Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 286 อารมณ์อันวุ่นวายสับสน

ยามพลบค่ำ

เฉินตงพากูหลังมุ่งตรงไปยังสถานที่ที่ตกลงกันไว้กับเฉินหยู่เฟย

นี่เป็นห้องอาหารแบบส่วนตัวระดับไฮเอนด์ ซึ่งหรูหราดูมีระดับอย่างยิ่ง

ดนตรีไพเราะ แสงไฟงามระยับจับตา

การเล่นเฉดสีรอบ ๆ ห้อง ช่วยขับเน้นบรรยากาศให้โดดเด่นขึ้นมาอย่างถึงที่สุด

แต่ภายในร้านอาหาร ณ เวลานี้กลับเงียบสงบ เสียงดนตรีบรรเลงซ้ำวนไปมา ทว่ากลับไม่มีลูกค้าเลยแม้แต่คนเดียว

“คุณเฉิน โปรดตามผมมาทางนี้ครับ”

พนักงานต้อนรับคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายเขา

“นายรู้จักฉันด้วยเหรอ?” เฉินตงถามด้วยความรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

พนักงานต้อนรับยกยิ้มเล็กน้อย: “คืนนี้ คุณหนูเฉินได้จองร้านอาหารแห่งนี้ไว้ทั้งร้านแล้วครับ คนเดียวที่สามารถเข้ามาในร้านได้ จะต้องเป็นคุณเฉินอย่างแน่นอน”

ขณะที่พูด เขาก็มองไปที่กูหลัง: “ขออภัยครับคุณผู้ชายท่านนี้ คุณหนูเฉินเชิญคุณเฉินเพียงคนเดียวเท่านั้น รบกวนคุณไปรออยู่ด้านนอกนะครับ”

กูหลังพยักหน้ารับรู้ หันหลังแล้วเดินไปที่เก้าอี้ซึ่งอยู่หน้าประตูเพื่อนั่งรอ

เดิมทีเขามีหน้าที่มาคุ้มครองเฉินตง ดังนั้นจึงไม่สำคัญ ว่าเขาจะเข้าไปในร้านอาหารได้หรือไม่

“เตรียมอาหารเย็นให้เพื่อนของฉันชุดหนึ่ง รหัสคือเลข 6 หกตัว”

เฉินตงยื่นบัตรธนาคารไปให้พนักงาน แล้วจึงเดินเข้าไปในร้านอาหาร

ร้านอาหารอยู่ตรงกลาง รายล้อมไปด้วยแสงไฟระยิบระยับ

เฉินหยู่เฟยที่อยู่ในชุดราตรียาวสีแดงสดนั่งอยู่ที่โต๊ะ ด้านหลังของเธอ เผยช่วงเอวทรงS-curveอันงดงามสมบูรณ์แบบ

คิ้วตางดงาม เผยความสง่ามีราศีอย่างถึงที่สุด

เปรียบเสมือนดั่งนกยูงผู้สูงศักดิ์อย่างไรอย่างนั้น

นิ้วเรียวงามขาวละเอียดดังหยกค่อย ๆ ลูบที่ขอบแก้วไวน์แดงอย่างเชื่องช้า

ภาพฉากนี้ ภายใต้การเสริมของแสงและดนตรีที่คลออยู่เบื้องหลัง ทุกอย่างดูงดงามลงตัวดุจดั่งภาพวาดของจิตรกรเอกชั้นหนึ่ง

ไม่เว้นแม้แต่เฉินตง ที่แค่ได้เห็นเพียงแวบแรก ก็ยังอดรู้สึกตกตะลึงไม่ได้

ต้องบอกตรง ๆ ว่า ต่อให้ไม่มีผู้สนับสนุนรายใหญ่อย่างตระกูลเฉิน แต่ถ้าเฉินหยู่เฟยอยากจะเข้าสู่วงการบันเทิงจริง ๆ ด้วยความงดงามของเธอ ก็เพียงพอที่จะเป็นอาวุธที่จะช่วยให้ความปรารถนาของเธอเป็นจริงได้ง่าย ๆ อยู่แล้ว

“พี่ตง”

เมื่อเฉินหยู่เฟยเห็นเฉินตง คิ้วของเธอก็ยกสูง เผยรอยยิ้มกว้างทันที

ในดวงตาที่มืดสลัวและลึกล้ำ พลันปรากฏแสงสว่างวาบขึ้นมาในพริบตา

ทุกการกระทำช่างดูเหมือนว่า เธอเป็นเพียงสาวน้อยที่แสนจะไร้เดียงสาคนหนึ่งเท่านั้น

แต่ในสายตาของเฉินตงแล้ว ในใจของเขากลับนึกเย้ยหยันไม่หยุด

เขาเดินไปที่โต๊ะอย่างเฉยเมย หลังจากนั่งลง เขาก็ถามออกไปตรง ๆ ว่า “ที่เธอนัดฉันออกมากินข้าว สรุปว่าต้องการอะไรกันแน่?”

“ทำไมล่ะ? มีคนมาที่บ้านของพี่ แล้วเชิญพี่กินข้าวด้วยกันสักมื้อ จำเป็นต้องมีจุดประสงค์อะไรด้วยเหรอ?”

เฉินหยู่เฟยยิ้มอย่างไม่พอใจนัก ชี้ไปที่แก้วไวน์ที่อยู่ข้างหน้าเฉินตง แล้วพูดว่า : “นี่เป็นไวน์แดงเกรดพรีเมียมที่บ่มมานานหลายปีจนได้ที่ ตอนนี้เป็นเวลาเหมาะสมที่สุดที่จะนำมาดื่ม หวังว่าพี่ตงคงจะไม่รังเกียจ “

เฉินตงมองไปที่ไวน์แดงในแก้ว นิ่งสนิทไม่มีการแตะต้อง

“กลัวฉันจะวางยางั้นเหรอ?”

เฉินหยู่เฟยคล้ายจะมองความคิดของเฉินตงออก จึงยิ้มพลางหยิบแก้วไวน์ของเฉินตงขึ้นมา แล้วดื่มไวน์แดงในแก้วนั้นจนหมด

จากนั้น เธอก็ดื่มไวน์แดงในแก้วของตัวเองจนหมดไปอีกแก้วหนึ่ง

หลังจากเทไวน์ลงในแก้วเปล่าสองใบอีกครั้ง เธอก็กะพริบตาปริบๆ “ตอนนี้พี่จะเชื่อได้รึยัง?”

เฉินตงนิ่งเงียบไม่ตอบ แต่ดวงตาของเขา กลับจับจ้องไปที่ขวดไวน์แดง

“พี่นี่ช่างสงสัยซะจริงน้า!”

เฉินหยู่เฟยถอนหายใจด้วยท่าทีจนใจ หยิบขวดไวน์ขึ้นมา แล้วยกกระดกเข้าปากไปตรง ๆ แบบอึกใหญ่ ๆ

การดื่มไวน์แดงในลักษณะเช่นนี้ ถือเป็นการดื่มที่หยาบคายมากอย่างเห็นได้ชัด

แต่เฉินหยู่เฟยที่ทำเรื่องนี้ออกมา กลับกลายเป็นการแสดงเสน่ห์ที่แตกต่างออกไปในอีกรูปแบบหนึ่งแทน

เธอวางขวดไวน์ลง หยดไวน์แดงเป็นประกายค่อย ๆ ไหลหยดลงมาจากมุมปากของเธอ ด้วยฤทธิ์ของไวน์แดง เธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วมุ่น สร้างความรู้สึกว่าดูน่าสงสาร น่าเห็นใจให้แก่คนที่ได้พบเห็น

“ตอนนี้โอเคแล้วสินะ”

เฉินตงหยิบขวดไวน์ขึ้นมาอย่างใจเย็น เทไวน์แดงลงในแก้วของเขาไปแก้วหนึ่ง แกว่งแก้วสองสามครั้ง แล้วดื่มจนหมดในคราวเดียว

หลังจากได้ลิ้มรสชาติของไวน์แดงเข้าไปไม่กี่วินาที เขาก็พูดขึ้นช้า ๆ ว่า “เป็นไวน์แดงระดับยอดเยี่ยมจริง ๆ ”

“นั่นมันแน่อยู่แล้ว นี่เป็นระดับของสะสมเชียวนะ ฉันเอามันออกมาจากห้องเก็บไวน์ตระกูลเฉินเลยด้วย”

เฉินหยู่เฟยทำท่าทางเหมือนเด็กที่ทำความผิด ขยับเข้าไปจนใกล้เฉินตงด้วยอาการลับ ๆ ล่อ ๆ กระซิบพูดเสียงเบาว่า “ไวน์ขวดนี้ราคาหลายแสนเลยนะ ถ้าคุณย่ารู้เข้า ฉันคงโดนดุยกใหญ่เลยเชียวล่ะ”

เฉินตงแค่นเสียงเย็นชา: “ตอนนี้จะคุยธุระได้รึยัง?”

“ไม่มีธุระอะไรจริง ๆ”

เฉินหยู่เฟยมองเฉินตงอย่างไม่สบอารมณ์ รินไวน์แดงให้ตัวเองแก้วหนึ่ง จากนั้นจึงหั่นสเต๊กเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วเริ่มกิน

ผู้หญิงแบบนี้ จะแค่ชวนฉันออกมากินข้าวเฉย ๆ จริงน่ะเหรอ?

เฉินตงขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ เขาแค่เริ่มดื่มและกินสเต๊กบ้าง

ในภัตตาคาร

เสียงเพลงไพเราะก้องกังวาน

แต่บนโต๊ะอาหาร กลับเงียบกริบไร้เสียงเจรจาพาที

มีเพียงเสียงมีดและส้อมกระทบจานอาหารเบา ๆ และเสียงคนทั้งสองกระทบโดนแก้วเป็นครั้งคราว

ในไม่ช้า ใบหน้างดงามของเฉินหยู่เฟย ก็เริ่มแดงเรื่อทั้งสองข้างแก้ม มีท่าทางคล้ายจะเริ่มเมานิดหน่อยแล้ว

“พี่ตง ฉันคิดว่าพี่หล่อมาก ๆ เลยนะ” เฉินหยู่เฟยเหมือนอาศัยช่วงที่ตัวเองเมา เปิดบทสนทนาขึ้นมาเองดื้อๆ

มือขาวดั่งหยกท้าวที่คาง มองหน้าเฉินตงด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ดวงตายิบหยีหรี่ลงจนเป็นรูปจันทร์โค้งสองเสี้ยว

“ดังนั้นเธอจะบอกว่า เธอชอบฉันว่างั้น?” เฉินตงตอบรับอย่างเฉยเมย

เฉินหยู่เฟยหัวเราะคิกคัก รินไวน์ให้ตัวเองอีกแก้ว แล้วดื่มรวดเดียวจนหมด: “พี่พูดถูกจริง ๆ นั่นแหละ”

เคร้ง!

เฉินตงวางมีดและส้อมลง ขมวดคิ้วมองเฉินหยู่เฟยที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา

ต่อให้เป็นประสบการณ์อ่านใจคน หรือการสังเกตนิสัยที่เขามี แต่ ณ เวลานี้ เขาก็ยังไม่อาจทำความเข้าใจในตัวเฉินหยู่เฟยได้

ผู้หญิงคนนี้ แผนการลึกล้ำจนสุดจะหยั่งถึงจริงๆ!

เรียกว่าฉลาดกว่าเฉินเทียนหย่าง ไม่สิ ! ฉลาดกว่าเฉินเทียนเซิงเลยด้วยซ้ำ !

เฉินหยู่เฟยกำลังละเลียดไวน์แดง แกว่งแก้วไวน์ในมือไปมา คล้ายว่าเธอกำลังพูดกับตัวเอง ในลักษณะของคนที่พอเมาแล้ว จะพึมพำกับตัวเองไปเรื่อยเปื่อย

“ที่จริงแล้วน่ะนะ แม้ว่าฉันจะมีสถานะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลเฉิน แต่ฉันเป็นผู้หญิง ฉันรู้ดีว่าฉันไม่มีความหวังที่จะได้เป็นผู้นำตระกูล เหตุผลที่ฉันมีสถานะของผู้สืบทอดได้ อาจเป็นเพราะฉันเป็นที่รักใคร่ของคุณย่า ท่านเลยฝืนเอาสถานะนี้มาให้ฉันก็ได้ล่ะมั้ง “

“ถึงขั้นที่ว่า ฉันเองยังรู้สึกเลยว่า คุณสมบัติของการเป็นผู้สืบทอดของฉัน ยังไม่ดีเท่าพี่เลยด้วยซ้ำ.… ฮะ ๆ ๆ ขอโทษที ฉันต้องขอพูดตรง ๆ เลยนะ พี่ที่ใครต่อใครในตระกูลเรียกกันว่าเป็นลูกสวะที่มีสิทธิ์สืบทอดตระกูล ฉันก็ยังสู้พี่ไม่ได้อยู่ดี “

เฉินตงขมวดคิ้ว ในใจรู้สึกอัดอั้น

คำว่าลูกสวะสองคำนี้ เขาไม่สนใจมันนักหรอก

เพราะตั้งแต่เล็กจนโต เขาถูกด่า ถูกเหยียดหยามด้วยคำพูดแบบนี้มาตลอดอยู่แล้ว

แต่การได้ยินคำพูดนี้จากปากของเฉินหยู่เฟย มักทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจอยู่เสมอ

เฉินหยู่เฟยเหมือนจะไม่รู้ถึงความไม่พอใจของเฉินตง ยังคงพร่ำพูดกับตัวเองต่อไป

“ในชีวิตนี้ของฉันนะ ความปรารถนาสูงสุดของฉัน ก็คือการได้เป็นดาราดังในวงการบันเทิง แค่นั้นฉันก็พอใจมากแล้ว มีคนตั้งนับหมื่นนับพันมาชื่นชม มันดีจะตายไปไม่ใช่เหรอ”

“นอกจากนี้ ตอนที่ฉันอยู่บ้านแล้วได้ยินพวกเขาพูดถึงพี่ตง ฉันก็รู้สึกว่าพี่ตงไม่มีคุณสมบัติพอจะเป็นผู้สืบทอดได้หรอก แต่เมื่อฉันเจอพี่ตง ความคิดของฉันก็เปลี่ยนไปเลย”

ขณะที่พูด มือขวาของเฉินหยู่เฟยก็ดูคล้ายจะร่วงตกลงไปแบบไม่ตั้งใจ แต่มือนั้นกลับร่วงตกลงไปบนหลังมือของเฉินตงอย่างพอดิบพอดี

นิ้วหยกลูบไล้ที่หลังมือของเฉินตงเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ฉันคิดว่า พวกทายาทที่มีสิทธิ์เป็นผู้สืบทอดในตระกูลพวกนั้น ก็ยังสู้พี่ตงไม่ได้เลยสักคน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสามารถหรือรูปลักษณ์ จะยังไงฉันกับพี่ตงต่างก็เป็นคนตระกูลเฉินทั้งคู่ แต่ความสัมพันธ์ทางสายเลือดของพวกเรา ก็ยังนับว่าห่างกันไกลโขอยู่ เพราะงั้นถ้าฉันจะชอบพี่ตง ก็ไม่น่าจะเป็นไรหรอกใช่มั้ยล่ะ?”

เพี๊ยะ!

เฉินตงใช้มือข้างหนึ่ง ปัดมือของเฉินหยู่เฟยออกไปทันที

เขายืนขึ้น จ้องเขม็งด้วยสายตาโกรธเคือง : “ฉันเคยเตือนเธอแล้วนะ ถ้าไม่อยากเป็นศัตรูกับฉัน ก็อยู่ให้ห่าง ๆ ฉันไว้”

พูดจบ เฉินตงก็หันหลัง เตรียมจะเดินจากไป

แต่ทันทีที่เขาเคลื่อนไหว ความรู้สึกเวียนหัวอย่างรุนแรง ก็พุ่งเข้าโจมตีเขาอย่างกะทันหัน

เขาตัวสั่นไหวโอนเอน รีบยื่นมือขวาไปจับเก้าอี้พยุงตัวไว้อย่างเร่งรีบ จ้องไปที่เฉินหยู่เฟยอย่างโกรธเกรี้ยว : “ไวน์นี่….. “

เฉินหยู่เฟยแย้มยิ้มอย่างมีเสน่ห์ ชี้มือไปที่แก้วไวน์: “ฉันไม่ทำให้ไวน์แดงเสียหายสิ้นเปลืองไปเปล่า ๆ หรอกนะ แต่ว่าลิปสติกของฉันนี่ ก็ไม่แน่…… “

ขณะที่พูด เธอก็ค่อย ๆ ลุกขึ้น เดินไปข้าง ๆ เฉินตง แล้วเป่าลมร้อนใส่หูของเขา: “พี่ตง ยกโทษให้ฉันด้วยนะ ฉันชอบพี่มากเลยล่ะ เพราะงั้นคืนนี้ ฉันจะกินพี่ให้เกลี้ยงเลย”

“ไร้ยางอาย!”

เฉินตงกัดฟัน ปากก็หลุดคำด่าออกมาคำหนึ่ง

เขาอยากไปจากที่นี่ แต่อาการเวียนหัวกลับเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น ราวกับว่าประตูระบายน้ำที่ถูกเปิดออก ไร้หนทางหยุดยั้งต้านทาน

สิ่งที่ทำให้เขาตกใจยิ่งกว่า นั่นก็คือคลื่นความร้อนบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นในท้องของเขา

ในเวลานี้ เขารู้สึกว่าโลกกำลังหมุน แสงไฟในร้านอาหารที่สะท้อนประกายแสงออกมา ยิ่งดูมีเสน่ห์ พราวระยับจับตามากขึ้นเรื่อยๆ

เฉินหยู่เฟยที่ยืนอยู่ตรงหน้า ยิ่งดูงดงามดึงดูดใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้คนที่ได้พบเห็นรู้สึก…..ตะลึงงันลุ่มหลง เกิดอารมณ์สับสนว้าวุ่นไม่หยุด

“อยู่ค้างด้วยกันเถอะนะ”

เฉินหยู่เฟยยิ้มหวาน ยื่นมือออกไปโอบเอวของเฉินตงไว้อย่างนุ่มนวล แล้วดึงเข้ามาเบา ๆ

เฉินตงแขนขาอ่อนแรง เสียการทรงตัวในทันที ทรุดเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเฉินหยู่เฟย วิสัยทัศน์ตรงหน้าก็ค่อย ๆ เลือนรางลงไปทุกที ๆ ……

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset