ดูเหมือนว่าแก้มจะตอบลงกว่าเมื่อก่อนเล็กน้อย

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมจะสวมมงกุฎของราชา……”

เขาแอบตัดสินใจอยู่ในใจ แววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างถึงที่สุด

ถ้าอยากสวมมงกุฎของราชา ก็ต้องทนแบกรับน้ำหนักของมันให้ได้ !

เพื่อแม่ที่จากไปแล้วของเขา เขาต้องเอามงกุฎนี้มาสวมไว้บนหัวให้ได้

เขาจูงกู้ชิงหยิ่งเดินลงชั้นล่าง

ในห้องอาหาร

เฉินเต้าหลิน ท่านหลง ฟ่านลู่ คุนหลุนและฉินเย่กำลังนั่งรับประทานอาหารเช้ากัน

เมื่อเห็นเฉินตงและกู้ชิงหยิ่งที่เดินลงมาจากชั้นบน

ฉินเย่ทำท่าทีประหลาดใจ : “ให้ตายเถอะ ตื่นเช้าขนาดนี้เลยหรือ ? การต้องแยกจากกันทำให้มีแรงปรารถนามากกว่าการแต่งงานใหม่เสียอีก แล้วพวกนายทั้งเพิ่งจะแยกจากกันและเพิ่งจะแต่งงานกันหมาดๆ อย่างน้อยก็ต้องรอให้พระอาทิตย์ตกดินค่อยตื่นสิ ?”

คำพูดประโยคนี้ทำให้เฉินตงและกู้ชิงหยิ่งรู้สึกเขินอาย

ส่วนคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่บนโต๊ะ ก็สำลักจนโจ๊กพุ่งกลับลงไปในถ้วย

เฉินเต้าหลินเช็ดโจ๊กที่เลอะอยู่ข้างมาก แล้วหันไปจ้องฉินเย่ตาเขม็ง : “ในปากของเธอมีรถไฟวิ่งอยู่หรือยังไง ?”

ฉินเย่ยักไหล่ เขาเหลือบมองเฉินตงด้วยสายตาดูถูกเยาะเย้ย : “พี่เฉินนี้ไม่ไหวเลย”

จากนั้นเขาจึงหันกลับไปหาฟ่านลู่แล้วพูดว่า : “พี่เสี่ยวลู่ กับข้าวทุกอย่างตอนมื้อเที่ยงให้เติมเก๋ากี้ลงไปด้วยนะ”

ฟ่านลู่รู้สึกเขินจนหน้าแดง เธอหันไปพูดกับคุนหลุนด้วยท่าทีเขินอาย : “พี่คุนหลุน……”

คุนหลุนทำสีหน้าเคร่งขรึม เขาหันไปมองฉินเย่ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า : “ถ้านายยังล้อเล่นกับพี่ลู่ของนายอีกล่ะก็ ฉันจะทำให้นายได้รู้จักว่าอะไรที่เรียกว่าหมัดทรงพลัง”

“เอาล่ะๆ เห็นว่าผมโสดก็เลยคิดจะรังแกล่ะสิ” ฉินเย่ยักไหล่ จากนั้นจึงก้มหน้าก้มตากินโจ๊กต่อ

เฉินตงจูงกู้ชิงหยิ่งไปนั่งที่โต๊ะอาหาร

เขาหันไปหัวเราะฉินเย่ : “นายโสดตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ? จางหยู่หลันถูกนายกลืนเข้าไปทั้งตัวแล้วนี่”

“พรวด !”

โจ๊กที่อยู่ในปากของฉินเย่พุ่งออกมา จนทำให้เขาสำลักและไออยู่สองสามครั้ง จากนั้นจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา : “บอกมาซิว่า พวกเราจะไปที่ตระกูลฉินเมื่อไหร่ ?”

จู่ๆ บรรยากาศก็ตึงเครียด

แม้แต่เฉินเต้าหลินก็จ้องมองไปทางเฉินตงด้วย

เฉินตงกินโจ๊กอย่างสงบ จากนั้นจึงพูดออกมาเบาๆ ว่า : “ออกเดินทางเที่ยงนี้ !”

“เร็วขนาดนี้เลยหรือ ?”

แม้กระทั่งฉินเย่เองก็คาดไม่ถึง

เฉินตงเลิกคิ้ว น้ำเสียงของเขาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง

“แก้แค้น ยังต้องดูฤกษ์งามยามดีอีกหรือ ? หากชักช้าจะไม่ทันการ !”

เฉินเต้าหลินพยักหน้า : “ถ้าอย่างนั้นพ่อจะกลับไปที่ตระกูลเฉินเดี๋ยวนี้ จิตใจของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินโหดเหี้ยมเกินไป ถึงเวลาที่ควรส่งเธอเข้าไปสวดมนต์ในห้องพระสักระยะแล้ว”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset