Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 295 ชนะแล้ว!

เฉินหยู่เฟยน้ำตาไหลริน เธอกัดริมฝีปากสีแดงระเรื่อของเธอ

ความไม่เต็มใจและความคับข้องใจที่รุนแรง ถาโถมเข้ามาราวกับคลื่นลูกใหญ่

เธอไม่ลังเลที่จะใช้ชื่อเสียงของเธอเป็นเครื่องเดิมพัน เพื่อต้องการที่จะโค่นเฉินตงลงให้ได้ในคราวเดียว

จุดประสงค์ก็คือต้องการแก้แค้นแทนคุณย่า และทวงคืนความยุติธรรมให้แก่ตระกูลเฉิน

แน่นอนว่า ความสำเร็จอันยอดเยี่ยมในครั้งนี้ จะเป็นเครื่องต่อรองอย่างดีในการต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งเจ้าบ้านของเธอ

แต่เธอกลับคิดไม่ถึงเลยว่า คุณย่าซึ่งรักและเอ็นดูเธอมาโดยตลอด จะพูดคำพูดเช่นนี้ออกมาได้

อาชีพนักแสดงชื่อดังของเธอ พื้นฐานที่เธอรู้สึกภาคภูมิใจในวงการบันเทิง กลับไม่มีค่าในสายตาของคุณย่าเลยแม้แต่น้อย กลับถูกมองเป็นเพียงแค่อาชีพที่ต้อยต่ำเท่านั้น !

และยิ่งไปกว่านั้น เธอคิดไม่ถึงเลยว่า ภายใต้กระแสสังคมที่โจมตีเข้ามาเช่นนี้ เฉินตงยังจะสามารถพลิกสถานการณ์ และกลับมาถือไพ่เหนือกว่าได้

การค้นหาที่เป็นรอยมลทิน เป็นการตั้งใจสาดน้ำสกปรกใส่เธอ แต่เรื่องที่เกี่ยวพันถึงตระกูลเฉิน จะว่าไปมันก็เป็นเรื่องจริง

ทั้งเรื่องที่แต่งขึ้นและเรื่องจริง ประเดประดังเข้ามาที่เธอพร้อมกัน จนยากที่จะต้านทานได้

หน้าตาของตระกูลเฉินยิ่งใหญ่กว่าท้องฟ้า ในเมื่อคุณย่าเป็นคนออกมาห้ามปรามด้วยตนเอง นั่นหมายถึงว่าเธอพ่ายแพ้อย่างราบคาบแล้ว !

“คุณย่าคะ……หนูไม่เต็มใจเลยจริง”

น้ำเสียงสั่นเครือและมีเสียงสะอึกสะอื้น

น้ำเสียงของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินในสาย ยิ่งฟังดูเย็นชาขึ้นกว่าเก่า

“เธอไม่เต็มใจ ถ้าอย่างนั้นก็ไปทำสิ แต่ถ้าหากยังคงดื้อดึงจนทำให้หน้าตาของตระกูลเฉินต้องเสียหายแล้วล่ะก็ อย่าหาว่าย่าใจร้ายก็แล้วกัน ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่อาชีพนักแสดงเลย แม้แต่ตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกตระกูลเฉินของเธอ ย่าเองก็คงจะต้องยึดคืนกลับมาเช่นกัน !”

“คุณย่า เรื่องนี้เฉินตงเป็นคนทำ เขาเป็นคนทำให้เรื่องเกี่ยวพันไปถึงตระกูลเฉิน แล้วทำไมจะต้องมาเอาผิดกับหนูแบบนี้ด้วย ?”

เฉินหยู่เฟยน้ำตาไหลริน เนื้อตัวสั่นเทา และเธอยังคงไม่ยอมแพ้ : “คุณย่าสนใจหน้าตาของตระกูลเฉินขนาดนี้ แล้วเจ้าบ้านล่ะ ? ในฐานะที่เขาเป็นเจ้าบ้าน เขาก็ควรยิ่งกังวลเรื่องหน้าตาไม่ใช่หรือ ?”

ปัง !

เฉินหยู่เฟย ตอนนี้แม้แต่คำพูดของย่าเธอก็ไม่เชื่อฟังแล้วใช่ไหม ? ถูกตามใจจนเคยตัว เธออย่าลืมสิว่า ความรักที่เธอได้ฉันเป็นคนมอบให้ !”

น้ำเสียงเย็นชาและไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ตอบโต้แม้แต่น้อย

เฉินหยู่เฟยรู้สึกสิ้นหวังแล้วจริงๆ

เธอพูดอย่างสะอึกสะอื้น : “ได้ค่ะ……หนู หนูรับปากคุณย่า……”

หลังจากวางโทรศัพท์

เฉินหยู่เฟยก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงแล้วปล่อยโฮออกมา

นิสัยของเธอ ประสบการณ์ของเธอ ฐานะของเธอ ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยต้องแบกรับความคับข้องใจมากมายเช่นนี้มาก่อน

การทุ่มเทอย่างสุดตัว กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจะต้องมาจบลงด้วยวิธีเช่นนี้

เพื่อหน้าตาของตระกูลเฉิน ไม่เพียงแค่เธอต้องยอมรามือเท่านั้น แต่นี่กลับทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นเครื่องต่อรอง

แต่เมื่อเป็นคำพูดของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน เธอเองก็ไม่กล้าที่จะไม่เชื่อฟัง เพราะถ้าหากไม่เชื่อฟัง สิ่งที่ต้องสูญเสียคงจะมากกว่านี้ !

เขตวิลล่าเขาเทียนซาน

เฉินตงนั่งเอนกายอยู่บนเก้าอี้ด้วยความอ่อนล้า แล้วใช้มือลูบดั้งจมูกของเขา

เขาไม่สนใจกระแสของสื่อใหญ่ๆ อีกต่อไป

เพราะมันกำลังดำเนินไปในทิศทางที่เขาคาดการณ์เอาไว้แล้ว

เขาไม่สนใจหน้าตาของตระกูลเฉินได้ พ่อก็ยอมที่จะไม่สนใจหน้าตาของตระกูลเฉินเพื่อเขาได้ แต่คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินยังทำไม่ได้ !

คนที่อาศัยอยู่ในตระกูลเฉินมาเกือบร้อยปี คุ้นชินกับการมีหน้ามีหน้าในสังคมของตระกูลมั่งคั่ง จึงเป็นการยากที่จะยอมให้เธอปล่อยวางได้

ในเมื่อปล่อยวางไม่ได้ เช่นนั้นการต่อสู้ครั้งใหญ่ท่ามกลางความคิดเห็นของประชาชนในครั้งนี้ จึงจำต้องยุติลง

หลังจากนี้ ก็ทำได้เพียงแค่รอให้เฉินหยู่เฟยยอมปลดอาวุธลงและยอมมอบตัว

“คุณชาย……ในที่สุดพวกเราก็ชนะแล้ว” ท่านหลงถอนหายใจยาว เขาเองก็คอยจับตามองกระแสของสื่อหลักใหญ่ๆ ทุกสื่ออยู่เช่นเดียวกัน

“ใช่แล้ว ในที่สุดก็ชนะแล้ว”

เฉินตงหลับตาลง และตอบกลับด้วยความโล่งใจ : “ครั้งนี้ ต้องขอบคุณพวกคุณจริงๆ”

ท่านหลงยิ้มอย่างสบายใจ : “ทั้งหมดเป็นเพราะตัวคุณชายเองต่างหาก วิธีการเช่นนี้ แม้แต่นายท่านและกระผมก็คิดไม่ออกมาก่อน”

“นี่มันเป็นวิธีการแบบไหนกันแน่ ถึงได้กล้าที่จะดึงจักรพรรดิลงมาจากหลังม้าเช่นนี้”

เฉินตงหัวเราะแหยๆ

ถึงแม้จะเอาชนะเฉินหยู่เฟยได้ แต่ชื่อเสียงของตัวเขาเองก็ถูกทำลายไปไม่น้อย

แน่นอนว่า นี่ไม่ใช่สิ่งที่เฉินตงให้ความสนใจมากนัก

สิ่งที่เขาใส่ใจจริงๆ ก็คือ ความคิดและความคับข้องใจที่อยู่ในใจของกู้ชิงหยิ่งต่างหาก

คนบนโลกมากมายนับไม่ถ้วน ก็เทียบไม่ได้กับคนคนเดียว

“รอให้เรื่องนี้ยุติลงแล้ว ฉันคงต้องอธิบายให้เสี่ยวหยิ่งฟังอย่างละเอียดสักครั้ง” เฉินตงถอนหายใจเบาๆ “เธอแบกรับความคับข้องใจเอาไว้มากมายขนาดนี้ก็เพื่อฉัน”

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ

หลังจากนั้นฉินเย่ก็โทรศัพท์เข้ามา น้ำเสียงของเขาผ่อนคลายกว่าช่วงก่อนหน้านี้มาก

แต่ตระกูลจางและตระกูลฉู่ก็ยังไม่ยอมวางมือ

เตรียมที่จะผลัดดันเรื่องนี้ให้เข้าไปอยู่จุดที่ไม่อาจควบคุมได้ เพื่อให้เฉินหยู่เฟยไปอยู่ในจุดที่ไม่อาจลืมตาอ้าปากได้อีก

นี่เป็นสิ่งที่ฉินเย่ต้องการ

เฉินตงเองก็ไม่ได้คัดค้าน ในทางกลับกัน เขาเลือกที่จะสนับสนุน

ตอนที่เฉินหยู่เฟยจัดการกับเขา ก็ไม่เคยคิดที่จะเมตตา

เขาไม่ใช่พระโพธิสัตว์ หากคนอื่นจัดการกับเขา ไม่มีทางที่หลังจากที่เขาตอกกลับเรียบร้อยแล้ว จะหันไปยืนพูดด้วยความสุภาพว่า “ขอให้บรรลุธรรม” จากนั้นจึงเดินจากไปอย่างสงบ

การจัดการกับศัตรู ก็ควรใช้วิธีการที่เหมาะกับการจัดการศัตรู

เฉินหยู่เฟยไม่ได้ตรงไปตรงมาเหมือนกับเฉินเทียนเซิงและเฉินเทียนหย่าง

ตอนนี้หลังจากที่กระแสทุกอย่างกลับตาลปัตรแล้ว เขาต้องการที่จะเห็นเฉินหยู่เฟย ไม่อาจยืนหยัดขึ้นมาได้อีก ซึ่งนี่ถือเป็นเรื่องดี

เพียงแค่ทำลายชื่อเสียงของผู้สืบทอดมรดกคนหนึ่ง ไม่ได้เป็นการฆ่าผู้สืบทอดมรดกเสียหน่อย เรื่องนี้กฎเกณฑ์ของตระกูลเฉินจึงไม่อาจจัดการอะไรกับเขาได้

เมื่อตกกลางคืน

ความคิดเห็นบนโลกอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดก็ขึ้นไปถึงจุดสูงสุด

เรื่องเกี่ยวกับภูมิหลังของเฉินหยู่เฟย ถูกเปิดเผยออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นในหมู่ชาวเน็ตไม่น้อย

ยิ่งไปกว่านั้นคือ ทำให้แฟนคลับที่เคยคลั่งไคล้และจงรักภักดีต่อเฉินหยู่เฟยต้องตกตะลึง

คนที่เคยเป็นต้นแบบที่สร้างแรงบันดาลใจ ตอนนี้กลับพังทลายลง

แต่ทว่า

ความคิดเห็นของประชาชนก็ยังไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้

ภายใต้การชี้นำของตระกูลจางและตระกูลฉู่ซึ่งเป็นผู้ทรงอิทธิพลในวงการบันเทิง และการสร้างแอคเคาท์ปลอมขึ้นมาเพื่อปั่นกระแสในสื่อรายใหญ่ทุกสื่ออย่างไม่ขาดสาย จนเป็นที่มาของกระแสที่ต้องการให้ “เฉินหยู่เฟยลาออกจากวงการบันเทิง”

ตอนที่ข่าวนี้ปรากฏขึ้นบนสื่อรายใหญ่ต่างๆ

เฉินตงก็รู้สึกโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก

เฉินหยู่เฟย……ในที่สุดก็อยู่ในวงการบันเทิงต่อไปไม่ได้อีกแล้ว

“คุณชาย รีบดูเว่ยป๋อเร็วเข้า !”

หลังจากทานอาหารมื้อเย็นเสร็จ ท่านหลงก็วิ่งเข้ามาในห้องทำงานของเฉินตงด้วยความตื่นเต้น

เฉินตงเปิดเว่ยป๋อดู ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยทันที

การค้นหายอดนิยมเกี่ยวกับภูมิหลังของเฉินหยู่เฟย ไม่รู้ว่าตกลงไปอยู่ในอันดับสองตั้งแต่เมื่อไหร่

และหัวข้อที่ขึ้นมาแทนที่ก็คือ เฉินหยู่เฟยกล่าวขอโทษ !

เขากดเข้าไปดู

ในการค้นหายอดนิยมไม่เพียงแต่จะมีเนื้อหาและภาพประกอบเท่านั้น แต่ยังมีคลิปวิดีโอที่เฉินหยู่เฟยเป็นคนถ่ายด้วยตนเองอีกด้วย

อีกทั้งเนื้อหาในคลิปวิดีโอ ทำให้เฉินตงรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก

ตลอดทั้งคลิปวิดีโอ เฉินหยู่เฟยกล่าวขอโทษด้วยน้ำตา ไม่เพียงแค่อธิบายว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น แต่ยังมีการประกาศทั้งน้ำตาด้วยว่าจะลาออกจากวงการบันเทิงไปตลอดกาล”

การลาออกจากวงการบันเทิง เป็นสิ่งที่เฉินตงคาดการณ์เอาไว้แล้ว และเป็นผลลัพธ์ที่เขาต้องการให้เกิดขึ้น

แต่การที่เฉินหยู่เฟยออกมาประกาศต่อสาธารณชนว่า เรื่องในคืนนั้นเป็นเรื่องเข้าใจผิด ถือเป็นการช่วยล้างมลทินให้เขาทั้งหมดโดยไม่ต้องสงสัย

ในที่สุด คนที่เป็น “ผู้เสียหาย” ของเรื่องนี้ ก็ออกมาพูดด้วยตัวเอง !

บนโลกอินเทอร์เน็ต แม้ว่าจะมีผู้ไม่หวังดี แต่ก็ไม่อาจจะหาประโยชน์จากเรื่องนี้ได้อีกแล้ว

“เฮ้อ……”

เฉินตงถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา แล้วเด้งตัวลุกขึ้น จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเดินออกจากห้องหนังสือไป

“คุณชาย จะไปไหนหรือครับ ?”

ท่านหลงผงะไปชั่วขณะ เขาบอกข่าวเรื่องนี้กับเฉินตง เพื่อให้เฉินตงรู้สึกยินดี

แต่ท่าทางร้อนรนของเฉินตงในตอนนี้ มองไม่ออกเลยว่ารู้สึกยินดี

“ฉันจะไปอธิบายให้เสี่ยวหยิ่งฟัง หากมีคลิปวิดีโอนี้ จะต้องทำให้เธอสามารถคลายปมในใจได้แน่นอน”

เฉินตงดีใจเหมือนเด็กๆ เขาบิดขี้เกียจด้วยความอ่อนล้า : “ในที่สุดคืนนี้ก็นอนหลับสนิทได้เสียที ไม่ต้องนอนที่โซฟาอีกแล้ว”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset