Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 281 งานเลี้ยงอันหรูหรา ยังเทียบกับบะหมี่น้ำจืดที่ภรรยาทำไม่ได้

ตระกูลฉิน มีเพียงฉินเห้อเหนียนเท่านั้นที่มาถึงก่อน

ฉินเห้อเหนียนสวมชุดผ้าป่านไว้ทุกข์ ตาแดงก่ำบวมช้ำ ใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

คนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาคือทนายความคนหนึ่ง ที่ทำงานรับใช้ตระกูลฉินมาเป็นเวลานานหลายปี

เมื่อพวกเฉินตงมาถึง ก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย ทุกอย่างล้วนดำเนินไปตามขั้นตอนที่จัดเตรียมไว้ทั้งหมด

ด้วยการจัดการของเฉินตง สัญญาทั้งหมด ก็พร้อมรับการลงนามอย่างไม่มีอะไรให้ต้องกังวลอีก

ตระกูลฉินเป็นตระกูลใหญ่ที่ร่ำรวยเป็นอันดับต้น ๆ ของซีสู่มีธุรกิจและโรงงานอุตสาหกรรมมากมาย ที่อยู่ภายใต้ชื่อของตระกูลจนนับไม่ถ้วน

แม้ว่าสัญญาจะลงนามทีละฉบับ แต่ปริมาณของงานก็ไม่น้อยเลย

รอจนเซ็นสัญญาหุ้นส่วนร่วมลงทุนทั้งหมดเสร็จสิ้น ก็ปาเข้าไปจนสายตะวันโด่งแล้ว

ฉินเห้อเหนียนค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน แล้วโค้งคำนับให้เฉินตงด้วยท่าทางอกสั่นขวัญหาย จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

“คุณเฉิน นับจากนี้ไป คุณสามารถวางใจได้เลยว่า ตระกูลฉินจะไม่มีใจคิดเป็นอื่นกับคุณอีกอย่างแน่นอนครับ”

นี่เป็นคำกำชับหนักแน่นของคุณท่านใหญ่ฉิน ในระหว่างที่ท่านยังมีชีวิตอยู่

ไม่ว่าในใจจะรู้สึกไม่ยินยอมพร้อมใจสักแค่ไหน แต่ฉินเห้อเหนียนก็ไม่ใช่คนโง่!

ต้องไปพึ่งพาอาศัยคนอื่น ก็ยังดีกว่าต้องบ้านแตกสาแหรกขาด

ต่อให้ความรุ่งโรจน์ที่เคยมีต้องหดหาย แต่ถ้าฝืนยืดลมหายใจเฮือกสุดท้ายออกไปได้ ตระกูลฉินก็จะยังคงอยู่

“อื้ม”

เฉินตงตอบรับเรียบ ๆ ขึ้นเสียงหนึ่ง

“ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ผมขอกลับตระกูลฉินก่อนนะครับ ยังมีงานศพของคุณพ่อที่ต้องจัดการอีก”

ฉินเห้อเหนียนรีบเก็บสัญญา แล้วพาทนายความจากไปทันที

“จริงสิ!”

ทันใดนั้น เฉินตงก็ส่งเสียงขึ้นมาหยุดฉินเห้อเหนียนไว้อย่างกะทันหัน: “นับตั้งแต่วันนี้ไป บริษัทการเงินของตระกูลฉิน มอบให้ฉินเย่เป็นคนบริหารจัดการ นายไปย้ายคนตระกูลฉินของนาย ออกจากบริษัทไปให้หมดภายในหนึ่งวันซะ”

ฉินเห้อเหนียนสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ฝีเท้าชะงักไปชั่วขณะ

กระทั่งตัวฉินเย่เอง ก็ยังอดรู้สึกตกใจไม่ได้

“เข้าใจแล้วครับ คุณเฉิน” ฉินเห้อเหนียนกัดฟันกรอด ตอบรับด้วยแววตาที่อัดแน่นไปด้วยความโกรธแค้น

การที่ตระกูลฉิน สามารถนั่งในตำแหน่งบุคคลที่ร่ำรวยติดอันดับท็อปได้ เหตุผลที่จริงนั้น

ก็คือการพึ่งพาบริษัททางการเงิน หรือพูดแบบตรง ๆ ก็คืออาศัยการเทรดเดอร์ระดับเทพเซียนของฉินเย่ในเวลานั้น จนสามารถสร้างผลกำไรนับหมื่นล้านได้นั่นเอง

ธุรกิจในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ถือเป็นกิ่งก้านสาขาย่อยของตระกูล ในขณะที่บริษัทการเงินต่างหาก ที่เป็นกระดูกสันหลังที่แท้จริงของตระกูลฉิน

ฉินเห้อเหนียนสูดหายใจเข้าลึก ๆ กลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล แล้วรีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

ภายในห้อง บังเกิดความเงียบงันขึ้นมาทันที

ฉินเย่ถามเฉินตงด้วยความตื่นตะลึง : “พี่ตง บริษัทการเงินของตระกูลฉิน เป็นธุรกิจยักษ์ใหญ่ด้านการเงิน คุณจะให้ผมเป็นคนบริหารจริง ๆ น่ะเหรอ?”

“มีปัญหาอะไรล่ะ? เดิมทีบริษัทการเงินตระกูลฉิน ก็เพราะตอนนั้น นายเป็นคนไปดิ้นรนต่อสู้จนสามารถขึ้นไปยืนในตลาดหลักทรัพย์ได้สำเร็จตอนนี้ให้ไปอยู่ภายใต้การบริหารของนาย ก็นับได้ว่าเป็นการคืนสู่เจ้าของเดิมไม่ใช่รึไง?”

เฉินตงยิ้ม หันไปมองเฉินทง: “เฉินทง ช่วยเตรียมเครื่องบินให้ฉันด้วย เราจะกลับกันเลย”

“หา?!”

เฉินทงรู้สึกเหนือคาดไปมาก: “คุณชาย นี่คุณจะไปจากซีสู่เร็วขนาดนี้เลยเหรอครับ? จูเก่อชิงเพิ่งโทรมาเมื่อครู่ อยากจะเชิญคุณไปร่วมงานเลี้ยงของตระกูลจูเก่อในคืนนี้น่ะครับ”

“ไม่ไปแล้วดีกว่า อาหารในงานเลี้ยงตระกูลเขา จะไปอร่อยกว่าอาหารที่ภรรยาฉันทำให้กินได้ยังไงกันล่ะ?”

เฉินตงลุกขึ้น แล้วเดินจากไปทันที

เฉินทงตกตะลึงจนพูดไม่ออก คุณชายนี่…. เข้าใจอะไรผิดกับงานเลี้ยงของตระกูลหรือเปล่า?

งานเลี้ยงตระกูล ไม่ใช่แค่การมากินข้าวร่วมกันง่าย ๆ แล้วจบกันไปแค่นั้นหรอกนะ!

สัญชาตญาณหนึ่งที่อยู่ลึกๆ สั่งการให้เฉินทงมีความคิดจะเอ่ยปากเกลี้ยกล่อมเขาอีกสักครั้ง

ไม่ควรอย่างยิ่ง ที่จะโยนโอกาสสานสัมพันธ์กับตระกูลจูเก่อ ซึ่งตอนนี้อยู่ในตำแหน่งผู้ที่ร่ำรวยที่สุดทิ้งไป

ในฐานะหัวหน้าผู้ดูแลจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ภายในตระกูลเฉินแห่งซีสู่ เฉินทงย่อมรู้ดีว่า การที่ตระกูลจูเก่อจัดงานเลี้ยง แล้วเชิญเฉินตงไปร่วมงานด้วยแบบนี้ มันมีความหมายว่าอะไร

อีกทั้งด้วยความเย่อหยิ่งของตระกูลจูเก่อ แม้แต่บรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ หรือผู้มีอำนาจในซีสู่ ก็ยังยากจะได้รับคำเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงตระกูลนี้

นี่นับเป็น “การแสดงมารยาท” ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของตระกูลจูเก่อแล้ว!

แต่แล้ว ก็มีมือใหญ่ ๆ ข้างหนึ่ง มาวางลงบนไหล่ของเฉินทงอย่างกะทันหัน

คุนหลุนยิ้มพลางพูดว่า “ในสายตาของคุณชาย งานเลี้ยงอันหรูหราของตระกูลจูเก่อ ยังสู้บะหมี่น้ำจืดที่ภรรยาทำไม่ได้เลย ไปเตรียมเครื่องบินเถอะ”

เฉินทงแอบเสียดายอยู่บ้าง แต่ก็รีบไปจัดเตรียมแผนการเดินทางอย่างรวดเร็ว

หนึ่งชั่วโมงต่อมา พวกเฉินตงก็ไปที่สนามบิน แล้วขึ้นเครื่องบินพิเศษเพื่อเดินทางกลับ

ที่วิลล่าเขาเทียนซาน

ในห้องครัว ไฟเตาลุกโชนอยู่อย่างเต็มกำลัง

ท่านหลง ยังคงยุ่งวุ่นวายอยู่กับการจัดการเรื่องต่าง ๆ ในบริษัทไท่ติ่ง

เมื่อรู้ว่าเฉินตงกำลังเดินทางกลับบ้าน กู้ชิงหยิ่งจึงคิดจะทำอาหารเพื่อรอต้อนรับการกลับมาของเฉินตงสักโต๊ะหนึ่งเต็ม ๆ

“เสี่ยวหยิ่ง ให้ฉันทำเองดีกว่านะ”

ฟ่านลู่เห็นกู้ชิงหยิ่งที่ยุ่งจนมือเป็นระวิง จึงคิดอยากจะช่วย

ในสายตาของเธอ กู้ชิงหยิ่งผู้ซึ่งใช้ชีวิตเป็นคุณหนูที่อยู่ดีกินดีมาตั้งแต่ยังเด็ก หากต้องมาทำอาหารขึ้นโต๊ะใหญ่ ๆ สักโต๊ะนึงด้วยตัวเอง ดูจะเป็นเรื่องที่ลำบากอยู่ไม่น้อย

ยิ่งไปกว่านั้น อาหารเพื่อการต้อนรับ ก็เป็นงานของเธออยู่แล้ว

นับตั้งแต่หลี่หลานถึงแก่กรรมไป สิ่งเดียวที่เธอสามารถทำได้ที่บ้านหลังนี้ ก็คือบรรดางานบ้านและอาหารสามมื้อต่อวันเท่านั้นแล้ว

ถ้ากระทั่งงานเหล่านี้เธอก็ยังทำไม่ได้ ฟ่านลู่ก็รู้สึกว่า การที่ตัวเธอยังอยู่ในบ้านหลังนี้ ก็ไม่ได้มีความจำเป็นอะไรอีกต่อไปแล้ว

“ไม่เป็นไรหรอกพี่เสี่ยวลู่ ฉันทำได้ดีไม่มีปัญหาแน่นอน”

กู้ชิงหยิ่งเหงื่อไหลท่วมตัว แต่กลับไม่ได้สังเกตเห็น เธอผัดอาหารในหม้อไปพลาง ก็ยิ้มไปพลางพูดว่า “ช่วงนี้ตาทึ่มนั่นเหนื่อยเกินไปหน่อยแล้ว ฉันอยากจะทำอาหารอร่อย ๆ ให้เขา ฉันเป็นภรรยาเขา มันเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของฉัน ที่จะทำให้เขากินอิ่มท้อง”

“กินอิ่มท้อง?”

ฟ่านลู่ตกตะลึงไปชั่วขณะ

กู้ชิงหยิ่งที่กำลังสาละวนอยู่หน้าหม้อ พลันตัวสั่นสะท้าน สังเกตขึ้นมาได้ในทันทีว่า มีตรงไหนสักแห่งในคำพูดเหล่านั้น ที่มันไม่ถูกต้อง

ใบหน้าสวยแดงระเรื่อ ช้อนตามองฟ่านลู่อย่างเขินอาย: “อั๋ยหยา พี่เสี่ยวลู่ พี่คิดอะไรของพี่เนี่ย?”

ฟ่านลู่ปิดปากพลางแอบหัวเราะขำ: “จ้า! สมควรแล้วล่ะ สมควรแล้ว”

ยิ่งพูดแบบนั้นออกไป กู้ชิงหยิ่งก็ยิ่งเขินอายขึ้นเรื่อย ๆ จนใบหน้าแสนสวยของเธอแดงก่ำ จนเหมือนเลือดจะไหลออกมาได้อยู่แล้ว

แต่แล้วกู้ชิงหยิ่ง ก็พลันเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างรวดเร็ว: “จะว่าไป พี่กับคุนหลุนไปถึงขั้นไหนกันแล้วเหรอ?”

ฟ่านลู่ลังเลไปครู่หนึ่ง ยกมือขึ้นแตะที่คางพลางพูดว่า “ ยังบอกไม่ได้ เพราะยังไงพี่คุนหลุนก็ยังไม่ยอมให้ฉันทำอาหารให้เขากินน่ะนะ”

กู้ชิงหยิ่ง: “…..”

เธอทนไม่ไหวจริง ๆ ทั้งที่เธออุตส่าห์เปลี่ยนเรื่องแล้วแท้ ๆ ทำไมพี่เสี่ยวลู่ยังกลับมาเล่นเรื่องนี้ไม่เลิกสักทีล่ะเนี่ย?

แคร้ง ๆ ๆ…..

เสียงไม้พายเคาะรัว ๆ ที่ด้านข้างหม้อ กู้ชิงหยิ่งพูดขึ้นว่า: “พี่เสี่ยวลู่ มาช่วยฉันคนที่หม้อนี้หน่อย ฉันจะไปหั่นมันฝรั่งเพิ่มอีกหัว”

“ในที่สุดก็ยอมให้ฉันช่วยแล้วเหรอ?” ฟ่านลู่ยิ้มแซว ๆ แล้วเดินไปที่หม้อ จากนั้นก็เริ่มผัดอย่างคล่องแคล่ว

กู้ชิงหยิ่งหันไปยุ่งอยู่กับการหั่นมันฝรั่ง เมื่อนึกถึงบทสนทนากับฟ่านลู่เมื่อครู่ รอยยิ้มอันแสนหวานก็ปรากฏบนใบหน้าอันงดงาม แต่แดงก่ำของเธอทันที

สำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง เรื่องที่ดีที่สุดของพวกเธอ ไม่ใช่การดูแลให้สามีของตัวเองได้กินจนอิ่มท้องหรอกรึ?

หลังจากเหม่อลอยฟุ้งซ่านไปเพียงชั่วขณะ ความเจ็บปวดที่แทงทะลุหัวใจ ก็แล่นปราดมาจากส่วนปลายนิ้ว

กู้ชิงหยิ่งตกใจจนส่งเสียงร้องขึ้นมาเสียงหนึ่ง ที่นิ้วชี้มือซ้ายอาบย้อมไปด้วยเลือดสีแดงฉาน

“เสี่ยวหยิ่ง!”

ฟ่านลู่ตกใจมาก รีบหยุดเรื่องที่ทำอยู่ แล้วเข้าไปช่วยทำแผลให้กู้ชิงหยิ่ง

หลังจากยุ่งกันอยู่นาน กู้ชิงหยิ่งกับฟ่านลู่ ก็เตรียมอาหารรสเลิศไว้จนเต็มโต๊ะ

ดูเวลาแล้ว กู้ชิงหยิ่งคำนวณคร่าว ๆ ว่า เครื่องบินของพวกเฉินตงน่าจะกำลังเตรียมลงจอดแล้ว

เธอรีบพูดกับฟานลู่ว่า “พี่เสี่ยวลู่ พี่อย่าบอกตาทึ่มเรื่องที่มีดบาดมือฉันนะ ไม่งั้นเขาจะต้องหัวเราะเยาะฉันอีกแน่เลย”

“คุณเฉินอาจจะรู้สึกเจ็บปวดใจที่มาสายเกินไปก็ได้นะ” ฟ่านลู่พยักหน้า

ในเวลานั้นเอง

โทรศัพท์มือถือของกู้ชิงหยิงก็ดังสนั่นขึ้นทันที

เป็นสายที่มาจาก ผอ. หลิว แห่งโรงพยาบาลลี่จิง

กู้ชิงหยิ่งถึงกับตกใจไปครู่หนึ่ง ค่อยกดรับสาย: “สวัสดีค่ะลุงหลิว เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ?”

เสียงในสายของ ผอ. หลิว กดต่ำอย่างน่าใจหาย

“เสี่ยวหยิ่ง เฉินตงอยู่รึเปล่า? ฉันติดต่อเขาไม่ได้ พวกเธอรีบมาที่โรงพยาบาลให้เร็วเลยดีกว่านะ”

“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?” การแสดงออกของกู้ชิงหยิ่งเกร็งจนผิดธรรมชาติ

“ท่านหลงถูกคนทำร้ายจนบาดเจ็บ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล”

เปรี้ยง!

กู้ชิงหยิ่งรู้สึกว่าตัวเองตกลงไปอยู่ในภวังค์หนึ่ง ทั้งร่างชาหนึบราวกับถูกฟ้าผ่า

ท่านหลง….ไม่ใช่ว่าเขาจัดการงานอยู่ที่บริษัทไท่ติ่งหรอกเหรอ?

เขาจะได้รับบาดเจ็บได้ยังไงกัน?

อีกทั้ง ในบริษัทก็ยังมีกูหลังอยู่ทั้งคนไม่ใช่เหรอ?!

“ได้ค่ะ หนูจะรีบไปที่โรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย” กู่ชิงหยิ่งตอบรับ แล้ววางสายทันที

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset