Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 270 หน้าตาของคนรวย

พวงหรีด เป็นของที่ใช้สำหรับไว้ทุกข์ให้กับคนตาย

นี่มันเป็นการทำลายบรรยากาศงานชัดๆ !

ทันใดนั้นเอง

ฉินซวนอารมณ์โกรธเดือดดาล

ตุ๊บ ! เขาโยนกล่องของขวัญลงไปบนพื้น ทำให้พวงหรีดที่อยู่ภายในกล่องโผล่ออกมา

เมื่อเห็นภาพนี้

บรรดาทายาทของตระกูลฉินที่ยืนอยู่ด้านหลังของฉินซวนต่างก็ตกตะลึง

จากนั้นพวกเขาก็อารมณ์โกรธเดือดดาลขึ้นมาเช่นกัน

ส่วนแขกคนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ รวมไปถึงบรรดาคนรับใช้ของตระกูลฉิน เมื่อเห็นภาพนี้ ต่างก็หน้าถอดสีทันที

บรรยากาศภายในคฤหาสน์ตึงเครียดขึ้นมาในทันที

มีกลิ่นของดินปืนลอยโขมงอยู่ในอากาศ

“ฉินเย่ แกมันเป็นสัตว์เดรัจฉาน ตระกูลฉินของเราไม่ถือสาแก แกยังกล้าทำเรื่องที่หยิ่งผยองเช่นนี้ กล้าสาปแช่งคุณปู่ในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดเช่นนี้ แกไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้ !”

ฉินซวนตะคอกออกมาด้วยความโกรธ ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่เฉินตงที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉินเย่ ตอนนี้เขาตงเรียกคนมาตีขาของฉินเย่ให้หักทั้งสองข้างเรียบร้อยแล้ว

ฉินเย่ยิ้มเยาะออกมา

เฉินตงที่ยืนอยู่ข้างๆ ค่อยๆ โน้มตัวลง แล้วเก็บพวงหรีดขึ้นมาใส่เอาไว้ในกล่องตามเดิม

“ของขวัญชิ้นนี้ เป็นของที่ฉันเลือกให้คุณท่านใหญ่ด้วยตัวเอง คุณชายซวนจะกล้าไล่แม้กระทั่งฉันเลยหรือ ?”

เฉินตงแสยะยิ้ม จากนั้นจึงส่งกล่องของขวัญไปให้ฉินซวนใหม่อีกครั้ง ด้วยแววตาที่ดุดัน

อะไร ? !

พวกของฉินซวนต่างตกตะลึงไปพร้อมกัน

ฉินซวนกัดฟันเพื่อระงับความโกรธ : “คุณชายเฉิน คุณเป็นผู้สืบทอดมรดกของตระกูลเฉิน ตระกูลฉินของพวกเราให้เกียรติคุณ ในงานแต่งงานของคุณ ผมและคุณปู่เองก็ไม่ร่วมแสดงความยินดี วันนี้เป็นงานฉลองวันเกิดของคุณปู่ แล้วคุณส่งของขวัญตอบแทนกลับมาเช่นนี้หรือ ?”

ถึงแม้จะพยายามข่มอารมณ์เอาไว้ แต่ก็ยังมีความเย็นชาเผยให้เห็นอยู่ในน้ำเสียง

“นายยังไม่เข้าใจอีกหรือ ?”

เฉินตงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย จู่ๆ สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมลง : “ถ้าเช่นนั้นลองไปถามปู่ของนายดู ! วันนี้ ประตูใหญ่ของตระกูลฉิน ถ้านายให้พวกเราเข้า พวกเราก็จะเข้า แต่ถ้าไม่ให้เข้า พวกเราก็จะบุกเข้าไป !”

เป็นน้ำเสียงที่ดังก้องและทรงพลัง

ในขณะที่กำลังพูดประโยคนี้อยู่ เฉินตงก็กำลังเดินจ้ำอ้าวเข้าไปในคฤหาสน์

ฉินซวนรู้สึกอึดอัดและคิดที่จะเข้าขัดขวางในทันที

แต่คุนหลุนกับฉินเย่ก็เดินเข้ามาพร้อมกัน

รูปร่างกำยำสูงใหญ่ของคุนหลุนทำให้ฉินซวนชะงักในทันที

ฉินเย่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “นายอยากโวยวายให้ทุกคนรู้ จะได้ทำลายงานวันเกิดหรือยังไง ?”

ฉินซวนหน้าถอดสีทันที เขาทำเสียงฟึดฟัดออกมา

จากนั้นจึงพาบรรดาทายาทของตระกูลฉิน เดินเข้าคฤหาสน์ไป

“ไอ้พวกไม่มีสมอง”

ฉินเย่หัวเราะเยาะออกมา

เฉินตงยิ้ม จากนั้นจึงเตรียมตัวเดินนำทุกคนเข้าไปในคฤหาสน์

ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นจากทางด้านหลัง

“พี่เย่ !”

ฉินเย่ตัวสั่น และหันหลังกลับไปทันที

เฉินตง คุนหลุนและเฉินไคเองก็หยุดเดินด้วย จากนั้นจึงหันหน้ากลับไปมอง

เห็นหญิงสาวคนหนึ่ง สวมชุดกระโปรงสีขาว กำลังวิ่งกระโจนเข้ามาทางด้านนี้

จากนั้นก็วิ่งเข้าไปกอดฉินเย่ทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม : “พี่เย่ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน”

“เสี่ยวเชียนรีบลงมาเร็วเข้า โตจนป่านนี้แล้ว หนักจะตายอยู่แล้ว” ฉินเย่แสร้งพูดหยอก

ฉินเสี่ยวเชียนมุ่ยปาก กลับลงมายืนอยู่ที่พื้น แล้วพูดอย่างน้อยใจว่า : “พี่ต่างหากที่หนัก ช่วงนี้ฉันลดน้ำหนักแล้ว ไม่หนักเลยสักนิด”

“เชอะ……”

ฉินเย่ทำสีหน้าเบื่อหน่าย จากนั้นจึงจูงฉินเสี่ยวเชียนเข้าไปหาเฉินตง : “เสี่ยวเชียน พี่จะแนะนำให้เธอรู้จัก นี่คือเฉินตง เป็นสหายของพี่”

จากนั้นจึงหันไปพูดกับเฉินตงว่า : “นี่คือน้องสาวผม ฉินเสี่ยวเชียน”

เฉินตงเกิดความรู้สึกประหลาดใจขึ้นในแววตา

เขายิ้มแล้วจับมือทักทายกับฉินเสี่ยวเชียน

“เสี่ยวเชียนเป็นคนอัธยาศัยดีมาก เธอจับมือกับเขาแล้วเรียกเขาว่าพี่ตง”

“เธอก็มาอวยพรวันเกิดให้ไอ้แก่นี่ด้วยหรือ ?” ฉินเย่กระซิบถาม หลังจากเอ่ยแนะนำเสร็จ

“อืม แต่พอให้ของขวัญเสร็จแล้วฉันก็จะไปทันที” รอยยิ้มบนใบหน้าของฉินเสี่ยวเชียนจางหายไปในทันที กลับกลายเป็นความอ้างว้างเข้ามาแทนที่

ฉินเย่ขมวดคิ้วเล็กน้อย : “นี่มันก็สองปีมาแล้ว กฎที่ไอ้แก่นั่นใช้กับเธอยังไม่เปลี่ยนอีกหรือ ?”

“ไม่เป็นไรหรอก ตอนนั้นก็เป็นความผิดของฉันเองไม่ใช่หรือ ?”

ฉิยเสี่ยวเชียนยักไหล่ จากนั้นจึงแสร้งทำเป็นยิ้มออกมาอย่างไม่แยแส แล้วพูดออกมา แต่ในแววตาของเธอกลับอัดแน่นไปด้วยความคับข้องใจและสูญเสีย จนใครๆ ก็มองออก

ฉินเย่มีท่าทีเคร่งขรึม เขาจับมือของฉินเสี่ยวเชียนขึ้นมา : “วันนี้ พี่เย่อยู่ พี่จะให้เฮอยู่ที่นี่จนกว่างานเลี้ยงฉลองวันเกิดจะสิ้นสุดลง ไม่มีใครกล้าไล่เธอไปแน่นอน !”

“พี่เย่……” ใบหน้าอันงดงามของฉินเสี่ยวเชียนดูตื่นตระหนกขึ้นเล็กน้อย “นี่ นี่มันคงไม่ดีมั้งคะ ถ้าหาก…….”

“ไม่มีถ้าหากอะไรทั้งนั้น ในตระกูลฉิน ฉันมีเธอเป็นน้องสาวเพียงแค่คนเดียว

ท่าทางของฉินเย่ดุดัน แววตาของเขาแน่วแน่ : “หลังจากครอบครัวของพี่เกิดเรื่องขึ้น พี่ก็ไม่มีส่วนร่วมในทุกอย่างของตระกูลฉินอีก แต่เรื่องของเธอมันก็ผ่านมาสองปีเต็มๆ แล้ว ตระกูลฉินยังทำกับเธอเช่นนี้ ในเมื่อพี่มาแล้ว ก็จะต้องปกป้องเธอให้ได้ !”

น้ำเสียงเต็มไปด้วยความแน่วแน่ ทำให้เฉินตงและคุนหลุนที่ยืนอยู่ข้างๆ ต่างก็รู้สึกประหลาดใจ

แต่ไหนแต่ไรมา ฉินเย่ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเขาเป็นคนขวางโลก และไม่มีเยื่อใยหลงเหลือให้กับตระกูลฉินอีก

แต่ตอนนี้กลับมีน้องสาวคนนี้โผล่ออกมา

อีกทั้งยังทำให้ฉินเย่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟได้ขนาดนี้อีกด้วย !

“เอ่อ มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ?” เฉินตงถามด้วยความอยากรู้

ฉินเย่เดินจูงมือฉินเสี่ยวเชียนเข้าไปด้านในพลาง ก็หันไปอธิบายให้เฉินตงฟังพลาง

เดิมที ฉินเสี่ยวเชียนเป็นคนที่มีความสามารถโดดเด่น ขณะที่เธอเพิ่งจะอายุครบ 18 ปี เธอก็เรียนมหาวิทยาลัยไปพลาง ก่อตั้งบริษัทของตัวเองไปพลาง เธอทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม จนทำให้เธอมีแนวโน้มที่จะก้าวขึ้นไปยืนอยู่ชั้นแนวหน้าของซีสู่

ความสามารถเช่นนี้ เพียงพอที่จะทำให้เธอกลายเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยมในบรรดาหัวกะทิของตระกูลฉิน

แต่สองปีก่อน ฉินเสี่ยวเชียนมีความรัก อาจเพราะนี่คือรักแรกของเธอ หรืออาจเป็นเพราะความคึกคะนองของหนุ่มสาว ไม่ช้าเธอก็ตัดสินใจแต่งงานทันที

แต่ว่า เป็นเพราะฐานะทางบ้านของฝ่ายชายนั้นลำบากมาก อีกทั้งตระกูลฉินเอง ก็ไม่อนุญาตให้ผู้หญิงในตระกูลฉิน แต่งงานกับคนที่มีฐานะต้อยต่ำกว่า เพราะรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าอับอาย ดังนั้นจึงบังคับให้ฝ่ายชายแต่งเข้ามาเป็นลูกเขยในตระกูล

เพียงแต่ ไม่นาน ฝ่ายชายก็ทนรับความกดดันและความน้อยเนื้อต่ำใจจากการเป็นเขยที่แต่งเข้ามาอยู่ในตระกูลไม่ได้ จึงได้หย่าร้างกับฉินเสี่ยวเชียนอย่างรวดเร็ว

ชีวิตแต่งงานจบลงภายในระยะเวลาเพียงแค่สองเดือน !

ฉินเสี่ยวเชียนยังไม่ทันได้ก้าวออกมาจากความทุกข์ในชีวิตแต่งงาน ตระกูลฉินก็รู้สึกว่าการหย่าร้างเป็นเรื่องที่น่าอับอาย เพื่อสิ่งที่เรียกว่าหน้าตาของตระกูลฉิน พวกเขาไม่เพียงแต่แย่งบริษัทของฉินเสี่ยวเชียน ยังทำเหมือนเธอเป็นคนนนอกอีกด้วย เวลาที่ตระกูลจัดงานต่างๆ เธอสามารถมาได้ แต่จะอยู่ร่วมภายในงานไม่ได้ !

เดิมทีฉินเสี่ยวเชียนเองก็ไม่ใช่ทายาทสายตรงของตระกูลฉิน จึงได้รับทรัพย์สินน้อยมาก บริษัทที่เธอก่อตั้งขึ้นก็อาศัยความสามารถของตนเองแทบทั้งสิ้น และเป็นเพราะอาศัยความสามารถนี้ ทำให้ถูกคนในตระกูลฉินเขม่นเข้า ส่วนเรื่องของการหย่าร้าง ก็ทำให้ทุกอย่างของฉินเสี่ยวเชียนต้องจบลง

การอธิบายคร่าวๆ ทำให้เฉินตงเข้าใจทุกอย่างได้ในทันที

นี่มันเหมือนกับสิ่งที่ฉินเย่ต้องเผชิญไม่ใช่หรือ ?

เหตุการณ์เกิดขึ้นในลักษณะแบบเดียวกัน หากฉินเย่ไม่รู้สึกโกรธก็คงจะแปลกแล้ว

แต่ทว่า เฉินตงกลับรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าขำ

เพื่อสิ่งที่เรียกว่าหน้าตาของตระกูลแล้ว ตระกูลฉินได้ทำเรื่องที่ผิดพลาดอย่างมหันต์จริงๆ

ฉินเสี่ยวเชียนในวัย 18 ปี สามารถก่อตั้งบริษัทของตนเองขึ้นมาได้ ถึงขั้นสามารถขึ้นไปยืนอยู่ในชั้นแนวหน้าของเมืองได้ ความสามารถเช่นนี้ ควรได้รับการส่งเสริม เพื่อที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำของตระกูลฉินในอนาคต ก็คงไม่มากเกินไปด้วยซ้ำ

แต่ตระกูลฉินกลับไม่สนใจความสามารถนั้น กลับคิดแต่เพียงเรื่องของการรักษาหน้าตาเอาไว้

หน้าตาของคนรวย สำคัญขนาดนั้นจริงหรือ ?

เฉินตงเองก็สังเกตเห็นได้ว่า ขณะที่ฉินเย่บรรยายเรื่องนี้ให้ฟังอยู่นั้น ฉินเสี่ยวเชียนก็มีท่าทีที่ดูหดหู่อย่างมาก แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจและความโกรธแค้น

แสดงให้เห็นว่า ในใจของเด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ปล่อยวางและไม่สนใจอย่างที่ปากของเธอพูด

“พี่ตง เรื่องนี้พี่ห้ามยื่นมาเข้ามายุ่งเด็ดขาด วันนี้เสี่ยวเชียนจะคอยอยู่ติดตามพวกเรา !”

ฉินเย่แสดงความดื้อรั้นออกมา : “ฉันเองก็อยากจะรู้ว่า พวกไร้สมองของตระกูลฉิน วันนี้ใครจะกล้าไล่น้องเสี่ยวเชียนของฉันออกไป”

เฉินตงยิ้มออกมาอย่างเบิกบาน จากนั้นจึงตบไหล่ของฉินเสี่ยวเชียน

“ไปกันเถอะ มีพวกเราอยู่ วันนี้ต่อให้เป็นคุณท่านใหญ่ตระกูลฉิน ก็ไม่กล้าไล่เธอออกไปแน่ !”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset