Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 274 ตระกูลฉินผู้กระหายเลือด

เฉินตงเข้าใจฉินเย่ดี

คนที่ภายนอกดูขวางโลก แต่ในใจก็ยังรู้จักถึงความเหมาะสม

เขากับฉินเย่ไปที่ตระกูลฉินเพื่อแก้แค้น

ส่วนฉินเสี่ยวเชียนมาเพื่อที่จะอวยพรวันเกิดเท่านั้น

ถึงแม้กฎระเบียบที่ให้ส่งเฉพาะของขวัญแล้วต้องกลับไปทันที จะดูเป็นกฎที่เข้มงวดและเย็นชา จนทำให้ฉินเสี่ยวเชียนต้องรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ

แต่ฉินเย่ก็ไม่ได้หลวมตัวหลวมตัว ลากฉินเสี่ยวเชียนเข้ามาอยู่ร่วมในการแก้แค้นระหว่างพวกเขาและตระกูลฉินด้วยเรื่องนี้

ตอนนี้การที่พาฉินเสี่ยวเชียนไปด้วย ก็เท่ากับว่าดึงฉินเสี่ยวเชียนเข้ามาเป็นพวกเดียวกับพวกเขาเรียบร้อยแล้ว

หากกลับตระกูลฉิน การปฏิบัติต่อฉินเสี่ยวเชียนก็คงไม่เข้มงวดและเย็นชาเช่นนี้อีกแล้ว

หากไม่มีความลับปิดบังไว้ ฉินเย่คงไม่ทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้ออกมา

แต่เฉินตงก็ไม่คิดที่จะถามเซ้าซี้ อย่างน้อยหากยังอยู่ต่อหน้าฉินเสี่ยวเชียน ก็ยังไม่ควรที่จะถาม

รกโรลส์-รอยซ์ขับผ่านเมือง และมุ่งหน้าไปยังแถบชานเมือง ในที่สุดก็ขับเข้าไปในคฤหาสน์บนภูเขาที่มีร่มเงาของภูเขาและต้นไม้เขียวชอุ่ม และมีแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว

คุณชาย คฤหาสน์สู่ซานแห่งนี้ คือสำนักงานใหญ่ของตระกูลเฉินในเมืองซีสู่ครับ”

เฉินทงขับรถไปพลางกล่าวแนะนำไปพลาง : “ในซีสู่ ทุกเมืองจะมีสำนักงงานของตระกูลเฉินเราตั้งอยู่ ซึ่งจะคอยรับคำสั่งจากสำนักงานใหญ่เมืองซีสู่ทั้งหมด อีกทั้งสำนักงานใหญ่ทุกแห่ง ก็จะติดต่อกับตระกูลเฉินโดยตรงครับ”

“วันนี้ต้องลำบากนายแล้ว”

เฉินตงพูดอย่างสงบ แต่ดวงตาของเขากลับเหลือบมองออกไปยังทิวทัศน์ที่สวยงามภายนอกรถด้วยความสนใจ

คฤหาสน์สู่ซานแห่งนี้ มีความคล้ายคลึงกับคลับสี่ยิ่นอยู่บ้าง

แต่ศิลปะในการจัดสวนนั้นเหนือชั้นกว่า

สร้างขึ้นโดยมีภูเขาและแม่น้ำรายล้อมอยู่ จึงอาศัยข้อได้เปรียบของภูเขาและแม่น้ำ ทำให้ให้เกิดความงดงามที่สมบูรณ์แบบ รวมไปถึงยังมีการแกะสลักที่ประณีตบรรจงอีกด้วย

“พวกคุณดูแลภูมิทัศน์ในคฤหาสน์แห่งนี้ได้อย่างเป็นระเบียบและงดงามมาก” เฉินตงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากชม

เฉินทงยิ้มออกมา : “คุณชายชมเกินไปแล้วครับ สำนักงานของตระกูลเฉินในซีสู่ ทำงานด้านศิลปะเป็นหลัก ส่วนคฤหาสน์สู่ซานแห่งนี้ ถึงจะพูดว่าเป็นคฤหาสน์ แต่อันที่จริงแล้วเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงศิลปะแห่งหนึ่ง ในเมืองซีสู่ นิทรรศการศิลปะชั้นนำจำนวนมากถูกเลือกให้จัดแสดงในคฤหาสน์แห่งนี้”

จากนั้น เฉินทงก็พูดอีกว่า

“แต่ว่าคุณชายวางใจได้นะครับ ระบบรักษาความปลอดภัยภายในคฤหาสน์สู่ชานนั้นสมบูรณ์แบบมาก หากคุณชายเข้าพักในคฤหาสน์ ไม่ต้องกังวลใจเรื่องความปลอดภัยเลยครับ”

เฉินตงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

เขาไม่รู้สึกกังวลเรื่องความปลอดภัยเลยสักนิด

เพราะว่า ที่เขามาซีสู่ในครั้งนี้ ก็เพื่อที่จะแก้แค้นให้แม่ของเขา เขาจึงไม่ได้รู้สึกเป็นห่วงตัวเองนัก

ห้องที่จัดเตรียมเอาไว้เป็นของที่ดีที่สุดในคฤหาสน์สู่ซาน

มีทั้งหมดสี่ห้อง สร้างขึ้นติดกับภูเขา แต่ละห้องแยกออกจากกันอย่างเป็นส่วนตัว

เฉินตงให้ฉินเย่พาฉินเสี่ยวเชียนเข้าที่พัก จากนั้นเขาและคุนหลุนจึงแยกย้ายกันกลับห้องของตัวเองเพื่อจัดเก็บสัมภาระ

ขณะที่กำลังจัดเก็บสัมภาระจนเกือบจะเสร็จเรียบร้อย

เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

“เข้ามาสิ ไม่ได้ล็อก”

เฉินตงยิ้มแล้วเดินไปนั่งตรงระเบียง ตรงจุดนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล เขาแทบจะมองเห็นแม่น้ำที่อยู่ไกลออกไปด้านนอกคฤหาสน์ เป็นทิวทัศน์ที่งดงามมาก และเงียบสงบอย่างที่สุด”

ฉินเย่เปิดประตูแล้วเดินเข้ามาข้างใน

หลังจากเขาหยิบเบียร์เย็นๆ หนึ่งขวดออกมาจากตู้เย็นแล้ว เขาก็เดินไปนั่งลงที่ระเบียงเช่นกัน

เขาดื่มเบียร์เข้าไปครึ่งขวดในคราวเดียว ฉินเย่เรอออกมาอย่างสบายใจ : “อากาศแบบนี้ จิบเบียร์เย็นๆ สักขวด รู้สึกสบายใจจริงๆ”

“ช่วยดับไฟในใจได้ใช่ไหมล่ะ ?”

เฉินตงหันไปมองฉินเย่ด้วยรอยยิ้ม

“ฉันมาหานายก็เพื่อคุยเรื่องนี้ แต่นายต้องช่วยฉันปิดเป็นความลับไม่ให้เสี่ยวเชียนรู้ได้ เด็กคนนี้ ฉันเป็นห่วงเธอ”

ฉินเย่ยักไหล่แล้วพูดอย่าจริงจัง

เฉินตงนั่งพิงเก้าอี้ มือทั้งสองข้างประสานไว้ที่ท้ายทอย : “จริงๆ แล้ว ฉันค่อนข้างสงสัยว่า ทำไมในตระกูลฉินทั้งตระกูล นายถึงสนิทสนมกับเสี่ยวเชียนเพียงแค่คนเดียว”

ฉินเย่ยิ้มออกมาอย่างประหลาด แล้วแบมือออก

“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่เล่นกับเสี่ยวเชียนมาตั้งแต่เล็กจนโต พ่อของเธอตายตั้งแต่เธอยังเด็ก แม่ของเธอเลี้ยงดูเธออยู่ในตระกูลฉินด้วยฐานะที่ต่ำต้อย ตอนเล็กๆ เด็กคนนี้เอาแต่วิ่งตามหลังฉันด้วย ใบหน้าที่เปรอะไปด้วยน้ำตาน้ำมูก แล้วเรียกฉันว่าพี่เย่อยู่ตลอด”

“หลังจากโตขึ้น ตระกูลของฉันเกิดเรื่องพวกนั้นขึ้น ตอนนี้คนทั้งตระกูลฉินกำลังอยู่ในอารมณ์โกรธและกำลังคาดโทษฉัน มีเพียงเสี่ยวเชียนที่ก้าวออกมา วิ่งมาอยู่ข้างกายฉันและร้องขอความเห็นใจแทนฉัน เป็นเพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้เด็กคนนี้ต้องถูกทุบตีอย่างหนัก”

เฉินตงลูบจมูก : “แล้วยังไงต่อ ? ฉันหมายถึงเรื่องที่นายปิดบังเสี่ยวเชียน”

ฉินเย่ยิ้มออกมาอย่างหดหู่ จากนั้นจึงยกขวดเบียร์ขึ้นแล้วซดเบียร์ที่อยู่ด้านในจนหมด

“นายไม่รู้หรอกว่าตระกูลฉินนั้นเลือดเย็นแค่ไหน ฝูงแมลงวันสกปรกที่สามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อหน้าตาของตนเองโดยไม่สนใจวิธีการ ทั้งหน้าซื่อใจคดและเจ้าเล่ห์เพทุบาย”

ความโกรธแค้นกำลังแผ่ซ่านจนเขากัดฟันกรอด

จากนั้นฉินเย่ก็หันหลังกลับมา ดวงตาของเขาแดงก่ำ

“สามีของเสี่ยวเชียน ไม่ได้หย่ากับเสี่ยวเชียนเพราะได้รับแรงกดดัน เป็นเพราะตอนนั้นเสี่ยวเชียนเองก็มีธุรกิจเล็กๆ เป็นของตัวเอง ทั้งสองจึงใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข น้อยครั้งที่จะไปเยือนตระกูลฉิน จะไปก็เฉพาะช่วงเทศกาลและงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของบรรดาผู้อาวุโสเท่านั้น ดังนั้นหากเป็นเพราะได้รับแรงกดดันจริง ในปีหนึ่งจะถูกกดดันสักกี่ครั้งกันเชียว ?”

เฉินตงขมวดคิ้วเหมือนกำลังใช้ความคิด

จู่ๆ ดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา และเข้าใจทุกอย่างในทันที

ความเป็นจริงก็คือ

ฉินเย่พูดออกมาด้วยความโมโห : “เป็นเพราะพวกคนชราในตระกูลฉินพวกนั้น ได้ยินคนนอกพูดกันว่าคนในตระกูลฉินแต่งงานกับคนที่มีฐานะต่ำต้อยกว่า ทำให้รู้สึกอับอายขายหน้า จึงแอบขู่ให้สามีของเสี่ยวเชียนหย่าขาดกับเสี่ยวเชียน !”

เผียะๆ !

ฉินเย่ตบหน้าตัวเอง : “นายว่าหน้าตานี้สำคัญหรือไม่ ? เพียงแค่ทนฟังเสียงซุบซิบนินทาไม่ได้ จนต้องมาทำลายชีวิตครอบครัวของคนอื่น อีกทั้ง หลังจากเกิดเรื่อง……ตระกูลฉินยังแอบลอบฆ่าสามีของเสี่ยวเชียนอีกด้วย นายว่าน่ากลัวไหมล่ะ ?”

เฉินตงรู้สึกหัวใจเต้นแรง

แม้แต่ตัวเขาเองยังรู้สึกกลัวจนเสียวสันหลัง

เพียงเพื่อหน้าตา ถึงขนาดทำลายชีวิตครอบครัวของคนอื่น และเข่นฆ่าผู้อื่นเลยเชียวหรือ ?

“ตอนนั้นฉันออกมาจากตระกูลฉินแล้ว แต่หลังจากหย่าร้างแล้ว เสี่ยวเชียนก็อยู่ในอารมณ์เศร้าหมองและหดหู่ ในฐานะที่เป็นพี่ชาย ฉันจึงไม่อาจทนดูได้อีกต่อไป จึงแอบสืบเรื่องนี้จนกระจ่าง ชาตินี้ฉันคงไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับเด็กคนนี้แน่นอน” ฉินเย่กัดฟัน

“ถึงจะหย่าแล้วแต่เธอก็ยังต้องดำเนินชีวิตต่อไป หากอยู่ด้วยกันไม่ได้ ก็ปล่อยให้เธอค่อยๆ ลืมเรื่องราวทุกอย่างไปเสียดีกว่า เช่นนี้เป็นการดีที่สุด”

เฉินตงเข้าใจเจตนาของฉินเย่ดี : “แต่ถ้าหากตายแล้ว ความทรงจำทั้งหมดก็คงไม่หลงเหลืออีก อาจถึงขั้นทำให้เสี่ยวเชียนเสียสติไปได้”

“ใช่ !”

แววตาของฉินเย่สั่นไหว : “เมื่อก่อนฉันจนปัญญา ตอนนี้ฉันมีหนทางแล้ว ฉันจะปล่อยให้เสี่ยวเชียนอยู่ในตระกูลที่กระหายเลือดอย่างตระกูลฉินไม่ได้อีกต่อไป เด็กคนนี้คิดว่าคนในตระกูลฉินล้วนแล้วแต่เป็นคนดี”

“แต่เธอไม่รู้ว่า ในตระกูลฉิน เพื่อหน้าตาแล้ว พวกเขาสามารถเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาได้”

“เฮ้อ……”

เฉินตงถอนหายใจ แล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย : “เอาล่ะ ต่อไปนี้ก็ให้เสี่ยวเชียนอยู่ช่วยนายที่บริษัทก็แล้วกัน และให้เธอเป็นน้องสาวฉันอีกคนหนึ่ง”

“ขอบคุณมาก” ฉินเย่ยกมือขึ้นคารวะ

ในเวลาเดียวกันนี้

ภายในคฤหาสน์ตระกูลฉิน

บรรยากาศภายในงานเลี้ยงเปลี่ยนไปเพราะการปรากฏตัวขึ้นของเฉินตง

ทำให้งานฉลองวันเกิดสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว

บรรยากาศท้องฟ้ามืดครึ้ม ปกคลุมอยู่เหนือคฤหาสน์ตระกูลฉิน

บรรยากาศภายในคฤหาสน์ ราวกับคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นดินปืน

ภายในห้อง

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินสีหน้าหมองหม่น มีความโกรธแผ่ซ่านอยู่ในดวงตาของเขา

ฉินเห้อเหนียนเดินเข้าไปหาเขาอีกครั้ง แล้วพูดด้วยความตื่นตระหนกว่า : “พ่อครับ ผมยังติดต่อไม่ได้”

ปัง !

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินตบมือลงบนพนักแขนฉาดใหญ่ : “โทร โทรต่อไป ต่อให้ต้องโทรเป็นร้อยครั้งพันครั้ง ก็ต้องติดต่อคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินให้ฉันให้ได้ !”

“ครับ !”

ฉินเห้อเหนียนตกใจเป็นอย่างมาก เขารีบหันกลับไปกดโทรศัพท์อีกครั้ง

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินกัดฟันกรอด ท่าทีของเขาราวกับสิงโตที่กำลังโกรธจัด ตัวของเขาสั่นเทา

ถึงแม้เขาจะไม่เกรงกลัวเฉินตง แต่เขาเกรงกลัวตระกูลเฉิน

อาศัยแค่ตระกูลฉินเพียงอย่างเดียวก็สามารถจัดการกับมดตัวเล็กๆ อย่างเฉินตงได้สบายๆ แต่นี่มีความโกรธเคืองของตระกูลเฉินเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

จึงมีเพียงแค่การดึงคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินเข้ามาร่วมในแผนการด้วยเท่านั้น ตระกูลฉินจึงจะสามารถจัดการกับเฉินตงได้อย่างไม่ต้องกังวลใจ

แต่ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ กลับติดต่อคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินไม่ได้เสียนี่ !

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset