Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 279 แม่ครับ ผมอกตัญญูเอง

น้ำเสียงที่ดูถูกเหยียดหยามและเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินรู้สึกหายใจไม่ออก

ส่วนฉินเห้อเหนียนก็ยิ่งรู้สึกโกรธจนหน้าแดง

เขากัดฟันแล้วพูดว่า : “เฉินตง แก แกจะเอายังไงอีก ? ตระกูลฉินของเรายอมก้มหัวถึงขั้นนี้แล้ว แกคงไม่คิดจะรังแกคนอื่นให้มันมากเกินไปหรอกนะ !”

“หากไม่รังแกให้ถึงที่สุด แล้วฉันจะรังแกไปทำไม ?”

เฉินตงเหลือบไปมองฉินเห้อเหนียนด้วยแววตาที่เฉียบคม : “พวกแกร่วมมือกันลอบฆ่าฉัน ตอนที่ฆ่าแม่ของฉันตาย เคยพูดว่ารังแกมากเกินไปหรือเปล่าล่ะ ?”

“แก……” ฉินเห้อเหนียนโกรธจนหน้าแดง พูดอะไรไม่ออก

บรรยากาศภายในห้องนั่งเล่นเงียบสงัด

เงียบจนสามารถได้ยินเสียงเข็มหล่นลงบนพื้นได้

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินหันไปจ้องฉินเห้อเหนียนตาเขม็ง จากนั้นจึงค่อยๆ เอ่ยปากพูดว่า : “คุณเฉิน พูดออกมาเถอะครับ ไม่ต้องเกรงใจ !”

เฉินตงค่อยๆ พูดออกมาอย่างมีอำนาจ : “ฉันต้องการหุ้นของกิจการทั้งหมดของตระกูลฉินครึ่งหนึ่งรวมไปถึงอำนาจในการควบคุมด้วย !”

เปรี้ยง !

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินและฉินเห้อเหนียนยืนนิ่งไปราวกับถูกฟ้าผ่า

ตระกูลฉินมีธุรกิจมากมายนับไม่ถ้วน

พวกเขาต้องอาศัยธุรกิจพวกนี้จึงจะสามารถก้าวขึ้นไปยืนอยู่ในตำแหน่งตระกูลที่มั่งคั่งที่สุดของเมืองซีสู่ได้

แต่ทว่าตอนนี้ เฉินตงกลับเอ่ยปากขอหุ้นครึ่งหนึ่งของธุรกิจทั้งหมด รวมไปถึงอำนาจในการควบคุมด้วย ? !

หุ้นครึ่งหนึ่งก็มีมูลค่ามากมายมหาศาลแล้ว

แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คืออำนาจในการควบคุม หรือจะพูดอีกนัยหนึ่งว่า หากยอมตกลง ธุรกิจของตระกูลฉินเหล่านี้ ก็จะถูกเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุล ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจะใช้แช่เฉิน ไม่ใช่แซ่ฉิน !

และตระกูลฉิน ก็จะตกเป็นเบี้ยล่างของตระกูลเฉิน

“คุณเฉิน นี่มันไม่มากเกินไปหน่อยหรือ ?”

แม้กระทั่งคุณท่านใหญ่ตระกูลฉินที่เตรียมตัวเตรียมใจจะฆ่าตัวตายเอาไว้แล้ว มาบัดนี้ก็ยังจ้องมองเฉินตงด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมและแววตาที่โกรธเคือง

เขายินดีที่จะตายเพื่อปกป้องตระกูลฉินเอาไว้

แต่ทว่าข้อเรียกร้องของเฉินตงในตอนนี้ กลับไม่ต่างจากการฆ่าล้างตระกูลฉินเลยแม้แต่น้อย ?

“ถ้าสิงโตไม่เขมือบคำโต แล้วจะถือว่าเป็นเจ้าป่าได้อย่างไรกัน ?”

เฉินตงเหลือบมองคุณท่านใหญ่ตระกูลฉิน น้ำเสียงอันน่าเกรงขามของเขาทำให้รู้สึกได้ถึงความโหดเหี้ยม

แรงกดดันอันมหาศาลนี้ทำให้คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินและฉินเห้อเหนียนรู้สึกกลัวจนขนลุก

ส่วนฉินเย่ คุนหลุนและเฉินทงก็ยืนดูอยู่ข้างๆ โดยไม่พูดอะไร

หากต้องการให้พันธมิตรแตกคอกันเอง ในเมื่อปล่อยเสืออย่างคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินไปแล้ว ก็จำต้องกลืนหมาป่าอย่างตระกูลฉินลงไป

คุณชาย……เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ

คุนหลุนจ้องมองเฉินตงด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง

หากเป็นเฉินตงในอดีต ไม่มีทางทำถึงขนาดนี้ได้

เมื่อครั้งที่ยึดครองอสังหาริมทรัพย์ของโจวจุนหลง ยังต้องดำเนินการซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่หลายครั้ง จนท้ายที่สุดท่านหลงต้องออกโรงจัดการทุกอย่างอย่างเด็ดขาดด้วยตัวเอง

แต่ตอนนี้ เฉินตงกลับกำลังเลียนแบบท่านหลง โดยไม่รู้สึกลังเลเลยแม้แต่น้อย ทั้งเด็ดขาดและโหดเหี้ยม

หากดูผิวเผิน เฉินตงก็ยังเป็นเฉินตงอยู่ แต่หลังจากที่ผ่านคุกมืดและเหตุการณ์ที่ต้องสูญเสียแม่มา คุนหลุนก็สามารถสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงของเฉินตงได้อย่างชัดเจน

การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ ทำให้คุนหลุนรู้สึกดีใจ

เขารู้ดีว่า นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่จะนำพาเฉินตงไปสู่ตำแหน่งเจ้าบ้าน

“เฉินตง……” ฉินเห้อเหนียนกัดฟันกรอด

แต่ยังไม่ทันที่จะพูดออกมา กลับถูกคุณท่านใหญ่ตระกูลฉินตะคอกใส่ด้วยความโมโห ทำให้เขาต้องหยุดพูด

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินหันไปมองเฉินตงด้วยความขมขื่น น้ำตาของเขาหลั่งรินออกมา : “หากยอมทำเช่นนี้แล้ว คุณจะยอมปล่อยตระกูลฉินไปไหม ?”

“ผมเพียงแค่บอกให้คุณรับรู้ ส่วนเรื่องที่จะปล่อยหรือไม่ปล่อยนั้น ขึ้นอยู่กับว่าต่อไปตระกูลฉินจะทำเช่นไร”

ท่าทีของเฉินตงเย็นชา แววตาของเขาเฉียบคม ตั้งแต่ต้นจนจบ นอกจากเจตนาฆ่าที่รุนแรงแล้ว เขาก็ไม่เผยความรู้สึกอื่นใดออกมาให้เห็นเลยแม้แต่น้อย

ในหัวของเขาปรากฏภาพและน้ำเสียของแม่เขาขึ้นมาไม่หยุด

หากไม่ใช่เพราะเขาต้องการสวมมงกุฎของราชาแล้วล่ะก็ เขาคงไม่มีวันยอมให้โอกาสเช่นนี้กับตระกูลฉินเป็นอันขาด

“เฮ้อ……”

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินสูดหายใจเข้าเต็มปอดหนึ่งครั้ง แล้วก็พูดออกมาทันทีว่า : “เห้อเหนียน จงจำเอาไว้ให้ดี ตระกูลฉินได้ยกหุ้นของกิจการทั้งหมดครึ่งหนึ่งพร้อมทั้งอำนาจในการควบคุม ตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป แกจะกลายเป็นเจ้าบ้านตระกูลฉิน คอยตักเตือนคนในครอบครัว ทำแต่ความดี ต่างคนต่างดูแลตนเองให้ดี”

“พ่อครับ……”

หลังจากคำพูดนี้ดังออกมาฉินเห้อเหนียนก็ลงไปนั่งคุกเข่าร้องไห้อยู่บนพื้น

ตระกูลฉินผู้ยิ่งใหญ่และสูงส่งเหนือใครในซีสู่ ต่อให้เป็นความฝันเขาก็คิดไม่ถึงว่า ตระกูลฉินจะถูกบังคับให้ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ได้

คำพูดของพ่อ ทุกคำทุกประโยค ราวกับก้อนหินอันหนักอึ้ง ค่อยๆ ทับลงมาบนอกของเขา ทำให้เขารู้สึกหายใจไม่ออก

“คุณเฉิน ผมยอมรับปากแล้ว !”

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินมองดูเฉินตงด้วยแววตาที่มืดหม่นแน่วแน่อย่างมาก : “ตอนนี้ ผมจากไปได้หรือยัง ?”

“ผมจะส่งคุณเอง !”

น้ำเสียงที่เย็นชาดังขึ้น

ภายใต้แสงสว่างของห้องรับแขก

คอของคุณท่านใหญ่ตระกูลฉินวางพาดอยู่บนดาบ ด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน ดาบส่องแสงสะท้อนเป็นประกายออกมา

ฉึบ !

เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็นออกมา

ฉินเห้อเหนียนที่กำลังร้องไห้อยู่ตัวแข็งทื่อในทันที เขารู้สึกได้ว่าใบหน้าของเขาเปียกชื้นและเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง

เขาไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง เขายกมือขวาขึ้นไปลูบใบหน้าด้วยอาการสั่นเทา สิ่งที่เขาเห็นคือสีแดงสด

“หา !”

สมองของฉินเห้อเหนียนว่างเปล่าทันที เขารู้สึกเจ็บปวดจนกรีดร้องออกมา

ตุ้บ !

คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินลงไปนอนจมกองเลือดอยู่ โดยไร้ซึ่งความโกรธแค้นอีกต่อไป

อีกด้านหนึ่ง เฉินตงกำลังถือดาบเล่มยาวชี้ลงบนพื้น เลือดสีแดงสดค่อยๆ ไหลลงมาที่ปลายดาบ จนในที่สุดก็หยดลงสู่พื้นดิน

ในชั่วระยะเวลาสั้นๆ เฉินตงใช้ดาบของเขาจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นภายในคราวเดียว

เพล้ง !

เขาโยนดาบที่ถืออยู่ในมือลง แล้วหันไปมองฉินเห้อเหนียนที่กำลังโศกเศร้าเสียใจด้วยแววตาที่เย็นชา : “พาออกไป พรุ่งนี้ ฉันต้องการจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย”

“ครับ ครับ ครับ !”

ฉินเห้อเหนียนสีหน้าซีดเผือด ใบหน้าของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาและคราบเลือด เขากัดฟันพูดคำว่าครับออกมาติดๆ กันสามครั้ง

จากนั้น เขาก็โซเซลุกขึ้นยืน แล้วแบกคุณท่านใหญ่ตระกูลฉินขึ้นบนหลัง พร้อมทั้งก้มเก็บดาบขึ้นมา แล้วค่อยๆ เดินออกจากห้องรับแขกไป

ลมเย็นยามค่ำคืนโชยพัดมา

แสงสว่างทำให้เงาของฉินเห้อเหนียนทอดยาวออกไปไกล

“เฉินทง เก็บกวาดที่นี่ให้เรียบร้อย อีกเรื่อง พรุ่งนี้จัดการคนไปดำเนินเรื่องโอนหุ้นกับตระกูลฉินให้เรียบร้อยด้วย”

“ครับ ได้ครับ คุณชาย”

เฉินทงที่กำลังเหม่อลอย เมื่อได้สติก็รีบก้มหน้าตอบรับในทันที

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เขาก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมอง เขามองดูเฉินตงที่เดินจากไปด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่หลังของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ เจตนาฆ่าที่รุนแรงที่เฉินตงแสดงออกมาตั้งแต่ต้นจนจบ ทำให้หัวหน้าใหญ่ของสำนักงานตระกูลเฉินแห่งซีสู่ผู้นี้ ต้องรู้สึกกลัวจนขนลุก

ในงานเลี้ยงวันเกิดของตระกูลฉิน เขาติดตามเฉินตงไปด้วย การแสดงออกของเฉินตงในตอนนั้นก็ทำให้เขารู้สึกตกใจมากพอแล้ว แต่ตอนนี้เขาเพิ่งจะตระหนักได้ว่า เมื่อนำมาเทียบกับภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เฉินตงตอนที่อยู่ในงานเลี้ยงของตระกูลฉิน ถือว่าสะกดกั้นอารมณ์เอาไว้อย่างมากแล้ว

เฉินทงจ้องมองกองเลือดที่พื้นอยู่เป็นเวลานาน จากนั้นจึงพึมพำกับตัวเองว่า : “นี่ คือคุณชายที่เติบโตอยู่ข้างนอกมากว่ายี่สิบปีจริงๆ หรือ ?”

เฉินทงคอยควบคุมดูแลภายในพื้นที่เมืองซีสู่ ผู้สืบทอดมรดกของตระกูลเฉินในรุ่นนี้ เขามีโอกาสได้พบเจอมาหลายต่อหลายคน แต่ไม่มีใครที่จะทำให้เขารู้สึกตกตะลึงและหวาดกลัวได้ถึงขนาดนี้เลยสักคน

ฝ่ายหนึ่งเป็นผู้สืบทอดมรดกที่ถูกอบรมเลี้ยงดูมาอย่างดีในตระกูลเฉิน ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งกลับเป็นผู้สืบทอดมรดกที่เติบโตมาในโลกภายนอกและถูกคนอื่นเรียกขานว่า “ลูกสวะ” ทั้งสองฝ่ายมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ด้วยประสบการณ์ของเฉินทง ทำให้เขาสามารถมองออกได้อย่างชัดเจน

เมื่อกลับไปถึงห้อง

เฉินตงกลับไม่ได้เข้านอน

แต่เขากลับสั่งให้คุนหลุนไปจัดหาเครื่องหอมและจัดห้องโถงไว้ทุกข์ขึ้นอย่างเรียบง่ายในห้องรับแขก จากนั้นจึงตั้งรูปถ่ายของหลี่หลาน

“แม่ครับ ผมอกตัญญู”

เฉินตงคุกเข่าลงบนพื้น จากนั้นจึงค่อยๆ เทเหล้าในแก้วลงบนพื้น แล้วโขกหัวคำนับสามครั้ง

ขณะที่เขายกหัวขึ้นมา ดวงตาของเขากลับฉาบไปด้วยคราบน้ำตา : “เพื่อแย่งชิงตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลเฉินแล้ว แม้แต่ความแค้นของแม่ ผมก็ไม่อาจสะสางให้สมบูรณ์ได้”

พูดจบ เขาก็เทเหล้าในแก้วลงบนพื้นอีกครั้ง พร้อมกับคำนับอีกสามครั้ง

หลังจากเทเหล้าสามแก้ว คุกเข่าสามครั้ง และคำนับอีกเก้าครั้ง เฉินตงก็ยังไม่ยอมลุกขึ้น แต่กลับนั่งมองรูปถ่ายของหลี่หลาน แล้วร้องไห้ออกมาอย่างเงียบๆ เขากัดริมฝีปากจนห้อเลือด และไม่ส่งเสียงร้องไห้ออกมาให้ได้ยินเลยแม้แต่น้อย

ตระกูลใหญ่ทั้งหมดในซีสู่ต่างจับจ้องไปที่ตระกูลฉิน

ตอนที่ฉินเห้อเหนียนแบกศพออกมาจากคฤหาสน์สู่ซาน

ตระกูลใหญ่ในซีสู่ ต่างรู้สึกตกตะลึงไปตามๆ กัน !

และในเวลาเดียวกันนี้ ก็มีพายุลูกใหญ่โหมกระหน่ำขึ้นอย่างรวดเร็วในยามค่ำคืน……

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset