Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 292 การโต้กลับของเฉินตง

ไม่ต้องการคำอธิบาย ก็เลือกที่จะเชื่อใจ

ถึงขั้นออกรับการถูกชี้นิ้วประณามและคำต่อว่าด่าทอต่างๆ แทนเขา

ทุกอย่างที่กู้ชิงหยิ่งทำ ทำให้เฉินตงรู้สึกอบอุ่น และขณะเดียวกันกับที่เขากำลังรู้สึกซาบซึ้งใจ ประกอบกับรู้สึกผิดอยู่นั้น ก็เป็นช่วงเวลาที่ปัดเป่าเมฆหมอกทั้งหมดก่อนหน้าให้สลายหายไป และแปรเปลี่ยนเป็นความตั้งใจแน่วแน่เข้ามาแทนที่

ความรู้สึกที่อ่อนโยนนับพันนับหมื่น ก็ไม่อาจเทียบกับการมีเธออยู่ได้

ตอนนี้เฉินตงเข้าใจอย่างลึกซึ้งเป็นอย่างยิ่ง

“คนโง่ ไปทำสิ่งที่คุณสมควรจะทำเถอะ”

กู้ชิงหยิ่งพูดเบาๆ แล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย

หลังกลับออกมาจากห้องของกู้ชิงหยิ่ง

เฉินตงก็เอาแต่เลื่อนเว่ยป๋อดูไม่หยุด ความรู้สึกโกรธแค้นในใจของเขายิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ

เป็นไปอย่างที่เขาคาดคิดเอาไว้จริงๆ

การสนับสนุนของกู้ชิงหยิ่งกลายเป็นรายการค้นหายอดนิยมที่พุ่งขึ้นสู่อันดับต้นๆ ด้วยความเร็วที่น่ากลัว และสามารถดึงดูดพลังมหาศาลในโลกอินเทอร์เน็ตได้ในทันที

คำพูดต่อว่าด่าทอหลั่งไหลเข้ามาราวกับสายน้ำ

บางความคิดเห็นที่แสดงออกถึงความรู้สึกซาบซึ้ง ก็ถูกต่อว่าด่าทอจนต้องรีบลบความคิดเห็นไปทันที

ภายในเวลาเพียงเสี้ยววินาที มีความคิดเห็นปรากฏขึ้นมาใหม่กว่าสิบข้อความ !

ตอนนี้ทุกความคิดเห็นของประชาชนพุ่งเป้าไปที่เฉินตงอย่างชัดเจน ตลอดสามวันที่ผ่านมาเฉินตงไม่เคยตอบกลับ ยิ่งเป็นการยืนยันถึงเนื้อหาในข่าวที่เกิดขึ้นว่าเป็นความจริง

อีกทั้งการสนับสนุนของกู้ชิงหยิ่งในตอนนี้ ไม่เพียงแต่ไม่ได้รับความเข้าใจเท่านั้น แต่ยิ่งกลับเป็นการดึงดูดให้เกิดคลื่นระลอกใหม่ขึ้น

เนื่องด้วยการชี้นำของเหล่าแฟนคลับผู้คลั่งไคล้ที่สนับสนุนเฉินหยู่เฟย เหตุการณ์ในครั้งนี้จึงกลายเป็นเหมือน “งานรื่นเริง” มีน้อยคนนักที่คิดจะสืบหาต้นตอของเรื่องจริงๆ

ความรุนแรงบนโลกอินเทอร์เน็ตก็เป็นเช่นนี้เอง

ยิ่งไปกว่านั้น เนื้อหาข่าวที่นำเสนอออกมาทุกตัวอักษร ล้วนแล้วแต่มีพลังมหาศาลจนไม่อาจหาคำพูดมาหักล้างได้

สิ่งนี้ยิ่งทำให้ชาวเน็ตไม่คิดที่จะสืบหาต้นตอของเรื่องที่เกิดขึ้น

ในสายตาของพวกเขา การสนับสนุนของกู้ชิงหยิ่ง ถือเป็นการออกมาปกป้องคนใกล้ตัว โดยใช้วิธีการที่โจ่งแจ้งและไร้ยางอายในการปกป้องเฉินตง

“เสี่ยวหยิ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณต้องแบกรับเอาไว้ ผมจะคืนมันกลับไปให้เฉินหยู่เฟยทั้งหมด”

แววตาของเฉินตงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขาออกจากเว่ยป๋อ แล้วต่อสายโทรศัพท์ไปหาฉินเย่ : “เกิดเรื่องแล้ว ถึงตาที่พวกนายต้องออกโรงแล้ว !”

หลังจากวางสายโทรศัพท์

เฉินตงนั่งลงที่โต๊ะทำงานด้วยท่าทีเคร่งขรึม

ภายในระยะเวลาสามวัน บริษัทใหญ่ที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขาทั้งหมดต่างได้รับผลกระทบไม่น้อย

ประตูใหญ่ของไท่ติ่งถูกคนทุบทำลาย

ตัวเขาเองก็ไม่ได้เข้าไปนั่งในบริษัท งานต่างๆ ล้วนแล้วแต่ทำจากที่บ้าน โดยใช้วิธีสั่งการผ่านเสี่ยวหม่าและกูหลังจากทางไกล

ภายใต้บรรยากาศที่เงียบสงัด

มือทั้งสองข้างของเฉินตงกำหมัดเอาไว้แน่น จนเส้นเลือดปูดโปนขึ้นมาและมีเสียงกระดูกดังกรอบแกรบ

ทันใดนั้นเอง เขาก็แสยะยิ้มมุมปาก เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ชั่วร้ายจนทำให้ต้องรู้สึกใจสั่น

ในเวลาเดียวกันนี้

ที่โรงแรมซ่างเต่าในเมืองหลวง

ซึ่งถือเป็นโรงแรมห้าดาวที่หาได้ยาก ถึงแม้จะตั้งอยู่ในเขตเมืองหลวงโบราณ แต่ก็ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง

แขกทุกคนที่ต้องการเข้าพัก จะต้องผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติอย่างเข้มงวด

ภายในห้องชุดเพรสซิเดนเชียล สวีท

เฉินหยู่เฟยซึ่งอยู่ในเสื้อคลุมนอน กำลังเอนกายอยู่บนโซฟาริมหน้าต่าง พร้อมทั้งแกว่งแก้วไวน์ที่ถืออยู่ในมือ เธอมองเห็นทิวทัศน์ทั้งหมดของเมืองหลวง ผ่านกระจกบานใหญ่ที่สูงจากพื้นจรดเพดาน

เธอล้ำค่า เธอสง่างาม และเธอไร้ซึ่งมลทิน

นี่คือสิ่งที่โลกภายนอกตัดสินเธอ

แต่ทว่าตอนนี้ ขณะที่เธอกำลังแสดงอารมณ์และท่าทางเหล่านี้ออกมา ในเวลาเดียวกัน เฉินหยู่เฟยเองกลับมีท่าทีที่ดูไม่เป็นมิตรกับคนแปลกหน้ามากนัก

ท่อนขาเรียวยาวและขาวนวลเนียนของเธอค่อยๆ งอขึ้นเล็กน้อย ชายของเสื้อคลุมนอนเลื่อนขึ้น เผยให้เห็นน่องที่นวลเนียนดุจหยกของเธอ

คืนนั้นเมื่อสามวันก่อน หลังออกจากโรงแรมไท่ซาน เธอก็มุ่งหน้ากลับมายังเมืองหลวงภายในเวลาชั่วข้ามคืน แล้วเข้าพักที่โรงแรมซ่างเต่า

ภายในระยะเวลาสามวัน เธอพักอยู่ในโรงแรมตลอดเวลาโดยไม่ออกไปไหนเลยแม้เพียงก้าวเดียว

เป็นเพราะเธอรู้ดีว่า โลกภายนอกตอนนี้เกิดความโกลาหลขึ้นแล้ว

จึงไม่เหมาะที่เธอจะปรากฏตัว หากเธอปรากฏตัวขึ้น จะยิ่งเป็นการดึงดูดความสนใจของทุกคน

แน่นอนว่า โดยส่วนมากจะต้องซักถามเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเฉินตงแน่นอน

ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ การตอบของเธอในแต่ละครั้ง อาจเป็นการสร้างโอกาสรอดให้กับพวกของเฉินตง

การหลบซ่อนตัวและไม่มีการตอบสนองใดๆ ถือเป็นวิธีการตอบที่ดีที่สุด

“เฉินตงเอ๋ย เฉินตง แม้กระทั่งชื่อเสียงของตัวเองฉันก็ไม่สนใจแล้ว แล้วแกจะเอาอะไรมาสู้กับฉันได้ ?”

เฉินหยู่เฟยรู้ข้อได้เปรียบของตนเองเป็นอย่างดี เธอสู่วงการบันเทิงก็ด้วยเห็นถึงข้อได้เปรียบข้อนี้ ใบหน้าที่งดงามของเธอ ค่อยๆ เผยรอยยิ้มที่เย็นชาออกมา : “ทุกคนต่างคิดว่าฉันแค่อยากเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงของวงการบันเทิง แต่กลับไม่รู้เลยว่า นี่คือพื้นฐานที่มั่นคงของฉัน และเป็นดาบอันแหลมคมที่ฉันถืออยู่ในมือ !”

“ชื่อเสียงเล็กๆ เมื่อเทียบกับเจ้าบ้านตระกูลเฉินแล้ว ช่างเทียบกันไม่ติดเลย ! สามวันมานี้ เกรงว่าแกคงจะอับอายมากล่ะสิ ? กระแสสังคมระลอกใหญ่ขนาดนี้ รวมไปถึงการถูกชี้นิ้วประณาม คงเพียงพอที่จะทำให้แกตกลงไปในนรกได้ !”

การที่เฉินหยู่เฟยไม่ออกจากโรงแรม ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่สนใจติดตามความคิดเห็นต่างๆ

ในความเป็นจริงแล้ว ตลอดระยะเวลาสามวัน สิ่งเดียวที่พอจะเป็นความสุขสำหรับเธอก็คือ การท่องโลกอินเทอร์เน็ตเพื่อชื่นชมความคิดเห็นที่น่ากลัวของผู้คน ซึ่งเป็นผลมาจากน้ำมือของเธอ

สิ่งที่สะสมมาตลอดระยะเวลาสามวัน ทำให้กระแสสังคมในครั้งนี้ ก่อตัวจนถึงจุดที่ไม่มีใครสามารถหยุดยั้งได้แล้ว !

เฉินหยู่เฟยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยความเคยชิน นิ้วที่เรียวยาวและนวลเนียนของเธอกดเปิดเว่ยป๋อ

แต่ทว่า หลังจากที่เห็นการค้นหายอดนิยมอันดับหนึ่งมีการเปลี่ยนแปลง ดวงตาคู่งามของเธอก็เผยถึงความตกใจออกมาทันที เกิดความเย็นชาปรากฏขึ้นในแววตาของเธอ

“บัดซบ ! นังกู้ชิงหยิ่งมันบ้าไปแล้วหรือยังไง ? เธอคิดอะไรของเธออยู่กันแน่ ? เฉินตงสวมเขาให้เธอ แต่เธอยังออกมาสนับสนุนเฉินตง ?”

เมื่อกดเข้าไปดูในการค้นหายอดนิยม เฉินหยู่เฟยยิ่งดู ในใจก็ยิ่งรู้สึกโมโห

ความหนาวเหน็บแผ่ซ่านออกมาจากทั่วทั้งตัวของเธอ หางตาของเธอกระตุกเล็กน้อย

พักใหญ่

จู่ๆ เฉินหยู่เฟยก็หัวเราะ “ก๊าก” ออกมา : “นังผู้หญิงหน้าโง่ แกออกรับแทนเฉินตงเช่นนี้ ก็ทำได้แค่ช่วยถ่วงเวลาตายให้กับเขาได้เท่านั้น คิดจริงๆ หรือว่าการสนับสนุนโง่ๆ เช่นนี้ จะสามารถช่วยเหลือเขาได้จริงๆ ?”

เธอดื่มไวน์ที่อยู่ในแก้วจนหมดในคราวเดียว

ท่าทางของเฉินหยู่เฟยดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย

เธอลองกดรีเฟรชเว่ยป๋อใหม่อีกครั้ง แล้วหันไปรินไวน์เพิ่มอีกหนึ่งแก้ว

ในสายตาของเธอ การสนับสนุนของกู้ชิงหยิ่งถือเป็นเรื่องที่โง่เขลาและไร้สาระ แต่กลับยิ่งทำให้ละครเรื่องนี้ดูน่าสนุกขึ้น และนั่นทำให้เธอสมควรที่จะดื่มอีกหนึ่งแก้ว

แต่ทว่า

ในระหว่างที่เฉินหยู่เฟยหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอีกครั้ง

ตัวของเธอก็สั่นอย่างกะทันหันราวกับถูกไฟฟ้าช็อต

แก้วไวน์ที่ถืออยู่หลุดจากมือ และส่งเสียงแตกกระจายอยู่บนพรมเปอร์เซียอันล้ำค่า

ไวน์สีแดงสดเจิ่งนองไปทั่วพื้น

แต่ทว่าใบหน้าของเฉินหยู่เฟยในตอนนี้เต็มไปด้วยความตกใจ แววตาของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ไปได้ ? นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่ ? ใครเป็นคนทำเช่นนี้ ?”

คำถามมากมายผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ถึงขนาดทำให้คนที่มีฐานะและได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดีเช่นเธอ ก็ยังอดที่จะสบถออกมาไม่ได้

ขณะที่เธอกดรีเฟรชเว่ยป๋อใหม่อีกครั้ง หัวข้อที่สะดุดตาอย่างยิ่งก็ปรากฏขึ้นมาตรงการค้นหายอดนิยมในตอนนี้ !

【ช็อก!เฉินหยู่เฟยต้องการเลื่อนขั้น จึงใช้วิธีสกปรก !】

หัวข้อที่ฟังดูเรียบง่ายและหยาบคาย แต่กลับทรงพลังราวกับระเบิดนิวเคลียร์

ใบหน้าอันงดงามของเฉินหยู่เฟยแดงก่ำด้วยความโมโห ตัวของเธอสั่นเทา

เธอแน่ใจว่านี่ เป็นหัวข้อที่เพิ่งปรากฏขึ้น !

ทันใดนั้นเอง

ปลายนิ้วของเฉินหยู่เฟยสั่นเล็กน้อยด้วยความโมโห แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจ และรีบกดรีเฟรชใหม่อีกครั้ง

ดวงตากลมโตคู่งามของเฉินหยู่เฟยในตอนนี้เต็มไปด้วยความดุร้าย ดูราวกับอยากจะกินคน

หัวข้อเมื่อครู่ จากการกดรีเฟรชในครั้งนี้ ได้พุ่งทะยานขึ้นมาถึงสิบอันดับ !

“บัดซบ ! นี่มันจงใจแกล้งฉัน นี่มันเป็นการใส่ร้ายป้ายสีกันชัดๆ !”

เฉินหยู่เฟยกัดฟันแล้วก่นด่า จากนั้นจึงกดเข้าไปดูในหัวข้อ

ทั้งข้อความและรูปภาพ ปรากฏขึ้นมาให้เห็นในทันที

เฉินหยู่เฟยรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่าอย่างรุนแรงตอนกลางวันแสกๆ

ทุกๆ ตัวอักษรในเนื้อหาราวกับมีด ถูกเขียนเอาไว้อย่างแจ่มแจ้งชัดเจน จนถึงขั้นเรียกได้ว่าไร้ยางอาย

ส่วนรูปภาพนั้นถูกถ่ายไว้ในตอนกลางคืน แต่ละภาพล้วนแล้วแต่เป็นเงาเบลอๆ ไม่ชัดเจน มีเพียงภาพที่มองจากด้านข้างใบเดียวเท่านั้นที่ดูจะชัดเจนที่สุด

แต่เฉินหยู่เฟยรู้ดีว่า นี่คือการใส่ร้ายป้ายสี !

เธอมีตระกูลเฉินคอยหนุนหลังอยู่ เป็นไข่มุกเม็ดงามที่อยู่ในมือของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน การเลื่อนขั้นในวงการบันเทิงภายในระยะเวลาหนึ่งปีของเธอ แทบจะไม่ต้องคอยเอาใจใครเลย !

“กรี๊ด !”

เฉินหยู่เฟยดูราวกับคนเสียสติ เธอกวาดขวดไวน์แดงและแก้วไวน์ที่อยู่บนโต๊ะเล็กๆ ข้างเธอหล่นลงไปบนพื้น

ดวงตาคู่งามของเธอดูโกรธเกรี้ยวราวกับสัตว์ร้าย เธอกัดฟันแล้วพูดว่า : “เฉินตง นี่แกคิดที่จะสาดน้ำสกปรกมาใส่ฉันเพื่อใส่ร้ายฉัน คิดที่จะดึงฉันให้พังพินาศไปพร้อมกับแกด้วยใช่ไหม ?”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset