Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 298 ภรรยาของฉัน ไม่ใช่ใครจะมาดูหมิ่นได้ง่ายๆ

เวลาตลอดทั้งเช้า

เฉินตงรู้สึกเหนื่อยจนแทบทรุดแล้ว

แต่กู้ชิงหยิ่งกลับยังคงมีจิตวิญญาณในการต่อสู้เต็มเปี่ยม ราวกับว่าพุ่งเข้าไปจัดการกับแต่ละร้านอย่างไม่คิดชีวิต

สิ่งนี่ทำให้เฉินตงรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย ว่าตัวเขาเองจะเป็นเหมือนสุนัขตัวเมื่อครู่หรือไม่

หลังจากสูดหายใจเข้าเต็มปอด

เฉินตงก็พูดขึ้นว่า : “เสี่ยวหยิ่ง ควรจะพักทานข้าวเที่ยงกันได้แล้วนะ”

“โธ่ ฉันลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย”

กู้ชิงหยิ่งตบหัวตัวเอง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม : “ขอโทษนะคะที่รัก ฉันลืมมื้อเที่ยงไปเสียสนิทเลย คุณอยากทานอะไรคะ ? ฉันเลี้ยงคุณเอง ถือเป็นการชดเชยให้”

“คุณอยากทานอะไร ?” เฉินตงถาม

“ฉันทานอะไรก็ได้” กู้ชิงหยิ่งตอบ

“หม้อไฟดีไหม ?” เฉินตงเสนอ

กู้ชิงหยิ่งส่ายหัว : “กินหม้อไฟตอนเที่ยงแบบนี้ ทั้งตัวก็เป็นกลิ่นหม้อไฟกันพอดี เดี๋ยวก็เดินเล่นสวยๆ ไม่ได้อีกนะสิ”

เฉินตงรู้สึกจนใจ เยี่ยมมาก ฉลาดจริงๆ

คิดอยู่ครู่หนึ่ง : “ถ้าอย่างนั้น อาหารจีนล่ะ ?”

“อาหารจีนมันเกินไป กินแล้วทำให้อ้วน” กู้ชิงหยิ่งส่ายหัว

“อาหารฝรั่งล่ะ ?”

“กินแต่สเต๊กทุกวัน จนไม่อยากจะกินแล้ว”

เฉินตงรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย : “แล้วคุณอยากทานอะไรล่ะ ?”

“ฉันทานอะไรก็ได้” ก็ชิงหยิ่งตอบอย่างจริงจัง

เฉินตง : “……”

ผู้หญิงหนอผู้หญิง……

หลังจากที่สอบถามด้วยความอดทน แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบ

เฉินตงก็กัดฟัน แล้วเดินตรงไปยังร้านเล็กๆ ตรงทางเดิน แล้วซื้อบะหมี่เย็นสองถ้วยกับน้ำผลไม้มาสองแก้ว จากนั้นก็นั่งกินบนเก้าอี้ร่วมกับกู้ชิงหยิ่ง

ตอนที่ทั้งสองคนเรียนมหาวิทยาลัย ก็มักจะกินอาหารริมทางอยู่บ่อยๆ ดังนั้นจึงไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติ

แต่ทว่า

ขณะที่ทั้งสองคนกำลังรับประทานอย่างมีความสุขอยู่นั้น

ก็มีชายวัยกลางคนพุงโตเดินผ่านมาพอดี

จากนั้นจึงชำเลืองมองผ่านๆ และต้องตกตะลึงกับความงดงามของกู้ชิงหยิ่งในทันที จนต้องหยุดเดิน

หลังจากที่หันไปมองเฉินตงหนึ่งครั้ง ชายวัยกลางคนพุงโตคนนั้นก็แสดงท่าทีดูถูกเหยียดหยามออกมา

“สาวน้อยหน้าตาสะสวยขนาดนี้ มานั่งกินข้าวข้างทางอยู่กับผู้ชายกระจอกๆ แบบนี้ เหมือนกับเอาดอกไม้งามไปปักอยู่บนกองขี้วัวจริงๆ”

คำพูดนี้ ทำให้อารมณ์ที่กำลังสดใสของเฉินตงและกู้ชิงหยิ่งหายไปในทันที

เฉินตงลุกขึ้นด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง แล้วจ้องเขม็งไปที่ชายวัยกลางคนพุงโต

จ้องมองด้วยแววตาอันทรงพลังของเขา จนชายวัยกลางคนต้องถอยร่นไปด้วยความกลัว

เขาพูดขึ้นเสียงดัง : “ไอ้กระจอก แกคิดจะทำอะไร ? สิ่งที่ฉันพูดมันเป็นความจริง !”

กู้ชิงหยิ่งเหลือบไปมองชายวัยกลางคน

สวมใส่สร้อยทองเส้นใหญ่และนาฬิกาเรือนใหญ่ สวมใส่รองเท้าหนังและมีกระเป๋าถือใบเล็ก

สภาพของเศรษฐีหน้าใหม่ ปรากฏให้เห็นจากทั่วทั้งตัวของเขา

เธอไม่อยากให้เรื่องเล็กน้อยนี้มากระทบถึงอารมณ์ของเธอและเฉินตง

เธอดึงแขนของเฉินตงเอาไว้ : “ช่างเถอะ อย่าไปสนใจเลย วันนี้คุณจะต้องเดินเล่นเป็นเพื่อนฉันนะ”

ท่าทีของเฉินตงผ่อนคลายลงเล็กน้อย

ตอนนี้ชายวัยกลางคนเพิ่งจะสังเกตเห็นถุงทั้งใบเล็กใบใหญ่ที่วางอยู่ข้างๆ กู้ชิงหยิ่งและเฉินตง

เขาโพล่งออกมาทันที : “แหม เมื่อกี้ฉันไม่ทันได้สังเกตให้ดี ดูๆ ไปแล้วก็พอจะมีเงินเล็กน้อยเหมือนกันนี่ อย่างน้อยๆ คงจะได้เงินเดือนหมื่นกว่าหยวนใช่ไหมล่ะ ?”

ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ”

เฉินตงตอบกลับอย่างเย็นชาหนึ่งประโยค จากนั้นจึงจูงมือของกู้ชิงหยิ่ง เตรียมที่จะเดินจากไป

กู้ชิงหยิ่งเป็นภรรยาของเธอ ไม่จำเป็นจะต้องให้คนอื่นมาคอยชี้แนะ

เมื่อครู่ สิ่งที่ชายวัยกลางคนพูดขึ้นประโยคแรก เห็นได้ชัดว่าจงใจที่จะหาเรื่อง

ถ้าไม่ใช่เพราะไม่ต้องการทำลายความรู้สึกของกู้ชิงหยิ่งแล้วล่ะก็ เขาคงต้องจัดการกับชายวัยกลางคนคนนี้อย่างแน่นอน

เมื่อพูดถึงเรื่องเงิน ในสายตาของเขาก็เป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น

ในเมืองนี้ เกรงว่าคงเหลืออยู่เพียงไม่กี่คนแล้วที่ร่ำรวยกว่าเขา

วีรบุรุษของเมืองนี้อย่างโจวเย่นชิวและโจวจุนหลง ตอนนี้ยังต้องยืมจมูกเขาหายใจ

อย่างไรก็ตาม เมื่อภาพเช่นนี้ปรากฏขึ้นในสายตาของชายวัยกลางคน ทำให้รู้สึกทันทีว่าเฉินตงนั้นยอมแพ้ และคิดที่จะเดินหนีไป

เขาจึงรู้สึกสนุกขึ้นมาทันที !

เขากวาดสายตามองกู้ชิงหยิ่งตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างน่าเกลียด แววตาของเขาราวกับมีลูกไฟสองลูกกำลังลุกโชนอยู่ และแสดงความหื่นกระหายออกมาอย่างโจ่งครึ่ม

ความงดงามเช่นนี้ คู่ควรที่จะให้ไอ้กระจอกคนหนึ่งมาครอบครองอย่างนั้นหรือ ?

ชายวัยกลางคนก้าวเข้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แล้วขวางเฉินตงกับกู้ชิงหยิ่งเอาไว้

เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย และพูดออกมาอย่างไร้ยางอายว่า : “สาวน้อย เธอใช้ชีวิตร่วมกับผู้ชายกระจอกๆ เช่นนี้ จะไปมีอนาคตอะไร ? เขาจะให้อะไรเธอได้ ? เดือนหนึ่งได้เงินเดือนแค่หมื่นกว่าหยวน ดูเหมือนว่าจะถึงขีดจำกัดของเขาแล้ว เขาก็คงให้เธอได้เพียงแค่ของเล็กน้อยพวกนี้”

ภาพที่ปรากฏขึ้น

ดึงดูดความสนใจของผู้คนที่เดินผ่านไปมา

ความงดงามของกู้ชิงหยิ่ง เป็นที่สะดุดตาอย่างยิ่ง

แต่คนอื่นๆ ทำเพียงแค่รู้สึกอิจฉาอยู่ห่างๆ ไม่มีใครคิดที่จะทำเกินเลย เช่นเดียวกับที่ชายวัยกลางคนทำอย่างแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้น บางคนถึงกับมองเฉินตงด้วยแววตาที่เห็นอกเห็นใจ

ดูเหมือนเด็กหนุ่มคนนี้จะตกที่นั่งลำบากแล้ว ?

เห็นได้ชัดว่าชายวัยกลางคนเป็นเศรษฐีหน้าใหม่ เป็นคนร่ำรวยและไม่ยอมใครง่ายๆ

หลายคนเริ่มหันไปกระซิบกระซาบกัน

แต่ทว่า

หลังจากที่ชายวัยกลางคนพูดออกมาแล้ว ใบหน้าของเฉินตงก็เคร่งขรึมลงทันที แววตาของเขาฉาบไปด้วยความเย็นชา

ส่วนกู้ชิงหยิ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ กลับหลุดขำออกมา

เธอมองชายวัยกลางคนอย่างรู้สึกขำ : “คุณลุง ฉันรักเขา เขาให้ฉันได้เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว คุณพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร ?”

เข้าใจแล้ว !

ชายวัยกลางคนฉุกคิดขึ้นมาได้

หญิงสาวรูปงามที่อยู่ตรงหน้าตั้งใจที่จะย้อนถามเขา เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้กับเขาใช่หรือไม่ ?

เขาพบเจอกับหญิงสาวลักษณะเช่นนี้มานับไม่ถ้วน เพียงแค่อวดความร่ำรวยออกมาให้เห็น ก็เพียงพอที่จะดึงดูดความสนใจได้แล้ว !

จะปล่อยให้โอกาสหลุดมือไปไม่ได้ หากหลุดมือไปแล้วก็จะไม่กลับมาอีก !

ชายวัยกลางคนยืดอก แล้วเหลือบไปมองเฉินตง จากนั้นจึงชูมือขวาขึ้นมา : “เห็นนี่ไหม ? นี่เรียกว่าผีใต้น้ำเขียว ราคาไม่แพง ก็แค่แสนหยวนเท่านั้นเอง”

ขณะที่พูด เขาก็หยิบกุญแจรถออกมาจากเอว : “นี่ BMW ซีรี่ส์ 5 ก็แค่ไม่กี่แสนหยวนเท่านั้น”

เขาถอยหลังไปอีกหนึ่งก้าว ใช้มือทั้งสองข้างของเขาชี้ไปบนตัว แล้วพูดโอ้อวดตัวเองอย่างภูมิใจว่า : “เห็นรึยัง ตั้งแต่หัวจรดเท้าล้วนแล้วแต่ใช้ของหลุยส์ วิตตองทั้งนั้น แค่เข็มขัดหลุยส์ วิตตองเส้นนี้เส้นเดียว เกรงว่าคงเท่ากับเงินเดือนของแฟนเธอทั้งเดือน ?”

“นอกจากนี้ ตอนที่มีการปฏิวัติย่านสลัมทางภาคตะวันตกของเมือง บ้านของฉันก็ได้มีการรื้อถอนและแบ่งสร้างออกมาใหม่เป็นหลายหลัง เมื่อรวมกับสิ่งเหล่านี้แล้ว ดูเหมือนว่าชาตินี้ แฟนของเธอคงไม่มีทางเทียบได้ แต่ถ้าหากเธอยอมอยู่กับฉันแล้วล่ะก็ ของของฉันก็จะกลายเป็นของของเธอด้วย !”

คำพูดเต็มไปด้วยการคุยโวโอ้อวด

มีหลายประโยคที่เป็นการดูถูกเหยียบย่ำเฉินตงให้จมดิน

การอวดร่ำอวดรวยอย่างโจ่งแจ้ง และการกดขี่คนอื่นอย่างหยาบคาย

ทำราวกับว่าเฉินตงซึ่งอยู่ในฐานะ “แฟน” ไม่ได้อยู่ในสายตา

ผู้คนโดยรอบต่างยืนมองด้วยความตกตะลึง

ในขณะที่รู้สึกเห็นอกเห็นใจเฉินตง ก็รู้สึกหมั่นไส้ชายวันกลางคนด้วยเช่นกัน

คนแบบนี้ ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน ?

มีเงินแล้วคิดจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นหรือ ?

“ฮ่าๆ !”

กู้ชิงหยิ่งหลุดขำออกมาทันที : “ถ้าเช่นนั้น ก็ถือว่าคุณลุงยอดเยี่ยมจริงๆ !”

“ก็ไม่เท่าไหร่หรอก แต่เหนือกว่าแฟนของเธอแน่นอน เธอจะลองพิจารณาดูสักหน่อยไหมล่ะ ?” ชายวัยกลางคนจ้องมองกู้ชิงหยิ่งด้วยสายตาหื่นกระหาย

“มีเงินแล้วคิดจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นหรือ ?”

เฉินตงถามกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เหอะๆ ! มีเงินแล้วคิดจะทำก็ได้ ! นายมีเงินหรือ นายคิดจะทำอะไรก็ได้หรือ ? ไหนนายลองมีเงินให้ฉันดูหน่อยสิ ?” ชายวัยกลางคนจ้องมองเฉินตงอย่างดูถูก

กู้ชิงหยิ่งยิ่งหัวเราะอย่างสนุกสนานมากขึ้น

ยังไม่ทันจะรอให้เฉินตงเอ่ยปากพูด

เธอก็โน้มตัวเข้าไปหาเฉินตงและพูดเบาๆ ว่า : “ที่รักคะ ดูไม่ออกเลยว่า ฉันเองก็มีราคาไม่น้อยเช่นกัน คุณไม่รู้สึกโกรธเลยหรือ ?”

เฉินตงลูบจมูก แล้วพูดอย่างจนใจ

“ต้องโทษที่ผมชดเชยให้พวกเขามากเกินไป ตอนปฏิวัติย่านสลัมทางภาคตะวันตก !”

ว้าว !

ที่เกิดเหตุเกิดความโกลาหลขึ้น

ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตกตะลึง และอุทานออกมาอย่างไม่ขาดสาย

ส่วนชายวัยกลางคนยิ่งมีท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างมาก และรู้สึกมึนงง

จากนั้น

เฉินตงก็ก้าวเข้าไปข้างหน้า แล้วก้มลงมองชายวัยกลางคน : “ภรรยาของฉัน เฉินตง ไม่ใช่ใครจะมาดูหมิ่นได้ง่ายๆ ในเมื่อคุณบอกว่ามีเงินแล้วจะทำอะไรก็ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ดี ผมจะทำให้คุณได้เห็นว่า มีเงินแล้วจะทำอะไรก็ได้จริงๆ แล้วเป็นอย่างไร !”

แววตาเฉียบคมราวกับมีด

“เฉิน เฉินตง ? ! เจ้าของบริษัทไท่ติ่ง เฉินตง ? !”

ชายวัยกลางคนรู้สึกตกใจกลัวทันที เขาถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว : “คุณ คุณจะทำอะไร ?”

“มอบสิทธิพิเศษในการเข้าพักแบบวีไอพี ในห้องไอซียูเป็นเวลาหนึ่งเดือนที่โรงพยาบาลลี่จิงให้กับคุณไง !”

น้ำเสียงที่เคร่งขรึม มาพร้อมกับหมัดอันทรงพลัง

หมัดของเฉินตงพุ่งเข้าใส่ชายวัยกลางคนทันที

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset