Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 290 เดรัจฉานสวมเสื้อผ้า สามีฉันจะช่วยคุณเอง

เกิดความเงียบขึ้นในห้องนั่งเล่น

บรรยากาศกดดันจนแทบหายใจไม่ออก

ทุกคนต่างรู้สึกอับจนหนทาง สิ้นหวังอย่างถึงที่สุด

เฉินตงรู้สึกหดหู่ใจมากกว่าที่เคย เหมือนคนที่กำลังจะจมน้ำตาย กระทั่งจะไขว่คว้าหาจับฟางช่วยชีวิตสักเส้นรอบกายก็ยังไม่มีแม้เพียงครึ่งเส้น

ดาบที่ทรงพลังยิ่งใหญ่ขนาดผลักภูเขาพลิกทะเลได้เล่มนี้ มันชี้ตรงมาที่ลำคอของเขาแล้ว

และทั้งที่เป็นอย่างนั้น กลับไม่มีที่ไหนให้เขาหลบหลีกต่อต้าน ทำได้เพียงแค่ต้องยื่นคอเปล่า ๆ ไปรับดาบที่จ่อมา

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

เฉินตงที่สิ้นหวังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ดวงตาของเขาพลันสว่างวาบขึ้นมาทันใด

เป็นคุณพ่อนั่นเอง!

บางที…..อาจจะยังพอมีทางรอด!

เฉินตงรีบกดรับสาย

ที่ปลายสาย เสียงทื่อ ๆ ด้าน ๆ ราวแม่เหล็กของเฉินเต้าหลินแผ่วต่ำจมดิ่งอย่างมาก: “พ่อรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว แต่เฒ่าหนังเหนียวตายยากนั่นคอยปกป้องเฉินหยู่เฟยอยู่ พ่อไม่สามารถใช้พลังของตระกูลเฉิน ไปบังคับความคิดเห็นของสาธารณชนบนโลกโซเชียลได้ ลูกคิดว่าจะทำยังไงล่ะ? พ่อจะพยายามช่วยลูกอย่างสุดความสามารถเอง”

คำถามสุดท้ายนั่น ทำให้เฉินตงต้องหัวเราะออกมาเลยทีเดียว

มีเพียงรอยยิ้มที่ขมขื่นปรากฏบนใบหน้าเขาซ้ำ ๆ ไปมาไม่รู้จบ

แม้แต่คุณพ่อก็ยังต้องถามเลยว่า ฉันพอจะมีหนทางอะไรบ้างไหม ? เห็นได้ชัดว่า สถานการณ์ตอนนี้ มันเกินจะควบคุมได้แล้วจริงๆ

หากเป็นเวลาปกติ ความคิดเห็นในโลกโซเชียลทำนองนี้ ไม่ใช่อะไรนอกจากพายุลูกเล็ก ๆ ที่หมุนวนอยู่ตรงหน้าพวกตระกูลระดับมหาเศรษฐีก็เท่านั้น

ในตอนที่ความคิดเห็นของสาธารณชนเพิ่งจะปรากฏบนโซเชียล ขอแค่ตระกูลเฉินใช้กำลังอำนาจที่มีในมือทำการเคลื่อนไหว ความคิดเห็นของสาธารณชนในโซเชียลทั้งหมด ก็อาจหายไปได้อย่างง่ายดาย เรียกว่าสามารถปิดได้อย่างมิดชิดไม่มีเหลือ

แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว

ความคิดเห็นของประชาชนรุนแรงดุเดือดมาก นี่เพิ่งผ่านไปนานเท่าไหร่เอง ? ทั่วทั้งโลกโซเชียลต่างก็พากันรุมประณามเขาแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินที่คอยช่วยเหลือ ทั้งยังช่วยสนับสนุนเฉินหยู่เฟยอยู่เบื้องหลังให้อีก เมื่อถูกยับยั้งหน่วงเหนี่ยวแบบนี้ จึงเห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้พลังของตระกูลเฉิน ไปขจัดความคิดเห็นของสาธารณชนได้

ตอนนี้คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินกับเฉินหยู่เฟย คงกำลังหัวเราะร่าอย่างมีชัยอยู่หน้าโทรศัพท์มือถือของตัวเองแล้วล่ะมั้ง?

เฉินตงคิดในใจ

แต่แล้ว เสียงแผ่วต่ำของเฉินเต้าหลินก็กลับดังขึ้นที่ข้างหูของเขาอีกครั้ง: “ตงเอ๋อ ขอโทษด้วยนะลูก มันเป็นเพราะไร้ความสามารถของพ่อแท้ ๆ”

“พ่อครับ ไม่เป็นไรหรอก ขอผมลองคิดดูอีกสักหน่อย ฟ้าย่อมมีทางออกให้คนเราเสมอ ต้องมีวิธีแก้ไขสักวิธีแน่ครับ” เฉินตงพูดปลอบใจ

เพื่อเขาแล้วเฉินเต้าหลินกล้าจนถึงขั้นที่ว่า พร้อมจะส่งคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินไปตายได้ด้วยซ้ำ

หากมีวิธีจริง ๆ เฉินเต้าหลินคงจะลงมือทำไปตั้งนานแล้ว

กระแสคอมเม้นท์ที่ถาโถมเข้ามาอย่างล้นหลามนี้ เฉินเต้าหลินไม่มีทางหยุดยั้งมันได้ เฉินตงไม่ถือสาเรื่องนี้แม้แต่น้อย

“พวกเรามาพยายามด้วยกันเถอะ พ่อเองก็จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยลูกให้ได้”

เสียงของเฉินเต้าหลินสูงขึ้นเล็กน้อย: “มีพ่ออยู่ ใครมันก็ทำลายลูกไม่ได้!”

หลังจากวางสาย

ดวงตาของเฉินตงสั่นไหว บางครั้งก็สว่างเป็นประกาย บางครั้งก็สลัวมัวหม่นไร้แสง

แม้ว่าพวกท่านหลงจะไม่รู้เนื้อหาของบทสนทนาระหว่างเฉินตงกับเฉินเต้าหลิน แต่จากท่าทางการแสดงออกของเฉินตงแล้ว พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าผลลัพธ์ที่ได้นั้นต้องไม่ค่อยดีแน่

“คุณชายครับ”

ท่านหลงเรียกเบา ๆ

“ไม่เป็นไรหรอก มันต้องมีวิธีแน่ ดูกันไปทีละก้าว ๆ เถอะ ยังไงซะคิดให้มาก ๆ หน่อย มันคงจะมีทางออกสักทางแหละ”

เฉินตงยืดเอวบิดขี้เกียจ แสร้งทำเป็นผ่อนคลาย ตบ ๆ ที่ท้องแล้วพูดว่า “ว่าก็ว่าเถอะ ที่บ้านมีอะไรกินบ้าง ? ฉันยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย ตอนนี้หิวจนปวดกระเพาะไปหมดแล้ว”

“เดี๋ยวฉันไปทำอาหารเช้าให้พี่ตงแล้วกันนะ” เฉินเสี่ยวเชียนลุกขึ้น แล้วเดินตรงไปที่ห้องครัว

“ขอบคุณนะเสี่ยวเชียน”

เฉินตงพูดด้วยรอยยิ้ม แล้วยักไหล่ให้พวกท่านหลง “ ทุกคนอย่าขมวดคิ้วนิ่วหน้ากันสิ เรื่องนี้ยังไม่ถึงขั้นที่ฉันจะต้องตายลงเดี๋ยวนี้ซะเมื่อไหร่ คุณหญิงใหญ่เฉินกับตระกูลฉินร่วมมือกันลอบฆ่าฉัน ถึงขั้นที่เคยผลักฉันไปอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังอย่างเข้าคุกเข้าตารางมาแล้วด้วยซ้ำ แต่ฉันก็ยังกลับมาได้แบบครบสามสิบสองเลยไม่ใช่รึไง?”

รอยยิ้มที่แกล้งทำเป็นผ่อนคลายสบายใจนั้น ทุกคนต่างก็มองออกทั้งหมด

แต่ตอนนี้ เฉินตงไม่มัวมาสนใจแล้วว่า การแสดงของเขาจะยอดเยี่ยมหรือไม่

เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยยอมแพ้อะไรง่าย ๆ ทั้งยิ่งไม่มีนิสัยนั่งรอความตายอยู่ในพจนานุกรมด้วย

คนเราเมื่อยังไม่ถึงที่ตาย จะอย่างไรก็ต้องหาทางรอดได้เสมอ

ก็เหมือนกับตอนที่อยู่ในคุกนั่นปะไร

ยิ่งไปกว่านั้น เขาคือคนที่อยู่ในใจกลางของวังวน ทุกคนรอบตัวเขาต่างก็เป็นห่วงเขา ทั้งยังช่วยคิดหาทางให้เขาอีก

ถ้าเขาที่เป็นคู่กรณีเกิดยอมแพ้ เตรียมตัวยืดคอรอการประหารชีวิตง่าย ๆ แล้วล่ะก็ หลังจากนี้ไปคนรอบตัวเขาจะเป็นยังไงล่ะ?

“พูดก็พูดเหอะ…สรุปแล้ว คุณกับผู้หญิงคนนั้น ได้ทำอะไรกันจริง ๆ รึเปล่า?”

จู่ ๆ ฉินเย่ก็เลิกคิ้วขึ้นสูง ถามด้วยดวงตาที่ลุกเป็นประกาย: “ ถ้าเกิดคุณทำจริง ๆ นะ คุณก็ไม่เสียเปรียบหรอก เฉินหยู่เฟยเป็นถึงซูเปอร์สตาร์เชียวนะ ด้วยรูปร่างหน้าตาระดับนั้นของเธอ ต่อให้ต้องตายภายใต้ต้นดอกโบตั๋น เป็นผีก็คุ้มค่าอยู่นา”

“ไสหัวไปให้พ้น!”

จู่ ๆ เฉินตงก็ยิ้มไม่ออกซะแล้ว ทำได้แค่จ้องฉินเย่ด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว

ฉินเย่แบมือออก พลางพูดว่า “ผมไม่ได้คิดเหมือนอย่างที่คุณคิดหรอกเรอะ? ทำให้ทุกคนผ่อนคลายสักหน่อย บรรยากาศมันจะได้มีชีวิตชีวาขึ้นไง”

“เฮ้อ……”

เฉินตงถอนหายใจเฮือก เหลือบมองขึ้นไปชั้นบนด้วยความรู้สึกผิด

ในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงวันเดียว

คอมเม้นท์ของประชาชน ได้พัฒนาไปจนถึงจุดที่ทุกคนต้องหวาดกลัวสิ้นหวังกันแล้ว

เครือข่ายบนโซเชียลทั้งหมดถูกโจมตีรอบด้าน ผู้คนก่นด่าสาปแช่งจนมืดฟ้ามัวดิน

เหมือนกับกระแสน้ำอันเชี่ยวกราก ฟ้าถล่มภูเขาทลาย พื้นธรณีแยกแตกเป็นผงธุลี พัดทำลายต้นไม้แห้งและท่อนซุงจนพังพินาศสิ้น

กองทัพนักล่าแม่มด ต่างพากันขุดรายละเอียดของเฉินตงออกมาแบบทุกซอกทุกมุม นอกจากข้อมูลเรื่องผู้สืบทอดตระกูลเฉินแล้ว ข้อมูลที่เหลือทั้งหมด ต่างก็ถูกขุดออกมาโชว์หราบนโลกอินเทอร์เน็ต

ประวัติชีวิตอันสุดบรรเจิด ชีวิตแต่งงานอันชวนโศกาน่ารันทด ล้วนถูกเปลี่ยนเสริมเติมแต่งขึ้นมาอย่างกะทันหัน

ถึงขั้นขุดเรื่องชีวิตแต่งงานอันไร้สุขตลอดสามปีของเฉินตงกับหวางหนันหนันไม่พอ แม้แต่รายละเอียดบางอย่าง รวมไปถึงการแต่งงานของคนตระกูลหวางกับ หวางเห้าก็ยังถูกขุดออกมาประจานไปด้วย

นี่เองจึงทำให้เฉินตงกลายเป็น ” เดรัจฉานสวมเสื้อผ้า ” ตามขี้ปากของผู้คนที่พากันก่นด่าว่าร้ายเขาไปโดยปริยาย

ต่างคนต่างก็ร่วมกันคอมเม้นท์ ความโกรธแค้นของผู้คนก็ยิ่งโหมกระหน่ำจนมืดฟ้ามัวดิน

ไม่มีใครสนใจแล้วว่า ข้อมูลข่าวที่เห็นนั้นมันเป็นความจริงหรือเท็จ ภายใต้การนำของผู้คนที่แสดงความห่วงใยใส่ใจหญิงสาวอ่อนแอ คนส่วนใหญ่จึงเต็มไปด้วยความโกรธแค้นขุ่นเคือง ต่างก็กระหายอยากเรียกร้องความเป็นธรรมตาม ๆ กันไปจนหน้ามืด

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

คอมเม้นท์ในโลกโซเชียล ก็ยังคงพุ่งทะยานอย่างบ้าคลั่งไม่หยุด

ในเช้าวันที่สอง แฟนๆ ที่เทิดทูนบูชาเฉินหยู่เฟย ได้มารวมตัวกันปิดกั้นที่หน้าประตูทางเข้าของบริษัทไท่ติ่ง แล้วอาละวาดขว้างปาข้าวของอย่างบ้าคลั่ง

บรรดาบริษัทใหญ่ ๆ ที่อยู่ในมือของเฉินตง ต่างก็พลอยติดร่างแห ตกอยู่ในอันตรายไปด้วย

บริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงต้องหยุดกิจการไปอีกครั้ง ถึงกับทำให้โจวจุนหลงต้องทุบหน้าอกตัวเองระบายอาการจุกอกเลยทีเดียว

บริษัทเอนเตอร์เทนของฉู่เจียนเจีย ต้องหยุดการทำงานหมดทุกด้าน เพราะข่าวใหญ่ที่เกิดในวงการบันเทิง ย่อมทำให้คนที่อยู่ในวงในของธุรกิจบันเทิงอย่างฉู่เจียนเจีย ได้รับผลกระทบอย่างมหาศาลไปด้วย

บริษัทการเงินของฉินเย่กับฉินเสี่ยวเชียน แทบจะไม่สามารถดำเนินการใด ๆ ได้เลย ทำได้แค่ฝืนดำเนินการต่อไปอย่างทุลักทุเล แต่ข่าวที่ฉินเสี่ยวเชียนรายงานกลับไปให้เฉินตงนั้น กลับเป็นเรื่องที่ชวนทำให้ปวดหัวยิ่งกว่า เพราะเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัท ได้พบตัวบุคคลน่าสงสัย ซึ่งมีสถานะความเป็นมาไม่ชัดเจนจำนวนหนึ่ง มาเดินเข้าเดินออกภายในบริษัท

และสิ่งที่ยิ่งทำให้เฉินตงแทบเป็นบ้าไปจริง ๆ ก็คือ

พ่อแม่ของกู้ชิงหยิ่ง ได้รู้ถึงความคิดเห็นของผู้คนที่พากันรุมวิจารณ์หมดแล้ว

พลบค่ำของวันที่สอง กู้โก๋ฮั๋วก็โทรทางไกลมาถามด้วยความเคร่งเครียดสุดขีด ถ้าไม่ใช่เพราะกู้ชิงหยิ่งออกมายืนขวางหน้า ช่วยหักล้างแก้ต่างพ่อของตัวเองให้เขาแล้วล่ะก็ เฉินตงก็คงจะพังทลายจนสติแตกไม่เหลือชิ้นดีไปแล้ว

วันที่สาม

คอมเม้นท์ของผู้คนที่ถาโถมเข้ามาราวกับฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย กลายเป็นเหตุการณ์ที่เหนือจินตนาการของทุกคนไปอย่างไม่น่าเชื่อ

ฐานแฟนคลับขนาดใหญ่ของเฉินหยู่เฟย ในเวลานี้ต่างก็พากันระเบิดพลังการต่อสู้ที่บ้าคลั่ง ทั้งยังน่าสะพรึงกลัวออกมาแบบไม่ยั้ง

แม้แต่บรรดาคนที่ร่ำรวย พวกยักษ์ใหญ่ที่มีอำนาจในมือ ก็เริ่มประณามเฉินตงกันแล้ว รวมถึงคนดังและมีชื่อเสียงจากทุกสาขาอาชีพ ก็มีแนวโน้มที่จะเข้าร่วมการประณามครั้งนี้ด้วย

ตั้งแต่ต้นจนจบ เฉินหยู่เฟยไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ เลยทั้งสิ้น

แต่การอยู่เงียบ ๆ ไม่ตอบอะไรเลยนี่แหละ กลับกลายเป็นคำตอบที่ดีที่สุดแทน

ไม่ว่าใครก็ตาม หากต้องเผชิญหน้ากับเรื่องที่น่ากลัวขนาดนี้ ก็คงไม่มีแก่ใจคิดจะออกมาตอบคำถามอะไรทั้งนั้นนั่นแหละมั้ง?

นี่คือการเดาของทุกคนอย่างไม่ต้องสงสัย

แม้ว่าเฉินตงในช่วงสามวันนี้ จะยังอยู่บ้านอย่างสงบนิ่ง ปลอดภัยเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ

แต่ในสายตาของทุกคน เฉินตงกำลังใช้เส้นสายภายในของเขา เพื่อดำเนินการบางอย่างแบบลับ ๆ เพื่อจัดการกับเรื่องนี้

ในช่วงเวลาสามวัน

เฉินตงแทบไม่ได้นอนหลับเลย เขาเฝ้าดูคอมเม้นท์ของผู้คนบนอินเทอร์เน็ต ฟังการรายงานเหตุการณ์ที่เกิดการขว้างปาทำลายที่หน้าบริษัท เขาใกล้จะถึงขีดจำกัดของคนสติแตกเข้าไปทุกที ๆ แล้ว

สิ้นหวัง ไร้กำลัง เป็นสองคำที่สามารถอธิบายอารมณ์ของเขาในตอนนี้ได้ดีที่สุด

“คุณชายครับ นี่ก็ดึกมากแล้ว ไปพักผ่อนเถอะครับ” ท่านหลงเดินไปที่ระเบียง แล้วมองเฉินตงด้วยความเป็นห่วง

“ฉันไม่ง่วงน่ะ”

เฉินตงส่ายหน้า: “พวกฉินเย่อยู่ที่ไหนกันล่ะ? ช่วงสองสามวันมานี้ จู่ ๆ บ้านก็เงียบขึ้นผิดหูผิดตาเลยนะ”

“กูหลังไปเฝ้าที่บริษัทไท่ติ่งครับ คุนหลุนกับฉินเสี่ยวเชียนไปซีสู่เพื่อจะดูว่าพวกเขาพอจะสามารถระดมพลังของตระกูลฉินมาได้ช่วยหรือไม่ ฉินเย่ไปหาตระกูลจางกับตระกูลฉู่ที่เมืองหลวงแล้วครับ เพราะจะยังไง พวกเขาทั้งสองตระกูลต่างก็เป็นยักษ์ใหญ่ในวงการบันเทิง ธุรกิจในมือพวกเขามีอำนาจมากพอในเรื่องแบบนี้”

ท่านหลงพูดอธิบายไปทีละคน ๆ : “คุณชายวางใจเถอะครับ ทุกคนต่างก็พยายามกันเต็มที่ มันจะต้องมีความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอนครับ”

“มีทางจริง ๆ เหรอ?” เฉินตงยิ้มบาง

“คุณท่านเองก็คงกำลังคิดหาวิธีช่วยคุณอยู่นะครับ”

ท่านหลงขมวดคิ้วมุ่น สีหน้าจริงจัง กำลังจะอ้าปากพูดโน้มน้าวต่ออีกสักประโยค แต่แล้วการปรากฏตัวของเงาร่างงดงามจากอีกด้าน ก็เกิดขัดจังหวะเขาขึ้นมาเสียก่อน

นี่เป็นครั้งแรกในรอบสามวัน ที่กู้ชิงหยิ่งยอมออกมาจากห้องนอน

แม้ว่าก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นอาหารทั้งสามมื้อ ก็ล้วนเป็นฟ่านลู่ที่เป็นคนยกข้าไปให้ ราวกับว่าเธอได้ปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์

ภายใต้สายลมยามค่ำคืน กู้ชิงหยิ่งที่สวมชุดนอนทั้งตัว ปล่อยผมยาวดำขลับปลิวสยาย ใบหน้าอันงดงามของเธอดูขาวซีดเล็กน้อย แสดงถึงความอ่อนล้าอิดโรย

เธอมองไปที่เฉินตง ดวงตาที่แดงเรื่อของเธอเผยแววที่สื่อว่า รู้สึกทนใจแข็งไม่ได้ออกมาให้เห็นเล็กน้อย

เธอแย้มยิ้มเศร้า ๆ พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า

“ที่รัก ไม่ได้นอนมาสามวันแล้วนะคะ ไปพักผ่อนสักหน่อยเถอะ จากนี้ฉันจะช่วยคุณคิดหาหนทางเองนะ”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset