Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 275 แผนการรับมือกับเรื่องเลวร้ายของตระกูลฉิน

สองวันเต็มๆ

บรรยากาศภายในตระกูลฉินเหมือนถูกปกคลุมไปด้วยเมฆสีดำ

ตระกูลสูงส่งที่ร่ำรวยที่สุดในซีสู่ แต่ภายในคฤหาสน์ ทุกคนกลับตกอยู่ในความหวาดระแวงและหวาดกลัว

ราวกับมีทีท่าว่าพายุใหญ่กำลังจะมา

ทุกคนในคฤหาสน์ล้วนได้ยินอย่างชัดเจนว่า มีเสียงอาละวาดที่เกรี้ยวกราดและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ดังออกมาจากห้องของเจ้าบ้าน

ทุกคนรู้ดีว่า การเลี้ยงฉลองงานวันเกิดของเจ้าบ้านในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่น

ภายในห้องที่มืดสนิท

มีเส้นเลือดปูดโปนออกมาจากหางตาของคุณท่านใหญ่ตระกูลฉิน ดวงตาแดงก่ำ

“ติดต่อไม่ได้อีกหรือ ? ทำไมยังติดต่อไม่ได้อีก ?”

ฉินเห้อเหนียนคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความตื่นตระหนก เขาตกใจจนสติแทบจะหลุดออกจากตัว

“พ่อครับ พ่อใจเย็นก่อนนะครับ เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้จะต้องใจเย็นเข้าไว้นะครับ”

“ใจเย็น ? แกจะให้ฉันใจเย็นอยู่ได้อย่างไร ?”

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินเขวี้ยงกาหม้อดินโบราณที่ถืออยู่ในมือลงบนพื้นอย่างแรง : “ในเมื่อบอกให้ฉันใจเย็น ถ้าเช่นนั้นแกบอกฉันมาสิว่าจะต้องทำอย่างไรกันดี ?”

ฉินเห้อเหนียนยืนตัวแข็งทื่อ พูดอะไรไม่ออก

เฉินตงมีตระกูลเฉินคอยหนุนหลังอยู่ เขามาด้วยแรงสนับสนุนอย่างเต็มที่ ถ้าหากไม่สามารถพึ่งพาคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินได้อีก เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรต้องทำใช่เช่นแล้ว

ลำพังแค่เฉินตงเพียงคนเดียว ไม่ได้อยู่ในสายตาของสมาชิกตระกูลฉินเลยเสียด้วยซ้ำ

แต่เมื่อมีตระกูลเฉินที่ยิ่งใหญ่คอยหนุนหลังอยู่ ทุกคนในตระกูลฉินต่างไม่กล้าที่จะดูถูก

ตระกูลหลี่แห่งเมืองหลวง เป็นตัวอย่างที่เคยมีให้เห็นมาแล้ว

เฉินเต้าหลินสามารถนำทัพเครื่องบินรบไปจัดการกับพวกเขาโดยไม่พูดไม่จาสักคำ

ถึงแม้ตระกูลหลี่จะเป็นตระกูลที่เก่าแก่ หัวโบราณ ไม่เหมือนกับตระกูลฉินที่กำลังรุ่งโรจน์ราวกับพระอาทิตย์ที่ส่องแสงสว่างอยู่กลงท้องฟ้า

มีความแตกต่างกันอย่างมหาศาล แต่เมื่อเผชิญหน้ากับตระกูลเฉินแล้ว ตระกูลหลี่และตระกูลฉินก็ดูเหมือนว่าจะไม่ต่างกันมากอีกต่อไป

“โทรต่อไป โทรต่อไปเรื่อยๆ !”

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินกัดฟันแน่น ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธ

ฉินเห้อเหนียนรีบลุกขึ้นแล้วพยายามโทรหาคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินต่อทันที

“สมควรตาย ! สมควรตายจริงๆ ! คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน นี่คุณคิดจะทอดทิ้งพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่างตระกูลฉินหรืออย่างไร ?”

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ เอาหายใจฟึดฟัดราวกับวัวกระทิง ความคิดของเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว : “เป็นไปไม่ได้ คุณไม่มีทางโง่แบบนั้นแน่ คุณยังไม่โง่ถึงขนาดเป็นคนแก่ที่ไร้น้ำยา ไม่สามารถช่วยเหลือตระกูลฉินได้ คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉินเต้าหลินเสียด้วยซ้ำ”

เป็นเพราะการคิดอย่างถี่ถ้วน เมื่อติดต่อคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินไม่ได้ตลอดสองวัน ทำให้คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินยิ่งกระวนกระวายมากยิ่งขึ้น

ทันใดนั้น คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยสีแดงก่ำ ส่องประกายรังสีของความอำมหิตออกมา

เขากัดฟันพูดออกมาว่า : “พรุ่งนี้เป็นวันที่เฉินตงกำหนดให้เป็นวันสุดท้าย ถ้าหากยังติดต่อไม่ได้ ก็อย่าโทษหากตระกูลฉินของเราจะทำเรื่องที่เป็นอันตรายก็แล้วกัน”

“พ่อครับ ยังติดต่อไม่ได้ครับ”

น้ำเสียงของฉินเห้อเหนียนสั่นเครือ ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง

ตอนนี้เขารู้ดีว่าพ่อของเขากำลังรู้สึกหมดหวังอย่างถึงที่สุด แต่อย่างไรเสียเขาก็ต้องพูดผลลัพธ์ออกมาให้พ่อของเขาได้รับรู้

แต่ทว่า

สิ่งที่ทำให้ฉินเห้อเหนียนรู้สึกแปลกใจก็คือ คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินกลับโบกมือแล้วถอนหายใจออกมา

แล้วหันกลับมาถามว่า : “ซวนเอ๋อเป็นอย่างไรบ้าง ?”

นี่มันเรื่องอะไรกัน ?

ฉินเห้อเหนียนรู้สึกตกใจและรีบตอบกลับไปว่า : “แขนเชื่อมต่อกันจนติดดีแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วครับ แต่ว่าเรื่องนี้ทำให้ซวนเอ๋อรู้สึกโกรธแค้นเป็นอย่างมาก”

“เฮ้อ ทายาทรุ่นที่สามของตระกูลฉินเรา ไม่มีใครสามารถดูแลตระกูลฉินได้เลยจริงๆ หรือ ?”

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินพูดออกมาอย่างไม่เต็มใจ : “น่าเสียดาย ครั้งนี้ฉินเย่พาเสี่ยวเชียนไปด้วย ไม่อย่างนั้นฉันเองก็อยากให้เสี่ยวเชียนกลับเข้ามาอยู่ในตระกูลฉินอีกครั้ง ด้วยความสามารถของเธอ สามารถดูแลตระกูลฉินได้แน่นอน ต่อไปหากทายาทรุ่นต่อไปของพวกซวงเอ๋อคิดที่จะยึดอำนาจคืนก็คงไม่ใช่เรื่องยาก”

“พ่อครับ……” สีหน้าของฉินเห้อเหนียนไม่สู้ดีนัก

เขารู้ดีว่า การเลือกผู้สืบทอดมรดกเพื่อที่จะเข้ามาดูแลตระกูลที่ร่ำรวยนั้น จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ แต่การที่จะให้พวกทายาทนอกสมรสขึ้นมาดูแลตระกูลฉิน อย่าว่าแต่ทายาทรุ่นที่สามอย่างพวกซวนเอ๋อจะไม่ยินยอมเลย แม้กระทั่งทายาทรุ่นที่สองอย่างพวกเขาก็ไม่มีทางยินยอมเช่นกัน

“พ่อเข้าใจความคิดของพวกแกพี่น้องดี แต่การให้ทายาทนอกสมรสเข้ามาดูแลตระกูลฉินก็เป็นเพียงแค่แผนการขั้นหนึ่งเท่านั้น

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินโบกมือเพื่อเป็นการตัดบทฉินเห้อเหนียน เขากลอกตาแล้วพูดออกมาอย่างลึกซึ้งว่า : “แกรีบติดต่อซวนเอ๋อและบรรดาทายาทรุ่นที่สามเดี๋ยวนี้ ให้พวกเขาเก็บข้าวของแล้วออกจากซีสู่ทันที ถ้าออกนอกประเทศได้ก็จะเป็นการดีที่สุด ไม่ต้องบอกพวกเราว่าพวกเขาไปไหน รอให้เรื่องนี้จบลงแล้วค่อยกลับมาที่ตระกูลฉินในซีสู่”

“พ่อครับ จำเป็นต้อง……ทำถึงขนาดนี้เลยหรือครับ ?”

ฉินเห้อเหนียนตระหนักได้ในทันทีว่า พ่อของเขากำลังเตรียมแผนการรับมือกับสิ่งที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้แล้ว

“จำเป็นต้องทำขนาดนี้เลยหรือ ?”

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินเลิกคิ้วแล้วหันไปมองฉินเห้อเหนียนด้วยความโมโห : “แกกล้าพูดแบบนี้ออกมาได้อย่างไร ? แกเชื่อไหมว่า คำสั่งเช่นนี้ ถ้าหากฉินเย่กับฉินเสี่ยวเชียนได้รับฟังแล้วล่ะก็ พวกเขาจะปฏิบัติตามในทันที และออกไปจากตระกูลฉินเงียบๆ และรวดเร็วที่สุด ?”

เห็นได้ชัดว่า นี่กำลังเป็นการตำหนิว่าฉินเห้อเหนียนเองก็ยังไม่อาจเทียบฉินเย่กับฉินเสี่ยวเชียนได้

สีหน้าของฉินเห้อเหนียนไม่น่าดูนัก พ่อนำเขาไปเปรียบเทียบกับเด็ก ซึ่งถือเป็นการดูถูกเขาอย่างมาก

สักพัก คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินจึงค่อยๆพูดออกมาว่า : “พวกเราไม่ได้กำลังเผชิญหน้ากับเฉินตง แต่พวกเรากำลังเผชิญหน้ากับเฉินเต้าหลินซึ่งอยู่เบื้องหลังเฉินตง เตรียมตัวเอสไว้ให้ดี ดีกว่ารอให้มีดมาจ่อคอแล้วทำอะไรไม่ถูก”

“เข้าใจแล้วครับ” ฉินเห้อเหนียนพยักหน้า แล้วหันหลังเดินจากไป

ในห้องที่มืดมิด เหลือเพียงคุณท่านใหญ่ตระกูลฉินเพียงแค่คนเดียว

บรรยากาศเย็นเยือกถึงขีดสุด และเงียบสงบจนน่าประหลาด

พักใหญ่

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินค่อยๆ ถอนหายใจออกมา : “หวังว่าจะไม่เป็นเช่นนี้นะ……”

หลังจากพวกของฉินซวนออกจากตระกูลฉินไปแล้ว ตระกูลฉินก็พยายามปกปิดที่อยู่ของพวกเขาให้เป็นความลับมากที่สุด

แต่ในเมืองซีสู่ มีทั้งมังกรและเสือหมอบหลบซ่อนตัวอยู่ ในโลกของตระกูลที่มั่งคั่งร่ำรวยและยักษ์ใหญ่ผู้มีอำนาจ ไม่รู้ว่ามีสายตาสักกี่คู่ที่กำลังจับจ้องมาที่ตระกูลฉิน

ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องที่เกิดขึ้นในงานฉลองวันเกิดของตระกูลฉิน ก็ยิ่งดึงดูดความสนใจของบรรดาตระกูลใหญ่มากยิ่งขึ้น

ตอนนี้ ข่าวการหายตัวไปจากตระกูลเฉินของพวกฉินซวน กลายเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงในตระกูลใหญ่ๆ ทุกตระกูลในซีสู่ทันที

ทุกคนเมื่อรับรู้ข่าวนี้ ต่างก็รู้สึกตกใจและถอนหายใจกันออกมา

ตระกูลฉิน……เตรียมรับมือกับเรื่องเลวร้ายที่สุดแล้วหรือนี่ ?

ท้องฟ้าของซีสู่……กำลังจะเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ หรือ ?

บ้างก็รู้สึกทอดถอนใจ บ้าก็รู้สึกมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น บ้างก็กำลังตั้งตารอดูสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างใจจดใจจ่อ

ตระกูลฉินอยู่ในตำแหน่งของผู้ที่มั่งคั่งที่สุดในซีสู่ จู่ๆ ท้องฟ้าก็เปลี่ยนไป นี่แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ในซีสู่กำลังจะเปลี่ยนไปแล้ว ตำแหน่งเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองซีสู่ คงจะถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนมือเสียที !

หากคว้าโอกาสนี้ไว้ได้ จากที่ปกติแล้วต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของตระกูลฉิน ครั้งนี้ก็จะสามารถลืมตาอ้าปาก และช่วงชิงตำแหน่งผู้ที่มั่งคั่งที่สุดในเมืองมาครองได้

ความจริงก็ควรต้องเป็นเช่นนี้

คืนนั้น

คฤหาสน์สู่ซานได้ต้อนรับแขกลึกลับคนหนึ่ง

“คุณชาย จูเก่อชิงจากตระกูลจูเก่อขอเข้าพบครับ” เฉินทงเข้ามารายงาน

“ตระกูลจูเก่อ ?”

เฉินตงหันไปมองเฉินทงและฉินเย่ด้วยความสงสัย

ฉินเย่ยักไหล่แล้วพูดว่า : “ตระกูลเก่าแก่ที่ตั้งรกรากอยู่ในซีสู่ ถือได้ว่าเป็นตระกูลชนชั้นสูงดั้งเดิมของเมืองนี้ มีภูมิหลังที่แข็งแกร่งอย่างมาก”

“ตระกูลชนชั้นสูงดั้งเดิม ?”

เฉินตงรู้สึกสนใจ เขาลูบจมูกและพูดติดตลกว่า : “คงไม่ใช่ทายาทของจูเก่อขงเบ้งหรอกนะ ?”

ตระกูลมั่งคั่งร่ำรวย และตระกูลชนชั้นสูงดั้งเดิม หากมีบรรพบุรุษเป็นผู้มั่งคั่งและมีอำนาจในอดีต คนรุ่นหลังก็เทียบได้กับเป็นพื้นหลังของประวัติศาสตร์แล้ว

หากได้รับการเรียกขานว่าเป็นตระกูลชั้นสูงดั้งเดิม ถ้าไม่ใช่เพราะมีทรัพย์สินเงินทองมากมายที่สุด ก็จะต้องดำรงตำแหน่งตระกูลชั้นสูงมาอย่างยาวนานที่สุด

แต่ทว่า

เฉินทงกลับยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ : “จากข่าวลือและการสืบหาข้อมูลของหน่วยข่าวกรองตระกูลเฉิน ดูเหมือนว่าจะใช่นะครับ”

เฉินตง : “o?o”

เฉินตงลังเลอยู่สักพักแล้วจึงพยักหน้า : “ไปพบเขาสักหน่อยก็ได้”

ส่วนทางด้านตระกูลฉิน

เกิดความโกลาหลขึ้นในห้องของคุณท่านใหญ่ตระกูลฉิน

มือทั้งสองข้างของคุณท่านใหญ่ตระกูลฉินจับตู้หนังสือเอาไว้แน่น เขาหายใจฟึดฟัดราวกับวัวกระทิง ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ

“ตระกูลจูเก่อ ตอนนี้ตระกูลจูเก่อไปหาเฉินตง หรือพวกเขาคิดว่าท้องฟ้าของซีสู่จะเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ จึงคิดที่จะกำจัดตระกูลฉินของเราโดยเร็ว ?”

ฉินเห้อเหนียนตกใจจนคุกเข่าลงไปที่พื้น ตัวของเขาสั่นเทา

ใบหน้าที่ซีดเซียวของเขาเต็มไปด้วยความเสียใจ หากรู้ว่าพ่อจะโมโหขนาดนี้ เขาก็คงไม่นำเรื่องนี้มาบอกพ่อของเขาตั้งแต่ต้น

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset